อาจเพราะความเครียด  อาจเป็นเพราะความหงุดหงิด  อาจเป็นเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจ  อาจเป็นเพราะเอกสารหย่าที่ทนายของธาดานำมาวางไว้บนโต๊ะเมื่อวาน  อาจเพราะอะไรหลายๆอย่างที่ร่ำร้องและเก็บกดอยู่ภายในใจกำลังจะระเบิดออกมา  ทำให้เท้าของพิเชษฐ์เดินมาหยุดที่นี่
.. สถานีขนส่งหมอชิต
        มองหลายๆอย่างรอบข้างอย่างเงอะงะ  ช่องจำหน่ายตั๋วภาคอิสานอยู่ชั้นสอง  ภาคเหนือและภาคตะวันออกอยู่ชั้นล่าง  ลังเลอยู่ว่าจะไปไหนดีเพียงครู่เดียวก็สะพายเป้ไปที่ช่องจำหน่ายตั๋วเล็กๆช่องหนึ่ง “ไปพัทยาครับ  รอบสิบโมง”
        เงินหนึ่งร้อยบาท  ตั๋วหนึ่งใบ
เขาไม่เคยนั่งรถบัสมากว่ายี่สิบปีแล้ว  ยังพอจำได้ลางๆถึงวันที่นั่งรถบัสของโรงเรียนไปทัศนศึกษาวัดพระแก้วตอนที่ยังเรียนชั้นมัธยมได้บ้าง  วันนั้นรถติด  รถบัสคันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว  มีเพียงพัดลมกับช่องหน้าต่างเล็กๆสำหรับเด็กนักเรียนหลายสิบคนที่เบียดเสียดกันอยู่บนนั้น  แต่ก็บรรเทาลงเมื่อเด็กหัวโจกคนหนึ่งเริ่มร้องเพลงฮิตจากท้ายรถเสียงดัง  เพื่อนๆเริ่มร้องคลอตามเป็นเสียงเดียวกันทั่วทั้งคัน  เสียงเพลง  เสียงหัวเราะ  เขาไม่เคยลืมภาพในวันนั้นเลยตราบใดที่ยังจดจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่เขารู้จักคำว่ามิตรภาพ
รถบัสสายกรุงเทพฯ ชลบุรีมีแอร์เย็นสบาย  แต่เขาไม่มีใครนั่งเป็นเพื่อน
        เขาไม่มีเพื่อนมานานแล้ว
.
ยี่สิบสามปีหลังจบมหาวิทยาลัยจากออสเตรเลีย  พิเชษฐ์ถูกจองตัวโดยบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ในตำแหน่งวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์  รายได้ดีอย่างคาดไม่ถึง  และยิ่งดีกว่านั้นถ้ามาทำงานในวันหยุด  งานสนุกเพราะไม่ต้องทำร่วมกับใคร  หน้าที่เพียงแต่ขับรถตระเวณไปตามสถานีสัญญาณโทรศัพท์มือถือตำบลต่างๆเพื่อทดสอบระบบสัญญาณ  ทุกวันมีแต่พวงมาลัยและเครื่องส่งสัญญาณมีสายไฟระโยงระยางอยู่ตรงหน้า  สิบปีแรกของชีวิตการทำงานผ่านไปโดยเกือบไม่มีวันหยุดเลย  แน่นอน
.ไม่มีเพื่อน
อายุสามสิบสี่  เขาพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง  ธาดา
..เธอร่าเริง  ช่างพูด  ช่างเอาใจ  เขาพบกับเธอในร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ดในวันที่ฝนตกและโต๊ะเต็ม  เธอถือถาดอาหารถามหาที่ว่างจากโต๊ะมุมในสุดของเขา  เขาไม่ได้ปฏิเสธ  เธอยิ้ม  นั่งลงทานอาหารและชวนเขาคุย  ทุกอย่างเป็นไปเหมือนสายน้ำ  สองปีหลังจากนั้นทั้งคู่ก็แต่งงานกัน
แต่ชีวิตแต่งงานก็ไม่ได้สวยงาม  ครอบครัวกำลังสร้างตัว  พิเชษฐ์ต้องทำงานหนักขึ้นไปอีก  ธาดานอนคนเดียวอาทิตย์ละเจ็ดวัน  สิ่งเดียวที่เธอรู้ว่าเขายังมีตัวตนอยู่คือเงินที่โอนเข้าบัญชีเธอจากเขาทุกเดือนและร่างยับยู่ยี่ของพิเชษฐ์ที่หลับสนิทบนโซฟาในบ้านที่เธอเห็นเป็นบางวันก่อนที่จะตื่นและแต่งตัวผลุนผลันออกไปอีกในช่วงบ่าย
ไม่มีดินเนอร์ใต้แสงเทียน  ไม่มีการชักชวนเต้นรำ  ไม่มีการฮันนีมูน
  มีแต่จดหมายจากสำนักงานกฎหมายเรื่องที่เธอขอหย่าและแบ่งทรัพย์สินกับเขาในเช้าวันหนึ่ง!
“คุณเป็นอะไรไป  ผมให้เงินคุณน้อยไปหรือ” เขาถามเธอเหมือนคนเสียสติ
  “ฉันไม่เคยต้องการเงิน  ฉันต้องการชีวิตคู่”
แล้วธาดาก็ขนของออกจากบ้านไป
พิเชษฐ์นั่งอยู่ที่โซฟาตัวเดิม  รู้สึกช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้น  จดหมายจากทนายยังวางอยู่บนโต๊ะ  เขาตัดสินใจส่งอีเมล์ลาพักร้อนยาวหนึ่งสัปดาห์เป็นครั้งแรกตามคำแนะนำแกมบังคับของหัวหน้าเพื่อให้จิตใจได้พักผ่อนบ้าง  ชายหนุ่มใจลอยเดินสะพายเป้เสื้อผ้าออกจากบ้าน  โบกเรียกแท็กซี่ออกถนนใหญ่  สับสนว่าจะไปไหน  โชเฟอร์พามาที่หมอชิต  เขาเลือกไปพัทยา  ไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากเป็นสถานที่แรกที่เขานึกออกในเวลานั้น
เมื่อรถบัสแวะจอดที่ลาดกระบัง  ที่นั่งข้างๆเขาฝั่งติดทางเดินก็ถูกจับจองด้วยหญิงสาวผมยาวท่าทางปราดเปรียวคนหนึ่ง  เขาไม่ได้สนใจเธอ  เธอไม่ได้สนใจเขา  รถยังแล่นไปเรื่อยๆจนถึงบางปะกง
“ขอโทษนะคะ  พอจะรู้จักโรงแรมทรอปิคัลบีชที่เกาะล้านไหมคะ”
  พิเชษฐ์หันไปมองหน้าหญิงสาวคนนั้นงงๆ  ในใจนึกสงสัยว่าคนแปลกหน้าสมัยนี้ส่วนใหญ่มักจะเปิดฉากบทสนทนากันแบบนี้หรือเปล่า  เขาไม่ตอบอะไรนอกจากส่ายหัว  หญิงสาวทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย
“นึกว่าคุณรู้จัก  พอดีจะไปที่นั่นแต่ไม่รู้ทาง  ไม่รู้จะถามใครดี” หล่อนยังคงพูดอยู่ฝ่ายเดียว  พิเชษฐ์ได้แต่มองหล่อนไม่พูดอะไร  เขาไม่คุยกับคนแปลกหน้า
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” หล่อนถามเมื่อเห็นเขาไม่พูดด้วยแต่จ้องเงียบๆอยู่นาน
  “เปล่า” ดอกพิกุลร่วงจากปากชายหนุ่ม “ไม่มีอะไรนี่”
“อยากไปโรงแรมที่นั่น  ไม่รู้ทางไปเลย  ดูในแผนที่ก็ไม่มี” หล่อนชวนคุยต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
  “รู้จักโรงแรมแต่ไม่รู้ทางไปเนี่ยนะ”
“ก็เห็นเพื่อนที่เคยไปเขาบอกว่าดี  รู้แต่ว่าอยู่บนเกาะล้านเท่านั้นเอง  ว่าจะลองคลำๆทางไปเองดูน่ะค่ะ  แล้วคุณบ้านอยู่พัทยาหรือคะ  หรือว่ามาเที่ยว”
พิเชษฐ์กำลังนึกถึงธาดา  หญิงสาวคนนี้ช่างคุยช่างพูดเหมือนธาดา
  “มาเที่ยว
.  ยังไม่รู้ว่าจะไปพักที่ไหนเหมือนกัน  ไม่มีแผนอะไรเลย”
เวลานี้ธาดาจะยังคิดถึงเขาอยู่ไหม
..
           
.
ลมทะเลพัดเอาไอเค็มจางมาปะทะจมูกหวีดหวิว  แดดจัดจ้าสะท้อนผิวทรายชายหาดสว่างระยิบเหมือนมีแสงในตัว  เกลียวคลื่นม้วนเข้ากระทบฝั่งแตกเป็นฟองขาว  โขดหินเรียงรายตามมุมชายหาดเหมาะเจาะเหมือนมีสถาปนิกมาออกแบบตกแต่งไว้  พิเชษฐ์สะพายเป้เดินตามหลังหญิงสาวแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักไปตามแนวชายหาดของเกาะล้าน  เขาทั้งสองเหมือนกันตรงที่มาที่นี่โดยไม่มีการเตรียมตัว  ไม่รู้จักถนนหนทาง  ทุกอย่างอาศัยหยุดถามจากคนข้างทาง  พิเชษฐ์ไม่คุ้นชินกับวิธีนี้เท่าไหร่  ตรงข้ามกับหญิงสาวที่ทำทุกอย่างได้ทะมัดทะแมงเป็นอย่างดี  เธอเล่าว่าเคยเที่ยวตัวคนเดียวแบบเป้ใบแผนที่ใบมาหลายที่แล้ว  เวียงจันท์  แม่สาย  เบตง  สังขละบุรี    ส่วนพัทยาถึงแม้จะไม่เคยมามาก่อนแต่ก็ถือเป็นบททดสอบที่ง่ายเหมือนปิดตาเดินสำหรับเธอ  พิเชษฐ์ตัดสินใจขอให้เธอช่วยนำทางหาที่พักเงียบๆให้สักสามวัน    หล่อนจึงชวนเขาข้ามมาที่เกาะนี้และถามหาทางไปโรงแรมทรอปิคัล บีช ไปเรื่อยๆ  ไม่นานทั้งสองก็มาถึงโรงแรมไม้สองชั้นเล็กๆไม่ห่างจากทะเลมากนัก  เจ้าของโรงแรมเป็นชายอ้วนอัธยาศัยดีพาไปเปิดห้องพักติดกันให้ 
พิเชษฐ์รู้สึกพอใจห้องและบรรยากาศอันน่าสบาย  ตลอดทั้งวันนั้นเขาเอาแต่นั่งมองทะเล  บางครั้งก็ลงไปเดินลุยน้ำดูบ้าง  คราวหนึ่งคลื่นแรงตลบใส่ตัวเขาจนเปียกโชก  ชายหนุ่มหัวเราะกับตัวเองเสียงดัง  น้ำตาไหลสวนทางออกมาเป็นสาย  แต่เมื่อคลื่นม้วนเข้ามาอีกสามสี่ลูก  ใบหน้าเขาก็เปียกจนแยกไม่ออกว่าอะไรคือน้ำตา  อะไรคือน้ำทะเล
ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว  ชายอ้วนเจ้าของโรงแรมจุดตะเกียงตามทางเดินสีนวลอบอุ่นและเปิดเพลงรักคลอเบาๆฟังผ่อนคลาย  หญิงสาวแปลกหน้าที่แยกตัวไปเดินเล่นบนเกาะทั้งวันกลับมาแล้ว  หล่อนเดินผ่านหลังพิเชษฐ์ที่นั่งดื่มด่ำบรรยากาศอยู่ที่ระเบียงชั้นสอง
  “เป็นไงคะ  ชอบที่นี่ไหม”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ไม่เคยชอบที่ไหนเท่าที่นี่เลย  สมแล้วที่เพื่อนแนะนำคุณมา”
  “เรียกว่าเดือนก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวยืนเท้าแขนที่ระเบียงข้างๆเขา  กลิ่นหอมจากเรือนผมลอยมาจางๆ
  “บรรยากาศดีแบบนี้  วันหลังลองพาแฟนมาสิคะ  ได้ยินว่าพวกที่แต่งงานใหม่ๆก็พากันมาที่นี่หลายคู่แล้ว”
พิเชษฐ์หรี่ตาลง “ผมหย่ากับภรรยาเมื่อวานนี้”
เดือนไม่ได้กล่าวขอโทษ  เธอคงอึ้งพูดอะไรไม่ออก  แต่ก็เงียบไม่ชวนเขาคุยอะไรอีก  มีเพียงสายตาเห็นใจที่ส่งมาให้เขาในความมืดสลัว
             
.
 
เป็นวันที่ฟ้าไร้เมฆ  ทะเลกับท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้มเกือบไม่แตกต่างกัน  พิเชษฐ์ปาดเหงื่อบนหน้าผากและก้มหน้าไต่โขดหินตามหลังเดือนมาเกือบชั่วโมงแล้ว  หลังอาหารเช้าเดือนบอกเขาว่าจะพาไปดูมุมสวยๆบนภูเขาใกล้ๆ  แต่ต้องออกแรงปีนป่ายพอสมควรเพราะไม่มีถนนไปถึง  แต่กว่าจะปีนขึ้นไปได้ก็เล่นเอาพิเชษฐ์เกือบหมดแรง  เดือนหัวเราะขบขันเบาๆเพราะรู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มไม่ค่อยออกกำลัง
“อีกไกลไหม”
  “อย่าบ่นนักเลย  จะถึงแล้วเนี่ย”
พิเชษฐ์มองตามแผ่นหลังของเธอที่ก้าวนำหน้าเป็นจังหวะมั่นคงอย่างประหลาดใจ  ไม่ใช่เพราะความปราดเปรียวคล่องแคล่ว  แต่เพราะเพียงหนึ่งวันกับหนึ่งคืนที่รู้จักกัน  เขารู้สึกว่าตัวเองคุยกับหล่อนมากกว่าที่เคยคุยกับธาดาในช่วงปีท้ายๆเสียอีก
“เมื่อคืนคุณนอนกรนดังมาก”
  ชายหนุ่มสะดุ้ง “คุณได้ยินด้วยหรือ”
“ฝาห้องแทบกั้นไม่อยู่เชียวละ  ดังออกมาถึงนอกระเบียงเลย  ไม่มีใครเคยบอกคุณเลยเหรอ”
  “ไม่เคย  ผมนอนคนเดียวทุกคืน”
“ขอโทษนะคะ” หญิงสาวลดเสียงลงต่ำ “ถึงแล้วล่ะ”
  ชายหนุ่มหันไปมองรอบตัว  ไม่รู้เลยว่าได้เดินขึ้นมาถึงยอดเนินเขาหินทางด้านใต้ของเกาะแล้ว  สุดสายตาข้างหน้าคือความว่างเปล่าของอ่าวไทยและเรือประมงไม่กี่ลำ  ส่วนด้านหลังคือทะเลที่คั่นระหว่างเขากับแผ่นดินใหญ่  ยังพอมองเห็นหมู่อาคารสูงกระจายเต็มแนวชายฝั่งพัทยา  บนยอดเขานี้มีแต่เขากับเดือนเพียงสองคนจริงๆ
พิเชษฐ์หลับตาสูดลมหายใจลึก  เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอิสระและได้เป็นตัวของตัวเอง  ลมร้อนที่พัดแรงกลับเป็นลมที่รู้สึกอบอุ่นที่สุดเหมือนกับว่าร่างกายจะสลายเป็นหนึ่งเดียวกับสายลมได้  ดื่มด่ำกับความแปลกใหม่อยู่นาน  เมื่อลืมตามองรอบตัวอีกครั้งจึงเห็นเดือนนั่งกอดเข่าอยู่ใกล้ๆ
“ดูเหมือนคุณจะชอบที่นี่”
  “ไม่รู้สิ  รู้แต่ว่าตั้งแต่ทำงานมานี่ยังไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้เลย”
“งานคุณแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ
..”  เดือนเลิกคิ้ว
  “ไม่แย่นักหรอก  แค่คอยดูจอคอมพิวเตอร์กับกดปุ่มโน้นปรับปุ่มนี้  งานง่ายๆแต่แค่เกือบทำไม่หยุดเท่านั้นเอง  โชคดีที่ผมทำงานนี้คนเดียวและเงินดี”
“แล้วคุณชอบมันหรือเปล่าล่ะ”
  “ผมไม่รู้ว่าชอบมันหรือเปล่า  คิดแต่ว่าทำแล้วได้เงินมาก  ผมเคยคิดว่าคนเราถ้ามีเงินมากก็จะมีทุกอย่างที่ต้องการ  ไม่กี่ปีหลังจากผมเริ่มงานผมก็มีรถ  มีบ้าน  ใช้เงินอย่างกับเทน้ำ  บางทีผมอาจจะเพิ่งคิดได้ตอนที่ภรรยาผมเก็บของออกจากบ้านไปแล้ว”
“แล้วคุณค้นพบตัวเองหรือยังว่าอยากทำอะไรกันแน่”
  ชายหนุ่มนิ่งคิดครู่หนึ่ง “ตอนผมเรียนมหาวิทยาลัย  ผมเป็นนักเขียนให้วารสารของคณะ  รู้สึกทึ่งว่าตัวเองกับฝรั่งเรียนหนังสือ A ถึง Z เหมือนกัน  ฝรั่งเขียนได้แต่ข้อความธรรมดา  แต่ผมจับเอาตัวอักษร A ถึง Z มาเรียงเป็นบทความ  หรืองานเขียนที่สะเทือนใจคนอ่านได้  ก่อนผมจะกลับเมืองไทย  หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของแคนเบอร์ร่าทาบทามให้ผมทำงานประจำเขียนบทความส่งให้เขาด้วยนะ  แต่ผมปฏิเสธเขาไป”
“ทำไมล่ะ  ดูคุณชอบไม่ใช่เหรอ” 
  “ผมปรึกษาเพื่อนๆกับครอบครัว  พวกเขาบอกว่าผมเรียนจบวิศวะมา  มีช่องทางหาเงินได้มากกว่าเขียนหนังสือนัก  ผมเชื่อพวกเขาและตอบแทนด้วยการทำงานหนักมาตลอดยี่สิบปี  เคยคิดเรื่องลาออกไปทำในสิ่งที่รักเหมือนกัน  แต่คำว่ายากจนและไม่มั่นคงมันตามมาหลอกหลอนผมอยู่เสมอ”
“เรื่องนี้ โรเบิร์ต  คิโยซากิ คงพอแนะนำคุณได้” เดือนหัวเราะ
  “ช่างเถอะ
.. “  พิเชษฐ์เอนตัวนอนลงบนพื้นหินง่ายๆ “อย่างน้อยตอนนี้ผมก็สบายใจแล้ว  คุณเป็นคนแรกที่ผมคุยเรื่องนี้ด้วย  ที่ผมอยากออกจากบ้านมาเที่ยวก็เพราะอยากมีเวลาได้ทบทวนอะไรเงียบๆด้วย  ตอนแรกผมก็ไม่ได้ตั้งใจมาพัทยา  แต่กว่าจะรู้ตัวก็ซื้อตั๋วมานี่แล้ว  ไม่งั้นคงไม่ได้มาเจอคุณที่นี่หรอก  บังเอิญจริงๆ”
“ใช่ค่ะ  บังเอิญ  ความบังเอิญเป็นจุดเริ่มของหลายๆอย่างที่คาดไม่ถึง”
  เดือนนั่งกอดเข่ามองออกไปข้างหน้าอยู่ข้างๆเขาที่นอนประสานมือรองท้ายทอยมองขึ้นฟ้า  เดือนมองทะเล  เขามองฟ้า    ทั้งทะเลและท้องฟ้าก็ว่างเปล่าเหมือนกัน
“เดือน”
  “หืมม์”
“ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนผม”
  “คุณก็อยู่เป็นเพื่อนฉันเหมือนกัน  ที่จริงแล้วฉันก็ไม่ชอบเดินทางคนเดียวเหงาๆนักหรอก  แต่น่าเสียดายนะ  บรรยากาศแบบนี้ถ้าได้อยู่กับใครสักคนที่รักก็คงจะดีที่สุดเลย”
“แล้วคนๆนั้นของเดือนเป็นใครล่ะ”
  “ยังไม่มีเลยค่ะ  กำลังรอการมาหาของเขาเหมือนกัน  หรือไม่อย่างนั้นเดือนก็คงจะออกไปหาเขาเอง  เดือนเคยคิดว่าการเดินทางนำพาสิ่งที่ไม่คาดคิดมาสู่ชีวิตเสมอ  บางทีอาจจะรวมถึงความรักด้วย”
“เหรอ
.. แล้ววินาทีนี้เดือนพบ ‘เขา’ แล้วหรือยัง”
  หญิงสาวยิ้ม  ไม่ตอบ  ทะเลและท้องฟ้าดูไม่อ้างว้างอีกแล้ว
        กลับมาที่โรงแรมไม้  ทานอาหารเย็นด้วยกันเงียบๆท่ามกลางแสงตะเกียงและเพลงก้อนหินละเมอที่ชายอ้วนเจ้าของโรงแรมเปิดอย่างรู้ใจ  เดือนยิ้มให้เขาก่อนกลับเข้าห้องนอนข้างๆ  พิเชษฐ์ยืนเกาะระเบียงมองดวงจันทร์ที่กำลังโผล่พ้นยอดไม้ทักทายราตรีกาลช้าๆ  เท้าเหมือนจะวางบนพื้นไม่ติด
        นาทีนี้เขานึกถึงผู้หญิงคนหนึ่ง
..ที่ไม่ใช่ธาดา
..
        เช้าวันถัดมา  เสียงกุกกักจากห้องข้างๆปลุกเขางัวเงียเปิดประตูออกมาดู  พบเจ้าของเสียงเก็บของใส่เป้เรียบร้อยอยู่ในชุดพร้อมเดินทาง  “จะกลับเข้าฝั่งด้วยกันไหมคะ” หล่อนถามเขาเป็นคำแรกโดยไม่หันมามองหน้า
        อาหารเช้าวันนั้นจืดลงไปถนัด  เขาได้แต่นั่งมองหญิงสาวผมยาวทานขนมปังอย่างเร่งรีบเพื่อจะได้ไปให้ทันเรือรอบแรกของวัน  ดูเหมือนเธอมีแผนจะออกเดินทางไปที่ไหนต่อ  เพื่อค้นหาอะไรอีก?
        เขาไม่ใช่คนที่เธอค้นหาอยู่หรอกหรือ?
          “เดือน”
        “คะ?”
          “ผมไม่ได้จะรั้งคุณไว้นะ  แต่ว่าดูคุณรีบร้อน
..”
        “เปล่าหรอกค่ะ  ตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะอยู่ที่นี่สองคืนแล้วก็จะไปตราดต่อ  ไม่แน่อาจจะเข้าไปในกัมพูชาด้วย  เดือนก็เดินทางไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละค่ะ”
          “แล้วเมื่อไหร่เดือนจะ ‘หยุด’ ล่ะ”
        เดือนอึ้งอยู่อึดใจหนึ่ง  รวบช้อนแล้วขยับเป้ข้างตัว  ดูเหมือนว่าหล่อนกำลังเดาใจเขาอยู่
        “พิเชษฐ์คะ  ฉันเป็นเพียงเพื่อนร่วมทางของคุณ  คุณเคยบอกฉันว่าคุณเป็นคนน่าเบื่อและไม่มีใครต้องการ  แต่มันไม่จริงหรอกค่ะ  คุณเปลี่ยนไปแล้ว  ทุกอย่างต้องมีวันเปลี่ยนแปลงทั้งนั้นแหละค่ะ”
          “ถ้างั้น” เขาโพล่งออกไป “คุณจะเปลี่ยนจากเพื่อนร่วมทางมาเป็นอะไรที่มากกว่านี้ไม่ได้หรือ”
        “ไม่ได้หรอกค่ะ  เดือนไม่ได้คิดอะไรกับคุณมากไปกว่านี้” หล่อนตัดไฟ “เดือนคงต้องออกเดินทางแล้วล่ะค่ะ  เดี๋ยวจะไม่ทันเรือ”
        ชายหญิงสองคนเดินเลียบชายหาดไปยังท่าเรือหาดตาแหวน  ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน  แต่เมื่อเท้าหญิงสาวก้าวขึ้นเรือพิเชษฐ์ก็เรียกหล่อนเสียงอ่อน  “เดือน
..ผมไม่อยากจากคุณไปแบบนี้”    แต่หญิงสาวเฉยเมยเกินคาด  แม้ว่าจะมีแววเป็นมิตรอยู่ในดวงตา
        “สองวันมานี่  ดูคุณพูดเก่งขึ้นมากนี่คะ”
          “ผมเปลี่ยนไปก็เพราะคุณ”
        “ดีแล้วค่ะ  คุณดูน่ารักขึ้น  ขอให้ใช้ความเปลี่ยนแปลงนี้ชุบชีวิตสมรสของคุณกับภรรยาขึ้นมาใหม่เถอะค่ะ  ขอให้โชคดีนะคะ”
          “คุณยังจะเดินทางอีกหรือ”
“ชีวิตคือการเดินทางค่ะ  ฉันจะเดินทางต่อไปจนกว่าจะค้นพบตัวเอง”
  “ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณค้นพบผม” ยัดนามบัตรใส่ลงในมือเดือน “ก็มาหาผมตามที่อยู่นี้นะ”
“แล้วสักวันคุณจะลืมคำนี้เอง” หล่อนมองเขาอย่างร่ำลา
  เสียงเครื่องยนต์เรือกระชากใจโศกเศร้าของใครบางคนออกสู่ท้องทะเล  หล่อนไม่ได้มองเขาอีกหลังจากเรือออก แม้ว่าเขาจะมองตามจนเรือลำนั้นกลืนหายไปกับขอบชายฝั่งแล้ว
พิเชษฐ์เดินเงื่องหงอยกลับมาที่โรงแรมไม้  ทักทายกับเจ้าของอ้วนสั้นๆก่อนปิดประตูล้มลงนอนนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด  เดือนยังค้นหาตัวเองไม่พบ  เขาก็ยังหาตัวเองไม่พบ  แต่เดือนก็ออกเดินทางต่อเพื่อค้นหาแล้ว  ส่วนเขาล่ะ
เริ่มหรือยัง
จนสายแดดจ้า  ประตูห้องก็เปิด  พิเชษฐ์แวะคุยกับเจ้าของโรงแรมอีกครั้งที่เคาน์เตอร์บาร์  ขอกระดาษปึกกับปากกา  เดินไปที่ชายหาดและนั่งลงใต้ร่มมะพร้าว  ท้องฟ้าวันนี้สะอาดเหลือเกิน  คลื่นระลอกหนึ่งซัดยาวมาถึงเท้าของเขา  ลมแรงพัดหน้ากระดาษพลิกไปมา  แม้จะร้างมือมานาน  แต่เขาอยากจะลองเขียนเรื่องสั้นอีกสักเรื่อง  บางทีเขาอาจจะกำลังค้นหาความเป็นนักเขียนของตัวเองอยู่ก็ได้
บรรทัดบนสุดของกระดาษเขียนเริ่มไว้ว่า  “อาจเพราะความเครียด  อาจเป็นเพราะความหงุดหงิด  อาจเป็นเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจ
..”
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น