ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง บรรยากาศในโรงเรียนจ๊อกแจ๊กไปด้วยเหล่าเด็กนักเรียนทั้ง ม.ต้นและม.ปลาย  ภายในห้องเรียนม.4ห้องหนึ่ง
วันหนึ่งฉันได้รับข่าวจาก  บอย เพื่อนชายในห้องแน่นอนว่ามันเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นและน่าประหลาดใจ
“  หามีคนชอบน้ำเหรอใครอ่ะ บอกหน่อยซิ ”  ฉันซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับน้ำรู้สึกว่า ใครกันน้าที่มาชอบน้ำ
“  น้ำมีคนขอเบอร์หน่ะ”  บอยได้ไปบอกน้ำด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ก็อยากรู้คำตอบของน้ำเค้าเหมือนกันหน่ะ
“ ใครขออ่ะ”  แน่นอนว่าน้ำก็ถามคำถามเดียวกับฉัน  แต่น้ำนั้นกลับรู้สึกตื้นเต้นมากกว่าฉันเสียอีก
ฉันกับน้ำก็รอฟังคำตอบของบอยอย่างใจจดใจจ่อ 
“  เอ  ห้อง 3  รู้จักมั้ย”  บอยถามพร้อมกับรอคำตอบน้ำเรื่องที่ขอเบอร์ แต่น้ำเธอกลับขอที่จะเห็นหน้าคนที่มาชอบเธอก่อน
“  อ้อ เรารู้จัก” ฉันอุทานพร้อมกับนึกขันอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นนายคนนี้ 
“  ไม่ค่อย หล่อ หรอกนะตัวคำๆ” ฉันตอบแบบเป็นห่วงน้ำ  ไม่หล่อน้ำจะชอบเหรอ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้ำคิดยังไง เพราะฉันชอบคนผิวขาวมากกว่า
“ อยากเห็นจัง พาไปดูหน่อยได้มั้ย”  ฉันเข้าใจความรู้สึกน้ำ ว่าคนคนที่มาแอบชอบเราจะหน้าตาเป็นไงบ้างนะ เลยรับปากน้ำไปว่าจะชี้ให้ดู
“ เอ เค้าชอบอยู่ที่ห้องสมุดตอนกลางวัน นะ”
“ งั้นพาไปดูตอนกลางวันเลยได้มั้ย”
“ เอ๋!  วันนี้เลยเหรอ”  ฉันก็ตอบ ตกลงเพราะปกติตอนกลางวันฉันก็ไปห้องสมุดเป็นประจำอยู่แล้ว
“ งั้นกินข้าวเสร็จเจอกันนะ” น้ำบอกพร้อมกับสีหน้าอันดีใจ และใคร่รู้
ถึงในห้องฉันสนิทกับน้ำก็จริงแต่ตอนกินข้าวนั้นน้ำก็จะไปกินกับเพื่อนมอต้นฉันเองก็เช่นเดียวกัน
“กินเสร็จแล้วน้ำจะไปหรือยังหล่ะ” ฉันเดินมาหาน้ำที่โต๊ะอาหาร
“ไปๆ”  น้ำรีบคว้ากระเป๋านักเรียนพร้อมกับบอกเพื่อนที่ยังกินไม่เสร็จว่าไปก่อนนะ
เมื่อถึงห้องสมุดฉันก็ได้ถามเพื่อนชายต่างห้องว่า “เอ คนไหนอ่ะ”เพราะฉันก็จำหน้าเอไม่ค่อยได้เหมือนกัน
“อยากรู้ไปทำไมเหรอ
” โก้อมยิ้มและมองฉันแปลกๆ
“ก็มีคนบอกว่าเค้าชอบเพื่อนเรา เพื่อนเราเค้าอยากเห็นหน่ะว่าคนไหน”
“อ้อ คนนั้นไงล่ะ ใส่แว่นหน่ะ” โก้ชี้ไปยังผู้ชายคนหนึ่ง
“เหรอขอบใจนะ” ฉันกวักมือเรียกน้ำให้มาดูเอ
“คนนี้เหรอชื่อ เอ” น้ำได้บอกกับฉันว่าก็ชอบคนนี้เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร
หลังจากนั้นน้ำผู้ไม่เคยมาเข้าห้องสมุด กลับขยันที่จะมาเจอหน้าเอทุกกลางวันเลยทีเดียวจนฉันรู้สึกแปลกใจ
น้ำได้แกล้งไปหาหนังสือที่ชั้นเพราะเอ ก็อยู่แถวนั้น
“จะยืมหนังสือเล่นนี้อ่ะ ทำไงดีไม่มีบัตรห้องสมุด”น้ำพูดกับฉันค่อนข้างเสียดังเผื่อ เอจะได้ยิน
“เหรอเราก็ไม่มีถามบอยดูซิ”
“บอยๆมีบัตรห้องสมุดมั้ย”
“ไม่มีอ่ะ เอมีจะขอยืมให้เอามั้ย”
น้ำรีบตอบใหญ่ว่าไม่เป็นไรหรอก
เอนั้นก็ได้ยินที่น้ำพูด จึงเสนอตัวเข้ามาช่วยพร้อมกับไปยืมให้ที่เคาเตอร์
“นี่ หนังสือ” เอยิ้มเขินท่าทางจะอายน้ำซะแล้วซิ
“ขอบคุณมากนะ ไว้จะเอาบัตรมาคืน”น้ำรับหนังสือ แถมหน้าแดงด้วย
“ไปกันเหอะ”บอยดึงฉันออกมาจากบริเวณนั้น ฉันรู้ทันบอยจึงออกมาคอยน้ำที่หน้าห้องสมุด
น้ำเดินแกมวิ่งออกมาจากห้องสมุดด้วยรอยยิ้ม
“ได้คุยด้วยหล่ะ ได้คุยด้วย” น้ำพร่ำบ่นซ้ำไปซ้ำมาด้วยความดีใจซึ่งสีหน้าเธอก็บ่งบอกอยู่แล้ว  ฉันยิ้มและพลอยมีความสุขไปด้วย
มีข่าวเอ จากปากของบอยมาพูดให้น้ำฟังอยู่เป็นระยะๆจนวันที่ต้องคืนหนังสือ
“บอยไปคืนบัตรให้เอหน่อยซิ”น้ำได้ยื่นหนังสือให้บอย
“บ้า หรอ ไปคืนเองดิ”บอยพูดเหมือนเป็นพ่อสื่อเลยแหะ
“โห คืนให้หน่อยนะเราไม่กล้า” น้ำพูดอ้อนวอน
“น้ำ เธอก็เอาไปคืนซิได้คุยด้วยนะ” ฉันยุให้น้ำเอาไปคืนด้วยตัวเอง
“นะนะ น้ำไปเหอะ เราไปเป็นเพื่อนนะ”ฉันมองหน้าน้ำ
น้ำทำหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบตกลงเพราะไม่มีใครยอมไปคืนให้เธอเลย
ตอนกลางวันที่ห้องสมุด
“เออนี่ ขอบคุณนะ” น้ำกล่าวพร้อมกับยื่นบัตรห้องสมุดให้เอ
“ไม่เป็นไร” เอตอบและส่งยิ้มให้น้ำ
และน้ำก็ออกจากห้องสมุดมาพร้อมกับฉัน
หลายวันต่อมาน้ำก็ติดตามข่าว เอจากบอยอยู่เรื่อยๆ
จนบอยบอกน้ำว่า
“เอ ขอเบอร์น้ำด้วยล่ะ”บอย บอกน้ำด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามเคย
“แล้วให้ไปมั้ย” น้ำถามด้วยความอยากรู้และคิดว่าบอยก็คงให้เบอร์ไป
“เปล่า”บอยตอบ
“ทำไมล่ะ”ใจจริงน้ำเองก็อยากให้เอได้ เบอร์เพราะจะได้คุยกัน
“ก็ไม่มีเบอร์ น้ำหนิ”บอยตอบพร้อมกับนึกตำหนิน้ำ
“เหรอโทษทีอ่ะ” หลังเลิกเรียนขณะที่ฉันเข้าห้องน้ำฉันเห็นบอยคุยอยู่กับเอ ฉันคิดว่าคงเป็นเรื่องเบอร์ของน้ำเป็นแน่ พอฉันออกจากห้องน้ำพวกเค้าก็ยังคงคุยกันอยู่
บอยกวักมือเรียกฉัน “มีอะไรเหรอ”ฉันถามทั้งทีรู้ว่าคงจะเป็นเรื่องเบอร์ของน้ำ
“เบอร์น้ำเบอร์ไรนะ” บอยถามฉัน
“เบอร์หรอนี่ไง” ฉันหยิบมือถือขึ้นมาหาเบอร์น้ำและส่งให้เอจด
เอ ขอบคุณบอยกับฉันแล้วก็เดินจากไป
พอฉันได้เจอน้ำก็รีบเล่าให้น้ำฟังว่า เอ ได้เบอร์น้ำแล้ว
น้ำท่าทางดีใจใหญ่และคิดว่าเอ จะโทรมาเมื่อไหร่กันนะ
กริ๊ง ๆ เสียงเพลงมือถือไม่รู้ว่าเสียงไงเหมือนกัน
“ฮัลโหล”น้ำรับสายในใจพลางคิดว่าจะเป็นเอรึเปล่านะ
“ฮัลโหล น้ำรึเปล่า” เป็นเสียงของเอนั้นเอง
น้ำแปลกใจแต่ก็คิดอยู่ว่าน่าจะเป็นเอ
“เรา เองนะ น้ำ”
“ใครอ่ะ น้ำจำไม่ได้หรอก”  เอแน่ๆน้ำคิดในใจ
“ เอ  เอง” เอตอบและพลางคิดว่าน้ำจะยอมคุยกับเค้ามั้ย
“ เอ ได้เบอร์น้ำมายังไงล่ะ” ที่จริงน้ำเองก็รู้อยู่แล้ว แต่คนมันไม่มีเรื่องคุยหนิ
“ ได้เบอร์มาจากฉันและบอย” 
“เหรอ อืม” 
“เรียนเป็นไงมั่ง ดีมั้ย”
“ก็ดีนะ เรื่อยๆ”  เอนี่สงสัยคงไม่มีเรื่องจะถามแน่ๆ
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”เอ พูดเพราะเขินจนไม่รู้จะคุยอะไรแล้ว
“คะ  สวัสดีคะ”
“สวัสดีครับ”
รุ่งเช้าของวันต่อมา  ขณะที่เข้าแถว
“นี่เมื่อวาน เอ โทรมาหาด้วย” น้ำเล่า ท่าทางของน้ำตื่นเต้นมากๆเลยแต่ก็ไม่แปลกอะไรเพราะมันเป็นวิสัยของน้ำอยู่แล้วหนิ
“จริงเหรอ เพิ่งได้เบอร์น้ำเมื่อวานก็โทรมาแล้วเหรอนี่” เอท่าทางไวไฟจัง ฉันคิดเพราะเผลอพูดไปน้ำก็งอนฉันตายเลย
“ไว้เดี๋ยวเล่าต่อนะ” น้ำตัดบทเพราะเดี๋ยวต้องสวดมนต์แล้ว
ตอนเลิกแถวห้องของ เอ จะลุกขึ้นก่อนน้ำชะเง้อ ซะจนคอจะเป็นยีราฟเชียวแน่ะ
“นั้นไง เห็น เอแล้วเข้าแถวหน้าสุดด้วยซิ” น้ำบอกฉันพลางชี้ เอให้ดู
“ จ๊ะๆ เห็นแล้ว” ฉันมองดูน้ำและคิด  ดวามรักทำให้คนเราเปลี่ยนไปอย่างนี้เชียวรึ
พอแถวห้องฉันลุกน้ำก็เล่าเรื่องเอต่อจนจบ
ทุกครั้งเดี๋ยวนี้น้ำต้องถามฉันเสมอๆว่าเอเรียนอะไรเรียนห้องไหนก็เพราะฉันมีตารางสอนของห้องเอหน่ะซิ
และตกกลางวันก็ต้องพาน้ำไปห้องสมุด เป็นอย่างนี้ซ้ำๆทุกวัน
ตอนกลางวันที่ห้องสมุด
              พอฉันกับน้ำเข้ามาคุยกันได้ซักพัก
เอเดินมาทางน้ำฉันก็เลยแกล้งลุกไปหาเพื่อนทิ้งน้ำเอาไว้คนเดียว
เอก็เดินมาคุยกับน้ำแต่ฉันก็รู้ว่าพวกเค้าคุยอะไรกันบ้างเพราะเมื่อหมดพักกลางวันน้ำก็จะมาเล่าให้ฉันฟังเสมอๆ
วันพุธเป็นวันที่ ม.ปลายต้องเรียน ร.ด.ตอนเช้าฉันมาถึงโรงเรียนและเห็น  เอ  ด้วย  จึงรีบเดินไปหาน้ำ
“น้ำเห็น เอ รึยังใส่ชุด ร.ด. ด้วย” แน่นอนทุกสิ่งเกี่ยวกับเอ ถ้าฉันรู้ก็จะเล่าให้น้ำฟังหมด
“เห็นแล้ว เท่ มากๆเลย” น้ำพูดไปยิ้มไปแก้มงี้แทบฉีกแน่ะ  “ไม่เห็นเท่เลย สู้ ไอ ก็ไม่ได้”  ฉันพูดประชดน้ำพลางมองหาไอ แต่ก็คงมาสายตามเคย
“แหมใครจะไปน่าร้าก........เหมือน ไอล่ะ”น้ำพูดประชด แต่ฉันก็เออ ออห่อหมกไปกะเค้าด้วย “แน่ล่ะไอน่ารักอยู่แล้ว”
น้ำนั้นได้แต่ส่ายหน้าและมองดู เอ ต่อจนเข้าแถว
วันนี้ เอ โดด เรียนร.ด. และชวนน้ำไปนั่งคุยกันสองคน
ฉันแอบเห็น
หวานจริงๆ ฉันกับเพื่อนพูดและหัวเราะกันอยู่สองคน
“ น้ำ น้ำ พอมีใจกับเราบ้างมั้ย” เอถามน้ำขณะที่พูดคุยกันอยู่
น้ำไม่คิดว่าเอจะ กล้าขนาดนี้แต่ใจน้ำก็ให้เอไปหมดแล้วหล่ะ จึงพยักหน้าตอบรับ
สรุปวันนั้นทั้งวันฉันไปไหนก็เจอเอกับน้ำอยู่ด้วยกันจนเดินกลับบ้าน
เอไปส่งน้ำ  ทั้งคู่เดินคุยจนถึงป้ายรถเมล์ และต่างคนต่างกลับบ้าน
รุ่งเช้าน้ำได้ถามฉันว่าถ้า เอ ขอคบควรจะคบมั้ย
ฉันตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า “ไม่ควรคบ”
“ทำไมล่ะ” น้ำถามฉันด้วยความแปลกใจเพราะฉันก็เป็นคนสนับสนุนเรื่องนี้ตั้งแต่แรกหนิ
“เราว่าคบกัน แบบเพื่อนมันยั่งยืนกว่านะ”
ตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้ำจะยอมฟังมั้ยเพราะว่าฉันรู้สึกว่า น้ำรู้จักกับเอน้อยเกินไป
ตกเย็นวันนั้น เอไปส่งน้ำกลับบ้าน
น้ำนั้นนั่งรถแท็กซี่กลับ เอก็ขึ้นไปนั่งด้วย
“น้ำจะคบกับเราได้มั้ย” เอถามขณะที่รถเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ
“ได้ซิ” น้ำตอบพลางส่งยิ้มให้เอ และ เอก็จับมือน้ำ
น้ำรีบชักมือกลับและไม่ยอมพูดอะไรกับเออีกเลยตลอดทาง
รุ่งเช้า น้ำ บ่นให้ฉันฟังใหญ่เลยว่า เอจับมือน้ำ
แต่ทันทีที่ฉันฟังฉันได้ถามกลับไปว่า
“ พวกเธอคบกันแล้วเหรอน้ำ”
“ใช่” น้ำตอบเสียงอ่อย
“เป็นไงล่ะไม่เชื่อที่เราเตือน” เหมือนที่คิดไว้ไม่มีผิด
“ขอโทษนะ”  น้ำอ้อนวอนและถามฉันเรื่องเดิม
“ก็ แค่จับมือ เองนะน้ำ” ฉันคิด  คนเป็นแฟนจับมือกันไม่เห็นเป็นไรเลย
“ไม่นะ จับมือเชียวนะ แฟนคนเก่าเรายังไม่ทำแบบนี้เลย”  น้ำโวยวาย
กลางวันนี้ น้ำไม่ได้เลยไม่ยอมเข้าห้องสมุด
เอนึกแปลกใจว่าน้ำโกรธเค้าเรื่องอะไรกัน
จนบอยได้มาบอกเอ ว่าเป็นเรื่องจับมือ เพราะเมื่อวานนี้น้ำส่ง ข้อความไปบ่นกับบอยด้วย
พอหมดพักกลางวัน บอยก็ได้ไปบอก เอ ให้กับน้ำแล้ว บอยบอกว่า “รู้ป่าวว่าไอ้เอหน่ะ มันรู้สึกผิดมากเลยนะฝากมาขอโทษด้วย”
“แล้วสีหน้าเป็นไงมั่งล่ะ” น้ำถามบอยกลับ
“สลดหน่ะซิถามได้” บอยตอบไปพลางคิดกะอีแค่เรื่องจับมือทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้  น้ำนี่น้าจริงๆเลยเชียว
“อย่างนั้นเหรอ” คราวนี้น้ำเองกลับเป็นฝ่ายที่รู้สึกผิดแทน
“แต่เราก็รับเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ” น้ำนี่เป็นคนหัวโบราณจังแต่ฉันก็คิดว่ามันดีออกเพราะสมัยนี้หายากมาก(นิสัย รักนวลสงวนตัว)
“เออๆ ยังไงก็เคลียกันเองก็แล้วกัน” บอยพูดตัดบท
และเดินไปนั่งที่โต๊ะเรียน เนื่องจากอาจารย์มาสอนแล้วซิ
ตกเย็นวันนั้นพวกเพื่อนๆของน้ำก็รุมพูดเรื่องนี้( ไปจับมือของน้ำ ) กับเอ
น้ำรู้เข้าก็โล่งอกเมื่อเพื่อนๆบอกว่า เอจะไม่ทำแบบนี้อีก
และน้ำก็ยอมกลับไปคุยกับเอตามเดิม
และวันหนึ่ง น้ำก็เริ่มมาบ่นกับฉันว่าเบื่อเอซะแล้ว
“ทำไมน้ำเบื่อคนง่ายจังก็เพิ่งคบกันนี่นา ชอบเค้ามากไม่ใช่เหรอ” ฉันพูดตำหนิ
“ไม่รู้ซิก็คนมันเบื่อ เรายิ่งเป็นคนเบื่อง่ายด้วย” น้ำบอกเหมือนไม่ค่อยแยแสเรื่องนี้สักเท่าไหร่
พอน้ำเล่าไปเล่ามาฉันก็พอรู้สาเหตุ น้ำบอกว่า “เราหน่ะไม่ชอบให้ใครมาจริงจังด้วยพอใครจริงจังด้วยมันก็รู้สึกอยากถอยหนี”
ฉันคิดสงสาร เอ แล้วหล่ะซิ
หลังจากนั้น น้ำก็ชอบหลบหน้า เอ    3 4วันผ่านไป น้ำก็กลับมาสนใจเอ อีก เป็นอย่างนี้สับไปสับมาเรื่อยจนฉันเบื่อหน่ายมากเลย
และเพื่อนของ เอ ก็เริ่ม ประชดน้ำ ทำนองว่ามาหลอกเพื่อนเค้าให้รักทำไม แต่การกระทำของน้ำตอนนั้นมันก็ใช่อยากที่เพื่อน เอ พูดจริงนั่นแหล่ะ
ฉันได้แต่พูดกับน้ำว่าสงสารเค้า จน น้ำเริ่มมีแผนการในหัวสมองว่าจะกลับไปทำตัวแบบเดิม แต่จะพยายามหาข้อเสียของ เอเพื่อเป็นข้ออ้างที่จะขอเลิกกัน ตอนนั้นฉันไม่มีความคิดอะไรเลย จึงสนันสนุนน้ำอย่างน้อยแล้ว สถานะการณ์ตอนนี้มันอาจจะดีขึ้นก็ได้
น้ำก็ไปดีกับเอเหมือนเดิม แต่เหตุการณ์มันกลับไม่เป็นแบบเดิมเสียแล้ว
พอน้ำมาที่ห้องสมุดปรกติ เอ ต้องเดินเข้ามาคุยกับน้ำแต่บัดนี้กลับไม่ใช่
ตกเย็น เอต้องไปส่งน้ำแต่เดี๋ยวนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย
จนน้ำรู้สึกว่าอะไรๆมันเปลี่ยนๆไป ฉันก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
“ว่ามั้ย ว่าเอเค้าแปลกๆ” น้ำถามฉันเพราะตอนแรกน้ำก็อยากจะเลิกกับเอ แต่ไปๆมาๆทีนี้น้ำกลับเสียน้ำตามากมายกับพฤติกรรมของเอที่แปลกไป
“ แหม น้ำ อย่าไปคิดมากเลย อาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ฉันปลอบใจน้ำและก็ไม่ได้คิดระแวงกับการกระทำของเอที่เปลี่ยนแปลงไป
บางทีเค้าอาจจะแก้แค้นที่น้ำทำกับเค้าไว้บ้าง ฉันคิด และพร้อมกับสรรหาคำพูดมาปลอบใจน้ำ
และ เอ ก็ทำตัวเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่แล้ววันหนึ่ง เอก็มาคุยกับน้ำ แม้จะคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค แต่นั้นก็ทำให้น้ำดีใจ  และคิดว่า เอไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
“ไม่กลับกับเอ หรอน้ำ” ฉันถามน้ำและอมยิ้มล้อเลียน
เพราะเดี๋ยวนี้น้ำจะรอห้องเอ เลิกพร้อมๆกับฉัน ห้องเอ อยู่สายวิทย์จึงเรียนมากกว่าห้องสายภาษาห้องฉัน 1 ชั่งโมง
“ ก็รออยู่ไม่รู้จะกลับด้วยกันรึเปล่า” น้ำตอบด้วยความเศร้าสร้อย
“ทำไมล่ะไม่ได้นัดกันเหรอ” ฉันถามด้วยความสงสัยอย่างน้อยก็ต้องพูดเรื่องนี้ทางโทรศัพท์บ้างล่ะน่า
“เปล่าหรอก เค้าไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือ ที่บ้านเค้าย่าเอาไปใช้” น้ำตอบพลางสอดส่องมองหาว่าห้องเอ เลิกแล้วหรือยัง
“งั้น  เหรอ”  ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อเลย
จนเสียงกระดิ่งของคาบ9 ดังขึ้น    ห้องเอ เลิกและ เดินมาที่ตึก 4 “นั้นไง  เอ”    น้ำชี้บอกให้ฉันดู
“ใช่จริงๆด้วยนะ” ฉันยิ้ม เพราะ  เอ กำลังเดินมาทางโต๊ะของน้ำ แต่น้ำกลับคว้าหนังสือเรียนมาแกล้งอ่านไปงั้นๆแหละ
แต่เอมาบอกน้ำว่า “เออเดี๋ยวนี้เราต้องกลับบ้านข้างหน้าโรงเรียนนะคงไม่ได้กลับกับน้ำ” เอบอกน้ำและก็ขอตัวกลับบ้านไปเลย
แต่น้ำหน่ะซิ อึ้ง จนพูดไม่ออกเลยทีเดียว สีหน้าน้ำเศร้าไปในทันทีจนฉันรู้สึกเศร้าตามไปด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกนะน้ำ” ตอนนี้ฉันไม่รู้จะพูดอะไรปลอบน้ำเค้าจริงๆ เพราะฉันเองก็รู้สึกอึ้งไปเหมือนกัน
น้ำไม่ตอบอะไรและเอาผ้าเช็ดหน้า มาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา และขอตัวไปห้องน้ำ
ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี         
พอน้ำนั้นออกมาจากห้องน้ำก็ขอตัวกลับบ้าน     
“กลับบ้านก่อนนะ”  น้ำพูดและเดินกลับไปกับเพื่อน
“ อย่าคิดมากนะ”  ฉันพูดได้เพียงเท่านี้
และน้ำก็เดินกลับบ้านไป
อะไรกับทำให้  เอ นั้นเปลี่ยนไปมากอย่างนี้เพียงระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือนที่คบกับน้ำเลยด้วยซ้ำ
ทุกๆ เย็นน้ำก็จะรอมองดูเอ ว่ากลับบ้านรึยัง ถ้า เอ กลับบ้านแล้วน้ำถึงค่อยกลับเป็นอย่างนี้เกือบ2 สัปดาห์
จนตอนกลางวัน เอ ได้มาทักน้ำแม้จะพูดเพียงแค่ประโยคเดียวประโยคเดียวจริงจริงนั่นก็ทำให้น้ำดีใจมากๆ และ เริ่มมีความหวัง
กลางคืนวันนั้นตอน 3 ทุ่ม  ฉันได้รับโทรศัพท์จากน้ำ ตอนแรกเป็นเสียงที่สดใสร่าเริงแต่สักพักเสียงน้ำก็เริ่ม สั่นเครือและร้องไห้
“ตะกี้เราเล่น เอ็ม  เจอ เอด้วยเค้าบอกว่าขอคบกันแบบเพื่อน” น้ำเล่าไปร้องไห้ไป
“ใจเย็นๆ น้ำ ทำไมล่ะ”
“เค้า...บอกว่าทำหน้าที่แฟนไม่ดีพอ... ไม่มีเวลาให้เลยจะขอเป็นเพื่อนกัน”เสียงน้ำหายไปเป็นห้วงๆ
“และเค้าก็มี คนที่ชอบ....ใหม่แล้วด้วย” น้ำพยายามกลั้นน้ำตาและพูดเสียงให้เป็นปกติ
“หาทำไม่เป็นแบบนี้ล่ะ” ฉันนึกแค้นใจเอมากๆ
“อย่าไปว่าเค้าเลยก็เราไปทำเค้าก่อนหนิ  แล้วเค้ามาหลอกเราทำไม หลอกให้รักแล้วก็จากไป”น้ำพูดและเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
“ใจเย็นๆนะ เราไม่รู้จะปลอบว่าไงดี แล้วโทรไปบอกใครยัง”
“ยังเลยเพิ่งโทรมาบอกคนแรกนี่แหละ”
“แค่ฟังเราบ่นแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องปลอบแล้วหล่ะ”น้ำพูด
“ แต่ถ้าชอบคนอื่นใหม่แล้วก็น่าจะบอกกันตั้งแต่ที่เราเปลี่ยน พอเรากลับมาเหมือนเดิมเค้าก็เปลี่ยนไป” น้ำร้องไห้และเล่าต่อ
“ทำไมต้องหลอกเราด้วย” น้ำพูดซ้ำไปซ้ำมาและร้องไห้
“ เราโทรมาบอกแค่นี้แหล่ะ”น้ำหยุดร้องไห้และทำเสียงให้เหมือนเดิม
“ไม่กวนแล้วนะขอบใจมากที่อุตส่าห์ฟังเรา”
ความรู้สึกของน้ำตอนนี้คงเหมือนกับขขาดที่ พึง และเจ็บปวดใจมากทีเดียว
ฉันรู้สึกสงสารน้ำขึ้นมาจับใจ
“ไม่เป็นไรหรอกน้ำ แต่น้ำถ้าร้องก็ร้องซะแล้ววันพรุ่งนี้น้ำต้องทำตัวเป็นคนใหม่นะอย่าไปเสียน้ำตาให้กับคนพรรณนั้นอีก” ฉันกล่าวให้กำลังใจน้ำ
“อืม ขอบใจมากนะเดี๋ยวขอไปร้องไห้ต่อ แค่นี้ก่อนนะ สวัสดีจ๊ะ” น้ำกล่าวตัดบท
“สวัสดีจ๊ะ” พอเสียงโทรศัพท์น้ำวางไป ตัวฉันเองก็เป็นฝ่ายร้องไห้เพราะเสียใจแทนน้ำ
รุ่งเช้าฉันต้องคอยตอบคำถามใครต่อใครที่ต่างก็ถามน้ำว่าเป็น อะไร  ร้องไห้ทำไม ซึ่งฉันก็ตอบไปทุกครั้งว่า  เอ บอกเลิก น้ำ
แต่มันก็ต่างทำให้ผู้คนเหล่านั้นรุมกันปลอบใจน้ำ แต่ มันยิ่งกลับทำให้น้ำร้องไห้หนักเข้าไปอีก      ที่เค้าว่ากันว่ายิ่งปลอบก็ยิ่งอยากร้องไห้  มันก็เป็นจริงซะด้วยซิ
แต่ทุกวันนี้ แม้น้ำจะไม่ได้คุยกับเออีก แต่น้ำก็ยังคอยมาที่ห้องสมุดแม้เอจะไม่เข้าห้องสมุดอีกก็ตามหรือแม้กระทั่งตอนเย็นก็รอมองดูเอตอนกลับบ้านและค่อยกลับบ้านไปทุกที      ฉันไม่เข้าใจการกระทำของน้ำแต่เธอให้เหตุผลว่า
“เรารักเค้านะแม้ว่าเค้าจะเปลี่ยนไปแต่ก็อย่าได้ไปตำหนิ  เอ  เค้าเลยเค้าไม่ผิดหรอก” น้ำตอบฉันถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะเลวร้ายสำหรับน้ำเพราะคบกันไม่ถึง2 เดือนและบอกเลิกก่อนช่วงวันวาเลนไทน์เสียอีกแต่น้ำก็ไม่เคยนึกโทษใครได้แต่นึกโทษตัวเองแต่เพียงผู้เดียว..........
                             
                                                    ........................................................
ตอนนั้นตอนที่มีความรักอยู่เต็มใจ  ความรักที่เราไม่คิดว่าจะได้เจอกับคนที่เรารักเข้าจริงๆๆ แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปมันกลับทำร้ายใจเราอย่างจัง ทำให้เราเจ็บปวดได้มากมาย อย่างที่เราไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับเรา เราเข้าใจแล้วละว่าทำไมคนที่อกหักถึงต้องร้องไห้ฟูมฟาย ทำไมถึงตัดใจจากคนๆนั้นไม่ได้สักทีทั้งที่เขาไม่ได้รักเราแล้ว  ก็เพราะว่าคนๆนั้นได้เข้ามาอยู่ให้หัวใจแล้วนะสิ แล้วอีกอย่างก็คือใจของเราก็ให้เขาไปหมดแล้ว ให้ไปจนไม่เหลือไว้ให้ใครอีกเลย
เราไม่อาจจะบอกได้ว่าเราจะรักเขาตลอดไป แต่เราบอกได้แค่ว่าตอนนี้เราไม่สามารถลืมเขาได้ คนที่เคยส่งยิ้มให้ แม้ว่าเพื่อนๆจะบอกว่าเขาดำก็เถอะนะ คนที่เคยเดินกลับบ้านด้วยกันทุกเย็น คนที่มาเติมเต็มชีวิตให้กับเรา มันลืมยากนะสำหรับคนๆนี้นะ อาจมีเพื่อนหลายๆๆคนเคยถามเรานะว่าเราทำไมเราถึงชอบเขาละ มันเป็นเหตุผลที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้นะ มันเป็นความรู้สึกของใจ ไม่ใช่สมอง ลองคุณรักใครสักคนแล้วคุณก็จะรู้ว่าความรักมันสามารถเปลี่ยนโลกนี้ให้เป็นได้มากกว่าสีฟ้า และก็สีชมพูนะ
                                                                                            น้ำ
                                                      แล้วคุณล่ะเคยรักใครบ้างแล้วหรือยัง?
                                                      ป.ล.          ข้อความข้างล่างนี้เป็นความรู้สึก                   
                                                                        ของน้ำที่เขียนขึ้นมา
                                                      จากผู้แต่ง  เรื่องนี้แต่งจากเรื่องจริง100 %
                                                                      เพียงแต่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น
                                                                                                                                  ตะเกียงสีเงิน  ( ฉัน )
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น