ลมทะเล - ลมทะเล นิยาย ลมทะเล : Dek-D.com - Writer

    ลมทะเล

    มีคนเคยบอกว่าบางครั้งการเดินทางก็นำมาซึ่งความรัก แต่เคยลองสังเกตคนที่นั่งอยู่ข้างๆคุณบนรถ บนเรือ หรือบนเครื่องบินดูหรือยังว่า เขาอาจจะเป็นคนๆนั้นจริงหรือเปล่า ขอเชิญอ่านถ้าหัวใจของคุณไม่แห้งแล้งเกินไป

    ผู้เข้าชมรวม

    361

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    361

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 เม.ย. 47 / 20:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      อาจเพราะความเครียด   อาจเป็นเพราะความหงุดหงิด   อาจเป็นเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจ   อาจเป็นเพราะเอกสารหย่าที่ทนายของธาดานำมาวางไว้บนโต๊ะเมื่อวาน   อาจเพราะอะไรหลายๆอย่างที่ร่ำร้องและเก็บกดอยู่ภายในใจกำลังจะระเบิดออกมา   ทำให้เท้าของพิเชษฐ์เดินมาหยุดที่นี่……….. สถานีขนส่งหมอชิต

              มองหลายๆอย่างรอบข้างอย่างเงอะงะ   ช่องจำหน่ายตั๋วภาคอิสานอยู่ชั้นสอง   ภาคเหนือและภาคตะวันออกอยู่ชั้นล่าง   ลังเลอยู่ว่าจะไปไหนดีเพียงครู่เดียวก็สะพายเป้ไปที่ช่องจำหน่ายตั๋วเล็กๆช่องหนึ่ง “ไปพัทยาครับ   รอบสิบโมง”
              เงินหนึ่งร้อยบาท   ตั๋วหนึ่งใบ

      เขาไม่เคยนั่งรถบัสมากว่ายี่สิบปีแล้ว   ยังพอจำได้ลางๆถึงวันที่นั่งรถบัสของโรงเรียนไปทัศนศึกษาวัดพระแก้วตอนที่ยังเรียนชั้นมัธยมได้บ้าง   วันนั้นรถติด  รถบัสคันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว   มีเพียงพัดลมกับช่องหน้าต่างเล็กๆสำหรับเด็กนักเรียนหลายสิบคนที่เบียดเสียดกันอยู่บนนั้น   แต่ก็บรรเทาลงเมื่อเด็กหัวโจกคนหนึ่งเริ่มร้องเพลงฮิตจากท้ายรถเสียงดัง   เพื่อนๆเริ่มร้องคลอตามเป็นเสียงเดียวกันทั่วทั้งคัน   เสียงเพลง  เสียงหัวเราะ  เขาไม่เคยลืมภาพในวันนั้นเลยตราบใดที่ยังจดจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่เขารู้จักคำว่ามิตรภาพ
      รถบัสสายกรุงเทพฯ – ชลบุรีมีแอร์เย็นสบาย   แต่เขาไม่มีใครนั่งเป็นเพื่อน
              เขาไม่มีเพื่อนมานานแล้ว……….

      ยี่สิบสามปีหลังจบมหาวิทยาลัยจากออสเตรเลีย   พิเชษฐ์ถูกจองตัวโดยบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ในตำแหน่งวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์   รายได้ดีอย่างคาดไม่ถึง  และยิ่งดีกว่านั้นถ้ามาทำงานในวันหยุด  งานสนุกเพราะไม่ต้องทำร่วมกับใคร  หน้าที่เพียงแต่ขับรถตระเวณไปตามสถานีสัญญาณโทรศัพท์มือถือตำบลต่างๆเพื่อทดสอบระบบสัญญาณ   ทุกวันมีแต่พวงมาลัยและเครื่องส่งสัญญาณมีสายไฟระโยงระยางอยู่ตรงหน้า   สิบปีแรกของชีวิตการทำงานผ่านไปโดยเกือบไม่มีวันหยุดเลย   แน่นอน…….ไม่มีเพื่อน

      อายุสามสิบสี่  เขาพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง   ธาดา……..เธอร่าเริง   ช่างพูด   ช่างเอาใจ   เขาพบกับเธอในร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ดในวันที่ฝนตกและโต๊ะเต็ม   เธอถือถาดอาหารถามหาที่ว่างจากโต๊ะมุมในสุดของเขา   เขาไม่ได้ปฏิเสธ   เธอยิ้ม  นั่งลงทานอาหารและชวนเขาคุย   ทุกอย่างเป็นไปเหมือนสายน้ำ   สองปีหลังจากนั้นทั้งคู่ก็แต่งงานกัน
      แต่ชีวิตแต่งงานก็ไม่ได้สวยงาม   ครอบครัวกำลังสร้างตัว   พิเชษฐ์ต้องทำงานหนักขึ้นไปอีก   ธาดานอนคนเดียวอาทิตย์ละเจ็ดวัน   สิ่งเดียวที่เธอรู้ว่าเขายังมีตัวตนอยู่คือเงินที่โอนเข้าบัญชีเธอจากเขาทุกเดือนและร่างยับยู่ยี่ของพิเชษฐ์ที่หลับสนิทบนโซฟาในบ้านที่เธอเห็นเป็นบางวันก่อนที่จะตื่นและแต่งตัวผลุนผลันออกไปอีกในช่วงบ่าย
      ไม่มีดินเนอร์ใต้แสงเทียน  ไม่มีการชักชวนเต้นรำ  ไม่มีการฮันนีมูน
         มีแต่จดหมายจากสำนักงานกฎหมายเรื่องที่เธอขอหย่าและแบ่งทรัพย์สินกับเขาในเช้าวันหนึ่ง!
      “คุณเป็นอะไรไป   ผมให้เงินคุณน้อยไปหรือ” เขาถามเธอเหมือนคนเสียสติ
        “ฉันไม่เคยต้องการเงิน  ฉันต้องการชีวิตคู่”
      แล้วธาดาก็ขนของออกจากบ้านไป

      พิเชษฐ์นั่งอยู่ที่โซฟาตัวเดิม   รู้สึกช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้น   จดหมายจากทนายยังวางอยู่บนโต๊ะ   เขาตัดสินใจส่งอีเมล์ลาพักร้อนยาวหนึ่งสัปดาห์เป็นครั้งแรกตามคำแนะนำแกมบังคับของหัวหน้าเพื่อให้จิตใจได้พักผ่อนบ้าง   ชายหนุ่มใจลอยเดินสะพายเป้เสื้อผ้าออกจากบ้าน   โบกเรียกแท็กซี่ออกถนนใหญ่   สับสนว่าจะไปไหน   โชเฟอร์พามาที่หมอชิต   เขาเลือกไปพัทยา   ไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากเป็นสถานที่แรกที่เขานึกออกในเวลานั้น
      เมื่อรถบัสแวะจอดที่ลาดกระบัง  ที่นั่งข้างๆเขาฝั่งติดทางเดินก็ถูกจับจองด้วยหญิงสาวผมยาวท่าทางปราดเปรียวคนหนึ่ง   เขาไม่ได้สนใจเธอ  เธอไม่ได้สนใจเขา   รถยังแล่นไปเรื่อยๆจนถึงบางปะกง
      “ขอโทษนะคะ   พอจะรู้จักโรงแรมทรอปิคัลบีชที่เกาะล้านไหมคะ”
         พิเชษฐ์หันไปมองหน้าหญิงสาวคนนั้นงงๆ   ในใจนึกสงสัยว่าคนแปลกหน้าสมัยนี้ส่วนใหญ่มักจะเปิดฉากบทสนทนากันแบบนี้หรือเปล่า   เขาไม่ตอบอะไรนอกจากส่ายหัว   หญิงสาวทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย
      “นึกว่าคุณรู้จัก   พอดีจะไปที่นั่นแต่ไม่รู้ทาง   ไม่รู้จะถามใครดี” หล่อนยังคงพูดอยู่ฝ่ายเดียว   พิเชษฐ์ได้แต่มองหล่อนไม่พูดอะไร   เขาไม่คุยกับคนแปลกหน้า
      “มีอะไรหรือเปล่าคะ” หล่อนถามเมื่อเห็นเขาไม่พูดด้วยแต่จ้องเงียบๆอยู่นาน
        “เปล่า” ดอกพิกุลร่วงจากปากชายหนุ่ม “ไม่มีอะไรนี่”
      “อยากไปโรงแรมที่นั่น  ไม่รู้ทางไปเลย  ดูในแผนที่ก็ไม่มี” หล่อนชวนคุยต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
        “รู้จักโรงแรมแต่ไม่รู้ทางไปเนี่ยนะ”
      “ก็เห็นเพื่อนที่เคยไปเขาบอกว่าดี   รู้แต่ว่าอยู่บนเกาะล้านเท่านั้นเอง   ว่าจะลองคลำๆทางไปเองดูน่ะค่ะ   แล้วคุณบ้านอยู่พัทยาหรือคะ   หรือว่ามาเที่ยว”
      พิเชษฐ์กำลังนึกถึงธาดา   หญิงสาวคนนี้ช่างคุยช่างพูดเหมือนธาดา
         “มาเที่ยว….   ยังไม่รู้ว่าจะไปพักที่ไหนเหมือนกัน   ไม่มีแผนอะไรเลย”
      เวลานี้ธาดาจะยังคิดถึงเขาอยู่ไหม…..

                  ……………………………………………………….

      ลมทะเลพัดเอาไอเค็มจางมาปะทะจมูกหวีดหวิว   แดดจัดจ้าสะท้อนผิวทรายชายหาดสว่างระยิบเหมือนมีแสงในตัว   เกลียวคลื่นม้วนเข้ากระทบฝั่งแตกเป็นฟองขาว   โขดหินเรียงรายตามมุมชายหาดเหมาะเจาะเหมือนมีสถาปนิกมาออกแบบตกแต่งไว้   พิเชษฐ์สะพายเป้เดินตามหลังหญิงสาวแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักไปตามแนวชายหาดของเกาะล้าน   เขาทั้งสองเหมือนกันตรงที่มาที่นี่โดยไม่มีการเตรียมตัว  ไม่รู้จักถนนหนทาง  ทุกอย่างอาศัยหยุดถามจากคนข้างทาง   พิเชษฐ์ไม่คุ้นชินกับวิธีนี้เท่าไหร่   ตรงข้ามกับหญิงสาวที่ทำทุกอย่างได้ทะมัดทะแมงเป็นอย่างดี   เธอเล่าว่าเคยเที่ยวตัวคนเดียวแบบเป้ใบแผนที่ใบมาหลายที่แล้ว  เวียงจันท์  แม่สาย  เบตง  สังขละบุรี     ส่วนพัทยาถึงแม้จะไม่เคยมามาก่อนแต่ก็ถือเป็นบททดสอบที่ง่ายเหมือนปิดตาเดินสำหรับเธอ   พิเชษฐ์ตัดสินใจขอให้เธอช่วยนำทางหาที่พักเงียบๆให้สักสามวัน     หล่อนจึงชวนเขาข้ามมาที่เกาะนี้และถามหาทางไปโรงแรมทรอปิคัล บีช ไปเรื่อยๆ   ไม่นานทั้งสองก็มาถึงโรงแรมไม้สองชั้นเล็กๆไม่ห่างจากทะเลมากนัก   เจ้าของโรงแรมเป็นชายอ้วนอัธยาศัยดีพาไปเปิดห้องพักติดกันให้  
      พิเชษฐ์รู้สึกพอใจห้องและบรรยากาศอันน่าสบาย   ตลอดทั้งวันนั้นเขาเอาแต่นั่งมองทะเล   บางครั้งก็ลงไปเดินลุยน้ำดูบ้าง   คราวหนึ่งคลื่นแรงตลบใส่ตัวเขาจนเปียกโชก   ชายหนุ่มหัวเราะกับตัวเองเสียงดัง   น้ำตาไหลสวนทางออกมาเป็นสาย   แต่เมื่อคลื่นม้วนเข้ามาอีกสามสี่ลูก   ใบหน้าเขาก็เปียกจนแยกไม่ออกว่าอะไรคือน้ำตา   อะไรคือน้ำทะเล

      ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว   ชายอ้วนเจ้าของโรงแรมจุดตะเกียงตามทางเดินสีนวลอบอุ่นและเปิดเพลงรักคลอเบาๆฟังผ่อนคลาย   หญิงสาวแปลกหน้าที่แยกตัวไปเดินเล่นบนเกาะทั้งวันกลับมาแล้ว   หล่อนเดินผ่านหลังพิเชษฐ์ที่นั่งดื่มด่ำบรรยากาศอยู่ที่ระเบียงชั้นสอง
         “เป็นไงคะ   ชอบที่นี่ไหม”
      ชายหนุ่มพยักหน้า “ไม่เคยชอบที่ไหนเท่าที่นี่เลย   สมแล้วที่เพื่อนแนะนำคุณมา”
         “เรียกว่าเดือนก็ได้ค่ะ”
      หญิงสาวยืนเท้าแขนที่ระเบียงข้างๆเขา   กลิ่นหอมจากเรือนผมลอยมาจางๆ
         “บรรยากาศดีแบบนี้   วันหลังลองพาแฟนมาสิคะ   ได้ยินว่าพวกที่แต่งงานใหม่ๆก็พากันมาที่นี่หลายคู่แล้ว”
      พิเชษฐ์หรี่ตาลง “ผมหย่ากับภรรยาเมื่อวานนี้”
      เดือนไม่ได้กล่าวขอโทษ   เธอคงอึ้งพูดอะไรไม่ออก   แต่ก็เงียบไม่ชวนเขาคุยอะไรอีก   มีเพียงสายตาเห็นใจที่ส่งมาให้เขาในความมืดสลัว

                     ……………………………………………………….
        
      เป็นวันที่ฟ้าไร้เมฆ   ทะเลกับท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้มเกือบไม่แตกต่างกัน   พิเชษฐ์ปาดเหงื่อบนหน้าผากและก้มหน้าไต่โขดหินตามหลังเดือนมาเกือบชั่วโมงแล้ว   หลังอาหารเช้าเดือนบอกเขาว่าจะพาไปดูมุมสวยๆบนภูเขาใกล้ๆ   แต่ต้องออกแรงปีนป่ายพอสมควรเพราะไม่มีถนนไปถึง   แต่กว่าจะปีนขึ้นไปได้ก็เล่นเอาพิเชษฐ์เกือบหมดแรง   เดือนหัวเราะขบขันเบาๆเพราะรู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มไม่ค่อยออกกำลัง
      “อีกไกลไหม”
         “อย่าบ่นนักเลย   จะถึงแล้วเนี่ย”
      พิเชษฐ์มองตามแผ่นหลังของเธอที่ก้าวนำหน้าเป็นจังหวะมั่นคงอย่างประหลาดใจ   ไม่ใช่เพราะความปราดเปรียวคล่องแคล่ว   แต่เพราะเพียงหนึ่งวันกับหนึ่งคืนที่รู้จักกัน   เขารู้สึกว่าตัวเองคุยกับหล่อนมากกว่าที่เคยคุยกับธาดาในช่วงปีท้ายๆเสียอีก
      “เมื่อคืนคุณนอนกรนดังมาก”
        ชายหนุ่มสะดุ้ง “คุณได้ยินด้วยหรือ”
      “ฝาห้องแทบกั้นไม่อยู่เชียวละ   ดังออกมาถึงนอกระเบียงเลย   ไม่มีใครเคยบอกคุณเลยเหรอ”
        “ไม่เคย   ผมนอนคนเดียวทุกคืน”
      “ขอโทษนะคะ” หญิงสาวลดเสียงลงต่ำ “ถึงแล้วล่ะ”
         ชายหนุ่มหันไปมองรอบตัว   ไม่รู้เลยว่าได้เดินขึ้นมาถึงยอดเนินเขาหินทางด้านใต้ของเกาะแล้ว   สุดสายตาข้างหน้าคือความว่างเปล่าของอ่าวไทยและเรือประมงไม่กี่ลำ   ส่วนด้านหลังคือทะเลที่คั่นระหว่างเขากับแผ่นดินใหญ่   ยังพอมองเห็นหมู่อาคารสูงกระจายเต็มแนวชายฝั่งพัทยา   บนยอดเขานี้มีแต่เขากับเดือนเพียงสองคนจริงๆ
      พิเชษฐ์หลับตาสูดลมหายใจลึก   เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอิสระและได้เป็นตัวของตัวเอง   ลมร้อนที่พัดแรงกลับเป็นลมที่รู้สึกอบอุ่นที่สุดเหมือนกับว่าร่างกายจะสลายเป็นหนึ่งเดียวกับสายลมได้   ดื่มด่ำกับความแปลกใหม่อยู่นาน   เมื่อลืมตามองรอบตัวอีกครั้งจึงเห็นเดือนนั่งกอดเข่าอยู่ใกล้ๆ
      “ดูเหมือนคุณจะชอบที่นี่”
        “ไม่รู้สิ   รู้แต่ว่าตั้งแต่ทำงานมานี่ยังไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้เลย”
      “งานคุณแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ…..”  เดือนเลิกคิ้ว
        “ไม่แย่นักหรอก   แค่คอยดูจอคอมพิวเตอร์กับกดปุ่มโน้นปรับปุ่มนี้   งานง่ายๆแต่แค่เกือบทำไม่หยุดเท่านั้นเอง   โชคดีที่ผมทำงานนี้คนเดียวและเงินดี”
      “แล้วคุณชอบมันหรือเปล่าล่ะ”
         “ผมไม่รู้ว่าชอบมันหรือเปล่า   คิดแต่ว่าทำแล้วได้เงินมาก   ผมเคยคิดว่าคนเราถ้ามีเงินมากก็จะมีทุกอย่างที่ต้องการ   ไม่กี่ปีหลังจากผมเริ่มงานผมก็มีรถ  มีบ้าน  ใช้เงินอย่างกับเทน้ำ   บางทีผมอาจจะเพิ่งคิดได้ตอนที่ภรรยาผมเก็บของออกจากบ้านไปแล้ว”
      “แล้วคุณค้นพบตัวเองหรือยังว่าอยากทำอะไรกันแน่”
         ชายหนุ่มนิ่งคิดครู่หนึ่ง “ตอนผมเรียนมหาวิทยาลัย   ผมเป็นนักเขียนให้วารสารของคณะ   รู้สึกทึ่งว่าตัวเองกับฝรั่งเรียนหนังสือ A ถึง Z เหมือนกัน  ฝรั่งเขียนได้แต่ข้อความธรรมดา  แต่ผมจับเอาตัวอักษร A ถึง Z มาเรียงเป็นบทความ  หรืองานเขียนที่สะเทือนใจคนอ่านได้   ก่อนผมจะกลับเมืองไทย   หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของแคนเบอร์ร่าทาบทามให้ผมทำงานประจำเขียนบทความส่งให้เขาด้วยนะ   แต่ผมปฏิเสธเขาไป”
      “ทำไมล่ะ   ดูคุณชอบไม่ใช่เหรอ”  
         “ผมปรึกษาเพื่อนๆกับครอบครัว   พวกเขาบอกว่าผมเรียนจบวิศวะมา   มีช่องทางหาเงินได้มากกว่าเขียนหนังสือนัก   ผมเชื่อพวกเขาและตอบแทนด้วยการทำงานหนักมาตลอดยี่สิบปี   เคยคิดเรื่องลาออกไปทำในสิ่งที่รักเหมือนกัน   แต่คำว่ายากจนและไม่มั่นคงมันตามมาหลอกหลอนผมอยู่เสมอ”
      “เรื่องนี้ โรเบิร์ต  คิโยซากิ คงพอแนะนำคุณได้” เดือนหัวเราะ
         “ช่างเถอะ….. “  พิเชษฐ์เอนตัวนอนลงบนพื้นหินง่ายๆ “อย่างน้อยตอนนี้ผมก็สบายใจแล้ว   คุณเป็นคนแรกที่ผมคุยเรื่องนี้ด้วย   ที่ผมอยากออกจากบ้านมาเที่ยวก็เพราะอยากมีเวลาได้ทบทวนอะไรเงียบๆด้วย   ตอนแรกผมก็ไม่ได้ตั้งใจมาพัทยา   แต่กว่าจะรู้ตัวก็ซื้อตั๋วมานี่แล้ว   ไม่งั้นคงไม่ได้มาเจอคุณที่นี่หรอก   บังเอิญจริงๆ”
      “ใช่ค่ะ   บังเอิญ   ความบังเอิญเป็นจุดเริ่มของหลายๆอย่างที่คาดไม่ถึง”
         เดือนนั่งกอดเข่ามองออกไปข้างหน้าอยู่ข้างๆเขาที่นอนประสานมือรองท้ายทอยมองขึ้นฟ้า   เดือนมองทะเล   เขามองฟ้า    ทั้งทะเลและท้องฟ้าก็ว่างเปล่าเหมือนกัน
      “เดือน”
         “หืมม์”
      “ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนผม”
         “คุณก็อยู่เป็นเพื่อนฉันเหมือนกัน   ที่จริงแล้วฉันก็ไม่ชอบเดินทางคนเดียวเหงาๆนักหรอก   แต่น่าเสียดายนะ  บรรยากาศแบบนี้ถ้าได้อยู่กับใครสักคนที่รักก็คงจะดีที่สุดเลย”
      “แล้วคนๆนั้นของเดือนเป็นใครล่ะ”
         “ยังไม่มีเลยค่ะ   กำลังรอการมาหาของเขาเหมือนกัน   หรือไม่อย่างนั้นเดือนก็คงจะออกไปหาเขาเอง   เดือนเคยคิดว่าการเดินทางนำพาสิ่งที่ไม่คาดคิดมาสู่ชีวิตเสมอ   บางทีอาจจะรวมถึงความรักด้วย”
      “เหรอ….. แล้ววินาทีนี้เดือนพบ ‘เขา’ แล้วหรือยัง”
         หญิงสาวยิ้ม   ไม่ตอบ   ทะเลและท้องฟ้าดูไม่อ้างว้างอีกแล้ว
              กลับมาที่โรงแรมไม้   ทานอาหารเย็นด้วยกันเงียบๆท่ามกลางแสงตะเกียงและเพลงก้อนหินละเมอที่ชายอ้วนเจ้าของโรงแรมเปิดอย่างรู้ใจ   เดือนยิ้มให้เขาก่อนกลับเข้าห้องนอนข้างๆ   พิเชษฐ์ยืนเกาะระเบียงมองดวงจันทร์ที่กำลังโผล่พ้นยอดไม้ทักทายราตรีกาลช้าๆ   เท้าเหมือนจะวางบนพื้นไม่ติด
              นาทีนี้เขานึกถึงผู้หญิงคนหนึ่ง…..ที่ไม่ใช่ธาดา

      ………………………………………………..

              เช้าวันถัดมา   เสียงกุกกักจากห้องข้างๆปลุกเขางัวเงียเปิดประตูออกมาดู   พบเจ้าของเสียงเก็บของใส่เป้เรียบร้อยอยู่ในชุดพร้อมเดินทาง  “จะกลับเข้าฝั่งด้วยกันไหมคะ” หล่อนถามเขาเป็นคำแรกโดยไม่หันมามองหน้า
              อาหารเช้าวันนั้นจืดลงไปถนัด   เขาได้แต่นั่งมองหญิงสาวผมยาวทานขนมปังอย่างเร่งรีบเพื่อจะได้ไปให้ทันเรือรอบแรกของวัน   ดูเหมือนเธอมีแผนจะออกเดินทางไปที่ไหนต่อ   เพื่อค้นหาอะไรอีก?
              เขาไม่ใช่คนที่เธอค้นหาอยู่หรอกหรือ?
                “เดือน”
              “คะ?”
                “ผมไม่ได้จะรั้งคุณไว้นะ   แต่ว่าดูคุณรีบร้อน…..”
              “เปล่าหรอกค่ะ   ตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะอยู่ที่นี่สองคืนแล้วก็จะไปตราดต่อ   ไม่แน่อาจจะเข้าไปในกัมพูชาด้วย   เดือนก็เดินทางไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละค่ะ”
                “แล้วเมื่อไหร่เดือนจะ ‘หยุด’ ล่ะ”
              เดือนอึ้งอยู่อึดใจหนึ่ง   รวบช้อนแล้วขยับเป้ข้างตัว   ดูเหมือนว่าหล่อนกำลังเดาใจเขาอยู่
              “พิเชษฐ์คะ   ฉันเป็นเพียงเพื่อนร่วมทางของคุณ   คุณเคยบอกฉันว่าคุณเป็นคนน่าเบื่อและไม่มีใครต้องการ  แต่มันไม่จริงหรอกค่ะ   คุณเปลี่ยนไปแล้ว   ทุกอย่างต้องมีวันเปลี่ยนแปลงทั้งนั้นแหละค่ะ”
                “ถ้างั้น” เขาโพล่งออกไป “คุณจะเปลี่ยนจากเพื่อนร่วมทางมาเป็นอะไรที่มากกว่านี้ไม่ได้หรือ”
              “ไม่ได้หรอกค่ะ   เดือนไม่ได้คิดอะไรกับคุณมากไปกว่านี้” หล่อนตัดไฟ “เดือนคงต้องออกเดินทางแล้วล่ะค่ะ   เดี๋ยวจะไม่ทันเรือ”

              ชายหญิงสองคนเดินเลียบชายหาดไปยังท่าเรือหาดตาแหวน   ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน   แต่เมื่อเท้าหญิงสาวก้าวขึ้นเรือพิเชษฐ์ก็เรียกหล่อนเสียงอ่อน  “เดือน…..ผมไม่อยากจากคุณไปแบบนี้”    แต่หญิงสาวเฉยเมยเกินคาด  แม้ว่าจะมีแววเป็นมิตรอยู่ในดวงตา
              “สองวันมานี่   ดูคุณพูดเก่งขึ้นมากนี่คะ”
                “ผมเปลี่ยนไปก็เพราะคุณ”
              “ดีแล้วค่ะ   คุณดูน่ารักขึ้น   ขอให้ใช้ความเปลี่ยนแปลงนี้ชุบชีวิตสมรสของคุณกับภรรยาขึ้นมาใหม่เถอะค่ะ   ขอให้โชคดีนะคะ”
                “คุณยังจะเดินทางอีกหรือ”
      “ชีวิตคือการเดินทางค่ะ   ฉันจะเดินทางต่อไปจนกว่าจะค้นพบตัวเอง”
        “ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณค้นพบผม” ยัดนามบัตรใส่ลงในมือเดือน “ก็มาหาผมตามที่อยู่นี้นะ”
      “แล้วสักวันคุณจะลืมคำนี้เอง” หล่อนมองเขาอย่างร่ำลา
        เสียงเครื่องยนต์เรือกระชากใจโศกเศร้าของใครบางคนออกสู่ท้องทะเล   หล่อนไม่ได้มองเขาอีกหลังจากเรือออก แม้ว่าเขาจะมองตามจนเรือลำนั้นกลืนหายไปกับขอบชายฝั่งแล้ว

      พิเชษฐ์เดินเงื่องหงอยกลับมาที่โรงแรมไม้   ทักทายกับเจ้าของอ้วนสั้นๆก่อนปิดประตูล้มลงนอนนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด   เดือนยังค้นหาตัวเองไม่พบ   เขาก็ยังหาตัวเองไม่พบ   แต่เดือนก็ออกเดินทางต่อเพื่อค้นหาแล้ว   ส่วนเขาล่ะ……เริ่มหรือยัง

      จนสายแดดจ้า   ประตูห้องก็เปิด   พิเชษฐ์แวะคุยกับเจ้าของโรงแรมอีกครั้งที่เคาน์เตอร์บาร์   ขอกระดาษปึกกับปากกา   เดินไปที่ชายหาดและนั่งลงใต้ร่มมะพร้าว   ท้องฟ้าวันนี้สะอาดเหลือเกิน   คลื่นระลอกหนึ่งซัดยาวมาถึงเท้าของเขา   ลมแรงพัดหน้ากระดาษพลิกไปมา   แม้จะร้างมือมานาน   แต่เขาอยากจะลองเขียนเรื่องสั้นอีกสักเรื่อง   บางทีเขาอาจจะกำลังค้นหาความเป็นนักเขียนของตัวเองอยู่ก็ได้
      บรรทัดบนสุดของกระดาษเขียนเริ่มไว้ว่า  “อาจเพราะความเครียด   อาจเป็นเพราะความหงุดหงิด   อาจเป็นเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจ…..”

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×