“อยากทำหนังสือทำมือเพราะ
?”
ตัวอักษร หรือที่เราๆเรียกกันอย่างง่ายๆว่า ตัวหนังสือ เป็นสื่อกลางในการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ จากผู้เขียน ส่งถึงผู้อ่าน เรื่องราวเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวที่ผู้เขียนเจตนาที่จะถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก ประสบการณ์ จิตนาการ สิ่งต่างๆที่อยู่ในตัวผู้เขียนนำมาเรียงร้อยแล้วทักทอเป็นเรื่องราวให้ผู้อื่นได้รับรู้
สำหรับคนทั่วๆไปแล้วคงคิดเช่นนี้ แต่สำหรับเราแล้ว ตัวหนังสือนั้น มีชีวิต
ถ้าพูดในแง่วิทยาศาสตร์ เราอาจดูเป็นคนไม่มีความรู้ ไม่รู้หรือไงว่าชีวิตคืออะไร ประกอบด้วยอะไร ธาตุอะไรบ้าง จึงได้เรียกสิ่งนั้นๆว่า มีชีวิต
แล้วคนเราที่เดินไปเดินมาอยู่บนถนนทุกวันนี้ สวนกันไปมา แน่ใจแล้วหรือว่า
ทุกคนมีชีวิต
บางที หนังสือบางเล่ม ดูจะมีชีวิตชีวา มีจิตวิญญาณบรรจุอยู่ในนั้นมากกว่าคนเราเสียอีก
ชีวิต เป็นอะไรที่น่าค้นหา น่าติดตาม เต็มไปด้วยการเสาะแสวงหาสิ่งต่างๆมาเติมเต็มให้กับมัน หรือที่เราเรียกสิ่งต่างๆเหล่านั้นว่า เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิต เช่น ความรัก การเดินทาง ความสุข ความเศร้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้จากการอ่านตัวหนังสือเช่นเดียวกัน
น่าเสียดายที่หลายๆคนมีพรสวรรค์ในการสร้างสิ่งเหล่านี้ แต่ไม่มีที่ให้ได้เผยแพร่ให้กับผู้อื่น หรือไม่มีโอกาสได้สร้างสรรค์ให้เกิดเป็นผลงานออกมาได้
ดังนั้น หนังสือทำมือ จึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่นักเขียนจะได้มีโอกาสรังสรรค์งานที่เขารักออกมาได้อย่างอิสระเสรี และภาคภูมิได้ว่า คนที่มาอ่านหนังสือของพวกเค้านั้น คือ ผู้ที่รักในงานเขียนอย่างแท้จริง ไม่ใช่คนที่ซื้อหนังสือเพียงเพราะว่าความที่หนังสือเหล่านั้นเป็นของดารา นักร้อง นักแสดง คนที่มีชื่อเสียง แต่สาระในหนังสือกลับไม่ได้ใส่ใจ มีหนังสือเหล่านั้นไว้เก๋ๆ โก้ๆ ประดับบ้าน ประดับว่าเราเป็นคนมีรสนิยมเหมือนคนทั่วไปในสังคม ที่เป็นไปตามกระแสนิยม โดยไม่ได้เปิดดูแม้แต่คำนำในหนังสือด้วยซ้ำ
เรารักตัวหนังสือ รักคนที่เขียนตัวหนังสือเหล่านี้  และรักที่จะเขียนหนังสือของตัวเองซักเล่ม เพื่อบอกเรื่องราวต่างๆ ประสบการณ์ที่พึงจะแบ่งปันให้ผู้อื่นได้รับรู้บ้าง อาจไม่ใช่เรื่องราวยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การจารึก ไม่ใช่บันทึกที่น่าจดจำของบุคคลสำคัญ แต่เราเชื่อว่า ชีวิตของคนเราทุกคนนั้น มีทุกอย่างเหมือนกัน แต่ไม่เท่ากัน ความที่ไม่เท่ากันนี่แหละ ที่น่าเอามาแบ่งปันให้คนอื่นได้รับรู้ เพื่อเติมเต็ม หรือเพิ่มพูนมันให้กับชีวิตของคนที่อ่านมัน ในความหมายของความรู้สึก มากกว่าจะเป็นอย่างอื่นที่เป็นรูปธรรม สิ่งที่สามารถสร้างอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ห้วงคำนึงเหล่านี้ จะนำเงินทอง หรือสิ่งมีค่ามากมายมาซื้อก็ไม่ได้ นอกจากจะสะสมมันมาในชีวิตของคนแต่ละคน และถ่ายทอดมันออกมาโดยที่แม้จะสามารถหาซื้อมันมาอ่านได้ แต่เชื่อได้ว่าค่าของมันนั้น ราคาที่หน้าปก อาจไม่ใช่ค่าที่แท้จริง เพราะเป็นตัวเลขที่สมมุติขึ้นมาเพื่อเป็นค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆ ให้แก่ผู้ที่เขียนหนังสือมีแรง มีกำลัง มีทุนที่จะสร้างผลงานชิ้นต่อๆไปออกมาได้ หากจะเขียนราคา ค่าของมันจริงๆลงไปบนหน้าปกแล้ว เชื่อได้ว่า คงไม่มีที่ว่างพอจะให้กำหนดค่าที่แท้จริงของมันได้
ความฝันของคนเขียนหนังสือ และนักเขียนทุกคน ต้องการให้หนังสือของพวกเค้ามีคนอ่านมากๆ เข้าใจในงานเขียนของเค้า เข้าถึงอุดมการณ์ และความคิดที่ถ่ายทอดออกมา ให้ผู้อ่านพึงพอใจ ประทับใจ มากกว่าจะหวังผลตอบแทนเป็นตัวเงิน คนที่เขียนหนังสือจริงๆคงไม่ใช่แค่อยากให้หนังสือของตัวเองเป็น Best Seller ขายได้เป็นแสนเป็นล้านเล่ม เพียงเท่านั้น แต่ต้องการให้คนเข้าถึงในงานเขียนและรักมัน อ่านมันอย่างเข้าใจจริงๆ
หนังสือทำมืออาจไม่ต้องมียอดจำหน่ายเป็น หมื่นเป็นแสน ไม่ต้องมีปกแข็งมันวาว ไม่ต้องมีคำนิยมของคนดังในสังคม แต่ก็กลับมีคนเสาะหามันมาอ่านได้ ทั้งๆที่มีวางขายอยู่ไม่มาก และผลิตได้ในจำนวนจำกัด นี่ คือ เสน่ห์ของมัน ถ้าหนังสือทำมือเหล่านี้ไม่มีค่าควรอ่านจริง ใครเลยจะมาตามหาอ่านกัน
นี่ คือ ทางเลือกหนึ่งของนักเขียน ที่อยากทำงานเขียนในแบบที่ตนรัก ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องขึ้นกับใคร รักที่จะเขียนอะไรก็อยู่ภายใต้กรอบเพียงสองกรอบเท่านั้น นั่นคือ กฎหมาย และศีลธรรม หากไม่ได้ออกนอกกรอบนี้ ผลงานทุกผลงาน ก็เป็นผลงานที่มีค่าทั้งสิ้น แล้วแต่ว่าผู้อ่านจะเป็นกลุ่มใด และมองในมุมใด
อยากทำเพราะอะไรน่ะเหรอ
ก็เพราะรักน่ะสิ
รักเพราะอะไรน่ะเหรอ
.ก็มันเป็นความฝันไง
ความฝันคืออะไรเหรอ
..ก็คือ
เขียนหนังสือของตัวเองสักเล่มด้วยความรัก
และอยากให้มีคนรักที่จะอ่านมัน และสร้างความฝันและจินตนาการให้พวกเค้าต่อไป
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น