คุณเคยรักใครไหม...รักที่ไม่สามารถบอกได้
    ผมเจอมากับตัวเองล่ะ  มันเป็นรักครั้งแรกของผมซะด้วยสิ ที่ว่าไม่สามารถบอกได้น่ะไม่ใช่ว่าผมเป็นใบ้หรอก แต่เป็นเพราะว่าความไม่กล้า...ก็ผมมันคนขี้อายนี่ครับ  ในตัวผมนี่ไม่มีอะไรดีสักอย่างเลย  หน้าตาไม่หล่อ รูปร่างไม่เท่ เรียนไม่ดี กีฬาไม่เด่น แต่งตัวเชย  นี่ล่ะครับผมจึงไม่เคยเป็นจุดสนใจของผู้หญิงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
    ผมจะหาญกล้าไปรักใครชอบใครหรือจีบใครได้เล่า  ผมเป็นคนเจียมตัวครับ
    แต่เรื่องของหัวใจก็เหมือนฝนจะตกแดดจะออกใครจะห้ามมันได้  จริงไหมครับ...
    ผมเป็นลูกศิษย์สำนักกวดวิชาตั้งแต่อยู่ม.4แล้ว  ความจริงถ้าแม่ไม่บังคับผมก็ไม่มีวันมาเรียนหรอกครับ  เมื่อมาเรียนพิเศษการเรียนของผมก็เริ่มดีขึ้น  แม้จะไม่ถึงขั้นดีมากแต่ก็ทำให้พ่อกับแม่ของผมบังเกิดความพอใจเป็นครั้งแรกกับลูกชายคนเดียวในรอบหลายปีที่ผ่านมา  ท่านทั้งสองยกความดีความชอบให้กับโรงเรียนกวดวิชานั่นและให้ผมเรียนเรื่อยมา
    มาเข้าเรื่องของรักครั้งแรกของผมเลยดีกว่า  ที่ผมเท้าความถึงเรื่องเรียนกวดวิชานี่ก็เพื่อจะเล่าถึงความรักของผมนี่แหละ  เพราะมันเกิดขึ้นในช่วงที่ผมเรียนกวดวิชาคอร์สเตรียมเอนทรานซ์...
    เธอคนนั้น...คนที่ผมไม่เคยแม้แต่จะรู้จักชื่อ  ผมสะดุดตาและสะดุดหัวใจตั้งแต่ที่ได้เห็นเธอครั้งแรก  เธอไม่ใช่คนสวยอะไรเลย แต่ก็น่ารักแบบเรียบๆ ดูเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ไม่สามารถดึงดูดสายตาของชายหนุ่มได้ตั้งแต่แรกเห็น  แต่เพราะความความธรรมดาของเธอทำให้ผมลอบมองเธอจากด้านหลังแทบจะตลอดเวลา(ใช่ครับ...เธอนั่งอยู่ตรงหน้าผม)จนผมเรียนในวันแรกไม่รู้เรื่องเลย  ผมชอบมองผมยาวดำขลับที่รวบไว้อย่างง่ายๆของเธอ  ผมยาวสลวยที่ถูกจับมัดรวมกันอย่างเป็นระเบียบทำให้ผมอยากจะสัมผัสถึงความลุ่มลื่นนั้น  แต่แค่เพียงปลาย...ผมก็ยังไม่กล้าเอื้อมมือไปแตะ
    จากวันนั้นทุกเช้าผมก็จะกระวีกระวาดลุกจากเตียงนอนทั้งๆที่เมื่อก่อนพอถึงเวลาตื่นผมจะนอนแช่บนเตียงอย่างเกียจคร้านสัก5-10นาที  บางวันที่เผลอหลับไปนานถึงครึ่งชั่วโมงเลยก็มี ทำให้ต้องตาลีตาเหลือกอาบน้ำแต่งตัว  แม่ผมก็คงจะแปลกใจที่ลูกชายจอมขี้เกียจกระตือรือร้นตื่นแต่เช้าไปเรียนพิเศษ
    ผมไม่ได้อยากไปเรียนพิเศษ...แต่ผมอยากเห็นเธอ (ถ้าแม่รู้ความจริงข้อนี้..ผมต้องตายๆสถานเดียว อย่าบอกใครนะครับ เหยียบไว้..เหยียบไว้ ครับดีมาก ขอบคุณครับ)
    มันเป็นความสุขเล็กๆที่ได้แอบมองเธออยู่เงียบๆ (ไม่ใช่ถ้ำมองนะครับ กรุณาอย่ามองผมอย่างนั้น) ผมไม่ต้องการอะไรเพียงแค่ได้เห็นเธอทุกวัน  ได้นั่งมองเก้าอี้ที่นั่งของเธอเวลาที่เธอยังไม่มา...ได้แค่แอบมองแม้จะได้เห็นแค่ผมยาวที่ถูกรวบไว้ตลอดเวลาและไหล่เล็กๆของเธอ...ได้แค่ลอบมองหน้าเวลาที่เธอไปยืนรอรถเมล์  ผมก็มีความสุขมากมายแล้ว  ในบางวันที่เธอไม่มาหรือมาช้าก้ทำให้ผมกระวนกระวายอยู่ไม่สุข ใจก็นึกเป็นห่วงว่าเธอจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า
    การที่ผมได้มองเธอทุกวันๆ ความรู้สึกดีๆที่ผมมีให้กับเธอในวันแรกก็ดูจะเพิ่มมากขึ้นทุกวัน  ผมชอบเธอมากขึ้น...มากขึ้นโดยที่ไม่มีเหตุผล  นี่คือความรักหรือเปล่า...มันหวานเวลาที่ผมมองเธออย่างมีความสุข  มันขมเมื่อผมเห็นใครบางคนซึ่งคงจะเป็นแฟนเธอมารับมาส่งในบางวัน มันขมขื่นลึกๆอย่างบอกไม่ถูก แต่มันเกิดขึ้นเพียงไม่นานก็หายไป คงเป็นเพราะผมไม่คิดที่จะได้ครอบครองเธอ
    ผมบอกแล้วไง...ได้เพียงแค่ที่เป็นอยู่นี้ผมก็พอใจแล้ว  แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่หวังอะไรนะ  ผมหวังครับ แต่มันเป็นเพียงความหวังเล็กๆที่ผมไม่ค่อยจะนึกถึงมันเท่าไร  ผมหวังว่าจะได้คุยกับเธอ ได้เป็นเพื่อนเธอ
    คุณคงคิดล่ะสิว่าทำไมผมไม่ทำความรู้จักกับเธอ  ความหวังของผมมันเป็นไปได้เพียงแค่ผมเอ่ยปาก เพราผมไม่ได้หวังไว้สูงเกินไปว่าเธอจะมารัก มาเป็นแฟนผม (มันไม่มีวันเป็นไปได้เลยครับ)
    แต่ถ้าคุณเป็นอย่างผมคุณก็จะเข้าใจ  การที่เราชอบใครมากๆสักคนหรือรักใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคุยกับเขาอย่างปกติ สายตาคุณมันจะฟ้องว่าคุณคิดยังไงกับเขา  นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมกลัว...กลัวว่าเมื่อเธอรู้แล้วเธอจะไม่ยอมคุยกับผม  ก็ผมบอกแล้วไง...ผมไม่ใช่ผู้ชายที่น่าสนใจอะไรเลย เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทั้งหลาย(อาจรวมเธอด้วย)พากันมองข้ามเป็นอันดับต้นๆ
    แต่ผมก็คิดฝันไว้นะครับว่าสักวันหนึ่งผมจะรวบรวมความกล้าเข้าไปคุยกับเธอ  อย่างน้อยได้รู้จักชื่อก็ยังดี
    แต่ไม่ใช่ตอนนี้...มันยังเร็วเกินไป ผมยังไม่พร้อม...อาจจะเป็นวันปิดคอร์ส
    ชีวิตผมดูมีความหมายขึ้นตั้งแต่วันที่ได้รู้จักกับความรัก ถึงแม้ว่าจะเป็นความรักที่เกิดขึ้นกับผมอยู่ฝ่ายเดียว  ผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองหลายอย่าง ดูแลตัวเองมากขึ้น ตั้งใจเรียนมากขึ้น หัดเล่นกีฬาหลายประเภท
    เปล่าหรอก...ผมไม่ได้ต้องการให้เธอหันมามองผมบ้าง  เพียงแต่อยากจะเป็นผู้ชายที่คู่ควรจะได้รู้จักกับเธอ (อย่างน้อยก็ไม่อยากให้เธออายเวลาที่ผมทักหรือเข้าไปคุยด้วย)
    เวลาปิดคอร์สใกล้เข้ามาทุกที เวลาที่ผมได้เห็นเธอก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ  ไม่รู้ว่าเมื่อแยกต่างคนต่างไปกันแล้วจะได้มีโอกาสเจอกันอีกหรือเปล่า
    ................................
    .........................................
    ..................................................
    พรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของคอร์สนี้แล้ว ได้เวลาหยุดพักเสียทีแล้วเตรียมตัวคร่ำเคร่งสู่สนามสอบใหม่  งั้นเวลาแห่งความสุขของผมก็ใกล้จะจบลงแล้วสิ  ไม่ใช่หรอก...มันจบลงเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ต่างหาก  พรุ่งนี้แล้ว...พรุ่งนี้แล้วที่ผมจะคุยกับเธอ จะทำความรู้จักกับเธอ  และผมก็หวังว่าเธอจะไม่ปฏิเสธ  ผมจะได้เป็นเพื่อนและได้ใกล้ชิดเธอมากขึ้น
    ดูสิ เพียงแค่ผมได้คิดถึงวันพรุ่งนี้ผมก็ดันเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว ติวเตอร์เริ่มแหย่ผมทำให้เพื่อนๆในห้องต่างหันมาสนใจผมเป็นจุดเดียว รวมทั้งเธอด้วย...เธอหันมาสบตาผมพอดี(ก็ตาผมจับอยู่ที่เธอเกือบจะตลอดเวลา) ผมทำอะไรไม่ถูกก็ยิ้มเขินๆให้  เธอยิ้มบางๆตอบแล้วหันกลับไปสนใจชีทในมือต่อ
    ผมดีใจแทบจะลุกขึ้นร้องไชโย  เธอมีไมตรีมาให้ผมบ้างแล้ว!
    หลังเลิกเรียนพิเศษ  ฝนที่ไม่มีท่าทีว่าจะตกก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ตกทั้งๆที่แดดยังออกอยู่ด้วยซ้ำ  เทวดาคงจะร่วมแสดงความดีใจกับผมเป็นแน่
    เธอนั่งรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายอย่างใจจดจ่อ นานพักใหญ่ๆแล้วรถก็ยังไม่มีสักที คงเป็นเพราะฝนตกจึงทำให้รถติด  ดูเธอร้อนใจและรีบร้อนมาก ผมแอบมองเธออยู่ห่างๆ ท่าทางของเธอยิ่งดูก็ยิ่งน่ารัก ผมอยากจะมองดูเธออย่างนี้ตลอดไปจริงๆ
    รถเมล์ผ่านมาคันหนึ่งฝูงชนเบียดกันจนแน่นรถ ยิ่งจอดที่ป้ายนี้คนยิ่งขึ้นไปเบียดกันมากขึ้นกว่าเดิมอีกจนมีบางส่วนที่ต้องออกมาห้อยโหนเป็นลิงป่าอยู่นอกรถดูน่ากลัวว่าจะกลิ้งตกจากรถกันเป็นแถวเมื่อรถเคลื่อนตัว 
    เธอเดินไปขึ้นแท็กซี่คันข้างหลัง  คงไม่อยากขึ้นไปอัดกันเป็นปลากระป๋องบนรถเมล์นั้น (แน่อยู่แล้วล่ะ เป็นใครใครก็ไม่อยาก) ขณะที่ก้าวขึ้นรถ เธอก็เหลือบมาเห็นผมพอดี  ผมโบกมือลาเธอพร้อมกับยิ้มอายๆ  เธอยิ้มสดใสตอบแล้วขึ้นรถจากไป...
    สังหรณ์อะไรบางอย่างของผมบอกว่าผมจะไม่มีวันได้เจอเธออีก รอยยิ้มของเธอเมื่อครู่นี้ทำให้ผมใจหาย...เหมือนจะเป็นรอยยิ้มครั้งสุดท้าย
    ผมสลัดความรู้สึกบ้าๆออกไปโดยเร็วๆ...ไม่ใช่หรอกพรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้ว เธอต้องมาเรียนแน่นอน พรุ่งนี้ผมต้องได้เจอเธอ...พรุ่งนี้ผมต้องได้รู้จักได้คุยกับเธอ...ผมคิดปลอบใจตัวเองซ้ำไปซ้ำมาตลอดทางกลับบ้าน แต่มันไม่ได้ทำให้ผมสบายใจขึ้นเลย...
    ..............................
    ผมมาถึงสำนักกวดวิชาแต่เช้า  การนอนหลับสนิททั้งคืนทำให้ผมสบายใจขึ้นบ้าง และเช้าวันนี้ก็ดูจะสดใสเป็นพิเศษ  ผมนั่งมองเก้าอี้ที่ว่างเปล่าของเธออย่างมีความสุข เมื่อคืนผมฝันดีเหลือเกิน  ความฝันของผมเมื่อคืนทำให้ผมลืมความวิตกกังวลของเมื่อวานไปได้โดยสิ้นเชิง
    วันนี้แล้วสินะ วันสำคัญที่สุดของผม วันดีๆอย่างนี้ทำไมผมจะต้องมานั่งกังวลใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วยเล่า  เวลาเข้าเรียนยิ่งใกล้เข้ามาผมก็ยิ่งตื่นเต้น  ผมซ้อมบทที่จะพูดกับเธอในวันนี้คนเดียวในใจอย่างเบิกบาน
    ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว  วันนี้รู้สึกจะไม่มีใครขาดเรียนเพราะที่นั่งเต็มทุกโต๊ะ  แต่ที่นั่งตรงหน้าผมนี่สิยังไม่ปรากฏแม้แต่เงาของเธอเลย  เธอคงติดธุระอะไรบางอย่างถึงได้มาสาย วันสุดท้ายอย่างนี้เธอคงไม่ขาดเรียนแน่นอน
    แต่ถ้าเธอไม่มาล่ะ...มาสิเธอต้องมาอยู่แล้ว
    จากไม่กี่นาทีกลายเป็นชั่วโมง เธอก็ยังไม่มา  ผมเริ่มกังวลใจ เรียนไม่รู้เรื่อง  ในหัวของผมมีแต่คำว่า...เธอจะมาไหม...เธอจะเป็นอะไรหรือเปล่า...เมื่อไรจะมาสักที  วนเวียนมาเป็นรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้ในสมองของผม
    ผมทนวุ่นวายกับความโกลาหลของจิตใจไม่ไหว จึงออกมาเดินเล่นสงบอารมณ์ข้างนอก  ไม่แน่ผมอาจจะเห็นเธอกำลังเดินเล่นก่อนขึ้นเรียนก็เป็นได้
    ผมเดินเรื่อยไปยังร้านหนังสือ ในใจตอนนี้เริ่มสงบลงและเริ่มทำใจได้ว่าถ้าเธอไม่มาวันนี้ก็ไม่เป็นไร ถ้าฟ้าเห็นใจและถ้าเรายังไม่ตายจากกัน เราต้องได้พบกันอีกแน่นอน
    ตายจากกัน! ผมรู้สึกเหมือนหัวใจโดนกระตุกวูบ...
    ความรู้สึกใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มดังเช่นเมื่อวานตอนที่ลาจากเธอกลับมาอีกครั้ง...ให้ตายสิผมเกลียดที่สุดเลยความรู้สึกนี้
    ขณะนั้นเองสายตาผมก็บังเอิญไปสะดุดกับรูปของใครคนหนึ่งซึ่งคลับคล้ายคลับคลากับคนที่ผมคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฉบับบหนึ่ง  รูปของใครคนนั้นดึงดูดผมให้เข้าไปหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นขึ้นมา
    ใช่ครับ...รูปเธอไม่ผิดแน่ ข่าวและรูปของเธอลงหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ประจำวันนี้ทุกฉบับ...ผมรู้จักชื่อและรายละเอียดส่วนตัวคร่าวๆของเธอแล้ว ตลกดีเหมือนกันที่ผมรู้โดยไม่ได้ถามเอากับเธอเอง
    แต่เมื่อรู้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรอีก...ในเมื่อ ณ เวลานี้ เธอกลายเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณที่เป็นเหยื่อของแท็กซี่ทรชนนั่น
    เวลาเพียงไม่กี่นาทีที่ผมเหมือนถูกตรึงอยู่ตรงนั้น  แต่สำหรับผมมันนานเท่าชั่วชีวิตผมเลยทีเดียว ความเสียใจ ความโกรธ ความเสียดาย ความแค้น ความเศร้า วิ่งสลับสับสนอยู่ในใจของผมอย่างชุลมุน  ความหวังความฝันที่เฝ้าสร้างดูแลอย่างทนุถนอมแตกสลายพังทลายลงในพริบตา  และผมก็ยืนมองมันพังลงมาด้วยความปวดร้าวอย่างที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยอะไรได้เลย 
    จบแล้วครับ...จบทั้งที่ความสัมพันธ์ของเรายังไม่ทันจะได้เริ่มต้น
    นี่แหละครับ รักครั้งแรกของผม
    เมื่อคุณรู้สึกดีๆกับใครผมอยากให้คุณเริ่มต้นตั้งแต่วันนั้น อย่าให้ความขี้อายมาเป็นกำแพงกั้นอย่างผมเลย  อย่ารอถึงวันโน้นหรือวันไหนเพราะมันอาจเป็นวันที่สายเกินไปแล้วก็ได้
    วันพรุ่งนี้ที่คุณรอ...คุณกับเขาอาจต้องจากกันชั่วนิรันดร
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น