ความรักครั้งใหม่ หัวใจดวงเดิม
“เอ๊ะ พี่อ๊ะนี่ พูดจากันไม่รู้เรื่องเหรอยังไงนะ จิ๊บบอกแล้วยังไงล่ะว่า
เราไม่เหมาะสมกัน ดันทุรังไปก็ฝืนใจกันเปล่า ๆ เพราะ-ฉะ-นั้น
เราเลิกกันเถอะค่ะพี่อ๊ะ”
“เดี๋ยวสิจิ๊บ พี่ไม่ยอมเลิกกับจิ๊บหรอกน่ะ เรื่องอะไรมาบอกเลิกกันเฉย ๆ แบบนี้ หรือว่า
จิ๊บพบคนที่ดีกว่าพี่แล้ว ใช่ไหมจิ๊บ บอกพี่มา
ใช่ไหม???”
“ใช่ค่ะ หล่อกว่า รวยกว่า และเก่งกว่าพี่อ๊ะตั้งเยอะเลยด้วย แค่นี้ใช่ไหมค่ะที่พี่อ๊ะอยากรู้
เอาล่ะ ปล่อยจิ๊บได้แล้ว ปล่อยจิ๊บนะ”
“อ๋อ
ที่แท้
ก็มีทางเลือกใหม่นี่เอง งั้นก็เชิญไปเลย ไปเซ๊ะ
ไปเล้ย
ไป
ไป๊
” อธินตะโกนไล่เสียงดัง
“ไปแน่ค่ะ ไม่ต้องมาไล่จิ๊บหรอก ยังไง ๆ จิ๊บก็ต้องไปอยู่แล้วล่ะค่ะ แล้วก็
” จรินดาถอดแหวนจากนิ้วนางข้างซ้าย และส่งคืนให้ “เอาคืนไป จิ๊บไม่ต้องการมันอีกแล้ว ลาก่อนค่ะพี่อ๊ะ”
“
” อธินรับแหวนมาจากจรินดาอย่างเงียบ ๆ และไม่เสียงเล็ดลอดออกมาจากปากของเขาแม้แต่นิดเดียว
“ลาก่อน และขอให้พบคนที่ดีกว่าจิ๊บนะค่ะพี่อ๊ะ แต่เอ
จิ๊บคิดว่าคงจะอีกนานเลย
จริงไหมค่ะพี่อ๊ะ ฮิ ฮิ ๆ ๆ ๆ”
จรินดาหันหลังกลับ และรีบเดินไปหานักศึกษาหนุ่มลูกครึ่งอีกคนหนึ่ง ซึ่งยืนอยู่ที่ Park ฝั่งตรงข้ามกับตึกเรียนของนักศึกษาที่เดินสวนกันไปสวนกันมา เพราะต่างคนต่างก็รีบเดินเข้าเรียนกันอย่างรีบเร่ง ด้วยความกลัวว่าจะไม่ทันเข้าเรียน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อธินเดินหน้าจ๋อยกลับเข้ามานั่งในโรงอาหาร ซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของมหาลัย กลุ่มเพื่อน ๆ ต่างสงสัยกันใหญ่ว่าทำไมตอนไป ๆ กันสองคน แต่ตอนกลับ ๆ มาแค่คนเดียว
“เฮ้ย ไอ้อ๊ะ แล้วน้องจิ๊บคนสวยไปไหนเสียแล้วล่ะเพื่อน” กิตติเพื่อนสนิทของอธินทัก
“เออว่ะ น้องจิ๊บคนสวยหายไปไหนว่ะ ไอ้อ๊ะ เฮ้ย
ไอ้อ๊ะ
” เพื่อนอีกคนหนึ่งเรียกซ้ำ
“อย่าถามได้ไหม รำคาญ อยากอยู่เงียบ ๆ“
“อ้าว
เฮ้ย
อยากอยู่เงียบ ๆ แล้วเดินมาตรงนี้ทำไมว่ะ ไอ้
อ๊ะ
” กิตติด้วยความสงสัย เพราะเขารู้สึกว่าเพื่อนรักของเขาแปลกไปเพียงเวลาผ่านไปไม่นาน “มีอะไรเหรอเปล่า บอกพวกเราได้นะเพื่อน”
“นิดหน่อยว่ะ เย็นนี้นายว่างป่าวว่ะ ไปดริ้งกันหน่อยดีกว่าซิ”
“ก็ว่างอ่ะน่ะ นายถามทำไม
”
“ดีเลย
งั้นเย็นนี้เจอกันที่ร้านเก่านะเพื่อน ข้าไม่ไหวแล้วว่ะ ตอนนี้ข้ารู้สึกเฮริต์สุด ๆ เลย เฮ้อ
ข้าอยากกลับไปนอนพักที่บ้านมาก ๆ เลยตอนนี้
” อธินพูดแบบหมดอาลัยตายอยาก พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“โอเค. เดี๋ยวเย็นนี้เจอกัน” กิตติรับคำกับอธิน ก่อนที่อธินจะเดินไปที่รถและขับออกจากมหาลัยไปอย่างรวดเร็ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภายในผับวัยรุ่นหนุ่มสาวกำลังดีดดิ้นกันด้วยความเมามันส์ในอารมณ์ แต่โต๊ะของอธินกับกิตติกลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
“เบา ๆ หน่อยไอ้อ๊ะ เดี๋ยวก็เมาหัวทิ่มตรงนี้หรอก” กิตติเริ่มทักท้วงอธิน เพราะเพื่อนหนุ่มเล่นดื่มเหล้าหยั่งกับดื่มน้ำเปล่าหยั่งงั้นแหละ
“ข้าไม่ม่ายเว้ย
ไม่มาว
เล้ย
” อธินตอบเสียงอ้อแอ้ เพราะฤทธิ์เหล้า
“เออ
ไม่เมาก็ไม่เมา ว่าแต่นายเล่าให้ฟังได้เหรอยังว่ะ ว่าทำไมถึงได้ชวนข้ามาดริ้งยังงี้”
‘มันช่างไม่รู้ใจเอาซะเลย เพื่อนโดนทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ ยังจะคะยั้นคะยอถามอยู่ได้ โธ่เว้ย
คนยิ่งกำลังเฮริต์ ๆ อยู่’ อธินนึกในใจ
“บอกก็ด้าย
ข้าเพิ่งอกหักมา คราวนี้ด้าย
ยินเต็มสองรูหูเหรอยาง
ว่าข้าเพิ่งอกหักมา
ได้ยินไหมว่า
” อธินตะโกนเสียงดัง จนคนที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ หันมองมาด้วยความสงสัยบ้าง ตำหนิบ้าง
กิตติรีบปิดปากเพื่อนตัวแสบที่กำลังเมาเพราะน้ำเหล้าทันที
กิตติกระซิบข้างหูอธิน “เบา ๆ โว้ย
ไอ้อ๊ะ ข้ารู้แล้ว ไม่ต้องตะโกนเสียงดังก็ได้ ข้าได้ยินเต็มสองรูหูแล้ว เข้าใจไหม??? แล้วข้าขอร้องไว้อย่างนึงเลยนะโว้ย
ถ้านายยังอยากให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนปลอบใจนายอยู่ละก็ ขอร้อง
อย่าตะโกนแบบนี้อีก เกรงใจโต๊ะข้าง ๆ บ้าง ข้าไม่อยากมีเรื่องนะโว้ย
ไอ้อ๊ะ เข้าใจไหม??? เข้าใจเหรอเปล่า???” อธินพยักหน้ารับ กิตติจึงเอามือออกจากปากเขา
“ข้าขอโทษ ตอนนี้คนมันกำลังอกหัก ก็เลย
ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่น่ะ ข้าขอโทษนะ” อธินรู้สึกตาสว่างขึ้นมาทันที
“ดีแล้ว
ยังดีน่ะ ที่นายยังมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง ไม่หยั่งงั้น
ข้าคงจะกลับ แล้วปล่อยนายให้นอนเมาหยำเปอยู่ตรงนี้แหละ”
“ขอบใจว่ะเพื่อน แล้วต่อไปนี้ ข้าไม่รู้ว่า
จะทำตัวยังไงดี เวลาที่ข้าเจอจิ๊บเดินกระหนุงกระหนิงอยู่กับหนุ่มคนอื่นน่ะ ไอ้ติ
”
“ก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ อยู่เฉย ๆ เรื่องมันก็จะดีขึ้นเองแหละ เชื่อข้า” กิตติให้คำแนะนำ
“ข้ากลัวทำไม่ได้ว่ะ ข้าไม่มั่นใจเลยว่าจะทำได้” เอามือกุมหัวใช้ความคิด
“มั่นใจหน่อยเพื่อน ข้าเชื่อ
นายทำได้แน่นอน” กิตติตบไหล่ให้กำลังใจ
“ข้าจะพยายาม ก็นายลองคิดดูซิ นายอธิน วุฒิกานต์ นักศึกษาปีสาม คณะนิเทศฯ ผู้ที่แสน
จะป๊อบในหมู่สาว ๆ จนสาวเล็กสาวใหญ่ต่างก็รุมจีบกันนักกันหนาน่ะ อกหักโว้ย
อกหัก โอ้ย
คิดแล้วกลุ้มใจ ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนว่ะเนี่ยะ”
“ก็ไว้บนหัวนายเหมือนเดิมนั่นแหละ อย่าคิดมาก ข้าเชื่อว่าทุกอย่างคงไม่เลวร้ายอย่างที่คิดหรอก”
“เออ
ขอบใจมากเลยว่ะ สำหรับคำแนะนำที่ดูเหมือนจะดี แต่
” อธินพูดประชดเพื่อนรัก
“นายไม่ต้องพูดดีกว่า ข้าว่า
นายคิดเองเป็น และรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่ตอนนี้ข้าว่าเรากลับบ้านกันดีกว่าว่ะ พรุ่งนี้มีเรียนเช้าด้วย เดี๋ยวตื่นไม่ไหวว่ะ”
ซึ่งอธินก็เห็นด้วย ก่อนจะเรียกพนักงานมาเก็บเงินที่โต๊ะ และต่างแยกย้ายกันกลับบ้านของใครของมัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เวลาผ่านไปได้เดือนกว่า เรื่องของอธินกับจรินดาก็เงียบลง เพราะเพื่อน ๆ ของอธินต่างช่วยกันแก้ช่วยกันแต่งเรื่องของทั้งสองคนเอาไว้ ว่าทั้งสองต่างเลิกกันด้วยความเข้าใจ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว ฝ่ายหญิงเป็นคนบอกเลิกต่างหาก
ดูเหมือนว่าฝ่ายหญิงเอง ก็ขี้เกียจจะแก้ไขเรื่องที่เพื่อน ๆ ของอธินแต่งขึ้นด้วย เพราะมัวแต่หลงอยู่กับแฟนหนุ่มลูกครึ่งอยู่ จึงทำให้เรื่องนี้เงียบเร็วขึ้นไปอีก
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“เฮ้ย
ไอ้อ๊ะ คราวหน้าถ้านายจะมีรักครั้งใหม่ นายจะเลือกผู้หญิงแบบไหนว่ะ” กิตติถาม
ขณะที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มของอธินนั่งกินข้าวกันที่โรงอาหารเดิมอยู่นั้น สายตาก็ต้องสะดุด เพราะสายตาเหลือบไปเห็นสาวน้อยหน้าแฉล้มคนหนึ่งเดินมากับกลุ่มเพื่อน ๆ ประมาณแปดเก้าคน
“บอกไม่ถูกว่ะ แต่ถ้าปิ๊งตั้งแต่แรกพบเมื่อไหร่ล่ะก็
ใช่เลย” อธินบอก
“เฮ้ย ๆ ไอ้อ๊ะ จะใช่คนนี้เหรอป่าวว่ะ” เพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างชี้ให้อธินกับกิตติดูสาวน้อยที่กำลังเดินตรงมาที่โต๊ะของพวกเขา
“คงใช่มั้ง” อธินตอบทีเล่นทีจริงไปอย่างงั้น
“ไม่ได้โว้ย
ไม่ได้
คนนี้ข้าขอโว้ย
” กิตติห้ามเสียงเข้ม
“ทำไมว่า หรือว่าเป็นเด็กของเอ็งเหรอยังไง ไอ้ติ” เพื่อน ๆ ถามอย่างสงสัย
“ไม่ใช่ แต่นั่นน่ะ น้องสาวข้าเอง” แค่เนี่ยะ เพื่อน ๆ ถึงกับนั่งปากหวอกันเป็นแถบ ๆ จะมีใครเชื่อบ้างล่ะว่า นายกิตติจอมเจ้าชู้คนนี้ จะมีน้องสาวน่ารัก ๆ แบบนี้
“ไม่น่าเชื่อเลยว่ะ ว่านายจะมีน้องสาวกับเขาด้วยเหมือนกัน” อธินแซว
“มี แต่ไม่อยากบอกโว้ย
กลัวพวกเสือสิงห์กระทิงแรดแถวนี้มันจะทำให้เด็กเสียว่ะ”
คำพูดของกิตติทำให้เพื่อน ๆ ต่างสงบปากสงบคำเป็นแถว ๆ เพราะกลัวว่าตัวเองพูดมากไปกว่านี้ จะเข้าเนื้อตัวเองเสียเปล่า ๆ
“สวัสดีค่ะพี่ติ” สาวน้อยหน้าใสทักพี่ชายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ว่าไงยัยกัล มาตามตัวพี่เนี่ยะ ต้องมีอะไรแน่ ๆ เลยใช่ไหม” เขาถามอย่างรู้ทัน
“มีค่ะ ถ้าไม่มี ก็คงไม่อยากมานักหรอก เปลือง
แถมเหนื่อยฟรี ๆ เหนื่อยเปล่า ๆ อีกต่างหาก” กัลยาตอบแบบกวน ๆ
“แล้วอะไรล่ะ รีบ ๆ บอกมา จะได้รีบ ๆ ไป ขี้เกียจฟังเธอบ่น” กิตติก็ตอบกวน ๆ กลับเหมือนกัน
“แม่บอกว่าวันนี้เลิกเรียนแล้ว ให้รีบกลับบ้านด้วย เพราะพี่ไม่ค่อยกลับบ้านไปให้แม่เห็นหน้าเห็นตาเลย แม่ก็เลยฝากกัลมาบอกพี่ อืม
คงกลัวว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจะไปนอนเมาค้างอยู่แถวข้างทางแถวไหนละมั้ง เลยให้เรามาตามกลับบ้านด่วน” ทำเอาเพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่ขำกันไปตาม ๆ กัน
“รู้แล้ว ๆ ไปได้แล้ว หมดธุระแล้วนี่ กลับไปได้แล้ว” เพราะไม่อยากให้พวกนี้ มองน้องสาวตัวเองนาน ๆ
“ค้า
ไปก็ได้” สะบัดหน้าพรืด และเดินออกไปทันที
พอกัลยาเดินไปไกลแล้ว เพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างต่อว่ากิตติกันใหญ่ ที่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทำความรู้จักกับน้องสาวเลย
“ไม่เอาโว้ย
ข้าบอกแล้วไง พวกนายน่ะไม่น่าไว้วางใจ ข้ากลัวน้องสาวข้าจะถูกหลอกว่ะ” กิตติท้วงขึ้น
“เออ
ทำเป็นหวงไป แล้วพอน้องสาวเอ็งไม่มีแฟน อย่าง้อให้พวกข้าก็แล้วกัน ไปพวกเรา
ไปเรียนดีกว่า” เพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างทยอยกันลุกจากโต๊ะ จนเหลือแต่อธิน เพราะกิตติเรียกเอาไว้
“เฮ้ย
ไอ้อ๊ะ คืนนี้นายไปนอนค้างบ้านข้าหน่อยสิ”
“ทำไม มีอะไรเหรอ” อธินถามด้วยความสงสัย
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่นายไปนอนค้างบ้านข้าหน่อยนะ รู้สึกสังหรณ์ใจยังไงชอบกลไม่รู้ว่ะ”
“เออ
ได้สิ แต่น้องสาวปากตะไกรของนาย คงไม่ว่าอะไรใช่ไหม???” แค่คิดก็แหยง ๆ แล้ว ผู้หญิงอะไร หน้าตาก็น่ารักดีหรอก แต่ปากโคตรคมเลย
“ลองว่าดูสิ จะไม่กลับไปนอนบ้านอีกเลยคอยดู” กิตติบอก
“เออ
เอาเข้าไป ข้าว่านะ เอ็งน่ะตัวหาเรื่องทะเลาะกับน้องมากกว่าน่ะ” อธินแหย่เล่น
“โอ้ย
ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ปวดหัวชะมัด เข้าเรียนกันเหอะไอ้อ๊ะ”
อธินและกิตติเข้าห้องเรียนสายอีกตามเคย ทำให้โดนอาจารย์จอมเฮี้ยบตัดจิตพิสัยไปคนละสองคะแนน ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้วสำหรับพวกเขา เพราะเวลาสอบปลายภาค ทั้งอธินและกิตติก็สอบได้เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าสามอยู่ดี
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้วครับแม่
แม่
” กิตติเรียกผู้เป็นมารดา ซึ่งกำลังเดินลงมาจากข้างบนชั้นสองของบ้าน
“กลับมาแล้วเหรอตาติ แหม
หายหน้าหายตาไปซะนานเลย ผอมลงไปตั้งเยอะเลยนะตาติ เอ้อ
นี่ถ้าแม่ไม่สั่งให้ยายกัลไปตาม เราก็คงไม่กลับบ้านใช่ไหม??? ตาติ
ฮึ
” ผู้เป็นมารดาตัดเพ้อ
“โธ่
แม่ก็
อย่าคิดมากซิครับ ไม่ใช่อย่างนั้นซักกะหน่อย เพียงแต่ช่วงนี้ผมมีรายงานเยอะ เลยไม่ค่อยได้กลับบ้านก็เท่านั้นเอง” แต่สีหน้าผู้เป็นมารดาก็ยังไม่ดีขึ้น “อ๋อ
นี่ผมรู้แล้ว ยัยกัลคงเอาอะไรมาเป่าหูแม่อีกแล้วใช่ไหมครับเนี่ยะ”
“เปล่าจ๊ะเปล่า เพียงแต่แม่คิดถึงเรานะตาติ
อ้าว
แล้วนั่นใครล่ะนั่นน่ะ” คงเป็นเพราะสายตาของเธอไม่ทันได้เหลือบไปมองคนที่อยู่ข้างหลังกิตติ ซึ่งกำลังพนมมือไหว้เธอย่างเก้อ ๆ อยู่
“สวัสดีครับ” อธินยกมือไหว้แม่ของกิตติอย่างนอบน้อม
“อ้าว
สวัสดีจ๊ะพ่อคุณ ขอโทษทีนะจ๊ะ ที่ไม่ทันได้สังเกต เพราะมัวแต่ต่อว่าพ่อตัวดีอยู่น่ะ”
“ไม่เป็นครับ” อธินยิ้มเล็กน้อย
“แม่ครับ นี่อธิน เพื่อนสนิทที่มหาลัยครับ” กิตติแนะนำ
“อ้อ
เหรอจ๊ะ เอ
ว่าแต่ว่า
วันนี้ทำไมพาเพื่อนมาด้วยล่ะจ๊ะ” ผู้เป็นมารดาถาม
“พอดี
นายอ๊ะต้องทำรายงานคู่กับผมน่ะครับ คือ
มันยังไม่เสร็จ ก็เลย
คิดจะมาทำต่อที่บ้านน่ะครับคุณแม่”
“งั้นเหรอจ๊ะ อืม
” ผู้เป็นมารดาหยุดพูดไปซักพักนึง ก่อนจะพูดต่อ “งั้นดีเลยจ๊ะ เพราะวันนี้พ่อของเราก็ไม่อยู่บ้านซะด้วย ส่วนยายกัลก็ไปทำรายงานบ้านเพื่อน คงจะกลับดึก ๆ หน่อย ดีเลย
แม่จะได้มีเพื่อนกินข้าว” กิตติลอบถอนหายใจ เพราะนึกว่าจะโดนซะแล้ว
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ พอถึงเวลากิน ค่อยลงมาก็แล้วกันนะครับ” ผู้เป็นมารดาพยักหน้ารับ
เมื่ออธินกับกิตติขึ้นไปข้างบนห้องนอนของกิตติเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองถึงกับโล่งใจขึ้นมาทันที เพราะกลัวจับได้ว่า
ตัวเองโกหกว่าอธินมาทำรายงาน แต่จริง ๆ แล้ว อธินมาเป็นเพื่อนเขาต่างหาก
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อาหารมื้อเย็นในวันนี้ เป็นบรรยากาศที่ดูเหมือนจะดี แต่พอเอาเข้าจริง ๆ อธินกับกิตติก็ต้องคอยระวังตัวแจและไม่ทำตัวให้มีพิรุธ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
“โอ้ย
เหนื่อยว่ะ” กิตติทิ้งตัวลงนั่งลงบนเก้าอี้ ซึ่งอยู่ในสวนดอกไม้หน้าบ้าน
“เหนื่อยอะไรว่ะ” อธินถามด้วยความสงสัย
“เหนื่อยที่ต้องทำตัวเป็นเด็กเจี๋ยมเจี้ยมต่อหน้าแม่ว่ะ”
“เฮ้ย
ข้าว่า
นายคิดมากไปเองมากกว่า อีกอย่างน่ะ ที่แม่นายเรียกนายมาวันนี้ ก็เพราะคิดถึงนายนะไอ้ติ” อธินเตือน
“ข้าเข้าใจ แต่ข้าก็อยากมีอิสระบ้างว่ะ นายรู้ไหม เวลาที่ข้าอยู่กับแม่ ข้ารู้สึกเหมือนเด็กอ่อนมาก ๆ เลยว่ะ”
“อืม
ข้าคิดว่า
นายควรจะไปเข้านอนดีกว่านะ ข้าขี้เกียจฟังแล้วว่ะ เบื่อ
เด็กดื้อ
” อธินแซวเล็ก ๆ
“เออ
อย่าให้นายเป็นอย่างข้าบ้าง ให้มันรู้ไป” กิตติพูด แล้วเดินเข้าบ้านไปทันที
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ลมพัดไปเอื่อย ๆ อ่อน ๆ จนทำให้อธินเคลิ้ม จนไม่ได้ยินเสียงรถคันหนึ่ง ซึ่งกำลังแล่นเข้ามาจอดภายในบ้านของกิตติ
‘อ๊ะ
พี่ติกลับบ้านแล้วเหรอเนี่ยะ ทำไมเร็วจัง แต่ก็ดี แม่จะโดนแม่บ่นซะบ้าง เวลาไม่อยู่ เราฟังแม่บ่นคิดถึงพี่ติซะจนหูเนี่ยะชาไปหมดแล้ว เอ้อ
ที่แท้
นั่งอยู่ตรงนั้นเอง อย่างนี้ต้องไปเยาะเย้ยซักหน่อย’ กัลยาคิดในใจ
กัลยาเดินเข้าไปหาผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งกำลังนั่งหันหลังอยู่ในสวน “พี่ติ เป็นไง โดนแม่บ่นซะยับเยินเลยล่ะซิ ใช่ไหมพี่ติ??? ฮิ ๆ ๆ ๆ ดี
สมน้ำหน้า
อยากหายหน้าหายตาไปนานดีนัก โดนแม่บ่นซะบ้าง จะได้รู้สึกตัวว่า
น้องนุ่งเค้าลำบาก เวลาที่ตัวเองไม่อยู่บ้านน่ะ”
“
” ไม่มีเสียงตอบ
“เอ๊ะ ไม่ได้ยินที่กัลพูดเหรอยังไงน่ะ พี่ติ
” พลางกระชากไหล่ผู้เป็นพี่ชายให้หันกลับ
แล้วเธอก็ต้องหน้าแตกเสี่ยง ๆ เพราะคนที่เธอเข้าใจว่าเป็นพี่ชายนั้น กลับกลายเป็น ‘อธิน’ เพื่อนพี่ชานของเธอ
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ ฉันนึกว่า
” กัลยาขอโทษแบบไม่มองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอ
“คุณนึกว่า ผมเป็นพี่ชายของคุณ เฮ้อ
แต่ก็ดีนะครับ ที่รู้ซะตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อย่างงั้น
ผมคงโดนคุณด่ายับแน่ ๆ เลย”
“เอ๊ะ คุณนี่ ก็ฉันขอโทษแล้วยังไงล่ะ จะเอายังไงอีก” เธอเริ่มมีอารมณ์ฉุนนิด ๆ
“โอ๊ะ ๆ ๆ ๆ อย่าโกรธซิครับ เดี๋ยวหน้าไม่สวย แถมยังจะแก่เร็วอีกต่างหากนา
ไม่เอาน่ะ ๆ“
“ธุระไม่ใช่ ไม่ต้องมาบอก ขอบใจย่ะ” แล้วเดินเข้าบ้านไป
‘เออ
ดีโว้ย
ผู้หญิงคนนี้ น่าสนใจดี ไม่แน่
อาจจะมาเป็นแฟนของเราในอนาคตก็ได้’ อธินนึก และเดินเข้าบ้านตามไปอีกคน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
และดูเหมือนฟ้าจะเป็นใจให้อธินได้เจอกับกัลยาบ่อย ๆ ที่มหาลัย และถึงแม้ว่าเค้าทั้งสองจะมีการปะทะคารมกันบ้าง แต่มันก็ทำให้ความรักก่อตัวขึ้นภายในใจของทั้งสองคน แต่ก็ไม่ลอดพ้นสายตาของกิตติไปได้
“เฮ้ย
ไอ้อ๊ะ นายชอบยัยกัลหรือเปล่าว่ะ ตอบมาตามตรงนะเฟ้ย
” กิตติถามเพื่อนรักอย่างตรงไปตรงมา
“เอ่อ
คือว่า
ข้าชอบน้องกัลจริง ๆ ว่ะ ไอ้ติ แกคงจะไม่กีดกันข้าหรอกนะ” อธินหน้าม่อยลงไปทันที
“ไม่ขัดขวางหรอก แต่เจ้าตัวเขารู้หรือเปล่า ว่านายชอบเค้าน่ะ” กิตติถาม
“ยังว่ะ”
“เฮ้อ
ดีน่ะ ชอบเขา แต่ไม่ยอมบอก เฮ้อ
ข้าล่ะเหนื่อยใจแทนนายจริงว่ะ”
“ก็ข้าไม่รู้ว่าจะบอกรักน้องเค้ายังไงนี่นา” หน้าของอธินเริ่มแดงขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นบอกกับเจ้าตัวเค้าแล้วกัน ยายกัลออกมาได้แล้ว ไม่ต้องหลบหรอก มานี่
” กิตติเรียกผู้เป็นน้องสาวให้ออกมาจากหลังต้นไม้ “ข้าไปก่อนนะ ตกลงกันเองล่ะ”
“เอ่อ
คือว่า
” ทั้งสองพูดพร้องมัน
“พี่อ๊ะพูดก่อนสิค่ะ” กัลยาให้กิตติพูดก่อน
“ก็ได้” พลางเอื้อมมือไปกุมหลังมือเล็ก ๆ ของกัลยาเอาไว้หลวม ๆ
“พี่ชอบกัล กัลล่ะ ชอบพี่บ้างหรือเปล่า???” บ้าคนอะไร พูดโต้ง ๆ แบบนี้ เธอก็อายแย่ซิ คนบ้า
“กัลไม่ขอตอบได้ไหมค่ะ”
“ทำไมล่ะ” สีหน้าของอธินซีดลงไปถนัดตา
“เพราะถ้ากัลไม่รักพี่อ๊ะ กัลคงไม่ยอมให้พี่จับมือกัลอย่างนี้หรอกค่ะ” กัลยาตอบ หน้าของเธอแดงระเรื่อด้วยความอาย
“ขอบใจนะกัล พี่จะรักษาความรักของเราให้ยาวนานที่สุดเลย” กัลยาเอานิ้วแตะริมฝีปากอธินเบา ๆ แต่มันกลับกลายเป็นว่า ทำให้ชายหนุ่มดึงมือเธอมาจูบอย่างง่าย ๆ
“บ้า
พี่อ๊ะ เดี๋ยวคนมองมาน่ะค่ะ กัลอาย
” เธอแย้ง
“ไม่เห็นต้องอายเลย คนรักกัน ก็ต้องแสดงความรักกันบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาออกกัล
” กัลยาตีแขนอธินดังเพี้ยะ
“บ้า หยุดพูดหวาน ๆ ได้แล้ว อุ๊ย
พี่อ๊ะ ดูนั่นสิค่ะ พี่ติตัวแสบมาแอบมองเราค่ะ”
“ไม่เป็นไร พี่จัดการเอง” ว่าแล้วอธินก็วิ่งไล่จับเจ้าเพื่อนตัวแสบทั้งหมดจนครบ แล้วเขกหัวเจ้าเพื่อนตัวแสบกันคนละโป๊กสองโป๊กเป็นการสั่งสอนที่มาแอบมองคนเค้ากำลังรักกันอยู่ ขัดจังหวะจริง ๆ เลย เจ้าพวกนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น