ตอนที่ 1
“แฮ่กๆๆ”  เสียงหอบของผู้หญิงคนหนึ่งที่วิ่งมาขึ้นรถเมล์แทบไม่ทัน  พร้อมด้วยของพะรุงพะรังเต็มมือทั้งสองข้าง
ไม่มีที่ว่างสำหรับเธอเลย  ตายล่ะ  จะเอามือไหนจับล่ะเนี่ย
ทันใดนั้นเอง !!  รถที่ออกตัวด้วยแรงกระชากทำให้หญิงสาวล้มลงไปนั่งบนตักของชายหนุ่มคนหนึ่ง 
“อ๊าย...ขอโทษค่ะ ขอโทษ”  ของทั้งหมดตกจากมือของเธอ  เธออาย อายมาก  คนทั้งรถหันมามองเธอ  เธอพยายามทรงตัวแล้วก้มลงเก็บของที่ตกอยู่กับพื้น  ตายแล้ว  ทำไม่น่าอายแบบนี้นะเรา  ฮือๆๆๆ  และไม่ทันได้สังเกต  ผู้ชายคนที่เธอเอาร่างอวบๆ ล้มทับเขาเมื่อกี้  กลับเป็นคนเดียวในรถที่มาช่วยเธอ...
“นี่ครับ”  เขายื่นของให้เธอและบอกกับเธอว่า 
“นั่งที่ผมแล้วกันนะครับ”  พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“ขอบคุณมากนะคะ”  แล้วหญิงสาวก็นั่งลงตามที่เขาบอก
ในสังคมแบบนี้นี่ยังมีคนมีน้ำใจอยู่อีกหรอ  ดีใจจัง  ไม่งั้นเราคงแย่แน่ๆ  เธอแอบชื่นชมเขาในใจ  ...
.
“เฮ้ย  ป้ายนี้นี่นา”  เธอรีบลุกเดินไปที่ประตูรถทันที  เพราะรถกำลังจะเริ่มเคลื่อนออกจากป้ายแล้ว โดยไม่ได้ยินเสียงคนที่เรียกเธอจากบนรถเมล์
“เฮ้อ ทำของตกจนได้”  ใบหน้าที่เจือด้วยรอยยิ้มอย่างเอ็นดู  กำลังมองกระเป๋าสตางค์ของคนที่เพิ่งจะลงรถไป
“วนาธาร”  ชื่อแปลกดีแฮะ  เอ...แล้วจะเอาคืนเค้ายังไงล่ะเนี่ย มีอะไรอีกมั้ยน๊า  นอกจากบัตรประชาชน  ชายหนุ่มมองหาสิ่งอื่นๆ ในกระเป๋าของเธอ  แล้วก็พบ รูปของเธอที่ถ่ายอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่เขารู้จักดี
ทำไมโลกมันถึงได้กลมแบบนี้วะเนี่ย  เขาคิดในใจ
......................................................................................................................................
“โอ๊ยทำไมเราโก๊ะแบบนี้นะ  น่าอายชะมัด  เฮ้อถึงซะที  พี่เอกจะเป็นยังไงบ้างน๊า”  เธอเดินเข้าไปในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง 
ก๊อก.....ก๊อก  เธอเคาะประตูเล็กน้อยแล้วเปิดเข้าไป
“หวัดดีค่ะ  พี่เอก เป็นยังไงบ้างคะ”
“อ้าว น้ำมายังไงเนี่ย  ถืออะไรมาซะเยอะเลย”  เอก คนที่วนาธารหลงรัก  ทักเธอด้วยสีหน้าที่อิดโรยจากโรคปอดบวม  เพราะมัวแต่ไปยืนตากฝนรอให้แฟนตัวเองให้อภัย
“น้ำซื้อนม  ผลไม้  ขนมที่พี่เอกชอบมาเยอะแยะเลยค่ะ  ไม่รู้ว่าหมอจะให้กินรึเปล่า  ถ้าไม่ให้  ไว้หายแล้วค่อยกินนะคะพี่เอก  แล้วหมอเค้าว่าไงบ้างคะ” ....... เธอถามพร้อมยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียงชายหนุ่ม
“อีกประมาณอาทิตย์กว่าๆก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ  เออนี่เราแล้วไม่อ่านหนังสือสอบรึไง  เดี๋ยวก็เรียนไม่จบหรอก”
“อ่านสิคะ  ต้องจบ เบื่อจะแย่อยู่แล้วมีแต่เรียน  อยากทำงานอย่างพี่เอกบ้าง  เนี่ยน้ำเอาหนังสือมาอ่านที่นี่ด้วยนะคะ  ว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนพี่เอกกลัวพี่เหงา อิๆ”
เสียงเปิดประตูพร้อมกับใบหน้าของหญิงสาวที่ทั้งสองรู้จักดี  “แพทินี”  คนรักของเอกนั่นเอง
“อ้าว..หวัดดีค่ะ พี่แพท  ยกโทษให้พี่เอกแล้วหรอคะ คิกๆ”  หญิงสาวทักทายพร้อมไปรับของจากมือแพทมาจัดวางบนโต๊ะ  ใครจะรู้ว่าเธอแอบซ่อนความเศร้าเสียใจที่ทั้งสองรักกัน  ไว้นานแค่ไหนแล้ว
“ไม่หายก็ต้องหายล่ะ  ก็เล่นมาป่วยแบบนี้น่ะ  แล้วเป็นยังไงบ้างเนี่ย”  ถึงเธอจะพูดแบบนี้  แต่เธอก็รักเขามาก
“ป่วยแล้วแพทหายโกรธก็คุ้ม  แฮะๆ” ชายหนุ่มอ้อนแฟน
“หือ...พูดดีนักนะ  แสดงว่าหายแล้วสิ”
“ยังจ้ายัง  แต่ถ้าแพทมาเยี่ยมเอกแบบนี้  ไม่กี่วันก็หาย”  ชายหนุ่มพูดพร้อมกับจับมือเธอ
“อ่ะแฮ่ม  พี่แพทมาแล้ว  งั้นน้ำกลับไปอ่านหนังสือแล้วกันนะคะ  หมดความหมายแล้วนิ” เธอแกล้งงอน
“ไปนะคะ พี่เอก  พี่แพท” 
น้ำตาที่คลออยู่ในเบ้าตาของเธอ  ตอนนี้มันไหลรินลงมาอาบแก้ม  เค้าดีกันแล้ว 
“เอก”  เป็นรุ่นพี่ของเธอ  ตอนที่เธออยู่ปีหนึ่ง  เขาก็อยู่ปีสามแล้ว  เธอหลงรักเขาตั้งแต่แรกเห็น  แต่เธฮไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองเลย  ไม่มีใครรู้ว่าเธอปวดร้าวแค่ไหนเมื่อเห็นความรักของเขาและแพทีนี  เธอรู้จักเอกก่อนที่เขาจะคบกันด้วยซ้ำ  แต่ด้วยความขี้อายและกลัวจะเสียเขาไป  เธอจึงไม่ได้บอกความรู้สึกให้เขาได้รู้  จนเขาคบกัน  “แพทินี”  เพื่อนต่างคณะที่เอกหลงรักมานาน  เพิ่งจะตกลงคบกันได้สองปี  มันทำให้วนาธารเจ็บใจตัวเองเหลือเกินที่ปิดบังความรู้สึกตัวเองกับเอก  แต่เธอก็ยังไม่อาจจะตัดใจได้  ยังคงรอเขาต่อไป ..........
ตอนที่ 2
“รับโทรศัพท์หน่อยจ้า  รับโทรศัพท์หน่อยจ้า”  เสียงริงโทนมือถือของเอกดังขึ้น
“ว่าไงจิม”  รุ่นน้องที่ทำงานของเขานั่นเอง
“พี่เอก พี่อยู่ไหนเนี่ย  แล้วทำไมเสียงถึงเป็นแบบนี้ล่ะ”
“เป็นปอดบวมว่ะ นอนอยู่โรงพยาบาล....เนี่ย”
“อ้าวไปทำไงให้เป็นล่ะพี่  แล้วเป็นไงบ้างล่ะครับ”
“ตากฝนน่ะ  ไม่เป็นไรมากหรอก  แต่คงต้องลางานซักอาทิตย์ว่ะ  ฝากดูงานด้วยนะ”
“ได้เลยพี่  ไม่ต้องห่วง  แล้วผมจะไปเยี่ยม”
“แล้วแกโทรมาทำไมเนี่ย”
“เอ้อเกือบลืม...ผมเก็บกระเป๋าสตางค์ผู้หญิงคนนึงไว้น่ะ  ในนั้นมีรูปที่เค้าถ่ายกับพี่ด้วย  ผมก็เลยจะฝากพี่ไปคืนเค้า  แต่ดูยังไงก็ไม่ใช่พี่แพทนะพี่”  นนท์ปวิธแซวรุ่นพี่
“ใครวะ”  เอกกำลังนึก
“ชื่อ วนาธาร อะไรเนี่ยแหละพี่  มีบัตรประชาชนด้วย”
“ตายล่ะ  ยัยน้ำ  นี่ยังไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ  เออ แกเอามาให้พี่ที่โรงพยาบาลได้มั้ย”
“นั่นแน่ ๆ กิ๊กหรอพี่  จะบอกพี่แพท ฮะๆๆ”
“ไอ้บ้า  ไม่ใช่เว้ย  แพทเค้าก็รู้จักดี  รุ่นน้องน่ะ  แล้วแกไปเจอกระเป๋าของน้องเค้าที่ไหนล่ะเนี่ย”
“อ๋อ..บนรถเมล์น่ะพี่  น้องเค้ารีบเลยทำตกไว้”
“ดีนะที่มีคนเก็บให้  ขอบใจแทนยัยน้ำด้วยนะแก”
“ครับๆ เดี๋ยวผมเอาไปให้พี่เลยละกัน”
ป่านนี้ยัยน้ำรู้รึยังเนี่ย  ตายล่ะแล้วกลับยังไงไม่มีตังค์  คิดแล้วเขาก็ต่อโทรศัพท์หาวนาธาร
“ค่ะพี่เอก”  เขาไม่รู้หรอกว่าเธอดีใจแค่ไหนที่เขาโทรหาเธอ
“น้ำอยู่ไหนเนี่ย”
“เอ่อ....”  เธอไม่รู้ว่าจะโกหกเขาว่าอะไรดี  ก็เธอยังไม่ไปไหนเลย  เดินร้องไห้อยู่ใกล้ๆ เขานี่แหละ
“น้ำทำกระเป๋าตังค์หายใช่มั้ย”  คำถามนี้ทำให้หญิงสาวงง  เพราะเธอยังไม่รู้เลย
“เอ๊ะ..” เธอทำเสียงพร้อมเปิดหาในกระเป๋า
“ไม่มีจริงๆด้วยค่ะ  น้ำลืมไว้ห้องพี่เอกหรอค่ะ”
“อะไรถ้าพี่ไม่โทร  น้ำก็ยังไม่รู้หรอ  ซุ่มซ่ามจริงๆนะน้องเอ้ย  รุ่นน้องที่ทำงานเค้าเก็บได้บนรถเมล์น่ะ  เค้าเห็นมีรูปพี่  เค้าเลยจะเอามาให้พี่ที่โรงพยาบาลตอนนี้  น้ำอยู่ไหน  ขึ้นมารอเค้าก่อนดีมั้ย ไม่มีตังค์ค่ารถนี่”
“ค่ะๆ เดี๋ยวน้ำไปนะคะ  โชคดีจัง”  เธอรีบเช็ดน้ำตา  และล้างหน้าเพื่อลบคราบความหมองเศร้า    ใจก็รู้สึกดีที่ เอก ยังห่วงเธอไม่เคยเปลี่ยน  เธอดีใจเหลือเกินที่ได้รักเขา
“มีอะไรกันหรอเอก”  แพทถามพร้อมๆกับปลอกผลไม้ที่เพิ่งล้างเสร็จ
“ยัยน้ำน่ะสิ  ทำกระเป๋าตังค์ตกบนรถเมล์  บังเอิญจิมมันเก็บได้  เลยจะเอามาให้เอกที่นี่  เลยบอกให้น้ำมาเอา  ยัยน้ำนี่จริงๆเล้ย”  เอกบ่นอีก
“ฮะๆ น้ำก็น่ารักแบบนี้แหละ  เอกต้องคอยห่วง  บางทีแพทยังแอบหึงเลย  แต่ก็โชคดีนะที่จิมเก็บไว้ให้  บังเอิญจริงๆ”  แพทินี  ออกความเห็น
“มาหึงอะไรเอกกับยัยน้ำ  เอกน่ะเห็นว่าน้ำเป็นน้องสาวคนหนึ่ง  มันก็จริงของแพทนะที่เอกต้องคอยห่วงยัยน้ำ  ก็ยัยน้ำมันเป็นแบบนี้แหละ  ฮะๆๆ”  ทั้งสองคุยกันอย่างสนุกสนาน  ไม่นานวนาธารก็มาถึง  เธอไม่น่ามาเร็วเลย  ต้องมาทนดูภาพบาดตาบาดใจแบบนี้  แถมยังต้องอดกลั้นความปวดร้าวไว้ภายในอยู่คนเดียว
“มาซะทีนะแก  น้องเขารอนานแล้ว”  เอกทักรุ่นน้องที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้อง  ซึ่งเป็นเวลาสองทุ่มนิดๆแล้ว  แพทินีก็เพิ่งกลับไปได้ไม่นาน
“อ้าวคุณ...”  วนาธารตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าเป็นผู้ชายคนที่เธอล้มไปนั่งตักเขา  หน้าเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที      นี่เค้าบอกพี่เอกเรื่องบนรถเมล์รึเปล่าเนี่ย  ว้าย....อายจัง
นนท์ปวิธยิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อยแล้วยื่นกระเป๋าสตางค์ให้เธอ
“นี่ครับ  น้องทำตกไว้”
“ขอบคุณมากนะคะ  ช่วยน้ำไว้ตั้งสองครั้งแล้ว”
“สองครั้ง ?”  เอกพูดด้วยความสงสัย
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  พี่เอก  งั้นน้ำกลับก่อนนะคะ  ค่ำแล้ว”  หญิงสาวรีบพูดทันที  เพราะกลัวนนท์ปวิธจะเล่าเรื่องน่าอายของเธอให้เขาฟัง  แล้วเธอก็รีบเดินออกไป  มิหนำซ้ำลืมกระเป๋าใบใหญ่ไว้อีก  เอาแต่กระเป๋าสตางค์ติดมือไปด้วย
“อ้าวยัยน้ำลืมกระเป๋าอีกละ  ยัยน้องคนนี้นี่ “
“ฮะๆเดี๋ยวผมเอาไปให้น้องเค้าก็ได้พี่  จะได้กลับเลย”
“เออ ขอบใจมากว่ะ  แกก็รีบกลับเถอะ  พรุ่งนี้ต้องทำงาน”
“ใครจะเหมือนพี่ล่ะ  อู้งาน  ฮะๆๆ  แล้วนี่พี่แพทไม่มาหรอ”
“เพิ่งกลับบ้าน เดี๋ยวมาใหม่  พี่ไม่ได้อู้เว้ย  ไปได้แล้วแกนิ”
“ครับๆ”  นนท์ปวิธรีบออกมาจากห้องเพราะกลัวจะตามหญิงสาวไม่ทัน 
ตอนที่ 3
พอออกมาจากโรงพยาบาล......ฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก
“ตามไม่ทันแน่เลยว่ะ”......ชายหนุ่มยืนหลบฝนอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล  ทันใดนั้นเขาก็เห็นหญิงสาวกำลังเดินตากฝนอยู่ไม่ไกล  เดินด้วยนะ  ไม่ได้วิ่งเลย
แปลกคนจริง  ไม่รู้อะไรมาดลใจ  ชายหนุ่มรีบวิ่งไปหาเธอ  ถอดเสื้อนอกแล้วคลุมหัวให้กับเธอ พร้อมกับพาเธอวิ่งกลับมาหลบฝนที่หน้าโรงพยาบาล    ฝนตกหนักแบบนี้ใครก็ดูไม่ออกหรอกว่าเธอกำลังร้องไห้  ร้องไห้อย่างหนัก  เธออยากให้ฝนที่ตกมาชะล้างความเจ็บปวดของเธอไปเสียที
“ทำแบบนี้  เดี๋ยวไม่สบายนะครับ”  เขาบอกพร้อมกับยื่นกระเป๋าให้เธอ 
เธอได้แต่ก้มหน้า  กลัวเขาจะเห็นตาที่บวมและแดงก่ำ  เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาตั้งใจจะยื่นให้เธอ แต่มันกลับเปิยกชุ่มไปหมดแล้ว  ภาพนั้นทำให้หญิงสาวยิ้มออก
“ขอโทษนะคะ  คุณเปียกหมดเลย  ผ้าเช็ดหน้าด้วย”  เธอยิ้มและเผลอสบตาเขาเล็กน้อย  แล้วรีบก้มหน้าลงทันทีเมื่อเห็นว่าเขามองหน้าเธอ  ชายหนุ่มเห็นแล้ว  ตาเธอแดงก่ำ  เขาดูออกว่ามันเป็นตาของคนที่กำลังร้องไห้
ฝนเริ่มเบาลงไปนิด  ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน  โดยไม่มีคำพูดใดๆ  สีหน้าและแววตาของหญิงสาวดูเศร้าเหลือเกิน  จนทำให้เขาเป็นห่วงเธอ  แต่ก็ได้แค่ยืนอยู่เฉยๆ  เพราะ เขาเพิ่งรู้จักกับเธอ  จะไปยุ่งอะไรกับเรื่องของเธอ  จริงๆแล้วผู้ชายอย่างเขาไม่กลัวหรอกฝนตกแค่นี้  ถ้าเขาอยู่คนเดียวป่านนี้คงฝ่าฝนกลับบ้านไปแล้ว  แต่เพราะเธอคนนี้ที่ทำให้เขากลับไม่ได้  เขาอยากรอจนกว่าเธอจะกลับ  เขามองไปเรื่อยๆ ก็เจอร้านขายของร้านหนึ่ง  แล้วเขา.....
“เดี๋ยวมานะครับ”  เขาบอกเธอแล้ววิ่งฝ่าฝนออกไป 
ไม่นานเขากลับมาพร้อมกับร่มคันหนึ่ง  และยื่นให้เธอ......
“รีบกลับบ้านนะครับ  ดึกมากแล้ว”  เขาบอกเธอ
“เอ่อ...แล้วคุณล่ะคะ”  เธอเงยหน้าขึ้นมาถามเขา  ตาเธอบวมจริงๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ  สบายมาก”  ชายหนุ่มยิ้มให้กับเธอ  ไม่อยากให้เธอต้องกังวลอะไรอีก
“ขอบคุณนะคะ ครั้งที่สี่แล้วนะคะที่ช่วยน้ำ”  เธอยิ้มตอบเขา แล้วก็กางร่มกำลังจะเดินออกไป  แต่เขา
“ทีหลังเรียกพี่นะครับ  พี่จิม  ไม่ใช่คุณนะครับ”  เขาพูดขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  หญิงสาวยิ้มอีกครั้ง
“ค่ะพี่จิม  ไปนะคะ” แล้วเธอก็รีบเดินไป....
พูดอะไรออกไปหนอเรา  ใช่ว่าจะได้เจอเค้าอีก บ้าจริงๆ  ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง....กลับบ้านดีกว่า
หลายวันต่อมา.....
นนท์ปวิธไปเยี่ยมรุ่นพี่ของเขาที่โรงพยาบาล
“เป็นไงบ้างพี่” 
“ก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะแก พรุ่งนี้ก็ออกแล้ว  เออแกกินอะไรมายัง  แพทเค้าลงไปซื้อของน่ะ  จะกินอะไรมั้ยล่ะ  จะได้โทรบอก”
“ไม่ต้องหรอกพี่  ผมยังไม่หิว  แหมน่าอิจฉาจริงมีคนคอยดูแล”  เขาแซวรุ่นพี่อีกตามนิสัยทะเล้นของเขา
“เอ่อพี่แล้ว....”  ชายหนุ่มจะถามถึงหญิงสาวที่เจอกันเมื่อวันก่อน  แต่ก็ไม่กล้า  จะถามทำไมล่ะเรา
ทั้งสองคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อย  จนแพทินีเข้ามา  นนท์ปวิธจึงขอตัวกลับเพราะไม่อยากอยู่เป็น ก.ข.ค.
ชายหนุ่มออกมาจากห้องด้วยความรู้สึกจ๋อยนิดๆ  นี่เราหวังอะไรอยู่เนี่ย...เฮ้อ
“อ้าวพี่จิม....มาเยี่ยมพี่เอกหรอคะ”  ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะสังเกตเห็น  เสียงของหญิงสาวที่เขากำลังคิดถึงก็ดังขึ้น  เมื่อชายหนุ่มลงมาถึงชั้นล่างของโรงพยาบาล
“อ้าวน้ำ เพิ่งมาหรอครับ”  ทำไมเขาถึงรู้สึกดีใจแบบนี้
“ค่ะ  พอดีวันนี้น้ำมีสอบน่ะค่ะ  เอ่อ....แล้วพี่เอกเค้าทำอะไรอยู่คะ  หลับอยู่รึเปล่า  น้ำจะได้ไม่ไปกวน”
“อ๋อ ไม่หรอกพี่เอกเค้ากำลังสวีทอยู่กับพี่แพทน่ะ  คู่นี้นี่หวานแหววเชียว”  นนท์ปวิธพูดไปโดยไม่รู้หรอกว่าทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดเพียงไร    สีหน้าเธอแย่ลงไปทันที 
“ใช่ค่ะน่าอิจฉา  ว๊า งั้นน้ำไม่ไปรบกวนพี่เค้าดีกว่าค่ะ”  สีหน้าไม่สดใสเลย
“อ้าวมาถึงแล้วก็ขึ้นไปซะหน่อยสิครับ  ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“ไม่ค่ะ”  คำตอบของเธอดูชิงชัง  เจ็บปวด จนทำให้เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงร้องไห้วันนั้น 
เธอพูดออกไปโดยไม่ยั้งคิด  เพื่อเป็นการกลบเกลื่อน  เธอจึงชวนเขาไปกินข้าว
“พี่จิมกินอะไรมาหรือยังคะ  ไปกินข้าวเป็นเพื่อนน้ำได้มั้ยคะ  น้ำหิวจัง”
“ยังครับ  ก็ดีเหมือนกันพี่ก็หิว”  แล้วทั้งสองก็เดินออกจากโรงพยาบาลไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลมากนัก 
.
ตอนที่ 4
ระหว่างนั้นชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าหญิงสาวเหม่อลอยเหลือเกิน ไม่คุย  ไม่ยิ้ม  ไม่ใส่ใจกับอาหารที่อยู่ตรงหน้า และไม่รู้เลยว่าเขามองเธออยู่ตลอด  เธอคิดอะไรอยู่นะ ไม่พูดไม่จา  ชายหนุ่มยังคงจ้องมองหญิงสาวอยู่อย่างนั้น  ในสายตาของเขา  เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่ง  ผมสีน้ำตาลอ่อนๆ ที่ยาวแต่ดูไม่รกรุงรัง  ดูจะเหมาะกับใบหน้าที่มีเนื้อแก้มสีขาวอมชมพู  รูปร่างที่ดูอวบเล็กน้อยแต่ได้สัดส่วน  และบุคลิกของเธอที่ดูเรียบเฉย  วางตัวดีและมีอัธยาศัย  บางครั้งอาจจะซุ่มซ่ามไปหน่อย  แต่เขากลับเห็นว่าเธอเป็นคนที่น่าดูแลเอาใจใส่มากกว่า  และเขาก็อยากจะเป็นคนคนนั้น....
“น้ำ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ  พี่เห็นไม่ค่อยกินเลย  ไหนบอกว่าหิวไง”  คำถามนี้ทำให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์
“อ๋อ โทษทีค่ะ  น้ำคิดอะไรเพลินไปหน่อย”  เธอยิ้มแบบเจื่อนๆ
“อย่าคิดอะไรตอนสอบนะครับ  มันจะไม่มีสมาธินะ”  เขาเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ขอบคุณนะคะ  น้ำก็ไม่ได้คิดอะไรมากนักหรอกค่ะ  มีแต่เรื่องเดิมๆ...” เธอเริ่มจะเหม่ออีกแล้ว
“น้ำ” เขาเรียกเธอด้วยเสียงหนักแน่นกว่าเดิมและหน้าตาที่บึ้งตึงนั้น  ทำให้หญิงสาวอดขำไม่ได้
“คิกๆ” มันทำให้เขางง  หญิงสาวยังคงขำต่อ
“พี่ทำหน้าบึ้งเชียว  คิกๆ”  แล้วมันก็ทำให้เขาหัวเราะไปกับเธอ  ก็มันดีใจน่ะ ....เธอยิ้มออกแล้ว
“ก็พี่ห่วงไม่อยากให้น้ำทำหน้าเศร้าแบบนี้”  เขาพูดไปตามความรู้สึก  แต่มันทำให้หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยและกล่าวขอบคุณเขา
“คิดแล้วตลกดีเนาะ  ตอนเราเจอกันครั้งแรกน่ะ”  ชายหนุ่มชวนคุย
“ว๊าย...พี่จิมอย่าพูดถึงเรื่องนั้นนะคะ  น้ำอายมากเลย  อายที่สุดในชีวิต”
“ฮะๆๆๆ มันเป็นครั้งแรกของพี่เลยนะที่มีสาวมานั่งตักน่ะ”  เขาหยอกเธอ
“พี่จิมน่ะ  ตอนนั้นพี่จิมคงหนักแย่เลยนะคะ  น้ำเองก็ตกใจมากเลย  แต่ต้องขอบคุณพี่จิมมากๆเลยตอนนั้นที่ช่วยน้ำเก็บของ  ไม่ปล่อยให้น้ำอายคนเดียว”  หญิงสาวยิ้มอย่างสดใส  ดูเหมือนเธอจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว
ทั้งสองพูดคุยกันไป  หัวเราะกันไป  จนกินอาหารและของหวานเสร็จเรียบร้อย  ชายหนุ่มเอ่ยชวนหญิงสาวกลับ  เพราะมันใกล้ค่ำแล้ว 
“เดี๋ยววันนี้พี่ไปส่งน้ำนะ  พี่เอารถมา”  ชายหนุ่มบอกหญิงสาว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  ลำบากเปล่าๆ”  เธอบอกเขาด้วยความเกรงใจที่ไม่ได้แฝงไปด้วยความระแวงใดๆ
“ถ้าปล่อยให้น้ำกลับเอง  พี่ว่าพี่จะลำบากกว่านะ”  หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างงงๆ
“เอ่อ....น่าน่าให้พี่ไปส่งนะ”  ชายหนุ่มหันหลังให้เธอ  แล้วรีบเดินนำหน้าไปทันที  ก็เพราะหน้าเขาแดงแล้วน่ะสิ  ดูเหมือนเธอจะเริ่มสงสัยแล้วว่าเขาคิดยังไงกับเธอ
เมื่อมาถึงหน้าบ้านของหญิงสาว......
“ขอบคุณนะคะพี่จิม  ขับรถดีๆนะคะ”  หญิงสาวบอกพร้อมยิ้มอย่างสดใส
“ครับ  รีบเข้านอนล่ะ  ฝันดีนะครับ”  ชายหนุ่มยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน  แล้วขับรถออกไป  แต่แล้ว
ไม่ได้ๆ ถ้าเป็นแบบนี้เราอาจจะไม่ได้เจอน้องเค้าอีก  พี่เอกก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้วด้วย  แล้วเขาก็เลี้ยวรถกลับไปบ้านหญิงสาว
“อ้าวพี่จิม  มีอะไรรึเปล่าคะ”  หญิงสาวเดินออกมาทักเมื่อเห็นรถของชายหนุ่มมาจอดที่หน้าบ้าน
“เอ่อน้ำ คือ....”  ชายหนุ่มทำเสียงอายๆ  แล้วรวบรวมความกล้าพูดกับหญิงสาว
“พี่ขอเบอร์น้ำหน่อยได้มั้ย  เอ่อ....เผื่อวันหลังเราจะนัดกินข้าวกันอีก”  ชายหนุ่มดูเขินมาก
หญิงสาวอมยิ้มเล็กน้อย  เธอตลกกับท่าทางเขินๆ ของชายหนุ่ม  เธอเริ่มแน่ใจแล้วว่าเขาคิดยังไงกับเธอ
“ได้สิคะ”  แล้วเธอก็บอกเบอร์เขาไป 
“เฮ้อ...มีความสุขจังเว้ย”  ชายหนุ่มตะโกนออกมาคนเดียว  ขณะขับรถกลับบ้าน
ส่วนวนาธาร เธอเองก็รู้สึกดีขึ้นมาก  หลังจากได้คุยกับนนท์ปวิธ  เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี  เป็นสุภาพบุรุษ คุยสนุกสนาน  เธอทบทวนตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอเขา  มันมีแต่เรื่องที่ชวนให้ต้องหัวเราะ  เพราะความซุ่มซ่ามของตัวเธอเอง  เลยมาเจอเขาสินะ  ความเอาใจใส่ของเขามันทำให้เธอคิดถึงผู้ชายที่เธอรักมากมาย  รักมานานแสนนาน  ดูเหมือนความรักของเธอจะสื่อไปไม่ถึงเขาสักที  เธอเหนื่อยเหลือเกินที่จะต้องรอคอย  รออย่างเจ็บปวด แพทินี  ก็เป็นคนดี ไม่มีที่ติ  และเขาก็รักและดูเหมาะสมกันมาก  ต่างกับเธอที่ไม่ว่าจะยังไงก็เป็นได้แค่น้องสาวของเขาเท่านั้น.....
......................แล้วเธอก็เผลอหลับไป....................
ตอนที่ 5
หลังจากที่เอกออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้สองวัน  เขาก็กลับไปทำงานตามปกติ  การสอบfinal เทอมสุดท้ายของวนาธารก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว  เธอจึงแวะเข้าไปกินข้าวเที่ยงกับเอก  ซึ่งปกติแล้วเขาจะไปกินข้าวเที่ยงกับนนท์ปวิธเสมอ  ทำให้ทั้งสองมีโอกาสเจอกันมากขึ้น  จากที่เขาเพียงแค่โทรหาหล่อนวันละไม่กี่นาทีก่อนเข้านอน  .....แล้ววันหนึ่ง
“วันนี้มีหนังใหม่  น่าดูหลายเรื่อง  ไปดูด้วยกันมั้ยพี่เอก  น้ำก็ไปด้วยนะ”  นนท์ปวิธถามขึ้นขณะพักกลางวัน  จริงๆแล้วเขาอยากชวนแค่วนาธารเท่านั้น  แต่เขารู้ว่าเธอไม่ไปกับเขาสองคนแน่นอน
“เออดีเหมือนกัน  ช่วงนี้แพทเค้าบ่นเครียดๆ อยู่ด้วย”  คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวซึมไปเล็กน้อย  ในใจพี่เอกคงมีแต่เรื่องของพี่แพทสินะ
“น้ำก็ไปด้วยกันนะครับ  นะไปเป็นเพื่อนพี่หน่อย”  ถ้าเธอไม่ไปก็ไม่มีความหมายน่ะสิ
“อืมมมม...ก็ได้ค่ะ  ตั้งแต่น้ำสอบเสร็จยังไม่ได้พักผ่อนเหมือนกัน”  เธอต้องหัดยอมรับความจริงบ้าง
ในตอนเย็น......
ทั้งสี่คนแวะไปกินข้าวเย็นกันก่อนดูหนัง  อยู่ๆเอกก็พูดเรื่องที่คาดไม่ถึง
“นี่น้องๆ ทั้งสอง  พี่มีเรื่องจะบอก”  เอกหันไปยิ้มให้แพทินีเล็กน้อย แล้วพูดต่อ
“พี่กับพี่แพทคุยกันว่าเราจะแต่งงานกันน่ะ”  วนาธารช็อคกับสิ่งที่เธอได้ยิน  ตัวของเธอเบาหวิว  อะไรนะ ทำไม ทำไม  เธอพยายามเก็บอารมณ์ไว้
“พ่อแม่พี่เค้าอยากอุ้มหลานเร็วๆน่ะ  อายุก็มากแล้ว  ทางครอบครัวพี่แพทเค้าก็ตกลง ” 
นนท์ปวิธเป็นห่วงความรู้สึกของหญิงสาวเหลือเกิน  เขาจะทำยังไงให้เธอรู้สึกดีขึ้น
“แหมจะแต่งแล้วหรอ  เร็วจังนะพี่  ยินดีด้วยนะครับ  ”
“อืม พี่ก็คุยกับพี่แพทแล้วว่า อยากให้ทั้งสองคนช่วยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว  เจ้าสาวหน่อย”
“ได้อยู่แล้วพี่”  นนท์ปวิธตอบด้วยความยินดี  แต่วนาธารเธอกลับนิ่งไม่ตอบอะไร
“แล้วเราล่ะว่าไง  ยัยน้ำ  เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้แฟนพี่ชายได้รึเปล่าฮึ”  เอกถามวนาธารอีกครั้ง
“ว่าไงจ๊ะน้ำ  เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้พี่ได้มั้ย”  แพทินีถามเสริม
เธอพยามยามข่มความปวดร้าวภายในใจ  แล้วตอบไป
“ได้อยู่แล้วค่ะ  ยินดีด้วยนะคะ  แล้วเมื่อไรล่ะคะ”  เธอพยายามฝืนยิ้ม
“ก็คงราวๆ ปลายปีนี้แหละจ้า”  แพทินีตอบ  สีหน้าแสดงถึงความสุข
“อีกไม่กี่เดือนเองนะคะ”  หญิงสาวเสริมแล้วเงียบไป  เธอไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว  อีกไม่ถึงสิบเดือนที่เขาจะแต่งงาน  มันมาถึงแล้วสินะ  เวลาที่เธอต้องตัดใจจริงๆ  ไม่มีโอกาสสำหรับตัวเธออีกแล้ว  เธอเป็นได้แค่เพื่อนเจ้าสาว...
“เอ่อ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะคะ”  วนาธารบอกและรีบลุกออกไป  นนท์ปวิธผู้ซึ่งคอยดูเธอตลอด  เขาอดเป็นห่วงเธอไม่ได้  จึงตามเธอออกไป ร้องไห้อีกแน่ๆ เลยน้ำเอ้ย  กูนะกูไม่น่าเล้ย
แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด  เธอร้องไห้จริงๆ  เขารู้สึกปวดร้าวเหลือเกิน  เขาไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้อีกแล้ว
..
ตอนที่ 6 ตอนจบ
ชายหนุ่มเข้าไปหาเธอ  และยื่นผ้าเช็ดหน้าที่คราวนี้ไม่เปียกชุ่ม  ให้กับเธอ...
“พี่จิม”  เธอเรียกเขา
“พี่รู้หมดแล้วใช่มั้ยคะ”  เธอร้องไห้มากกว่าเดิม
“ครับพี่รู้  ไม่เป็นไรนะ  อยากร้องก็ร้องเถอะ  พี่จะอยู่เป็นเพื่อน”  เขาพาเธอไปนั่งในที่ที่คนไม่พลุกพล่านนัก
“น้ำไม่อยากดูหนังแล้วค่ะ  พี่จิมไปดูเถอะค่ะ  อย่ามาหมดสนุกเพราะน้ำ”  เธอพูดไปร้องไห้ไป
“ไม่หรอกน้ำ  ถ้าไม่มีน้ำ พี่ก็ไม่สนุกหรอกครับ”  เขายิ้มอย่างอบอุ่นให้เธอ
“ฮือๆๆๆ  พี่จิมคะ  น้ำรู้นะคะ ว่าพี่รู้สึกยังไงกับน้ำ  แต่...แต่น้ำรักพี่เอกมาก  น้ำรู้ว่าวันนี้ต้องมาถึง  แต่น้ำไม่คิดว่ามันจะเร็วแบบนี้” 
“พี่เข้าใจครับ  ....”  แล้วเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“ครับพี่เอก  ผมกำลังจะโทรบอกพี่เอกพอดีเลย  ว่าผมกับน้ำขอตัวกลับก่อนนะครับ  พอดีน้ำเค้ามีธุระด่วน เลยฝากให้ผมบอกพี่  แต่น้ำไม่อยู่แล้วผมก็ไม่อยากไปเป็นส่วนเกินน่ะ  ดูหนังให้สนุกนะครับ” แล้วเขาก็วางสายไป
“ขอบคุณนะคะพี่จิม”  เธอยังคงร้องไห้
“คำพูดที่น้ำพูดกับพี่เมื่อกี้  ไม่ได้หมายความว่าพี่จะหมดหวังเลยใช่มั้ยครับ  พี่จะรอน้ำนะ”  เขาพูดไปตามความคิดและความรู้สึก
“พี่จิม”  หญิงสาวมองหน้าเขา  สีหน้าไม่บอกอารมณ์ใดๆ นอกจากความเศร้า
แล้วความเงียบก็เกิดขึ้น  มันช่างเหมือนตอนที่ติดฝนในวันนั้นซะจริงๆ  ต่างกันแค่วันนี้  หญิงสาวรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึง  กำลังใจ  ความจริงใจ  และความอบอุ่น  ของชายหนุ่มข้างๆ เธอ
“เต่า เต่า  เต่า  เต่ามันมีสี่ขา  สี่ตีนเดินมา  มันทำหัวผุดๆโผ่ๆ  มันทำหัวผุดๆโผ่ๆ” อยู่ๆชายหนุ่มก็ร้องเพลงขึ้นมา
“คิกๆๆ  นี่พี่จิมไม่มีเพลงอื่นแล้วหรอคะ”  เธอหัวเราะพร้อมกับเช็ดน้ำตา
“ฮะๆๆ ก็พีไม่รู้จะร้องเพลงอะไรนี่  แล้วไงล่ะ  เพลงนี้ก็ทำให้น้ำหัวเราะได้  หิวรึเปล่า  เมื่อกี้ยังกินข้าวไม่หมดเลย”  เขาถามเธอด้วยความเป็นห่วง
“อืม ไม่หรอกค่ะ  ไม่มีความรู้สึกหิวเลย”  เธอหยุดร้องไห้แล้ว 
“งั้นเดี๋ยวพี่มานะ”  เขาทำท่าจะลุกออกไป
หญิงสาวจับแขนของเขาไว้  แล้วถาม..
“จะไปไหนคะ  ให้น้ำนั่งคนเดียวหรอ”  เธอทำหน้าอ้อน
“โธ่เด็กขี้แง  เดี๋ยวพี่มาครับแป๊บเดียว” เขาบอกเธอพร้อมกับลูบหัวเธอเล็กน้อย  แล้วก็ลุกออกไป
หญิงสาวเริ่มจะหวั่นไหวกับชายหนุ่ม  ชายหนุ่มที่คอยอยู่ข้างเธอเสมอ  ตั้งแต่วันแรกที่รู้จัก  เขาคอยเอาใจใส่เธอ ให้เกียรติ  ไม่ถามในเรื่องที่เธอไม่ต้องการพูดถึง  เพียงแค่เขาอยู่กับเธอ  ไม่ต้องมีคำปลอบใจใดๆ มันกลับทำให้เธอสบายใจมากขึ้น  แต่เธอก็ยังไม่พร้อมที่จะมีความรักครั้งใหม่....
“มาแล้ว”  ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาเธอพร้อมของที่ซ่อนไว้ข้างหลัง
“จะดูข้างไหนก่อนดีครับ  สาวน้อย  ซ้ายหรือขวา”  เขาถามเธอ
“อืมมมมม....ขวาค่ะ” 
“ขวาก็นี่เลย”  เขายื่นไอศกรีมรสสตอร์เบอรรี่ถ้วยหนึ่งให้เธอ
“แล้วข้างซ้ายล่ะคะ”  เธอถามเขาพร้อมรอยยิ้มที่สดใสมากขึ้น
“ก็นี่ไง”  แล้วเขาก็ยื่นดอกกุหลาบสีขาวให้กับเธอ
“อุ๊ย ขอบคุณค่ะ  มีความหมายรึเปล่าคะ”
“มีสิครับ  ดอกกุหลาบสีขาวแสดงถึงความรักที่บริสุทธิ์  พี่ให้มันแทนความรู้สึกของพี่ที่มีให้กับน้ำ  ถึงมันจะเหี่ยว จะเฉา  แต่มันก็สามารถเก็บไว้ได้ตราบเท่าที่น้ำต้องการจะเก็บ เหมือนที่พี่จะอยู่กับน้ำเสมอถ้าน้ำต้องการพี่  ส่วนไอศกรีมรสสตอร์เบอรี่  พี่ให้มันแทนความรักของน้ำที่มีให้กับพี่เอก  พี่อยากให้มันละลายสลายไปเหมือนกับไอศกรีมก้อนนี้”  เขาอธิบาย
“ความหมายดีจังนะคะ  แต่น้ำจะไม่ปล่อยให้มันละลายหรอกค่ะ”  ชายหนุ่มมีสีหน้าแย่ลง
หญิงสาวยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดต่อ
“น้ำจะกินมันเข้าไป  น้ำอยากรู้รสชาติของความรักที่เจ็บปวด  น้ำอยากยอมรับมันให้ได้  ยังไงมันก็ยังมีเรื่องดีๆ ที่อยู่ในความทรงจำ  ส่วนดอกกุหลาบของพี่  น้ำสัญญาค่ะว่าน้ำจะเก็บรักษามันไว้อย่างดี  หวังว่าดอกไม้ดอกนี้คงอดทนรอน้ำได้นะคะ”  เธอยิ้มอย่างน่ารักให้กับเขา
“ครับ พี่รอน้ำอยู่แล้ว  งั้นรีบกินก่อนเถอะ  เดี๋ยวมันละลายหมดนะ  ความรักของเธอน่ะ”  ชายหนุ่มแซวเธอ
หลังจากที่หญิงสาวกินไอศกรีมเสร็จเรียบร้อย.....
“นี่ถึงเวลาหนังฉายหรือยังคะ” เธอถามชายหนุ่ม
“ใกล้แล้วครับ  ทำไมน้ำอยากดูหรอ”
“เปล่าค่ะ  น้ำยังไม่เข้มแข็งพอ  แต่น้ำอยากไปหาพี่เอกค่ะ”  ชายหนุ่มทำหน้างง
หญิงสาวยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อ
“พี่จิมรู้มั้ยคะ  ว่าดอกไม้ดอกนี้มอบความกล้าให้กับน้ำ  น้ำจะไปบอกความรู้สึกกับพี่เค้าค่ะ” เธอดูแน่วแน่มาก
“น้ำคิดดีแล้วนะ “ เขาถามเธอ
“ค่ะ แต่...พี่จิมต้องไปกับน้ำนะคะ” 
“ครับๆ สาวน้อย  พี่อดห่วงเราไม่ได้หรอก” เขาลูบหัวหญิงสาวอีกครั้ง
เอกและแพทินีกำลังจะเข้าโรงหนังทันที่ทั้งสองไปถึง.....
“พี่เอกคะ  หญิงสาวตะโกนเรียก”  เธอรวบรวมความกล้ามาเต็มเปี่ยม
“น้ำมีเรื่องจะบอกค่ะ”  ทั้งสองทำหน้างงมาก  เพราะนึกว่ากลับกันไปแล้ว
แต่ก็ยิ่งงงกว่าเดิมเมื่อ วนาธาร เอ่ยขึ้น ....
“เมื่อกี้น้ำไปร้องไห้มาค่ะ คิกๆ “ เธอหัวเราะเล็กน้อย  แล้วพูดต่อ
“พี่เอกคะ  น้ำรักพี่เอกนะคะ  รักตั้งแต่แรกเห็น  แต่น้ำไม่กล้าบอกพี่เอก  จนมันสายเกินไป  ตอนนี้มีคนมอบความกล้าให้กับน้ำ  ไม่นานน้ำจะทำใจได้เองค่ะ  น้ำยินดีด้วยกับพี่ทั้งสองคนนะคะ  น้ำสัญญาค่ะ  ว่าน้ำจะไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับพี่แพทแน่ๆ  พี่เอกยังเห็นว่าน้ำเป็นน้องสาวอยู่ใช่มั้ยคะ” เธอน้ำตาคลอนิดๆ
“โธ่  ยัยน้ำ  เธอเป็นน้องสาวที่พี่รักที่สุดนะ “ เอกว่าพร้อมลูบหัวเธอ
“น้ำขอโทษนะคะพี่แพท”  หญิงสาวหันไปบอกผู้หญิงอีกคน
“ขอโทษอะไรกันน้ำ  พี่สิ  ไม่รู้ทำให้น้ำเจ็บปวดแค่ไหนกับที่ผ่านมา”
“ไม่เลยค่ะ  น้ำทำตัวน้ำเอง  พี่แพทน่ะสมกับพี่เอกมากๆนะคะ  รักกันนานๆ นะคะ  อย่าทำให้พี่ชายน้ำเสียใจนะคะ”  เธอยิ้มอย่างจริงใจ
“พี่เอกคะ  น้ำขอเวลาหน่อยนะคะ แล้วน้ำจะกลับมาเป็นน้องสาวที่น่ารักที่สุดของพี่เอกค่ะ”
“โธ่ ยัยน้ำ”
“น้ำไปนะคะ”  หญิงสาวพูดพร้อมเดินจากคนทั้งสองไปโดยมี นนท์ปวิธ  ที่จะคอยก้าวไปพร้อมกับเธอ  เขาจะให้ความรักกับเธอเหมือนกับดอกกุหลาบสีขาว ความรักบริสุทธิ์ที่มีแต่ให้  ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เขาก็จะไม่เปลี่ยนไป
    มันคงจะอีกไม่นาน ที่หญิงสาวจะเริ่มต้นกับความรักครั้งใหม่ที่กำลังรอเธออยู่  แล้วเพื่อนๆล่ะคะ  มีความกล้าในเรื่องความรักกันหรือยัง
              ขอให้ทุกคนโชคดี  และมีความรักที่สดใสนะคะ........................เด็กหญิงพิมยุ้ง ^_^
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น