amphibian - amphibian นิยาย amphibian : Dek-D.com - Writer

    amphibian

    มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องของสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบกเป็นอย่างดี .... แล้วคุณล่ะ รู้เรื่องของมันขนาดไหน ?

    ผู้เข้าชมรวม

    3,690

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    3.69K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 เม.ย. 47 / 00:10 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      [b] อนุกรมวิธานและnatural history ใน class amphibian มี 3 orders 2 ใน 3 สามารถพบได้เป็นประจำในพวก lab animals และเก็บไว้ในฐานะสัตว์เลี้ยง 1. Caudata /[b] ซาลามานเดอร์กับไซเรนส์ เป็นพวก amphibian หางยาว มีขาอยู่ 2 คู่ ขนาดพอๆ กัน (ไซเรนส์ไม่มีขาหลัง) caudata (บางทีก็เรียกว่า urodela) มีกระจายเป็น 4 suborders 9 แฟมิลี่ส์ยังมีชีวิตอยู่ 62 เจเนอรายังมีชีวิตอยู่ และ 352 ชนิดยังมีชีวิตอยู่ การปฏิสนธิเป็นแบบภายใน ยกเว้น ไซเรนส์ และ Cryptobrachiodae ไข่มักจะมีออกมาเดี่ยวๆ หรือไม่ก็ออกมาเป็นกลุ่ม หรือไม่ก็เป็นสาย ยาว และจะฟักออกมาเป็นตัวอ่อนในน้ำ ซาลามานเดอร์ไม่มีปอดจะมีการพัฒนาโดยตรงจากไข่บนดิน และบางชนิดจะเป็นพวก ovoviviparous และ viviparous ซาลามานเดอร์มีหลายแฟมิลี่ส์ (cryptobronchiodae, sirennidae, amphiumidae และ proteidae ) มีการ เมตามอร์โฟซิสไม่สมบูรณ์ และอาศัยอยู่ในน้ำตลอดชีวิต [b] 2. Anura /[b] กบและคางคก เป็น amphibian พวกที่ไม่มีหาง และมักจะมีขาหลังยาว พวกanurans จะมีการกระจายอยู่เป็นสากลนิยม ยกเว้นแถบที่เป็นที่ high latitude ในพื้นที่อาร์คติก แอนตาร์คติก และบางเกาะที่อยู่ในมหาสมุทร รวมทั้งทะเลทรายเซริคด้วย มีพวก anurans 21 แฟมิลี่ส์ที่ยังมี ชีวิตอยู่ กับ 301 genera และ 3438 สปีชีส์ที่มีการจำแนกได้ [b] 3. Gymnophiona /[b] พวกเซซิลเลี่ยน มีลำตัวยาว ไม่มีขา ตาเล็ก และมีหางที่สั้น การกระจายตัวเป็นวงกว้างในเขตร้อนชื้น มี 6 แฟมิลี่ส์ 34 เจเนอรา และ 162 สปี ชี่ส์ เซซิลเลี่ยนส่วนมากเป็น oviparous และมีการปฏิสนธิภายใน แต่บางสปีชี่ส์เป็น viviparous สปีชี่ส์ส่วนมากตอนเล็กๆ มักจะอาศัยอยู่ในน้ำ แต่บางสปีชี่ส์ไข่ของมันจะพัฒนาบนดิน [b] gender determination /[b] บางสปีชี่ส์มีการ sexually dimorphic ขึ้นอยู่กับขนาด หรือสีสัน แต่ส่วนมากไม่ มันแบ่งแยกเพศได้ยาก เมื่อไม่มีการเจริญ ของ reproductive และการ breeding ในซาลามานเดอร์หลายๆ ชนิดการพองของฐานที่หางจะสังเกตได้ในตัวผู้ที่ active มีความพร้อมใน การผสมพันธุ์ ตัวเมียไข่สุกจะสามารถบอกได้จากความเข้มแสง ด้วยแสงที่สามารถสังเกตได้จากการ mature ของไข่ [b] handling and housing /[b] the natural history ของ amphibian แต่ละสปีชี่ส์ สปีชี่ส์ที่มาจากหนองน้ำและแหล่งน้ำนิ่งเล็กๆ ต้องการน้ำที่ไหลช้า และสามารถทนต่อน้ำที่มีคุณภาพต่ำได้ มากกว่าสปีชี่ส์ที่มา จากน้ำไหล สปีชี่ส์ที่อาศัยในน้ำไหลและแม่น้ำ ต้องการน้ำที่มีคุณภาพดีและมีการไหลที่ดี มีระบบการกรองที่เยี่ยม วงรอบของกลางวันและกลางคืน มีความสำคัญในการ reproductive ในหลายสปีชี่ส์และสามารถมีผลกระทบต่อเมตาบอลิซึ่ม เวลากลางวันใช้ในการหาอาหาร สามารถมีผลกระทบต่ออาหารที่จะเมตาโบไลซ์ได้ อุณหภูมิต้องการช่วงแคบๆ ที่สัมพันธ์กับ tropical species แต่สปีชี่ส์ที่มีการควบคุมอุณหภูมิ จะมีการจำศีลจนกว่าจะพ้นช่วงฤดูหนาว บางสปีชี่ส์ ที่อยู่ใต้อาร์คติกปรากฏว่าสามารถแช่แช็งอยู่ใน ช่วงฤดูหนาวและสามารถฟื้นคืนมาได้หลังจากที่ฤดูหนาวผ่านพ้นไปหรือน้ำแข็งละลาย หลายสปีชี่ส์ใน amphibian บางส่วนเป็นพวกกบ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความไวต่อสารพิษ เช่น นิโคติน เป็นอันตรายถึงตายกับกบ และ พิษที่มาจากกบระคายเคืองต่อผิวหนังของคน ในภาวะที่ถูกกักขังมันจะเสียความสามารถในการสร้างพิษไป ซาลามานเดอร์มีแนวโน้มที่จะทน ทานต่อสิ่งแวดล้อมและสารพิษได้มากกว่า [b] nutrition /[b] พวก amphibian ส่วนใหญ่กินแมลงเป็นอาหาร และต้องการอาหารที่มีโปรตีนสูง wild amphibian มีนิสัยไม่กินอาหารที่ตายแล้ว ต้องกินอาหารที่ยังมีชีวิตอยู่ ต้องระวังโรคที่มาจากการให้อาหาร(การเลี้ยง) ในพวก adult และพวกตัวอ่อนที่ยังไม่โตเต็มวัยต้องการอาหารที่ ต่างจากพวกที่เป็น adult แล้ว เพื่อการ metamorphosis เช่น ลูกอ๊อดจะเป็น herbivore หลังจากที่ได้ metamorphosis ไปแล้ว อาจจะ กลายเป็นพวก insectivore หรือ carnivore ไปก็ได้ และทันทีหลังจากที่ metamorphosis มันยังไม่สามารถย่อยอาหารได้ (ยังไม่สมควรให้ อาหาร) การขาดไอโอดีนเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถ metamorphosis ได้ และการให้ผักขมแก่ลูกอ๊อดทำให้มันมีการพัฒนาของไต [b] Class Amphibian /[b] • พวก amphibian มีผิวหนังที่เรียบลื่นและชุ่มชื้น ยกเว้น คางคกที่มีผิวหนังตะปุ่มตะป่ำ • ส่วนใหญ่มีขา 4 ข้าง ไม่มีเล็บที่นิ้วเท้า • มีหัวใจ 3 ห้อง 2 เอเตรียม และ 1 เวนตริเคิล มีการปนกันระหว่างเลือดที่ดีกับเลือดเสีย (HbO2 กับ Hb) ในเวนตริเคิล • เป็นสัตว์เลือดเย็นที่อุณหภูมิของร่างกายขึ้นอู่กับอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม มีการจำศีลในฤดูหนาวหรือนอนในฤดูร้อน (hibernate or aestivate) • มีการปฏิสนธิภายนอก ลูกๆ ของมันจะต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่า metamorphosis ลูกอ๊อด (อาศัยอยู่ในน้ำเหมือนกับปลา) เมื่อผ่านพ้นช่วงนั้นไปแล้วพวกมันก็จะเปลี่ยนเป็นตัวเต็มวัย • มันหายจะผ่านปอด (ที่ไม่ค่อยพัฒนาเท่าไร) และผิวหนังที่ชุ่มชื้นนั่น • กล้ามเนื้อมีการพัฒนาดี • ระบบกรย่อยมีการปรับตัวเพื่อที่จะย่อยเหยื่อทั้งตัวที่ถูกกลืนลงไป • มีไต 2 ข้างที่ใช้ในการขับ N waste ตับของพวก amphibian มีหลายหน้าที่ เช่น การขับสารพิษออกจากร่างกาย ผลิตน้ำดี และ เก็บกลูโคสไว้ในรูปไกลโคเจน • Cloaca เป็นถุงที่เก็บของที่ขับออกจากลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะ และอัณฑะก่อนที่จะเอาออกจากตัว • สมองมีการพัฒนาดีและติดอยู่กับ dorsal nerve cord • พวก amphibian มีหนังตา 3 ชั้น ชั้นปกติ 2 ชั้นและอีกชั้นที่ใสยอมให้แสงผ่านได้ • มีเป็นสัตว์พวกแรกที่ควบคุมความดันใน Eustachian tube ท่อนี้ติดกับช่องปากด้วย tympanic membrane [b] Form and Function Skeletal /[b] Musculoskeletal system ของพวกมีกระดูกสันหลังแตกต่างกันไปตาม orders ส่วนนี้ เป็นส่วนที่จะสามารถเก็บรักษาไว้ได้เป็นส่วนมากในรูป ของฟอสซิล และในปัจจุบันยังสามารถอธิบายได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่สูญพันธุ์ เหมือนกับสัตว์มีกระดูกสันหลังทั่วไป กระดูกของพวก caudates ประกอบด้วย cartilage และ bone เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน 2 ชนิด (CNT) ในสัตว์มีกระดูกสันหลังที่อาศัยอยู่บนบก cartilage จะมีเฉพาะส่วนของข้อต่อเท่านั้น cartilage & bone มีโครงสร้าง หน้าที่ และเซลล์ที่ประกอบขึ้นมาต่างกัน cartilage จะมี metrix แขวนลอย แยกตัวออกจากอันอื่น cartilage จะไม่มีเส้นเลือดมาเลี้ยง แต่สามารถจะมีได้เมื่อมีการกระจายตัว cartilage ยังมีส่วนประกอบ เป็นน้ำจำนวนมาก รวมทั้ง CNT fiber เล็ก สั้น ทำให้สามารถทนต่อแรงดันได้ Bone cell เชื่อมระหว่างเซลล์ให้ติดต่อกันเมื่อมีเส้นเลือดมาเลี้ยง เส้นใยที่แข็งแรงจะทำให้กระดูกจัดเรียงตัวสลับกันซึ่งมีแร่ธาตุสะสมไว้ เช่น แคลเซียมฟอสเฟตและแคลเซียมคาร์บอเนต การสะสมนี้มีผลทำให้bone มีความแข็งในโครงกระดูก (skeleton) ขึ้น [b] กระดูกของ amphibian จะ form ตัว 2 แบบ คือ /[b] 1. formation directly in connective tissue (การสร้างขึ้นโดยตรงใน CNT) 2. replacement bone ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วย cartilage ที่ไม่ได้สร้างอย่างสมบูรณ์แบบ อย่างหลังปกติเราจะเรียกว่า “Hardening” รากฐานของกระดูกก่อนที่จะถูกสร้างขึ้นมาจาก cartilage รวมทั้ง axial organ, spine ของกระดูกสันหลัง,ซี่โครง, primary girdle element, scapula, coracoid (กระดูกที่ต่อกับกระดูกไหปลาร้าและกระดูกอก พบในสัตว์เลื้อยคลานและนก) ใน pectoral girdle, บางส่วน ใน pelvic girdle, กระดูก pubic, ischium และ ilium มันมีชื่อเสียงว่ากล่าวอ้างก่อนชื่อ mammalian anatomy (กายวิภาคของสัตว์เลี้ยงลูก ด้วยนม) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นกระดูกโครงร่างเหมือนกันแต่ว่าแตกต่างกันออกไปใน amphibian กระดูกขาจะ form ตัวจาก cartilage ซึ่งเป็นรูปแบบพื้นฐานเหมือนอย่าง tetrapods (สัตว์สี่เท้า) ทุกชนิด กระดูกชิ้นหนึ่งจะถูกเชื่อมต่อกับแต่ ละ girdle ที่ไหล่ (pectoral) คือ humerus ที่สะโพก (pelvic) คือ femur ซึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเราอาจจะเรียกชื่อว่า upper arm และ leg bone กระดูก humerus และ femur ทั้งคู่ติดกับกระดูกอื่นๆ อีก 2 ชิ้น สำหรับ humerus ได้แก่ radius ด้านใน และ ulna ด้านนอก และ สำหรับ femur ได้แก่ tibia ด้านใน และ fibula ด้านนอก แขนท่อนบนและขาท่อนล่าง (upper arm & lower leg) จะติดกับ carpal bone และ tarsal bone ตามลำดับ ตามด้วย metacarpus และต่อท้ายด้วยนิ้วที่เรียงตัวเป็นแนวรัศมี (radial arrangement) และ กระดูกนิ้วเท้า (toe bone) [b] โครงสร้างกระดูกและระบบกล้ามเนื้อของร่างกาย (musculature) ของ order caudate ต่างจาก amphibian กลุ่มอื่นๆ หลายอย่าง รวม ทั้งที่กล่าวมาดังนี้ด้วย /[b] 1. มี 1 หางและขา 2 คู่ กะขนาดคร่าวๆ ก็เท่ากัน (ยกเว้น Sirenidae ที่ไม่มีขาหลัง) 2. มี footplate ขนาดใหญ่ stylus อันสั้นๆ บน columella 3. ไม่มี otic notch และหูชั้นกลาง 4. ไม่มีหลังเบ้าตา (postorbital) , postparietal, tabular, supratemporal, jugal (กระดูกแก้ม), quadratojugal (ยกเว้น ฟอสซิ ลของ Karauridae) , supraoccipital, basioccipital และ ectopterygoid bone 5. มีกระดูกซี่โครง 6. มีเหงือกเห็นได้ภายนอกในระยะ larvae และ neotenic ตัวอย่างของโครงกระดูก salamander ประกอบด้วยกระดูกสันหลังเป็นแนวตรง มีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ดีพอไปเป็นกระดูกคอ ท้อง กระดูก กระเบนเหน็บ (sacrum) กระดูกกระเบนเหน็บส่วนท้าย และส่วนหลัง โดยที่พวก sirens ไม่มีกระดูก pelvic girdle cranium ของ salamander อยู่ตรงกลางระหว่างโครงสร้างที่แข็งแรงของ caecilians และการลดรูปของโครงกระดูกกบ bolitoglossids บังคับให้ hyoid สามารถเคลื่อนที่ในแนวตั้งฉากได้เพื่อจับเหยื่อ กระดูกของ amphibian (และ reptiles) สามารถบอกอายุของสัตว์ได้โดยผ่านกระบวนการที่เรียกว่า skeletochronology กระดูกของ amphibian จะพัฒนาโดยเจริญเป็นวงรอบ (ring) ในแต่ละปี ทำให้สามารถย้อมสีติดและวัดอายุของตัวอย่างได้ กระบวนการนี้เหมือนกับการ นับวงปีของลำต้นต้นไม้เพื่อบอกอายุ ระหว่างฤดูหนาวของปีอัตราการเจริญของกระดูกจะช้าและอาจหยุดในสปีชี่ส์ poikilothermic กระดูกที่ โตช้าจะหนาแน่น (มีลักษณะอัดกันแน่น) และ form ตังเป็นวงแหวนสีดำในกระดูกของ amphibian เมื่อดู cross section เพราะว่าการเกิดวง แหวนสีดำมีการตอบสนองต่อฤดูหนาว ปีต่อปีเมื่อเทียบกับสัตว์ชนิดอื่น เส้นสีดำนี้ เรียกว่า “lines of arrested growth” หรือ LAGs กระดูกจะพัฒนาจากช่องว่างตรงกลาง (medullary ray) ผลการศึกษา skeletochronology แสดงให้เห็นถึงค่าเฉลี่ย (average) ว่าพวก caudates มีชีวิตยืนยาวกว่าพวก anurans พวก amphibian จะถึงวัยเจริญพันธุ์ช้ากว่า อากาศที่หนาวทำให้กระดูกเจริญช้า ตัวผู้จะถึงวัยเจริญ พันธุ์ก่อนตัวเมีย 1-2 ปี และคาดว่าอายุยืนกว่านี้เมื่อคนเลี้ยง [b] Skeletochronology /[b] จะสามารถ form ได้ในกระดูกเล็กๆ เช่น นิ้วมือและนิ้วเท้า ที่ยังมีชีวิตอยู่ มันมีประโยชน์กับพวก caudates เพราะพวกมันสามารถงอกนิ้วเท้าใหม่ได้ (regenerate) หรือแม้แต่ขากับหาง ส่วนหางจะเป็นเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้รวมกระดูกดั้ง เดิม (original bone) ของพวก annuli ด้วย [b] Metamorphosis /[b] Thyroxine เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมไทรอยด์ ในคนฮอร์โมนนี้จะควบคุม metabolism และหน้าที่อื่นๆ อีก แต่ใน amphibian (ไม่ใช่ แค่ axolotls เท่านั้น) มันกระตุ้นให้เกิดการ metamorphosis การ metamorphosis สามารถเหนี่ยวนำได้โดยการให้ Thyroxine กับ salamander แต่วิธีที่สะดวกกว่าคือ การให้น้ำที่ใส่ไอโอดีนเสริมลงไป ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมาจาก amino acid tyrosine 2 ตัว คือ T3 (triiodotyrosine) และ T4 (tetraiodotyrosine) ทั้งคู่ให้ผลเหมือน กัน แต่ T4 จะถูกใช้มากกว่าใน amphibian ประมาณ 95 % ของไอโอดีนที่ร่างกายได้รับเข้าไปจะไปที่ต่อมไทรอยด์เพื่อสร้างฮอร์โมนพวก นี้ ในแต่ละโมเลกุลของ T3 จะมีไอโอดีนอยู่ 3 อะตอม T4 ก็จะมีไอโอดีนอยู่ 4 อะตอม อย่างน้อยที่สุด salamander ในช่วง larvae และ neotenic ต้องการไอโอดีนเพิ่มขึ้นเพื่อสร้าง thyroxine ที่ช่วยการ metamorphosis [b] Overview of physical appearance /[b] สมาชิกของ Caudata นี้ บ้างมีการลดรูปลงบ้างมีการพัฒนาขึ้นมาก salamander ตัวเต็มวัย newt ขามี 4 ข้าง และมีหาง 1 อัน ชนิดหางใช้ใน น้ำและใช้ได้ทั้งบนบกและในน้ำ (aquatic & semi aquatic) ใช้เหมือนเครื่องมือที่ช่วยในการขับเคลื่อนและชนิดที่ได้รับการบีบอัดด้านข้างจน มีรูปร่างคล้ายครีบ ในบางชนิดขาจะไม่ค่อยมีกำลังเวลาที่อยู่บนบกเพราะว่ามันไม่ได้ใช้ในการรับน้ำหนักตัวตลอดเวลา ชนิดที่อยู่บนบกจะมี หางกลมและหนา บางทีใช้ในการเคลื่อนที่ ส่วนมากพวกนี้จะมีนิ้ว4-5 นิ้วต่อขา 1 ข้าง Amphiuma (amphiumidae) และ Sirens (sirenidae) จะมีตัวยาว ส่วนมากจะเป็นสัตว์น้ำด้วยมีการลดรูปของขาและนิ้วลง พวก sirens ไม่ มีขาหลังทั้งหมดและมีการควบคุมขาหน้าที่ถูกลดรูปด้วย พวก sirens และ amphiuma สามารถออกจากน้ำและเดินทางบนบกได้ช่วงสั้นๆ ซึ่ง โดยปกติมักจะปรากฏในคืนวันที่ฝนตกหรืออากาศชื้น ตัวอ่อนที่ยังไม่มีการพัฒนาทางเพศ (neoteny) บางครั้งก็เรียกว่า paedomorphism ปรากฏอยู๋ในพวก caudatesทุกแฟมิลี่ส์ ยกเว้น Rhyacotritonidae และสมาชิกของพวก amphiunidae, sirenidae, ไม่สามารถที่จะ metamorphosis อย่างสมบูรณ์แบบได้ บางชนิดใน พวกเหล่านี้ไม่สนองตอบต่อไทรอยด์ฮอร์โมนแม้จะให้ไปหลายโดส เพื่อบังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ยังมีหลายชนิดที่บังคับในแฟมิลี่ ส์ของ Ambystomanidae, Salamandridae และ Plethodontidae ตัวที่รู้จักกันมากที่สุดอย่าง Ambystoma mexicanum (Ambystomanidae) พวก Mexican Axolotls การบังคับของแฟมิลี่ส์ Ambystomanidae และ บางชนิดของแฟมิลี่ส์อย่าง Plethodontidae มีความแปลกไม่เหมือนใครที่ว่าการ metamorphosis ต้องอาศัยการเหนี่ยวนำของการเปลี่ยนแปลงไทรอยด์ให้เหมาะสมต่อหน้าที่ สัตว์ชนิด เหล่านี้บางครั้งอาจเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า inducible obligate neotenes เพราะว่ามันไม่ metamorphosis ตามธรรมชาติ แต่ว่าสามารถ เหนี่ยวนำให้เป็นไปได้ความสามารถของ neotenyสามารถสังเกตได้ในแฟมิลี่ส์ Salamandridae, Dicamptodontidae, Ambystomanidae, Hynobiidae และ Plethodontidae ความสามารถของ neoteny หมายความว่า แต่ละตัวหรือประชากรทั้งหมดที่เป็น neoteny มีหลายมูลเหตุ ส่วนใหญ่มาจากสิ่งแวดล้อม โดยที่อื่นๆ ไม่ใช่ พวก caudates โดยทั่วไปมัก active เพิ่มขึ้นระหว่างฤดูผสมพันธุ์ บางชนิดอยู่บนพื้นดิน แต่ยกเว้นในช่วงผสมพันธุ์ ในทางตรงกันข้ามพวกที่ อยู่ในน้ำเกือบตลอดปี บ้างไม่ทั้งสองอย่าง โดยไข่ larvae และ young morph แต่ไม่สำหรับพวกออกลูกเป็นตัวหรือออกไข่แทน พวก caudates หลายชนิดมีพิษโดยเฉพาะ newts มักจะมีสีสันสดใสเพื่อเป็นการเตือนว่ามีพิษ อื่นๆ ว่าเป็นอันตรายแบบตรงไปตรงมา หรือ หลั่งเมือกเหนียวหนาเมื่อโดนรบกวน ซึ่งเป็นกลไกการป้องกันตัวอย่างหนึ่งของ Amphibian [b] Respiratory system มีระบบหลักๆ อยู่ 4 ระบบ • Cutaneous respiratory • Buccopharyngeal respiratory • Bronchial respiratory • Pulmonic respiratory ส่วนมากจะใช้แบบผสม 2 วิธีในการหายใจทุกครั้ง /[b] 1. Cutaneous respiratory (การหายใจทางผิวหนัง) คือ การดูดซึมออกซิเจนและขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกทางผิวหนังพวก caudates ใช้ประโยชน์จากวิธีนี้ในการหายใจบางระดับ โดยมักจับคู่กับระบบการหายใจแบบอื่น อย่างไรก็ตาม adult ของ Plethodontids salamander ที่อาศัยบนบกพึ่งพาการหายใจทางผิวหนังอย่างเดียว ในฐานะที่มันไม่มีปอดและเหงือก ชนิดที่พึ่งพาการหายใจทางผิวหนังเป็น หลักมักจะมีรูปร่างยาว ทรงกระบอก มีชั้น epidermal บาง และมี capillary bed หนาแน่นมาก เพื่อใช้ในการจับออกซิเจนและไล่คาร์บอน ไดออกไซด์ออก รูปร่างที่ยาวและเป็นทรงกระบอกทำให้พื้นที่ผิวต่อปริมาตรมีค่ามาก ซึ่งจะทำให้ ออกซิเจนแพร่ผ่านได้มาก นอกจากนี้ ยัง เป็นการส่งเสริมการหายใจทางผิวหนังอีกด้วย salamander พวกนี้ยังมี metabolism ต่ำ มี costal groove เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิว และสามารถทน ต่อขาดออกซิเจนในสภาวะ anaerobic glycolysis (energy metabolism) ได้ เหล่านี้เป็นรูปแบบเฉพาะที่ช่วยให้ amphibian ประสบความ สำเร็จในการใช้ประโยชน์จากการหายใจทางผิวหนัง Rhyacotritonid and Hynobiid บางชนิดพึ่งพาการหายใจทางผิวหนังเป็นหลัก ขณะที่ ปอดของมันลดรูปลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับ salamander อื่นๆ ที่ใช้ปอดในการหายใจ Cryptobranchid ชนิดที่อาศัยอยู่ในน้ำ (giant salamander) มีผิวหนังที่ม้วนพับมากเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวในการดูดซึมออกซิเจน ด้วยเหตุนี้จึงได้รับออกซิเจนเข้าไปมากขึ้น 2. Buccopharyngeal respiratory พวก caudate ส่วนมากยังคงหายใจผ่านการแลกเปลี่ยนก๊าซใน buccal cavity และ pharynx (Buccopharyngeal respiratory) มันทำได้โดยอาศัยการหด-ขยายตัวเป็นจังหวะของคอ (buccal pumping) เคลื่อนก๊าซจากอากาศภาย นอกผ่านเข้า Buccopharyngeal membrane มีเยื่อเลือกผ่าน lining ที่ปากและ pharynx อันนี้มักจะเห็นได้บ่อยๆ ใน newts โดยเฉพาะเมื่อ ตื่นตกใจหรือเครียดจัด สำหรับชนิดอื่น เช่น Plethodontids ยังมีคุณสมบัติในการ Buccopharyngeal resp. โดยผิวหนังเป็นระบบหลักของ การหายใจ ตามเหตุผลแล้ว Buccopharyngeal resp.. จะถูกตัดสินว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการหายใจแบบ cutaneous resp. buccal pumping ยังคงใช้ใน pulmonic resp. ในการรับและไล่ก๊าซอีกด้วย 3. Bronchial respiratory เกี่ยวกับการดูดซึมออกซิเจนและขับคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านเหงือก เหงือกของ neotenous และ blind salamander larvae ที่ระบุว่าทำหน้าที่อย่างปลา แต่สามารถอธิบายได้ในฐานะ “inside-out fish gill” ปลามีเหงือกอยู่ภายใน ซึ่งมี capillary bed ม้วนอยู่หนาแน่นที่พื้นที่ผิว ประกอบด้วย fimbriae ยาวๆ ลักษณะเหมือนพุ่มไม้ ยื่นออกมาข้างนอกช่องเหงือก เหงือกของ พวก caudates จะปิดในส่วนที่ดูดซึมออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง Bronchial resp. พบใน larvae และ neotenes amphibian spp. ที่อาศัย อยู่ในน้ำ พวก neotenes พึ่งพาการหายใจทางเหงือกเป็นหลัก แต่ก็อาจใช้ประโยชน์จากปอดด้วย รูปร่างและโครงสร้างของเหงือกทุกสปีชี่ส์ ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม larvae และ neotenes ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำไหลเป็นระยะเวลานาน (อย่างเช่น แม่น้ำ ลำธาร) เหงือกจะหดสั้นลง บ้าง ลดรูปเหงือก เมื่อเทียบกับพวกที่อยู่ในน้ำนิ่งหรือออกซิเจนต่ำ [b] พวกที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำไหลและ larvae จะมีเหงือกสั้นเพราะ /[b] 1) น้ำที่ไหลจะทำให้มีก๊าซที่ละลายอยู่ในน้ำมากกว่าจึงต้องการพื้นที่ผิวน้อยในการดูดซึมออกซิเจนให้เพียงพอ (เหงือกยาวๆ อย่าง พวกที่อาศัยอยู่ในน้ำนิ่งนั้นมันไม่ต้องการ) 2) เหงือกสั้นช่วยลดแรงต้านกระแสน้ำที่ไหล ทำให้หลบหลีกได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น ในทางตรงกันข้าม พวกที่อาศัยอยู่ในหนองน้ำจะมีเหงือกที่ยาว และต้องเคลื่อนที่บ่อยๆ เพื่อทำให้น้ำไหล salamander บางชนิดเหมือนกับ plethodontids ที่ไม่มี aquatic larvae stage (มีเจริญโดยตรง) แต่มีเหงือกใน embryonic stage [b] มีเหงือก 3 ชนิด ที่พบใน embryonic plethodontids /[b] 1) staghorn type ประกอบด้วย gill rami ที่ fuse รวมกับ fimbriae คล้ายกับโครงสร้างของ stage horn 2) ชนิดที่ 2 ประกอบด้วย long rami ที่ไม่มี fimbriae 3) Leaf type ที่แบนและบางรูปร่างคล้ายใบไม้ neotenous บาง spp. เป็น Ambystoma mexicanum (axolotl) ยังเป็นปอดแรกเริ่ม ที่ยังไม่เจริญเต็มที่ แต่พึ่งพาการดูดซึมออกซิเจนผ่านเหงือกในการหายใจ 4. Pulmonic respiratory ชนิดที่ยังมีปอดใช้ประโยชน์จาก cutaneous และ bucco pharyngeal ได้เป็นอย่างดี ปอดของพวก caudate มีขนาดใหญ่ มีการแบ่งแยกเป็นระดับ degree of reliance & degree in general ด้านขวาค่อนข้างเล็กกว่าด้านซ้าย ปอดของ พวกที่อยู่ในน้ำหลายสปีชี่ส์ เช่น Necturus มีการแบ่งเป็นส่วนๆ หรือการห่อหุ้ม ขณะที่ปอดของพวกที่อาศัยอยู่บนบกมีโครงสร้างของ alveoli บางอันคล้ายถุง ปอดแต่ละอันจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งมี pulmonary vein อีกส่วนหนึ่งมี pulmonary artery newts และพวกที่ อาศัยอยู่ในหนองน้ำอื่นๆ ยังคงมี alveoli อยู่ ปอดของ newts และ neotene ปรากฏว่ามีหน้าที่ในฐานะ hydrostatic organ cartilaginous ring พบเห็นได้ใน trachea และในบางสปีชี่ส์พบได้ใน bronchi ในพวก caudates ส่วนมาก trachea จะสั้น อย่างไรก็ตามใน aquatic หลายๆ สปีชี่ส์ เช่น Amphiuma spp. มี trachea ยาวมากอันเนื่องมาจาก ตำแหน่งของปอด การหายใจด้วยปอดถูกเสริมโดยการขยับคอเป็น จังหวะอย่างรวดเร็ว (buccal pumping) ซึ่งจะกดให้อากาศที่อยู่เหนือเส้นเลือดที่ lining ช่วง buccopharyngeal (ปากและคอ) เข้าไปใน ปอด ขณะที่ตัวอื่นใช้รูจมูกเพื่อระบายอากาศ อันนี้บางทีก็เรียกว่า “forced-air” breathing และสามารถเทียบได้กับ diaphragm ที่หด ตัวอย่างการระบายอากาศของ mammals

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×