อ่านแล้วซึ้ง - อ่านแล้วซึ้ง นิยาย อ่านแล้วซึ้ง : Dek-D.com - Writer

    อ่านแล้วซึ้ง

    เรื่องราวของความรักที่ม่ายกล้าจาบอกจนถึงสันที่สายเกินไป

    ผู้เข้าชมรวม

    703

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    703

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 ก.พ. 47 / 11:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ซึ้งค่ะน่าอ่านดีแม้จะยาวไปซักหน่อยแต่ซึ้งขอบอก...แสงไฟติดๆดับๆจากเสาไฟฟ้าข้างทางอาจอาจทามห้ายคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นสมุดเล่มหนึ่งซึ่งตกอยุระหว่างกอหญ้าที่เกิดจากที่ดินรกร้างข้างฟุตบาทแต่ม่ายเคยมีใครซักคนจะหยิบมันขึ้นมา
      ปล่อยห้ายสมุดที่เคยมีสีสันสดใสเล่มหนึ่งนอนอยุกับกอหญ้าผ่านลมและฝนมานานแสนนาน  พร้อมกับรอยหมึกคำสัญญาที่นับวันยิ่งเลือนลางเพราะน้ำฝนแต่น้ำฝนม่ายสามารถลบเลือนคำสัญญาจากจิตใจคนหนึ่งๆได้ชีวิตของเด็กมัธยมปลายทุกคนคงม่ายสามารถหลีกหนีปายจากเรื่องเพื่อน  ความฝัน  ความรัก   เอ็นทรานซืปายได้และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของฉันที่เริ่มต้นที่ห้องเรียนศิลปะ
      ผม บอม กบ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่ ม.ต้น ได้มาอยู่ห้องเดียวกันในชั้น ม.4 คงเป็นเหตุการณ์นั้นที่ทำให้พวกเราได้รู้จักกับนุ่น
      “ นี่เธอ... เธอ... ยืมของเราก็ได้นะ” บอมพูดพร้อมกับยื่นดินสอ 2B ให้ 1 แท่ง เธอก็รับไปพร้อมด้วยรอยยิ้มและเหล็กดัดฟันกลับมา
            รอยยิ้มที่เราได้เห็นทำให้พวกผมนึกไปถึงรอยยิ้มของน้องสาวตัวเล็ก ๆ น่ารักคนหนึ่ง หลังจากหมดชั่วโมงศิลปะ  พวกผมอาสาพาเธอไปกินข้าวที่โรงอาหาร และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพวกผม พร้อมด้วยความแปลกใจของหลาย ๆ คนที่เห็นเด็กผู้หญิง หน้าตาน่ารักคนหนึ่งนั่งอยู่ในกลุ่มของเด็กผู้ชายที่กำลังคุยกัน เสียงดังด้วยคำสบถต่าง ๆ ซึ่งเป็นคำธรรมดาของเด็กผู้ชาย...
              จากวันเป็นเดือน... จากเดือนเป็นปี... เมื่อเพื่อนคบันมานาน ก็ย่อมรู้ใจกัน... และเริ่มรับรู้บางอย่างในวันที่นุ่นตัดผมสั้นมาใหม่
                           “ เฮ้ยนี่อะไรเข้าฝันแกวะ” ผมพูด
                          “ อี๋ ... ทรงเก่าดีกว่าแยะเลย “ กบพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะจากทุกคน
                          “ แต่เราว่าน่ารักดีนะ “ บอมพูด
               คำ ๆ นี้ของบอมทำให้หน้าขาว ๆ ของนุ่นแดงขึ้นมาตั้งแต่เราเริ่มสังเกต จากวันนั้นเราก็รู้ว่าคำพูดของบอมมีอิทธิพลกับนุ่นมาก และรู้ว่านุ่นต้องแอบปลื้มบอมไม่มากก็น้อยแต่ไม่เคยมีคำว่ารักคำใด ๆ เกิดขึ้นในกลุ่มเพื่อน ณ โต๊ะประจำกลุ่มเรา
                 “ ขนมมาแล้วจ๊ะ”  เสียงใส ๆ ของนุ่นที่มาพร้อมกับขนมหลายถุงที่ถือเดินคู่มากับบอม (การซื้อขนมเลี้ยงของนุ่นมักเป็นกิจวัตรประจำวัน พวกเราเคยปฏิเสธเพราะพวกผมยังไม่รู้ว่านั่นมาจากเงินเล็กน้อยของคุณหนูนุ่นนั่นเอง)
                  ขณะที่กินขนมอยู่นั้นนุ่นถามถึงอาชีพในอนาคตของทุกคน ผมกับบยังม่ได้คิดอะไรถ้าเอ็นท์ติดอะไรก็เรียนไป ความฝันของบอมคือข้าเรียนเศรษฐศาสตร์ที่ธรรมศาสตร์เป็นนักวิเคราะห์การเงินเหมือนพ่อของเขา ความฝันของนุ่นที่ต้องการเป็นนักสังคมสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็ก ไม่ทำให้ผมแปลกใจเลยเพราะการชอบช่วยเหลือผู้อื่นและมองโลกในแง่ดีที่เป็นนิสัยของเธอ  
                   สิ่งที่เรารู้กันเลย็คือ นุ่นต้องอยากเรียนสังคมสงเคราะห์ที่ธรรมศาสตร์แน่นอน เมื่อนุ่นพูดจบบอมก็หยิบสมุดจดศัพท์ภาษาอังกฤษของนุ่นที่วางอยู่มาเปิดไปหน้าสุดท้ายของสมุดแล้วเขียนว่า... เราสองคนจะต้องเป็นลูกแม่โดมให้ได้นะ... ลงชื่อ... บอม
                    สิ่งที่เราเห็นต่อมาคือ รอยยิ้มของนุ่นพร้อมกับหน้าแดง นาน 2-3 นาที ยิ้มน่ารักมากกว่าสิ่งใด ๆ ... วันแรกของ ม.6 ไม่มีอะไรมาก นอกจากการฉลองที่นุ่นได้อนุญาตให้ไป – กลับโรงเรียนเองเหมือนนักเรียนทั่วไป  ซึ่งเป็นสิ่งที่นุ่นต้องการมาตลอด 4-5 ปี ที่แม่คอยรับ คอยส่ง  .......
                     วันนี้ผมได้เห็นอาการดีใจของคนที่ได้รับสิ่งที่ผมเรียกมันว่า “ อิสรภาพ “ ชีวิตของนักรียนม .6 หลาย ๆ คนคงไม่พ้นการเรียนพิเศษต่อตั้งแต่ 5 โมง- 2 ทุ่ม
                     แต่การที่ได้เรียนกับเพื่อนรักของผมทำให้ผมไม่เคยคิดเหนื่อยหรือท้อแท้เลย โต๊ะ 4 ตัวหลังสุดเป็นที่รู้กันว่าเป็นโต๊ะของกลุ่มผมขณะที่พวกเรากำลังนั่งคุยรออาจารย์อยู่นั้นบอมได้ชี้ไปที่นักเรียนหญิงใส่ชุด UNIFORM  แขนยาว หน้าตาสวยมากคนหนึ่ง พร้อมพูดว่านี่ดูผู้หญิงคนนั้นสิเราชอบเขามากเลยนะ
                     ตั้งแต่วันนั้นผู้หญิงคนนั้นก้อเปนประเด็นสนทนากันในกลุ่มอีกบ่อยๆแต่ทุกครั้งที่ผมรู้สึกว่านุ่นมีความรู้สึกแปลกๆที่ม่ายแสดงออกมมาจนผมคิดว่าต้องทำห้ายบอมถามห้ยได้ว่าเป็นอะไรเพราะเค้าสองคนสนิทกันมากที่สุดแต่บอมก้อม่ายเคยสงสัยและถามซักพักผมก้อเลิกสนใจกับสิ่งเหล่านี้เพราะผมก้อแค่ผู้ชายที่ม่ายเคยเข้าใจความรุสึกนึกคิดของผู้หญิง
                       เวลาที่พวกผมได้พักผ่อนมากที่สุดจากการเรียนคงเป็นตอนหลังเลิกเรียนพิเศษซึ่งพวกผมจะเวียนปายฝากท้องตามร้านต่างๆหลังจากนั้นก้อมักจะไปเล่นเกมส์เกมส์ประจำคือRagnarok Online ของกบชอบเล่นเกมส์ DJ โดยเฉพาะตอนที่มีสาวๆมองเยอะจะออกลีลาเป็นพิเศษเคริ่งตู้เกมส์เตอติสที่อยุหลังร้านเหมือนเปนร้านที่สร้างมาเพื่อบอมกับนุ่นผมได้เหนทั้งคู่เล่นด้วยกันเล่นแข่งกันได้ดูเวลาที่เค้าแกล้งกันนุ่นมักจะปัดมือของบอมออกจากจอยส์เกมส์เปนประจำเวลาที่ทั้งคู่เล่นแข่งเพราะบอมเป็นคนที่เล่นเก่งมาก
                  แต่บอมก้อชอบและม่ายเคยเห็นบอมโกรธนุ่นเลยซักครั้งเวลาที้นุ่นคอยแหย่คอยกวนผมคิดว่าทั้งคู่คงมีความสุขมากที่ได้อยุด้วยกันพลางคิดไปถึงหนังรักออกแบบไม่ได้ที่ว่าเปนเพื่อนกันดีที่สุดจะได้คบกันนานๆแต่สำหรับคู่นี้ผมนึกถึงภาพตอนที่ทั้งคู่เป็นคนชาคู่หนึ่งที่ใช้บั้นปลายชีวิตนั่งนับดาวด้วยกันทุกครั้งที่มองคู่นี้อยุด้วยกันผมคิดว่าเค้ากำลังเริ่มสร้างและต่อเติมความรักซึ่งกันและกันอยุแม้เพื่อนสนิทอย่างผมมักจะแซวว่าทั้งคู่ม่ายเหมือนแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นแต่สิ่งที่ผมเห็นก้อคือทั้งคู่มีรอยยิ้มพร้อมกับอาการเขินสายตาของนุ่นก้อหันปายมองบอมแล้วช่วยกันปฏิเสธแล้วนุ่นก้อมักจะพูดว่าพวกเนี้ยม่ายพูดด้วยแล้วพร้อมกับหันหลังเดินไปซื้อขนมและบอมก้อเดินตามติดๆกันไปวันศุกร์ใกล้ปิดคอร์สเรียนภาษาอังกฤษเมื่อพวกเรามาถึงโรงเรียนปรากฎว่าไฟดับโรงเรียนจึงนัดชดเชยให้วันอื่นวันนี้จึงม่ายค่อยได้เรียนเพราะเป็ฯวันศุกร์ที่โรงเรียนมีเรียนแค่สองวิชาพวกเราจึงถือสมุดหนังสือไปเพียงม่ายกี่เล่มหลังจากนั้นพวกเราจึงไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าวันนี้นุ่นดูซึมๆผิดปกติตั้งแต่เช้าพวกเรารบเร้าเท่าไหร่นุ่นก้อม่ายยอมบอกขณะที่เดินเล่นอยุนั้นบอมก้อได้จับหน้าผากของนุ่นบอมตกใจมากเพราะนุ่นตัวร้อนจัดบอมจึงพูดว่านุ่นเทอตัวร้อนมากนะกินยารึยัง  ปวดหัวนิดหน่อยน่ะม่ายเปนรายหรอก  นุ่นตอบ
                   พวกผมจึงรบเร้าให้นุ่นรีบกลับปายพักผ่อนที่บ้านและตัดสินใจให้บอมเดินปายส่งนุ่นขึ้นแท๊กซี่โดนผมกันกบจะปายรอที่ศูนย์อาหารก่อนที่ผมจะแยกย้ายกับนุ่นบอมแซวนุ่นว่านี่ม่ายสบายขาดนี้ยังม่ายยอมนอนพักอยุบ้านอีก  ก้อฉันเราเด็กขยันนั่จ๊ะนุ่นตอบพร้อมกัยยิ้ม ดูนุ่นสิหน้าเหมือนคนจะตายอยุแล้วยังยิ้มออกอีกบอมพูดปายโดยที่ม่ายรุว่ารอยยิมนี้จะเป็นรอยยิ้มที่พวกผมจะม่ายมีวันลืมสำหรับผมเหตุผลเดียวที่นุ่นมาเรียนวันนี้คือการที่ได้มานั่งเรียนพิเศษข้างๆกับบอมหลังจากผมแยกย้ายกับนุ่น บอมก้อเดินไปส่งนุ่นขึ้นแท๊กซี่กลับบ้าน
                     ....เอี๊ยด...ปัง...อัก...รถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งคร่อมเลนมาชนกับแท๊กซี่คันหนึ่งที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยกระเด็นกระแทกกระจกรถออกมาตกลงบนพื้นและไถลไปข้างหน้าอีก7-10เมตร  สมุด  ดินสอ  หนังสือกระจัดกระจายอยุตามถนนบ้างบนทางเท้าบ้างพลเมืองดีผู้หนึ่งอุ้มร่างที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลไปส่งโรงพยาบาล
                      เช้าวันเสาร์ที่เรียนพิเศษวิชาคณิตผมรู้สึกแปลกใจที่วันนี้นุ่นมาเรียนสายเพราะปกตินุ่นจะมาเรียนเป็นคนแรกแต่พวกผมก้อคิดว่านุ่นคงยังม่ายสบายและพักผ่อยอยุที่บ้านแต่ขณะที่เรียนไปได้15นาทีเพจของบอมก้อดังขึ้นพร้อมกับข้อความที่แม่ของนุ่นที่ว่าต้องการพบบอมด่วนเมื่อพวกผมอ่านข้อความนี้จบพวกผมก้อรีบเดินออกจากห้องทันทีมารู้ตัวอีกทีก้อตอนที่เห็นแม่ของนุ่นร้องไห้อยุหน้าห้องICU
                       เมื่อเราเดินเข้าปายในห้องหมอบอกว่านุ่นเสียแล้วพวกผมเหมือนตกอยุในภวังค์น้ำตาเริ่มคลอและไหลออกมาจากทุกคนที่เรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายทุกคนยืนร้องไห้อยุข้างๆเตียงของนุ่นไม่มีใครซักคนเปิดผ้าคลุมร่างที่ไร้วิญญาณของนุ่นดูเพราะทุกคนรู้ดีว่านุ่นไม่ต้องการห้ายใครเห็นนุ่นในสภาพแบบนี้แน่นอนเหตุการณ์นี้แม้ว่าผมจะเสียใจมากแต่ไม่เท่าบอมเพราะพวกเรารู้ดีว่าบอมเสียใจมากที่สุด
                      แต่บอมเก่งมากเพราะหลังจากนั้นอาทิตย์หนึ่งพวกเราก้อไม่เหนบอมร้องไห้อีกขณะที่นั่งเรียนวิชาคณิตศาสตร์ในคาบที่7หลังจากฌาปนกิจศพของนุ่น2วันแม่ของนุ่นได้ขออนุญาติอาจารย์เดินเขามาหาบอมแล้วพูดว่า
                         “ไนห้องไอซียูก่อนที่นุ่นจะสิ้นนุ่นได้บอกกับแม่ให้นำไดอารี่ส์เล่มนี้มาให้บอมให้ได”แล้วแม่ของนุ่นก้อยื่นถุงกระดาษที่ข้างในทีไดอารี่ส์เล่มหนึ่งมาให้หลังจากหมดคาบผมและบอมได้หยิบไดอารี่ส์ขึ้นมามันเป็นไดอารี่ส์สีชมพูที่นุ่นใช้เขียนความคิดและความฝันต่างๆของนุ่นชื่อของบอมีอยุทุกหน้าของไดอารี่ส์ตั้งแต่วันที่เทอได้พบกับบอมที่ห้องศิลปะ
                       เมื่อพลิกกลับมาช่วงกลางของเล่มน้ำตาของบอมก้อหยดลงมาบนรุปๆหนึ่งที่นุ่นวาดขึ้นในไดอารี่ส์เป็นรุปนุ่นกับบอมที่ยืนยิ้มอยุโดยที่นุ่นยืนกอดแขนบอมอยู่และทั้งคู่ใส่ชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
                        “ทามมายนุ่นไม่รู่ล่ะว่าเรารักเค้ามากแค่ไหน”บอมพูดเมื่ออ่านไดอารี่ส์และได้รู้ว่านุ่นคอยคำว่ารักจากบอมอยู่เมื่อช่วงหนึ่งในไดอารี่ส์จึงได้รู้ว่านุ่นเข้าใจผิดว่าบอมไปรักผู้หญิงคนหนึ่งคนที่บอมชี้ให้พวกเราดู ณ ที่เรียนพิเศษสิ่งต่อมาที่ผมได้รู้คือนุ่นไม่เคยเข้าใจสิ่งที่บอมเคยพูดเสมอในกลุ่มว่า  รัก  กับชอบ  นั้นแตกต่างกันมมาก
                         ผมได้นึกเสียดายที่บอมม่ายยยอมพูดความรู้สึกของตัวเองให้นุ่นได้รับรู้ได้แต่ปล่อยให้นุ่นคิดไปต่างๆนาๆเพราะถ้าบอมได้พูดและอธิบายความรู้สึกของตัวเองนุ่นก้อคงจากไปอย่างมีความสุขกว่านี้ก่อนการเร่งสอบปลายภาคม่ายกี่วันเพื่อให้เวลานักเรียนอ่านหนังสือเตรียมเอ็นท์ครั้งที่2ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งคุยกันกบได้ตะโกนถามเพื่อนๆว่าถ้าตอนนี้มีพรวิเศษขออะไรก้อได้สิ่งหนึ่งจะขออะไรคำตอบที่ได้ก้อแตกต่างกันไปเมื่อกบหันมามองหน้าบอมทุกคนก้อหันมาเหมือนจะรอคอยคำตอบจากบอม
                    “เราขอแค่ได้พบนุ่นอีกครั้งแล้วเราจะบอกว่ารักเค้ามากขนาดไหน”บอมตอบพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆคลอออกมาหลังที่บอมพูดจบเพื่อนในห้องหลายคนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซันน้ำตาของตน
                     วันนั้นผมจึงได้รู้วานุ่นยังคงอยู่ในใจของบอมอยู่ม่เปลี่ยนแปลงวันที่ผมได้รับรู้อาณุภาพของความรักคือวันประกาศผลเอ็นท์เรานัดเปิดซองจดหมายพร้อมกันที่บ้านของกบกบติดม.เชียงใหม่ ผมติดที่ประสานมิตรแต่สิ่งที่ผมตกใจมากที่สุดคือคนที่ได้คะแนน60กว่าเกือบทุกวิชาไม่ติดเศรษฐศาสตร์ได้อย่างไรคำอธิบายของบอมทำให้ผมรู้ว่าบอมทิ้งความฝันที่จะเป็นนักการเงินของเค้าเสียแล้วเค้ามาเรียนสังคมสงเคราะห์เพื่อเดินทางตามความฝันของบอมเปลี่ยนเป็นการได้สร้างสถานเลี้ยงเด็กกรำพร้าและได้นำชื่อณัฐธิดาที่เป็นชื่อจริงของนุ่นมาตั้งเป็นชื่อสถานรับเลี้ยงเด็กกรำพร้าเพื่อเป็นอนุสรณ์ของผู้หญิงคนหนึ่งที่เค้าเคยพบในชีวิตคนที่ไม่รู้จักบอมดีจะมองเค้าเป็นผู้ชยธรรมดาคนหนึ่งที่ปิดตัวเองไม่ยอมเปิดใจให้ใครแต่สำหรับผมรู้ดีว่าใครอยู่ในหัวใจของเค้าตลอดเวลา...
                        ในเวลาโพล้เพล้สายลมพัดเมฆมาก่อตัวรวมกันจนกลั่นเป็นเม็ดฝนลงมาสู่ดินทุกแห่งหนลมพัดเข้ามาในห้องผมอย่างแรงทำให้กรอบรูปที่มีรูปของพวกเราอยู่คว่ำด้านหน้าลงผมหยิบมันพลิกขึ้นวางที่เดิมและมองไปที่รูปนั้นอีกครั้งมันทำให้ผมได้นึกถึง..เทอ..เทอผู้ที่ทำให้พวกผมได้รู้ว่าคนดัดฟันกินอาหารบางอย่างไม่ได้.เทอผู้ที่ทำให้พวกผมหัดฟังเพลงค่ายDOJO  CITYเทอผู้ที่แนะนำให้ผมมองโลกในแง่ดีและออกไปสู้กับปัญหาเทอผู้นำความงดงามของจิตใจของเทอมาให้พวกผมได้สัมผัสเทอผู้มาเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกผมเทอผู้จากไปอย่างที่ม่ายมีวันกลับมาฝนยังคงตกลงมาบนถนนสายหนึ่งเม็ดฝนกระหน่ำลงมาปานจะฉีกสมุดที่อยู่ในดงหญ้าข้างๆทางเท้าเล่มหนึ่งที่ยุ่ยขาดเป็นส่วน
                         แม้จะผ่านลมฝนลมหนาวมานานเท่าใดแต่สมุดเล่มนี้ก้อยังคงอยู่ที่เดิมพร้อมกับรอยหมึกคำสัญญาที่ไม่อาจเป็นจริงได้เพราะคนๆหนึ่งได้จากไปแล้ว... “รัก”บางคนคิดว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องพูด
                          แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่ามีบางคนใช้ชีวิตและเสาะหาและรอคอยคำๆนี้จากปากของคุณอยู่เมื่อคุณมั่นใจแล้วคุญควรที่จะพูดออกไปดีกว่าที่จะต้องมานั่งเสียดายและเสียใจเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่...สาย..เกิน..ไป  ของคุณเพียงความทรงจำ

      ***หยิบปากกามาบรรยายความรู้สึก
      ที่เก็บเร้นซ่อนไว้ไม่ให้รู้
      แม้น้ำฝนจะลบเลือนข้อความอยู่
      แต่ให้รู้จะเก็บคำสัญญาไว้ในใจ...ตลอดกาล****

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×