กว่าจะรู้
.จะซึ้งถึงคำว่ารัก ก็ต้องรอ จนวันที่มันไม่เหลือใคร ฉันเพิ่งรู้ตัววันนี้ขาดเธอเหมือนขาดใจ ว่าฉันรักเธอแค่ไหนเมื่อไม่มีเธอ
..มันเป็นเสียงเพลงที่ผมได้ยิน ขณะที่ผมกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ในบาร์ที่ผมทำงาน”เฮ้ย!!หนึ่งกลับบ้านได้แล้ว ลุงจะปิดร้านแล้ว” ผู้จัดการซึ่งเป็นลุงของผมไล่ให้ผมกลับบ้าน “ครับๆ
”ผมตอบอย่างเอือมๆ ขณะที่ผมกำลังนั่งรถเมล์กลับบ้านเสียงเพลงที่ผมได้ฟังเมื่อกี้มันก็ยังก้องอยู่ในหัวของผม จนทำให้ผมคิดถึงเรื่องในอดีตตอนผมอยู่ม.3
.”แกอยากจะเรียนต่อจริงๆเหรอ”ป้าของผมถาม “ครับ ผมอยากเรียนจนจบม.6”ผมตอบอย่างมั่นใจ “แล้วจะเรียนร.ร.อารายล่ะที่นี้”ป้าถาม”ที่ไหนก็ได้ครับ”ผมตอบ
”รัฐบาลนะ ชั้นไม่มีตังจะจ่ายค่าเทอมให้แก แค่ค่างานศพพ่อแม่แกก็เยอะจะตายอยุ่แล้ว”ป้าพูดแบบกระแทกเสียง
.ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่ก้ดีสิเนอะ ผมคิด
พ่อแม่ของผมเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตอนนี้ผมก้กลายเป็นลูกกำพร้า
วันประกาศผลสอบ”เฮ้ย!!ไอ้หนึ่งกูสอบติดแล้วเว่ย””กูก็ติดเว่ย”
”เฮ้ยแล้วมึงล่ะติดป่าว”ผมหาชื่อผมในบอร์ด ชื่อของผมหายไปไหน ผมหามันไม่เจอ นั่นก้ชื่อเพื่อนผม นี่ก็ชื่อเพื่อนผม แล้วชื่อผมล่ะ มันไม่มีใช่มั้ย นี่ผมจะไม่ได้เรียนต่อแล้วใช่มั้ยผมจะจบแค่ม.3เหรอ ความคิดของผมมันวนไปวนมาอยุ่ในสมองของผม “ผมว่าผมทำได้นะ” ผมบอกกับตัวเองอย่างนั้น ลองไปหาดูอีกทีสิ
.แต่แล้วคำตอบก็เป็นเหมือนเดิม นั่นก้คือผมสอบไม่ติด ผมเริ่มรู้สึกว่าแสงไฟที่ริบหรี่ที่ผมเคยเห็นมันค่อยเลือนลาง จนตอนนี้มันดับไปแล้ว โอกาสที่ผมจะได้เรียนต่อเป็น
ศูนย์ ..”เอาสิวะ
มันต้องมีทางสิจบม.3ก็ดีกว่าไม่ได้เรียน”ผมพูดกับตัวเอง
..เมื่อผมลุกขึ้นยืนผมก็ได้ยินเสียงคนกำลังเรียกชื่อผมอยู่
”หนึ่งๆ
.”ผมเหลียวหลังกลับไป ..อ่าวนั่นแตงโมเพื่อนสนิทของผม เราเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ป.2”หวัดดี โม”ผมตอบ..”หนึ่งติดมั้ย
”โมถามอย่างเป็นห่วง..”ไม่อ่า”ผมตอบ”อย่างนี้ หนึ่งก้ไม่ได้เรียนดิ”
”อืม”ผมพูดพลางหันหลังเดินหนีเธอ
หลังจากวันนั้นนั่นเป็นครั้งสุดท้าย ที่ผมได้เห็นหน้าโมในสมัยวัยเรียน ผมไม่อยากคบเธอแล้ว เธอทั้งรวย ทั้งน่ารัก และเรียนเก่ง แถมพ่อของเธอก็ยังเป็นเจ้าของกิจการเกี่ยวกับการระเบิดหินประมานนี้แหละผมรู้แค่นั้น  เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ
..ผมไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนๆเลยหลังจากจบม.3
ผมอาย ผมไม่ได้เรียนต่ออย่างใครๆเค้า และในที่สุดผมก็ไปทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ผมเป็นเด็กเสิร์ฟ และที่นั่นผมก็ได้เจอรักแรกของผม เธอเป็นเด็กเสิร์ฟเหมือนกับผม
.ในตอนแรกเรารู้จักกันในฐานะเพื่อน และต่อมาความสัมพันธ์ของเราก็เติบโตขึ้นจนวันหนึ่ง
..”หวานเรามีอะไรจะบอก
..”ผมกำลังจะขอความรักจากเธอแต่ผมตื่นเต้นมากจนผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง ตึก
ตึกๆ..ตึก
ตึกๆ
เสียงหัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เอาวะบอกก็บอก
”เป็นแฟนกับผมนะ”พอผมเงยหน้าขึ้นมาเธอก็หายไปแล้ว
..ผมคงคิดนานไปหน่อย
”เอาไว้ค่อยบอกวันหลังก็แล้วกัน”ผมคิดกับตัวเอง
..แต่ผมคิดผิดเพราะหลังจากวันนั้นเธอได้ลาออกจากร้านเพื่อไปเยี่ยมยายของเธอที่กำลังที่ต่างจังหวัด แล้วผมก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเธออีกเลย
..ตอนนั้นผมเสียใจมาก ผมไม่น่าคิดว่าค่อยบอกเธอวันหลังเลย ผมน่าจะบอกเธอวันนั้น
.ผมซึมอยู่นาน
ในช่วงนั้นร้านอาหารที่ผมทำงานอยู่ขาดแคลนนักร้อง เจ้าของร้านเลยให้ผมลองไปฝึกร้องเพลงดู
.แล้ววันแสดงวันแรกของผมก็เริ่มขึ้น ตอนผมร้องผมสั่นมาก ผมไม่รู้ว่ามันดีหรือป่าว ผมรู้แค่ว่าผมมีหน้าที่ร้องให้จบเพลง แล้วมันก็จบเพลงที่ผมร้องซึ่งเป็นเพลงแรกที่ผมร้องต่อหน้าสาธารณชน พอผมไปนั่งพักหลังเวทีก็มีแขกฝากมาชมว่าผมร้องเพลงดี
.”เออหนึ่งต่อไปนี้หนึ่งไม่ต้องเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วนะ”เจ้าของร้านพูด”ทำไมครับ..”ผมถามอย่างตกใจ “ชั้นจะให้นายเป็นนักร้องประจำร้านอาหาร”
”ขอบคุนครับ”ผมตอบด้วยความดีใจ
นั่นแหละมั้งที่มีส่วนทำให้ผมลืมเรื่องของหวานที่เป็นรักครั้งแรกของผมได้
.และไม่นานผมก็เป็นนักร้องดังประจำร้านอาหารนั้น จึงทำให้มีผู้หญิงมารุมล้อมผมมากแต่ผมไม่สนใจเลยเพราะตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะรักใคร ผมมีภาระมากมาย ทั้งเรื่องต้องเลี้ยงป้ากับลุงซึ่งตอนนี้กำลังตกอับ และผมต้องเลี้ยงดูตัวเองอีก ถ้าจะให้มีแฟนอีกคนเงินเดือนแค่นี้ก็คงไม่ไหว อันที่จริงกับแฟนผมก็ไม่ได้จะเลี้ยงอะไรมากมายหรอก แต่ผมแค่อยากให้แฟนของผมได้ภูมิใจเมื่อได้มีแฟนอย่างผม
..ดูมีหลักการไหมละคับ แต่หลักการของผมที่ผมได้มุ่งมั่นทำนั้นก็ได้หายไปจากสมองของผมเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ที่ตั้งอยู่มานานได้หายไปในพริบตาแค่โดนระเบิดเพียงลูกเล็กๆลูกเดียวทำลาย.....เธอหน้าเหมือนหวานซึ่งเป็นรักแรกของผมมาก เธอเป็นนักเรียนม.ปลาย ณ ร.ร.ชื่อดังแห่งหนึ่ง..ผมยืนอึ้งอยู่นาน
ผมจ้องมองเธอจนหัวจรดเท้า
เธอเหมือนหวานจัง ต่างกันแค่เธอใส่ชุดนักเรียน
”ขอโทดนะคะ
.ร้านเปิดกี่โมงคะ”เธอถามด้วยเสียงอันไพเราะ”5โมงคับ”ผมตอบพลางทำเสียงเข้ม เธอพลิกข้อมือเพื่อดูนาฬิกา “เพิ่ง3โมงครึ่งเอง”เธอพูดด้วยเสียงอันเศร้า ผมไม่ชอบเวลาได้ยินคนทำเสียงอย่างนี้เลย
.”น้องมีอะไรหรือป่าว”ผมถาม”มาหาคุณอาน่ะค่ะ เค้าเป็นเจ้าของร้านนี้ กะจะมาเซอร์ไพร์สค่ะ พอดีวันนี้วันเกิดคุนอา”เธอกระซิบใกล้ๆหูผม
.ผมตกใจมากจนผมก้าวเท้าถอยหลังเพื่อให้ตัวของผมอยู่ห่างจากตัวของเธอ
แล้วผมก็หน้าแดง
เธอเห็นดังนั้นเธอก็หัวเราะ
เธอคงรู้แน่ๆเลยว่าผมแอบชอบเธออยู่นิดๆ
..”เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า First impression นี่มันเป็นยังไง”เธอพูดยังไม่ทันขาดคำ ผมก็ได้ยินเสียงคนพูดจากข้างในร้านว่า”น้ำตาล หลานรักของอา”นั่นเป็นเสียงของเจ้าของร้านที่ผมทำงานอยู่”แหะๆ HBDค่ะคุนอา”เธอพูด”มาได้ยังไงเนี่ย
”หลังจากประโยคที่เจ้าของร้านพูดนั้นผมก็ไม่ได้ยินอีกเลยผมได้ยินแค่เพียงว่า
.ชื่อน้ำตาลเหรอ
.น้ำตาลนี่หวานใช่มั้ยทำไมมันคล้องกันจังเลย ผมคิดไปพลางยิ้มไป
..หลังจากนั้นน้ำตาลก็มาที่ร้านอาหารทุกวันผมไม่รู้ว่ามาหาอาของเขาหรือมาหาผมกันแน่ เราสองคนเริ่มสนิทกัน อาของเขาก็ชอบผมมาก และเมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควรผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ผมคิดว่าเธอใช่สำหรับผม
แล้วผมล่ะจะใช่สำหรับเธอหรือป่าว
..ผมคิดอยู่ทั้งคืนจนในที่สุดผมคิดว่าผมไม่อยากเสียเธอไปเหมือนกับที่ผมเคยเสียหวานไปเด็ดขาด
.เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ผมตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะไปซื้อของที่ตลาด พอผมstartรถมอร์เตอร์ไซด์ของผม ทันใดนั้นมีมือ2มือมาจับเอวของผม
”โจรหรือป่าว” ผมคิดในใจ
”อ่าวน้ำตาล
.”ผมพูดเสียงหลง”555 ตกใจเหรอ ขี้ป๊อดจิงๆเลย”เธอล้อผม
”นี่ไปตลาดด้วยซิ”เธอพูดไม่ทันขาดคำ ผมก็ซิ่งมอร์เตอร์ไซด์ไปเสียแล้ว
..”เฮ้ยแก้แค้นกันนี่หว่า
เล่นขับไปอย่างงี้อ่า
ไม่ทันนั่งเลย”เธอต่อว่าผม
พอถึงตลาดผมรวบรวมความกล้าแล้วบอกกับเธอไปว่า
.”น้ำตาล
ผมชอบน้ำตาลนะ
เป็นแฟนกันมั้ย”ผมพูดติดๆกันจนทำให้เธอไม่มีโอกาสพูดบ้าง
.”ขอคิดดูก่อนเธอตอบ”
.หลังจากนั้นเราก็ไปเดินเที่ยวตลาดด้วยกันในใจของผมก็คิดว่า “ไม่น่าพูดเลย เค้าต้องไม่ชอบคนอย่างเราแน่เลย
..หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ
.แล้วทำไมเธอไม่ตอบซะทีเนี่ย”
.จนพอผมกำลังจะStartมอร์เตอร์ไซด์ผมก็ได้ยินเสียงของเธอนั่นเป็นคำแรกที่เธอพูดตั้งแต่มาตลาดมั้ง
.เธอพูดว่า
.(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น