เรื่องเล่าบนรถเมล์(ภาค1) - เรื่องเล่าบนรถเมล์(ภาค1) นิยาย เรื่องเล่าบนรถเมล์(ภาค1) : Dek-D.com - Writer

    เรื่องเล่าบนรถเมล์(ภาค1)

    เป็นเรื่องของผู้ชายคนนึงที่กำลังคิดถึงเรื่องความรักในอดีตขณะที่เขากำลังนั่งรถเมล์ ในยามดึก

    ผู้เข้าชมรวม

    323

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    323

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 เม.ย. 47 / 14:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      กว่าจะรู้….จะซึ้งถึงคำว่ารัก ก็ต้องรอ จนวันที่มันไม่เหลือใคร ฉันเพิ่งรู้ตัววันนี้ขาดเธอเหมือนขาดใจ ว่าฉันรักเธอแค่ไหนเมื่อไม่มีเธอ…..มันเป็นเสียงเพลงที่ผมได้ยิน ขณะที่ผมกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ในบาร์ที่ผมทำงาน”เฮ้ย!!หนึ่งกลับบ้านได้แล้ว ลุงจะปิดร้านแล้ว” ผู้จัดการซึ่งเป็นลุงของผมไล่ให้ผมกลับบ้าน “ครับๆ…”ผมตอบอย่างเอือมๆ ขณะที่ผมกำลังนั่งรถเมล์กลับบ้านเสียงเพลงที่ผมได้ฟังเมื่อกี้มันก็ยังก้องอยู่ในหัวของผม จนทำให้ผมคิดถึงเรื่องในอดีตตอนผมอยู่ม.3….”แกอยากจะเรียนต่อจริงๆเหรอ”ป้าของผมถาม “ครับ ผมอยากเรียนจนจบม.6”ผมตอบอย่างมั่นใจ “แล้วจะเรียนร.ร.อารายล่ะที่นี้”ป้าถาม”ที่ไหนก็ได้ครับ”ผมตอบ……”รัฐบาลนะ ชั้นไม่มีตังจะจ่ายค่าเทอมให้แก แค่ค่างานศพพ่อแม่แกก็เยอะจะตายอยุ่แล้ว”ป้าพูดแบบกระแทกเสียง….ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่ก้ดีสิเนอะ ผมคิด…พ่อแม่ของผมเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตอนนี้ผมก้กลายเป็นลูกกำพร้า……วันประกาศผลสอบ”เฮ้ย!!ไอ้หนึ่งกูสอบติดแล้วเว่ย””กูก็ติดเว่ย”…”เฮ้ยแล้วมึงล่ะติดป่าว”ผมหาชื่อผมในบอร์ด ชื่อของผมหายไปไหน ผมหามันไม่เจอ นั่นก้ชื่อเพื่อนผม นี่ก็ชื่อเพื่อนผม แล้วชื่อผมล่ะ มันไม่มีใช่มั้ย นี่ผมจะไม่ได้เรียนต่อแล้วใช่มั้ยผมจะจบแค่ม.3เหรอ ความคิดของผมมันวนไปวนมาอยุ่ในสมองของผม “ผมว่าผมทำได้นะ” ผมบอกกับตัวเองอย่างนั้น ลองไปหาดูอีกทีสิ….แต่แล้วคำตอบก็เป็นเหมือนเดิม นั่นก้คือผมสอบไม่ติด ผมเริ่มรู้สึกว่าแสงไฟที่ริบหรี่ที่ผมเคยเห็นมันค่อยเลือนลาง จนตอนนี้มันดับไปแล้ว โอกาสที่ผมจะได้เรียนต่อเป็น…ศูนย์ ..”เอาสิวะ…มันต้องมีทางสิจบม.3ก็ดีกว่าไม่ได้เรียน”ผมพูดกับตัวเอง…..เมื่อผมลุกขึ้นยืนผมก็ได้ยินเสียงคนกำลังเรียกชื่อผมอยู่…”หนึ่งๆ….”ผมเหลียวหลังกลับไป ..อ่าวนั่นแตงโมเพื่อนสนิทของผม เราเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ป.2”หวัดดี โม”ผมตอบ..”หนึ่งติดมั้ย…”โมถามอย่างเป็นห่วง..”ไม่อ่า”ผมตอบ”อย่างนี้ หนึ่งก้ไม่ได้เรียนดิ”…”อืม”ผมพูดพลางหันหลังเดินหนีเธอ…หลังจากวันนั้นนั่นเป็นครั้งสุดท้าย ที่ผมได้เห็นหน้าโมในสมัยวัยเรียน ผมไม่อยากคบเธอแล้ว เธอทั้งรวย ทั้งน่ารัก และเรียนเก่ง แถมพ่อของเธอก็ยังเป็นเจ้าของกิจการเกี่ยวกับการระเบิดหินประมานนี้แหละผมรู้แค่นั้น  เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ…..ผมไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนๆเลยหลังจากจบม.3…ผมอาย ผมไม่ได้เรียนต่ออย่างใครๆเค้า และในที่สุดผมก็ไปทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ผมเป็นเด็กเสิร์ฟ และที่นั่นผมก็ได้เจอรักแรกของผม เธอเป็นเด็กเสิร์ฟเหมือนกับผม….ในตอนแรกเรารู้จักกันในฐานะเพื่อน และต่อมาความสัมพันธ์ของเราก็เติบโตขึ้นจนวันหนึ่ง …..”หวานเรามีอะไรจะบอก…..”ผมกำลังจะขอความรักจากเธอแต่ผมตื่นเต้นมากจนผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง ตึก…ตึกๆ..ตึก…ตึกๆ…เสียงหัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เอาวะบอกก็บอก…”เป็นแฟนกับผมนะ”พอผมเงยหน้าขึ้นมาเธอก็หายไปแล้ว…..ผมคงคิดนานไปหน่อย……”เอาไว้ค่อยบอกวันหลังก็แล้วกัน”ผมคิดกับตัวเอง…..แต่ผมคิดผิดเพราะหลังจากวันนั้นเธอได้ลาออกจากร้านเพื่อไปเยี่ยมยายของเธอที่กำลังที่ต่างจังหวัด แล้วผมก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเธออีกเลย…..ตอนนั้นผมเสียใจมาก ผมไม่น่าคิดว่าค่อยบอกเธอวันหลังเลย ผมน่าจะบอกเธอวันนั้น….ผมซึมอยู่นาน…ในช่วงนั้นร้านอาหารที่ผมทำงานอยู่ขาดแคลนนักร้อง เจ้าของร้านเลยให้ผมลองไปฝึกร้องเพลงดู….แล้ววันแสดงวันแรกของผมก็เริ่มขึ้น ตอนผมร้องผมสั่นมาก ผมไม่รู้ว่ามันดีหรือป่าว ผมรู้แค่ว่าผมมีหน้าที่ร้องให้จบเพลง แล้วมันก็จบเพลงที่ผมร้องซึ่งเป็นเพลงแรกที่ผมร้องต่อหน้าสาธารณชน พอผมไปนั่งพักหลังเวทีก็มีแขกฝากมาชมว่าผมร้องเพลงดี….”เออหนึ่งต่อไปนี้หนึ่งไม่ต้องเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วนะ”เจ้าของร้านพูด”ทำไมครับ..”ผมถามอย่างตกใจ “ชั้นจะให้นายเป็นนักร้องประจำร้านอาหาร”…”ขอบคุนครับ”ผมตอบด้วยความดีใจ…นั่นแหละมั้งที่มีส่วนทำให้ผมลืมเรื่องของหวานที่เป็นรักครั้งแรกของผมได้….และไม่นานผมก็เป็นนักร้องดังประจำร้านอาหารนั้น จึงทำให้มีผู้หญิงมารุมล้อมผมมากแต่ผมไม่สนใจเลยเพราะตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะรักใคร ผมมีภาระมากมาย ทั้งเรื่องต้องเลี้ยงป้ากับลุงซึ่งตอนนี้กำลังตกอับ และผมต้องเลี้ยงดูตัวเองอีก ถ้าจะให้มีแฟนอีกคนเงินเดือนแค่นี้ก็คงไม่ไหว อันที่จริงกับแฟนผมก็ไม่ได้จะเลี้ยงอะไรมากมายหรอก แต่ผมแค่อยากให้แฟนของผมได้ภูมิใจเมื่อได้มีแฟนอย่างผม…..ดูมีหลักการไหมละคับ แต่หลักการของผมที่ผมได้มุ่งมั่นทำนั้นก็ได้หายไปจากสมองของผมเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ที่ตั้งอยู่มานานได้หายไปในพริบตาแค่โดนระเบิดเพียงลูกเล็กๆลูกเดียวทำลาย.....เธอหน้าเหมือนหวานซึ่งเป็นรักแรกของผมมาก เธอเป็นนักเรียนม.ปลาย ณ ร.ร.ชื่อดังแห่งหนึ่ง..ผมยืนอึ้งอยู่นาน…ผมจ้องมองเธอจนหัวจรดเท้า…เธอเหมือนหวานจัง ต่างกันแค่เธอใส่ชุดนักเรียน……”ขอโทดนะคะ….ร้านเปิดกี่โมงคะ”เธอถามด้วยเสียงอันไพเราะ”5โมงคับ”ผมตอบพลางทำเสียงเข้ม เธอพลิกข้อมือเพื่อดูนาฬิกา “เพิ่ง3โมงครึ่งเอง”เธอพูดด้วยเสียงอันเศร้า ผมไม่ชอบเวลาได้ยินคนทำเสียงอย่างนี้เลย….”น้องมีอะไรหรือป่าว”ผมถาม”มาหาคุณอาน่ะค่ะ เค้าเป็นเจ้าของร้านนี้ กะจะมาเซอร์ไพร์สค่ะ พอดีวันนี้วันเกิดคุนอา”เธอกระซิบใกล้ๆหูผม….ผมตกใจมากจนผมก้าวเท้าถอยหลังเพื่อให้ตัวของผมอยู่ห่างจากตัวของเธอ…แล้วผมก็หน้าแดง…เธอเห็นดังนั้นเธอก็หัวเราะ…เธอคงรู้แน่ๆเลยว่าผมแอบชอบเธออยู่นิดๆ…..”เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า First impression นี่มันเป็นยังไง”เธอพูดยังไม่ทันขาดคำ ผมก็ได้ยินเสียงคนพูดจากข้างในร้านว่า”น้ำตาล หลานรักของอา”นั่นเป็นเสียงของเจ้าของร้านที่ผมทำงานอยู่”แหะๆ HBDค่ะคุนอา”เธอพูด”มาได้ยังไงเนี่ย…”หลังจากประโยคที่เจ้าของร้านพูดนั้นผมก็ไม่ได้ยินอีกเลยผมได้ยินแค่เพียงว่า….ชื่อน้ำตาลเหรอ….น้ำตาลนี่หวานใช่มั้ยทำไมมันคล้องกันจังเลย ผมคิดไปพลางยิ้มไป…..หลังจากนั้นน้ำตาลก็มาที่ร้านอาหารทุกวันผมไม่รู้ว่ามาหาอาของเขาหรือมาหาผมกันแน่ เราสองคนเริ่มสนิทกัน อาของเขาก็ชอบผมมาก และเมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควรผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ผมคิดว่าเธอใช่สำหรับผม…แล้วผมล่ะจะใช่สำหรับเธอหรือป่าว…..ผมคิดอยู่ทั้งคืนจนในที่สุดผมคิดว่าผมไม่อยากเสียเธอไปเหมือนกับที่ผมเคยเสียหวานไปเด็ดขาด….เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ผมตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะไปซื้อของที่ตลาด พอผมstartรถมอร์เตอร์ไซด์ของผม ทันใดนั้นมีมือ2มือมาจับเอวของผม……”โจรหรือป่าว” ผมคิดในใจ…”อ่าวน้ำตาล….”ผมพูดเสียงหลง”555 ตกใจเหรอ ขี้ป๊อดจิงๆเลย”เธอล้อผม…”นี่ไปตลาดด้วยซิ”เธอพูดไม่ทันขาดคำ ผมก็ซิ่งมอร์เตอร์ไซด์ไปเสียแล้ว…..”เฮ้ยแก้แค้นกันนี่หว่า…เล่นขับไปอย่างงี้อ่า…ไม่ทันนั่งเลย”เธอต่อว่าผม……พอถึงตลาดผมรวบรวมความกล้าแล้วบอกกับเธอไปว่า….”น้ำตาล…ผมชอบน้ำตาลนะ…เป็นแฟนกันมั้ย”ผมพูดติดๆกันจนทำให้เธอไม่มีโอกาสพูดบ้าง….”ขอคิดดูก่อนเธอตอบ”….หลังจากนั้นเราก็ไปเดินเที่ยวตลาดด้วยกันในใจของผมก็คิดว่า “ไม่น่าพูดเลย เค้าต้องไม่ชอบคนอย่างเราแน่เลย…..หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ….แล้วทำไมเธอไม่ตอบซะทีเนี่ย”….จนพอผมกำลังจะStartมอร์เตอร์ไซด์ผมก็ได้ยินเสียงของเธอนั่นเป็นคำแรกที่เธอพูดตั้งแต่มาตลาดมั้ง….เธอพูดว่า….(โปรดติดตามตอนต่อไป)

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×