สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสละราชสมบัติ บุตร และภริยาอันเป็นที่รักยิ่ง เพื่อออกแสวงหาภิเนษกรมณ์ พระองค์ทรงเพียรพยายามอยู่นานถึง ๖ ปี จึงบรรลุปรมานุตราภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณใต้ควงไม้ศรีมหาโพธิ์ เมื่อยามอรุณรุ่งอรุโณทัย จากนั้นพระองค์จึงเสด็จไปแสดง ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตํ เพื่อโปรดเหล่าพราหมณ์ทั้ง ๕ ณ บัดนั้น ย่อมถึงแก่กาลได้ชื่อว่า “ล้อพระธรรมจักร หมุนเคลื่อนแล้ว” ทั้งเกิดสังฆรัตนะพร้อมกันด้วย ทำให้พระไตรรัตน์ถึงพร้อมด้วยองค์ ๓ นับแต่นั้น
         
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นนักจิตวิทยาศาสตร์ที่ชาญฉลาด พระองค์ทรงกำหนดรู้ว่ามนุษย์ทั้งหลายย่อมมีความทุกข์เสมอกันหมด ความทุกข์เหล่านั้นคือ ความทุกข์จากการเกิด ความทุกข์จากการแก่ ความทุกข์จากความเจ็บไข้ไม่สบายกายไม่สบายใจ ความทุกข์จากการตายพลัดพรากจากกัน ความทุกข์จากการไม่สมหวังในสิ่งอันหวังไว้ เมื่อมนุษย์ทั้งหลายประสบความเศร้าดังนี้แล้ว ความโศกเศร้าโสกปริโทมนัสสุปายาสาปิทุกขาย่อมท่วมท้นสู่หัวใจให้ใบหน้าน้ำตานอง
          พระองค์ทรงตั้งข้อสังเกตต่อไปว่า
มนุษย์ทั้งหลายมีความทุกข์เพราะตัณหาเป็นสำคัญ เมื่อมนุษย์มีตัณหาแล้วย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน เกิดภพ เกิดชาติ เกิดชราและมรณะ เมื่อมนุษย์ทั้งหลายเกิดชราและมรณะแล้ว โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาส ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวล ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ อุปมาอาศัยน้ำมันและไส้ ประทีปน้ำมันจึงลุกโพลง หากบุรุษใดพึงเติมน้ำมันคือตัณหาอยู่เรื่อยไปมิจบสิ้น ฉันใด แสงไฟคือความทุกข์ความเศร้าน้ำตานองทั้งมวลก็พึงเกิดแก่บุรุษนั้นเรื่อยไปมิจบสิ้น ฉันนั้น
          สมเด็จพระชินสีห์บรมสุคตทรงแสดงธรรมแก่ส่ำสัตว์ทั้งหลายว่าสัตว์ทั้งหลายย่อมมีความทุกข์(ทุกฺขํ) เพราะตัณหาเป็นบ่อเกิด (สมุทัย) เมื่อดับตัณหาย่อมถึงความสิ้นทุกข์ (นิโรธ) ทั้งความสิ้นทุกข์ทั้งหลายนั้นย่อมประกอบไปด้วยมรรคมีองค์ ๘ (มคฺค) โดยสั่งสอนให้มนุษย์ทั้งหลายฝึกตนในเบื้องต้น คือ การทำทาน เพราะการทำทานย่อมเป็นบ่อเกิดให้บารมีทั้ง ๑๐ ประการครบถ้วนสมบูรณ์ จากนั้นให้มนุษย์ทั้งหลายฝึกรักษาศีล มีเบญจศีลเป็นต้น เพราะการรักษาศีลย่อมเป็นปัจจัยให้ผู้อื่นรักใคร่ มีความสุขทั้งปัจจุบันภพ และปรภพ เมื่อบุคคลฝึกอบรบตนด้านทานและศีลแล้ว ลำดับต่อไปคือการเจริญสมาธิ อันเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา เพราะเมื่อบุคคลมีจิตตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์และกิเลสชาติแล้ว บุคคลนั้นย่อมมีปัญญารู้แจ้งแทงตลอดในข้ออรรถข้อธรรมทั้งหลายอันองค์สมเด็จพระชินวรได้ตรัสรู้แล้ว
          พระพุทธเจ้าเป็นผู้เสียสละอย่างยิ่งยวด พระองค์สู้อดส่าห์เหนื่อยยากลำบากกายบำเพ็ญบารมีถ้วน ๔ อสงไขยกัปป์แสนกัปป์ ส่วนพระสงฆ์เป็นสาวกแลพุทธบุตรแห่งสมเด็จพระศากยชิโนรสอันรักษาพระธรรมคำสั่งสอนแห่งองค์พระสุคตเจ้า เพื่อแสดงแก่พุทธบริษัทตลอดสิ้น ๕,๐๐๐ พระวัสสา
          กงล้อพระธรรมจักรหมุนนับได้ถึง ๒,๕๙๑ พรรษกาลแล้ว ทั้งยังต้องหมุนอยู่เรื่อยไปตราบเท่าส่ำสัตว์ยังทุกข์อยู่
          กงล้ออื่นใดในโลกนี้ เมื่อหมุนเดินหน้าแล้ว ย่อมอาจหมุนกลับหลังได้ตลอด แต่กงล้อพระธรรมจักรแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค เมื่อหมุนเดินหน้าแล้ว มิอาจหมุนกลับหลังได้เลย
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น