ใครจะไปรู้ว่าวันนึงเราจะได้มาพบรักกับคนที่ไม่เคยแม้แต่จะพบหน้าค่าตา มีเพียงถ้อยคำของตัวอักษรสื่อผ่านกันบนหน้าจอยุคเทคโนโลยีซึ่งกำลังจำเป็นในการติดต่อสื่อสารกัน และใครจะไปรู้ว่าแค่ความคำนึงเล่นๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ของผู้ชายคนนึงจะนำมาซึ่งความรักแท้ที่มีความสุขแต่กลับลงเอยด้วยน้ำตาแห่งความทุกข์แสนสาหัสที่ยากจะลบเลือน
    หากชีวิตจริงของผมเป็นดังนั้น
    ผมรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เข้ามาครอบครองหัวใจของผมอย่างเต็มเปี่ยมทั้ง 4 ห้องในขณะนี้ ความรักของเราเกิดมาจากผมซึ่งนึกสนุกจากการว่างเว้นการทำงานชั่วครู่  ทั้งที่ในความคิดของผมไม่เคยสนใจการติดต่อรู้จักใครผ่านทางโลกIT จู่ๆด้วยความอยากรู้ว่าจะมีใครกันหนอชื่อเหมือนผมบ้าง ก้อเลยลงมือค้นหาใน ICQ ดู ผมชื่อ “นที” ครับ แต่มีสิ่งหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวสมองผมว่า ชื่อนี้มันโหลเกินไป อีกความคิดนึกก้อแว่บไปถึงคำบอกเล่าของแม่ที่บอกว่าถ้าผมเกิดมาเป็นผู้หญิงแม่จะตั้งชื่อผมว่านทีกานต์ ผมเชื่อว่าสิ่งนี้คงเป็นพรหมลิขิตไว้แน่ๆ ผมจึงค้นหาคำว่า
“นทีกานต์”
    และได้เจอกับเธอ “นทีกานต์” ด้วยความที่ผมรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ในโลกนี้มีคนชื่อนี้จริงๆ เพราะผมคิดว่าถ้าผมเกิดมาเป็นผู้หญิงผมคงต้องชื่อเดียวกันกับเธอแน่ๆ ผมก้อเลยลองส่ง message (เล่นๆ) โดยไม่คิดว่าเธอผู้นั้นจะตอบกลับมา แต่แล้วเธอก้อตอบกลับมา
    นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นเพื่อนระหว่างสองเรา ที่กลายเป็นความรักในเวลาต่อมา
    เราคุยกันเรื่อยมาด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ใจจนการคุยกันผ่านจอสี่เหลี่ยมนั้นล่วงเลยมาเกือบ1ปีเต็ม ในที่สุดผมก้อได้เจอกันตัวต่อตัวครั้งแรกที่ร้านอาหาร นัดรับประทานอาหารกัน เป็นการนัดรับประทานอาหารกันจริงๆนะครับ เพราะผมไม่ได้รู้สึกกับเธอมากไปกว่าคำว่าเพื่อน ในขณะนั้น
    เธอบอกกับผมว่าเธอมีเพื่อนทางอินเตอร์เน็ตค่อนข้างเยอะ เลยเคยชินกับการรู้จักเพื่อนใหม่ เนื่องจากที่เธอนั้นใช้ชีวิตมาจากสถานกรำพร้า จึงมักจะชอบรู้จักกะเพื่อนใหม่ๆเสมอ ซึ่งตรงกันข้ามกับผม และผมก้อได้บอกกับเธอไปตรงๆว่า จริงๆแล้วโดยส่วนตัวผมค่อนข้างแอนตี้กับการมีเพื่อนทางอินเตอร์เน็ตด้วยซ้ำไป และที่บ้านของผมนั้นมีความอบอุ่นดีทุกอย่าง แต่กับเธอถือเป็นกรณีพิเศษ ทั้งที่ตอนนั้นต่างคนต่างไม่เคยคิดว่าจะได้มาเป็นมากกว่าเพื่อนกันเลย
    ต่างคนต่างดำเนินชีวิตของตนเองไปเรื่อยๆ โดยมากจะคุยกันทางอินเตอร์เน็ต นัดรับประทานอาหารบ้าง เล่นแบดมินตันซึ่งเป็นกีฬาที่ผมชอบบ้าง นิสัยของเราสองคนก้อไม่ได้เหมือนกันไปหมดซะทุกอย่าง แต่ก้อมีสิ่งที่เหมือนกันบ้าง เช่น ชอบITเหมือนกัน เรียนจบมาเหมือนกัน และบางครั้งก้อตั้งใจจะทำอะไรๆที่ใจเรามักจะตรงกันเสมอ
    แต่แล้วความรู้สึกฉันมิตรของเพื่อนสองคนก้อถึงจุดเปลี่ยน เมื่อผมเกิดประสบอุบัติเหตุ มีรถวิ่งฝ่าไฟแดงมาชนรถของผมจนพลิกคว่ำ สภาพรถยับเยินขนาดที่ว่าต้องโยนทิ้งไปหลังเกิดเหตุ ตัวของผมนั้นบาดเจ็บกระจกรถยนต์บาดบริเวณทรวงอก ส่วนการบาดเจ็บอย่างอื่นก้อไม่มีอะไรมากนัก แต่ที่น่าเป็นห่วงในขณะนั้นคือร่างกายของผมเสียเลือดเป็นอย่างมาก และในขณะเดียวกันทางโรงพยาบาลขาดเลือดที่เป็นกรุ๊ปเดียวกับผม  สิ่งเมื่อเธอรู้ข่าวของผมก้อรีบมาหาผมที่โรงพยาบาลทันที และเมื่อเธอทราบว่าเลือดของเธอเป็นเลือดกรุ๊ปเดียวกับผม คือกรุ๊ป B เธอรีบกรอกใบบริจาคเลือด และบริจาคเลือดให้กับผมโดยทันที และดูแลผมเป็นอย่างดีจนกระทั่งแผลที่อกของผมหายสนิท ทำให้ผมรู้สึกแสนดีและพิเศษกับเธอผู้นี้ขึ้นมา
    และแล้วเราทั้งสองคนก้อตกลงปลงใจที่จะเป็นแฟนกัน
    ในคืนวันฝนตกคืนหนึ่ง หลังจากที่ผมกับเธอกำลังกลับจากการไปรับประทานอาหารค่ำกับเธอภายใต้แสงเทียน ผมยอมรับว่าตอนนี้ผมรู้สึกอยากที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอ ผู้ที่ผมมอบหัวใจทั้งดวงให้ ผมและเธอนั่งอยู่ในรถคันเดียวกันขณะที่ผมกำลังจะไปส่งเธอที่บ้าน ตอนนี้จิตใจของผมหยุดยั้งความต้องการของตัวเองไม่ไหวอีกแล้ว ผมพาเธอเข้าโรงแรมชั้นยอด ที่ผมตัดสินใจทำเช่นนี้เนื่องจากสายตาของเธอที่มองมาหาผมนั้นมันทำให้ผมรู้ว่า เธอมีความต้องการอย่างเดียวกันกับผม ในคืนนี้เธอดูเซ็กซี่ในสายตาของผมเหลือเกิน ผมเล้าโลมเธออย่างสุดกำลัง จนผมแน่ใจว่าน้องสาวของเธอกำลังรอเจ้าน้องชายของผมอยู่ ผมสอดใส่ของเธอได้ไม่อยากเย็นนัก และปฏิบัติการได้อย่างหนำใจและมีความสุข และดูเหมือนเธอพอใจมาก ในคืนนั้นเรามีความสุขด้วยกันทั้งคืน มันเป็นคืนที่แสนจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรักที่คละคุ้งไปทั่วห้องของโรงแรมชั้นเลิศ เมื่อถึงเวลาเช้าผมก้อพาเธอไปส่งที่บ้าน พร้อมกับกระซิบข้างหูของเธอว่า “ผมรักคุณนะครับที่รัก”
    วันนี้ผมตัดสินใจที่จะพาเธอไปพบกับครอบครัวของผม เพื่อให้พ่อแม่ของผมได้รู้จักกับเธอ ผมมั่นใจว่าความมีเสน่ห์ในตัวเธอต้องชนะใจครอบครัวของผมแน่ๆ แต่มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมคิด สิ่งที่เลวร้ายที่สุดกำลังจะเกิดขึ้นกับเราสองคน
    ทันทีที่แม่ของผมเห็นหน้าเธอ แม่ถึงกับเป็นลมล้มฟุบไปโดยทันที ในใจผมตอนนี้รู้สึกว่ามันต้องมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นแน่ๆในไม่ช้า พ่อของผมบอกว่าให้พาเธอกลับไปก่อนเนื่องจากวันนี้แม่กำลังป่วย แต่ผมคิดในใจว่าที่แม่ของผมเป็นลมหมดสตินั้นไม่ใช่เพราะว่าท่านไม่สบาย เพราเมื้อเช้าก่อนผมออกจากบ้าน แม่ของผมยังสบายดี ผมจึงมั่นใจว่าเป็นเพราะ “นทีกานต์”
    ผมนั่งคิดแล้วคิดอีกว่าทำไมถึงได้เป็นแบบนี้พรุ่งนี้เช้าผมจะไปรับเธอมาหาที่บ้านของผมอีกครั้ง เนื่องจากผมต้องการรู้ความจริงและต้องการให้ทุกคนในครอบครัวรับเธอให้ได้ ทุกคนกำลังปิดบังความจริงผมอยู่...
    เมื่อผมรับเธอมาที่บ้าน ดูเหมือนในบ้านของผมกำลังนั่งอยู่ห้องรับแขกพร้อมหน้าพร้อมตา เหมือนกับกำลังรอคอยผมอยู่ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้ทราบความจริงทั้งหมด
    ผมก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมกับควงแขนเธอเข้ามาพร้อมกัน แม่กับพ่อมองหน้าผมและหันกลับไปมองหน้ากันด้วยสายตาแปลกๆ ผมไม่เข้าใจความหมายสายตาของท่านทั้ง 2 เลย
    เมื่อผมและเธอทรุดตัวลงนั่ง แม่ก้อเอ่ยประโยคขึ้นมาประโยคหนึ่งที่ทำให้เราทั้งสองคนดีใจว่า “แม่ดีใจนะที่ลูกๆได้เจอกัน และรักใคร่กันดี” ผมและเธอนั่งยิ้มและกุมมือกันแน่นนี่อาจจะเป็นสัญญาณที่บอกเราสองคนว่าแม่ยอมรับเธอแล้ว
    แต่เราสองคนต้องมาสะดุดกับคำพูดที่แม่ที่หันไปพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกับเธอว่า “แม่ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งลูกไป” มันเป็นคำพูดที่ผมและเธอถึงกับอึ้ง มือที่กุมกันอยู่ก้อค่อยๆผละออกจากกันในที่สุด
    ผมได้แต่มองหน้าเธอแต่ไม่กล้าที่จะพูดอะไรซักคำนอกจาก “พี่สาวครับ”
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น