มีเธอ...มีฉัน...มีกันตลอดไป ( Forever Friend )
                                                                                                    1
“อ๊าก”
“โป๊ก”
“โครม”
“ผั๊วะ”
“โอ๊ย
..”
.....เช้าที่สดใสของฉัน แต่ทำไมกลับถูกปลุกโดยยัยเพื่อนบ้าคนนี้นะ...
    .....เริ่มต้นด้วย ถูกกระโดดทับ T T
.....หัวโขกกับนาฬิกาปลุก T_T
.....ตกจากเตียง TT⋀TT
.....ถูกตบหัว TT_TT
.....และตามด้วยเสียงร้องโอดโอยของฉัน TT .,TT
.
    “จะนอนไปถึงไหนยัยอืด” ตอนนี้ยัยเพื่อนบ้า กำลังตะโกนโวกเวก มีเท้าสะเอวอย่างวางอำนาจข้างๆฉัน
“ตอนเช้าเขาต้อง อรุณสวัสดิ์ กันไม่ใช่หรอ และอีกอย่างฉัน ชื่อ โอซากิ มายะ นะไม่ใช่ยัยอืด” ฉันตอบกลับด้วยเสียงงัวเงียแบบคนพึ่งตื่นนอน พร้อมกลับเอามือข้างหนึ่งลูบหัวที่โขกเขา
กลับนาฬิกาปลุก เพราะฉันรู้สึกว่ามันนูนๆแล้วหละ
    “ไม่ต้องมาพูดมาก รีบๆลุกซะ”เสียงของยัยเพื่อนบ้ายังวางอำนาจอย่างมหาศาลเช่นเดิม
    “ถ้าเธอสาย ฉันไม่รอเธอแน่ การไปโรงเรียนสายตั้งแต่วันแรกสำหรับฉันมันเป็นอะไรที่เลวร้ายสุดๆ เพราะงั้นเร็วๆเข้าซะ” ว่าเสร็จแล้วยัยเพื่อนบ้าของฉันก็เดินตึงๆออกไปจากห้อง ย้ำด้วยการกระแทกประตูดังปังอีกที  _   
    โอ๊ย......นี่มันอะไรกันหละเนี่ย แต่ช่างเถอะ  ชิซึรุก็ยังเป็นชิซึรุยังวันยังค่ำ...
ยัยเพื่อนบ้าที่ฉันพูดถึงเมื่อกี้ก็ คือ ชิซึรุ นี่แหละ ชื่อเต็ม คือ ซากาโมโต้ ชิซึรุ .......
ชิซึรุ เป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทของคุณพ่อคุณแม่ของฉัน และที่ฉันมาอยู่กับชิซึรุก็เพราะ
พ่อและแม่ของฉันท่านทั้งสองคนเกิดอุบัติเหตุขับรถตกเขาเสียชีวิต
พ่อแม่ของชิซึรุเลยรับฉันมาเลี้ยงดูแทนเพราะครอบครัวฉันไม่มีญาติที่ไหน พ่อและแม่ของฉันท่านหนีตามกันเลยถูกครอบครัวตัดออกจากวงศ์ตระกูล แต่ครอบครัวฉันก็มีความสุขและอบอุ่น
    ฉันกับชิซึรุโตมาพร้อมๆกันเราสองคนเลยสนิทกันเหมือนพี่น้อง
ชิซึรุนะไม่ใช่คนเลวร้ายหรอก เธอเป็นคนร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กๆ ก็เลยโดนตามใจเสมอ ชิซึรุเป็นคนสวยมากที่เดียว มีผมยาวสลวยสีดำสนิทถึงเอว ตาโต นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้ารูปไข่ จมูกเป็นสันโค้งสวย ปากเป็นกระจับได้รูป ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ หุ่นเพรียว ผิวขาว.......
    และก็ไม่แปลกถ้าจะเห็นชิซึรุเดินกับหนุ่มๆหน้าไม่ซ้ำกัน.............
ภาพที่ชิซึรุเดินเล่นกับชายหนุ่มในสวนสาธารณะแถวบ้าน เดินไปนั่งชิงช้าให้ชายหนุ่มคอยผลักด้านหลังให้ พอเลิกเล่น เธอก็จะยืนมือมาให้ชายหนุ่มดึงเธอลุกขึ้นจากชิงช้า พอเขาจับมือเธอดึงขึ้น เธอก็ส่งยิ้มให้เล็กน้อยพร้อมกับแววตาออดอ้อนน่ารักที่สุด.........มันเป็นภาพประทับใจที่เหมือนกับฉากในหนังสือการ์ตูนอย่างไงอย่างงั้นทีเดียว
    มีก็แต่กับฉันเท่านั้นแหละที่เธอจะเป็นตัวของเธอเองได้เต็มที่...เหมือนเมื่อเช้าไง...........
...ยังมีอีกเรื่องหนึ่งนะชิซึรุนะมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีอย่างสูง
เครื่องดนตรีที่เธอถนัดมากที่สุดก็ เปียโน ไงหละ ... มีวงออเคสตร้าหลายวง โรงแรมชื่อดังมากมายมาชวนชิซึรุไปร่วมวงและแสดงสด แต่เธอก็ปฏิเสธตลอด เธอว่าเธอยังไม่เก่งพอก็เลยไม่ยอมเล่นให้ใครทั้งนั้น
ชิซึรุเคยบอกว่าเธอจะไปเข้าโรงเรียนดนตรีที่บอสตัน เพื่อที่จะเป็นนักดนตรีมืออาชีพ.... ส่วนฉันก็เล่นไวโอลิน ฝีมือพอไปวัดไปวาเท่านั้น...
    ฉันขอยอมรับนับถือชิซึรุเลยนะ ถึงเธอจะร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็ไม่เคยที่จะท้อถอยแม้แต่น้อย
นิสัยของชิซึรุนะเหมือน “ภูพา” ตั้งตระหง่าน ไม่เคยอ่อนข้อให้ใครแม้กระทั่งตัวเอง
    ....ชิซึรุเคยพูดกับฉันว่า....
++++ “ชีวิตของคนเรานะก็เหมือนกับนาฬิกาทรายที่ค่อยๆไหลลงไปเรื่อยๆทีละน้อยทีละน้อย จนหมด ฉันเคยสงสัยฉันนะว่านาฬิกาทรายของฉันจะเหลือทรายอยู่เท่าไร แต่ก็หาคำตอบไม่ได้สักที
แต่ที่ฉันรู้ก็คือนาฬิกาทรายของฉันจะต้องมีทรายน้อยลงเรื่อยๆทุกๆวันแน่ๆ เพราะฉะนั้น ฉันจึงใช้ทุกนาที ทุกวินาที ของฉันให้คุ้มค่ามากที่สุดไงหละ ถ้าฉันตายไปฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังยังไง”++++
นี่แหละชิซึรุ ⋀_⋀
    “เสร็จหรือยัง......... ” เสียงของชิซึรุที่ตะโกนมาจากข้างล่างดังเข้าไปกระทบโสตประสาทเข้าอย่างจัง จนฉันสะดุดสุดตัวทีเดียว
    “อืม...เสร็จแล้ว จะลงไปเดี๋ยวนี้” ฉันตะโกนกลับไปข้างล่าง
หลังอาหารเช้าที่มีขนมปังปิ้ง นม ผลไม้ แล้วก็เสียงเทศน์ของชิซึรุ คุณอาก็อาสามาส่งฉันกับ
ชิซึรุที่โรงเรียน
    โรงเรียนของเราสองคนชื่อ รันโจ เป็นโรงเรียนดนตรีระดับท็อปที่มีนักดนตรีชื่อดัง มากมายเคยผ่านมาแล้วทั้งนั้น เป็นโรงเรียนHigh schoolสุดโหดที่มีการสอบทั้งภาคทฤษฏีและทั้งภาคปฏิบัติทางดนตรีแทบทุกวัน
ถ้าอยากจะเลื่อนระดับชั้นก็ต้องสอบผ่านให้ได้ตามมาตรฐานที่โรงเรียนเป็นผู้กำหนด.......
(>.,<)    โหดสุดๆ
“ขอบคุณนะค่ะ ที่มาส่ง” ฉันโค้งให้คุณอาเล็กน้อยที่มาส่งฉันกับชิซึรุที่โรงเรียน
    “ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ แต่วันนี้อามีประชุม คงกลับดึก ไม่เป็นไรนะ”
    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
    “งั้นก็ดีแล้วจ๊ะ เอ่อ...อย่ากลับบ้านเย็นกันนะ อาหารเย็นแม่ทำไว้ให้ในตู้เย็นแล้วนะชิซึรุ”
    “อืม” ชิซึรุตอบกลับอย่าไม่ใส่ใจเท่าไร
    “อ้อ.... ชิซึรุลูกอย่าลืมกินยานะ แล้วอีกอย่าง
”
    “แม่......หนูอยู่กับแม่มา 17 ปีแล้วนะ ขาดแม่อีกสัก 4-5 ช.ม .หนูไม่ตายหรอก”
    ชิซึรุหันไปพูดกับคุณอาน้ำเสียงปนความหงุดหงิด จนคุณอาได้แต่ถอนหายใจพูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่
    “นั่นสินะ งั้นแม่ไปก่อนนะ ไปแล้วนะจ๊ะมายะจัง”
    “ค่ะ”
    ฉันโค้งให้คุณอาก่อนที่จะขับรถออกไป ส่วนชิซึรุก็เดินเข้าโรงเรียนไปไม่ยืนส่งคุณอาสักนิดหรือแม้แต่จะพูดลา.........
    ฉันเข้าใจชิซึรุนะ ชีวิตของเธอเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายจะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ เธอเลยทำตัวไม่ค่อยน่ารัก เพราะเวลาเธอจากไปจะได้ไม่ต้องมีใครมาเสียใจหรือร้องไห้เพราะเธอ...........
    ++++ “นี่หนังเรื่องนี้ซึ้งจังเลยนะ ยิ่งตอนที่นางเอกเข้าไปในโบสถ์แล้วพูดว่า
ช่วยหยุดเวลาให้เขาด้วย เอาเวลาของฉันไปทดแทนเวลาของเขาก็ได้ ได้โปรดหยุดเวลาไว้ด้วยเทิด แล้วเวลาก็หยุดลงจริงๆ ฉันร้องไห้เลยนะตอนนี้นะ”
    “งี่เง่า เธอคิดว่าเวลามันสามารถหยุดได้จริงๆหรือไงถึงทำหน้าตาปัญญาอ่อนอย่างงั้น”
    “เปล่าสักหน่อย ฉันไม่ได้ทำหน้าตาปัญญาอ่อนนะ”
    “เวลานะมันไม่มีวันหยุดได้หรอกนะ ไม่มีใคร ไม่มีเวทย์มนต์ใดที่สามารถจะหยุดมันได้ เหมือนกับสายลมไงหละ”
    “สายลมงั้นหรอ”
    “อืม เหมือนสายลม สายลมที่พัดมากระทบใบหน้า กระทบตัวเรา
มันทำให้เรารู้สึกเย็นสบาย แล้วก็จางหายไป ฉันอยากเป็นสายลมจัง”
    “ทำไมหรอ” ฉันถามอย่างสงสัย
    “ก็ถ้าฉันเป็นสายลม ฉันก็จะพัดไปตามที่ต่างๆแล้วก็หายไปไงหละ ชีวิตฉัน ไม่ต้องการให้ใครจดจำ แต่ฉันอยากให้การคงอยู่ของฉันดำรงอยู่ในความทรงจำหวงลึกของฉันก็พอ แค่นั้นจริงๆนะ”
    นัยน์ตาคู่สวยนั้นแฝงอะไรไว้อีกรึเปล่านะนอกจากความเศร้าและความอ้างว้างที่ฉายแววเด่นชัดในตาคู่  นั้นเป็นนัยน์ตาของชิซึรุในตอนนั้น
                                                                                   
                                                                                       
2
    “อรุณสวัสดิ์จ๊ะ มายะจัง ชิซึรุจัง”
    “อ้าว! อรุณสวัสดิ์จ๊ะ โยโกะ”
    โยโกะเป็นเพื่อนร่วมห้องของฉัน เธอเป็นคนร่าเริง ยิ้มแย้ม แจ่มใสเสมอ
ถ้าจะถามว่าฉันสนิทกับโยโกะแค่ไหน? ฉันว่าฉันกับโยโกะก็สนิทกันมากพอสมควรทีเดียว
    “ ไปหละ” ชิซึรุพูดโดยที่ไม่หันมามองฉันกับโยโกะแม้แต่น้อย
    “ตอนกลางวัน เจอกันที่เดิมนะ” ฉันตะโกนไล่หลังชิซึรุไป เธอทำแค่เพียงยกมือนิดหน่อย
รับรู้เท่านั้น.........
    ฉับกับโยโกะเดินคุยกันไปเรื่อยๆระหว่างที่กำลังเดินไปที่ห้อง แต่จู่ๆโยโกะร้องอุทาน
ออกมาอย่างสุดเสียง
    “ตายแล้ว!!!...มายะ” o_o   
    “อะไร มีอะไร” ฉันตกใจที่จู่ๆโยโกะก็ตะโกนออกมา
    “เทสต์ มายะ เทสต์”
    “เทสต์อะไร” ชักมีลางไม่ดีลอยมาแล้วสิ ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ
    “เทสต์ไวโอลิน  เช้านี้”
    “ ไม่ห็นรู้เรื่องเลย”  o_o
    “เอ่อ.... คือ.... ฉะ.... ฉันลืมบอกไปนะ”
              โยโกะพูดเสียงอ้ำอึ้งไม่ยอมสบตาฉัน
    “เอาหละ ใจเย็นๆ ใจเย็นๆนะ ไหนบอกรายละเอียดมาสิ” ทั้งๆที่ฉันบอกตัวเองว่าให้ใจเย็นแต่ตอนนี้ฉัน อยากจะชกยัยคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันจริงๆ
    “ คือ เทสต์ครั้งนี้ จะคัดคนเข้าไปเล่นในโบสถ์ของโรงเรียนอาทิตย์นี้ เพราะคนเก่า
ไม่สบายเลยต้องคัดคนไปเล่นแทน”
    “งั้นก็ไม่เป็นไร ถือว่าฉันสละสิทธิ์”
    “มันไม่ใช่แค่นั้นนะสิ”
    “ยังจะมีอะไรอีก” ฉันชักอยากจะร้องไห้แล้วสิตอนนี้
    “เทสต์ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการสอบด้วยนะสิ”     
    “o_o!!!!!”
    อะ...อะไรนะ โอยนี้มันวันมหาวิปโยคของฉันหรือไงกันนะ.....
ตาย คราวนี้ฉันได้ตายแน่ๆ
    “ขอโทษนะมายะ ขอโทษ”
    โยโกะยกไม้ยกมือ ขอโทษขอโพยฉันใหญ่ เฮ้อ...เห็นแล้วก็โกรธไม่ลงให้ตายเถอะ
เดี๋ยวคงมีสอบซ่อมเองแหละ อย่าคิดมาก (ฉันคงต้องทำใจแล้วหละคราวนี้) T.,T   
    “อ้าว.....มายะ ไม่ไปสอบหรอ”
    “อ๊ะ...รุ่นพี่เรโกะ” รุ่นพี่เรโกะเป็นประธานชมรมแผนกไวโอลินของฉัน
เป็นสาวสวย ฝีมือเยี่ยม แถมใจดีอีกด้วย
    “มันไม่ทันแล้วนะค่ะ” 
    “พี่อย่าว่ามายะเลยนะคะ เพราะหนูไม่ได้บอกว่ามีเทสต์ มายะก็เลยไปสอบไม่ทัน”
    โยโกะรีบพูดแทนฉัน เธอคงรู้สึกผิดมากๆเลย เพราะฉันเห็นน้ำตาเธอคลอ
แถมจมูกก็ออกแดงๆด้วย
    “เรื่องเป็นอย่างนี้เองหรอ แต่โชคยังเข้าข้างเธออยู่นะมายะจัง” รุ่นพี่เรโกะพูดด้วยใบหน้า
อมยิ้มเล็กน้อย...
ฉันกับโยโกะมองตากัน อย่างเริ่มงงกันแล้ว ว่าโชคที่จะเข้าข้างฉันมันคืออะไร
พี่เรโกะก็ไม่ยอมบอก เอาแต่ยิ้มๆอย่างเดียว ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า............
    “เข้ามาใกล้ๆสิ รุ่นพี่แสนดีคนนี้มีอะไรจะบอก”
ฉันกับโยโกะมองหน้ากัน ก่อนที่จะทำตามที่พี่เรโกะบอก
อย่างว่าง่าย
“ เมื่อเช้าพี่เห็น อาจารย์คุมสอบของพวกเรากำลังจูจุ๊บกับอาจารย์พละเข้านะสิ”
ฉันกับโยโกะตาโตพร้อมกัน (โดยไม่ได้นัดหมาย) ก่อนที่จะขยับเข้าไป
ใกล้มากกว่าเดิม
    “เพราะฉะนั้น เธอไม่ต้องห่วง เข้าไปขอโทษขอโพย อาจารย์สักหน่อย แล้วก็พูดถึงอาจารย์สอนพละนั่น ในแง่ดีๆ แค่นั้น จารย์ก็ใจอ่อนแล้ว เชื่อพี่เถอะ”
    “จริงหรอคะ” ฉันไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย ให้ตายสิ ถึงอาจารย์จะร้างผู้ชายมานาน
แต่ก็เป็นคนที่เข้มงวดมากคนหนึ่ง ไม่น่าจะใจอ่อนง่ายๆแบบนั้นเลย
    “มายะจังก็น่าลองดูนะ”
    “เชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ถ้าไม่อยากจะเสียคะแนนสอบครั้งนี้ก็ รีบวิ่งไป เร็วๆซะ”
    “แต่.....”
    โยโกะมองตาฉันแล้วดึงแขนเสื้อเบาๆ ส่งสายตาว่า      + +ลองดูเถอะนะ++
เฮ้อ เอาไงเอากันคราวนี้
    “ก็ได้คะ” อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด หละนะ
    “รีบไปเดี๋ยวนี้เลยเถอะ”
    “งั้นขอตัวนะคะพี่เรโกะ โยโกะ”
    “โชคดีนะ”โยโกะตะโกนให้กำลังใจไล่หลังฉัน
    เอาหละเป็นไงเป็นกันหละคราวนี้.............
ฉันวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปพร้อมกับไวโอลินคู่ใจและ ใจที่เต็มไปด้วยความหวังและเชื่อมั่น
    “อะ! .........ขอโทษค่ะ ฉันกำลังรีบ”
ฉันชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงโปร่งใช้ได้ แต่ฉันไม่ทันสังเกตหน้าตาเขาหรอกนะ
ก็ฉันไม่มีเวลามาสนใจนี่ ฉันเห็นแวบหนึ่งเขาเอามือมาปิดที่จมูก แค่นั่นแหละ
ฉันก็เลยคิดเอาเองนะว่าเขาคงเจ็บจมูกอะไรทำนองนั้น ก็เลยส่งผ้าเช็ดหน้าของฉันให้เขาอย่างรวดเร็ว แล้วก็วิ่งต่อไป คุณไม่รู้หรอกกว่าเหตุการณ์มันรวดเร็วขนาดใน................ วินาที/วินาที
เลยก็ว่าได้ (ขอโทษที่เสียมารยาทด้วยนะค่ะ)
เจ้าหล่อนวิ่งไปโดยไม่สนใจสายตาที่จับจองเธอด้วยความรู้สึกแฝงเร้นในสายตาคู่สวยนั้นเลยแม้แต่น้อย
พอไปถึงห้องสอบไวโอลิน ฉันก็เห็นอาจารย์กำลัง เมินมองออกไปนอกหน้าต่าง
มีรอยยิ้มจางๆเล็กน้อย เอ๊ะ อาจารย์แต่งหน้าโทนสีชมพู ทำเล็บ ทำผม...........
โอ้..... ข่าวคงจะจริงแฮะ
ที่เหลือก็ลองทำตามที่รุ่นพี่เรโกะบอกเท่านั้น.....
“ขอโทษค่ะอาจารย์”
อาจารย์สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะส่งยิ้มอ่อนหวานมาที่ฉัน
“ ว่าไงโอซากิ” เสียงอาจารย์ช่างอ่อนหวาน (จนชวนขนลุก) ไม่เหลือคราบ
อาจารย์สุดโหดอีกเลย แม้แต่นิดเดียว
“หนูมาสอบนะคะ”
“แต่มันเลยเวลาแล้วนะ”
“ขอโทษจริงๆค่ะ” ฉันโค้งให้อาจารย์อย่างนอบน้อมที่สุดและพยายามแสดงออก
ให้เห็นว่าฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ
“ หนูมัวแต่ดูอาจารย์พละของโรงเรียนเรานะคะ”
“เธอมองเขาทำไม” น้ำเสียงของอาจารย์ออกแววสงสัยปนหึงเล็กๆ
“ก็อาจารย์เขาเท่ห์ดีนะคะ ร่างกายปึกบึน ล่ำสัน แถมมีรอยยิ้มมหาเสน่ห์อีก แล้ว.........”
“หยุดนะ เขาเป็นอาจารย์ของเธอนะ ห้ามคิดอะไรเกิดเลย” อาจารย์มองฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ฉันเลยทีเดี๋ยว.................. ได้เวลาเผด็จศึกแล้วหละ
“ หนูรู้คะ แต่ อาจารย์ไปทำอะไรมาค่ะ ทำไมหมู่นี้สวยขึ้น”
อาจารย์หลบตาฉัน คงกลัวจะเผยไต๋ แต่อาจารย์นะเผยไต๋ออกมาหมดเปลือก
โดยไม่รู้ตัวหมดแล้ว ฮิ...ฮิ...
    “หรือว่าจารย์กำลังมี ความรัก ค่ะ ถึงได้สวยขึ้น”
ฉันเริ่มจ้องอาจารย์แบบจะจับผิด บวกกับสายตากึ่งล้อเลียนกึ่งรู้ทัน ยิ่งทำให้อาจารย์
ทำตัวไม่ถูก ก่อนที่จะรีบตัดบทว่า
“พูดอะไรบ้าๆ โอซากิเธอจะมาสอบไม่ใช่หรือไง มั่วแต่พูดไร้สาระอยู่นั่นแหละ”
สำมะเร็จ เสร็จสมบูรณ์ ฉันนี้ยอดไปเลยว่าไหม............ >o<   
ฉันใช้เวลาไม่นานนักในการสอบครั้งนี้ เป็นการสอบที่ง่ายสุดๆ เพราะอาจารย์เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างไม่สนใจฉันสักนิด ยะฮู้............ >o<
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น