กาลครั้งหนึ่ง..สมัยที่จักรวาลที่กว้างใหญ่นี้รกร้างว่างเปล่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่เพียงความมืดมิด พระเจ้าทรงพํานักอยู่ที่สุดของขอบจักรวาลอันไกลโพ้น วันหนึ่งพระองค์มองลงมาและสัมผัสได้ถึงความน่าเบื่อและเหนื่อยหน่ายอย่างแท้จริง\"ดูเถอะ มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดและว่างเปล่าเห็นทีจะต้องทําอะไรเสียแล้ว\"เมื่อสดับได้ดังนั้นก็ทรงได้เริ่มสร้างดวงดาวนับหมื่นนับแสนดวง มีทั้งดาวที่ส่งแสงได้ด้วยตนเอง ดาวบริวาร ดาวเคราะห์นับพันนับหมื่นและพระองค์ก็ทรงได้สร้างสรรค์\"สวรรค์ของสิ่งมีชีวิต\"ขึ้นมาแล้วตั้งชื่อให้ว่าโลก...
    พระองค์ทรงสร้างสรรค์ต้นไม้นับร้อยนับพันชนิด ต้นนําลําธารหลากหลายสาย หุบผาทั้งลูกเล็กลูกใหญ่ทั้งกว้างและแคบและแล้วพระองค์ก็ได้สร้างสิ่งมหัสจรรย์ที่สุดขึ้นมานั่นก็คือ สิ่งมีชีวิต
    พระองค์สร้างปลาในแม่นํา สร้างม้าในทุ่งหญ้า สร้างนกบนท้องฟ้า สร้างสิงโต หมีและสิงสาราสัตว์มากมายและพระองค์ก็ทรงสร้างสิ่งมีชีวิตสุดท้ายที่เรียกว่า\"มนุษย์\"ขึ้น
    เมื่อแรกเริ่มเดิมทีนั้นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดอยู่ร่วมกัน อาศัยเกื้อกูลกันสัตว์ทั้งหมดกินพืชเป็นอาหารและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขไม่มีอะไรแตกต่างไปจากนี้เลยแต่ทว่าสันติสุขก็ไม่อาจคงอยู่ได้นานนัก..
    สัตว์ทั้งหลายเรื่งทะเลาะเบาะแว้งและไม่พอใจ เหตุเกิดเพราะความเท่าเทียมกันอย่างเที่ยงตรงเกินไปนั่นเอง พวกสัตว์ต่างๆจึงได้ร้องเรียนขึ้นต่อพระเจ้าที่พํานักอยู่ ณ สุดขอบของจักรวาล.. 
      พระเจ้าทรงสดับฟังเหล่าสิ่งมีชีวิตอย่างสงบและแล้วพระองค์ก็ตรัสด้วยเสียงอันทุ้มและกังวานว่า\"ถ้าพวกเจ้าต้องการเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร เอาเถอะ เราจะประทานพรวิเศษให้แก่พวกเจ้าพรละหนึ่งข้อเท่านั้น พวกเจ้าต้องการอะไรล่ะ\"พวกสัตว์ทั้งหลายมีความยินดีปรีดายิ่งนัก พวกปลาทูลขอการการว่ายนําได้อย่างอิสระและการหายใจในนําด้วยเหงือกเพื่อการดํารงอยู่ของพวกมัน
      ม้าทูลขอฝีเท้าในการวิ่ง พวกมันจะได้วิ่งหนีได้รวดเร็วเผื่อมีอันตรายใดๆและพวกมันก็พอใจแล้วที่จะเป็นสัตว์กินพืชเหมือนเช่นเดิม นกต้องการปีกอันทรงพลังเพื่อที่จะโฉบเฉี่ยวและโบยบินไปบนโลกกว้างอย่างไร้กังวลและอิสระ สิงโตและหมีทูลขอกรงเล็บและพลังอันมหาศาลเอาไว้ใช้ป้องกันตัวและล่าสัตว์ พระเจ้าทรงประทานให้เหล่าสัตว์ตามที่ขอ..
      สุดท้ายมนุษย์ เขาคิดอยู่อย่างเนิ่นนานทีเดียวว่าต้องการอะไร การว่ายนํา ปีก กรงเล็บ หรือฝีเท้าอันทรงพลังกันแน่ อะไรที่สําคัญที่สุดในการดําเนินชีวิต.. และแล้วหลังจากพิจารณาอยู่นาน เหล่าสัตว์ทั้งหลายขอพรสําหรับตัวเองเรียบร้อยแล้วและพระเจ้าทรงตรัสถามมนุษย์\"ข้าต้องการสติปัญญาสําหรับการดํารงชีวิต การเอาตัวรอดรวมไปถึงความอยากรู้อยากเห็นและความทะเยอทะยาน\"สิงโตกระซิบกับหมีว่า\"ดูซิ เขาไม่ต้องการกรงเล็บแล้วเขาจะล่าสัตว์ได้อย่างไร เขาจะเอาตัวรอดได้อย่างไร\"นกนึก\"เขาไม่ต้องการปีก เขาไม่สามารถบินได้แน่นอน เขาไม่มีทางเป็นอิสระอย่างข้าได้หรอก\"ปลาและม้าพูดว่า\"ช่างเป็นสัตว์ที่โง่ที่สุดในโลก!\"..
      เมื่อสัตว์ทั้งหลายกลับไปดํารงชีวิตอย่างผาสุขนั้น พวกปลาแหวกว่ายอยู่ในนําและให้กําเนิดระบบนิเวศ ฝูงม้าวิ่งทะยานไปตามหย่อมหญ้าอย่างมีความสุข เหล่านกโบยบินไปรอบโลกอย่างอิสระเสรี สิงโตและหมีเป็นเจ้าป่าปกครองเหล่าสัตว์ทั้งปวง แล้วมนุษย์ล่ะ?
      พวกเขาดําเนินชีวิตอยู่ด้วยสติปัญญา รู้จักการใช้อาวุธในการล่าสัตว์ รู้จักการจุดไฟและนําไปใช้รู้จักการเอาตัวรอดจากฤดูหนาวอันแสนเยือกเย็น เมื่อเวลาล่วงเลยมามนุษย์ได้กําราบสัตว์ทั้งหบายด้วยสมองและสติปัญญาของพวกเขา พวกเขาไม่ต้องการพลังหรือปีกหรือสิ่งใดทั้งสิ้น เขาไม่มีกรงเล็บ ไม่สามารถบินได้ แหวกว่ายหรือควบเท้า แต่ด้วยสมอง สติปัญญา การเอาตัวรอดและความทะเยอทะยานทําให้พวกเขาได้ชื่อว่า\"เจ้าโลก\"มาจวบจนเท่าทุกวันนี้..
    เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราไม่ต้องการพลังหรือความสามรถพิเศษใดๆเลย ความเฉลียวฉลาดและสติปัญญาต่างหากที่สําคัญที่สุด ไม่เช่นนั้นมนุษย์คงไม่มีทุกวันนี้...
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น