เคยมั๊ย ที่อยากจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต ฉันอิจฉาบางคนจัง ที่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีต
หรือแก้ไขในสิ่งที่ทำผิดพลาดในอดีตได้ แต่ฉันน่ะสิ คงไม่โชคดีอย่างนั้นหรอก ฉันยังจมอยู่กับอดีต
อดีตเก่าๆ ที่อยู่เป็นความทรงจำเท่านั้น เวลาที่เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆทุกวินาที
ก็ทำให้อดีตของฉันยิ่งพร่ามัวตามกาลเวลา แต่ความทรงจำเหล่านั้น จะไม่จางหายไปหมดทีเดียว
เวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น พรุ่งนี้ เดือนหน้า หรืออีกกี่ปีต่อจากนี้ไป
ความปวดร้าวทั้งหมดจะหายไปเสียที ความทรงจำสีจาง
เค้า
คนที่ยิ้มแล้วโลกสดใส
เค้า
คนที่ทาแป้งให้กัน
เค้า
คนที่ให้ความอบอุ่น
เค้า
คนที่ทำให้ฉันมีความสุข
เค้า
คนที่หลับคาโทรศัพท์เหมือนกัน
เค้า
คนที่สำอางค์ ชอบพอกหน้า
เค้า
คนที่อยู่ด้วยกันทั้งวัน
เค้า
คนที่ดูหนังด้วยกันทุกสัปดาห์
และมีอีกหลายนิยาม สำหรับเค้า
. คนที่ฉันให้ทั้งใจ
เรื่องมันเกิดขึ้นตอนบ่ายวันหนึ่งของการเรียนวิชาสังคม
“ แหม
ลูกตาล แชทกับพี่เพชรอีกแล้ว ระวังอาจารย์มาเห็นนะ ยิ่งไม่ค่อยมีคนฟังกลุ่มมิ้นต์รายงานอยู่ด้วย
มีแต่เล่นเน็ตกัน “ ฉันเริ่มให้หมาในปากได้ออกกำลังกาย แซวใครได้ก็แซวทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ขอแซวใส่คุณผู้หญิงลูกตาล เธอช่างเหมาะสมที่จะประกวดนางงามเสียจริงๆ เรียบร้อยทุกอย่าง
หน้าตาก็ดี โอ๊ย ! ตาร้อนเป็นไฟ
ฉันเริ่มหาโต๊ะว่างเช็คเมลล์บ้าง “ เอ๊ะ
พี่กฤษส่งเมลล์มาหาเหรอ “
สวัสดีเป็นไงบ้าง คงมีแฟนกันไปหมดแล้วสิน้องเรา อย่าลืมพี่นะ
ถึงข้อความในเมลล์จะน้อย แต่ฉันก็ดีใจมาก ฉันเริ่มชอบพี่กฤษเมื่อปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
และก็แอบชอบมาเรื่อยๆ มีโทรไปคุยบ้างบางครั้ง แต่ก็ไม่บ่อย เพราะพี่กฤษเป็นผู้ชายที่หน้าตาดี
มีลักยิ้ม ตี๋ คิ้วเข้ม ที่สำคัญ ใส่เหล็ก โอ๊ย ! เห็นเวลายิ้ม เจ๊อยากจะเป็นลม โดนอะไรอย่างนี้
ฉันก็เลยคิดว่าพี่เค้าคงมีแฟนแล้ว แต่ก็ยังโกหกว่ายังไม่มี ตามประสาคนหน้าตาดี มีคนมาชอบเยอะ
แต่แล้วฉันก็เริ่มห่างๆไป ตั้งแต่คบกับแอ้ม
ฉันก็เลยตอบกลับไปในทำนองที่หม้อๆ ตามนิสัยของฉัน ประมาณว่า
“ แฟนน่ะ ไม่มีหรอก โสดสนิท ขี้เหร่อย่างเนี้ย ไม่มีใครมาจีบหรอก ว่าแต่ขอเบอร์บ้านพี่กฤษได้ไหม
อย่าว่านะ คือ
. แน็ททำหายแล้วอ่ะ “
เราสองคนเริ่มส่งเมลล์ตอบกันไปตอบกันมา จนได้ทั้งเบอร์บ้านและเบอร์มือถือ โอ้
แม่เจ้า
พระเจ้าเข้าข้างคนขี้เหร่อย่างฉันแล้ว
ฉันก็เริ่มปฏิบัติการตามแผน นั่นคือ โทร โทร แอนด์ โทร ให้มันรู้ไปว่าใครเป็นใคร
เราสองคนเริ่มคุยกันถูกคอมากขึ้น จากตอนแรกที่ฉันต้องเป็นฝ่ายโทรหาพี่เค้า
แต่ตอนหลังพี่กฤษโทรหาฉันเอง พี่เค้าโทรหาฉันทุกคืน เราคุยกันอย่างต่ำ 2 ชั่วโมงต่อวัน
มันยิ่งทำให้เราสนิทกันเร็วขึ้น
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พี่เค้าโทรหาฉัน แต่ฉันน่ะสิ เกิดเมาอากาศมั้ง อยู่ดีๆฉันก็บอกพี่เค้าไปว่า
“ เราคบกันมั๊ย “ แต่คำตอบที่ได้ มันกลับทำให้ฉันยิ่งต้องเมาและบ้าหนักเข้าไปอีก
“ ได้สิ เราคบกัน พี่พูดจริงนะ “ ฉันอยากจะบ้าให้รู้แล้วรู้รอด ได้คบกับคนที่ตรงเป็คสุดๆ อิ ๆ
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ฉันต้องไปเรียนพิเศษที่ตลาด พอเรียนเสร็จ ฉันกับเป้ก็ไปหาพี่เค้าที่บ้าน
พอดีเพื่อนพี่เค้ามา แต่ฉันไม่รู้เค้าคุยอะไรกันบ้าง จนเพื่อนพี่เค้าไป เรานั่งคุยกันจนเที่ยง
ก็เลยชวนกันไปกินผัดไทย พอกินเสร็จเราก็แยกย้ายกัน ฉันเดินไปส่งพี่เค้าที่บ้าน
แต่พี่เค้าก็ชวนนั่งคุยกันก่อน ฉันก็เลยต้องนั่งคุย
พี่กฤษถามฉันว่า “ เพื่อนพี่น่ารักมั๊ย ชอบเพื่อนพี่มั๊ย “
ฉันก็เลยตอบไปว่า “ ก็น่ารักดี แต่ชอบคนนี้แหละ “ พร้อมกับชี้ไปทางพี่กฤษ
พี่กฤษก็ยิ้ม ฉันชอบเวลาพี่กฤษยิ้มที่สุดเลย
“ ไปดูหนังกันนะ” พี่กฤษถามฉัน มีเหรอที่ฉันจะไม่ไป
“ ไปสิ “ ฉันตอบแล้วยิ้ม อุ๊ย ! จะได้ซ้อนมอไซต์พี่กฤษแล้ว
ความคิดฉันเริ่มลามกออกอีกแล้วครับท่าน เดี๋ยวจะแอบแต๊ะอั๋งพี่กฤษ ก็ได้แค่คิดอ่ะนะ ไม่กล้าหรอก
ตอนดูหนัง พี่กฤษก็กินป๊อบคอร์น พี่เค้าก็ชวนฉันกินนะ แต่ฉันไม่ค่อยชอบ
แล้วก็มีตัวอย่างหนังเรื่องแฟนฉัน ที่จะถามว่า คุณมีแฟนครั้งแรกตอนอายุกี่ขวบ
พี่กฤษหันมาแล้วก็ถามว่า “ มีกี่ขวบ “
ฉันก็ยิ้มแล้วตอบไปว่า “ ม.4 “
พี่กฤษก็ถามว่า “ แอ้มเหรอ “ ฉันก็พยักหน้า แล้วต่างคนก็ต่างเงียบ
หลังจากดูหนังเสร็จ พี่กฤษก็ขอมาส่งฉันที่บ้าน ระยะทางจากซันนี่มาถึงบ้านฉันก็ไม่ใกล้เท่าไหร่เลย
มันเหมือนฝันมากๆ ได้อยู่ใกล้ๆกับคนที่ตัวเองชอบ อย่าหาว่าฉันบ้าเลยนะ
เวลาฉันนั่งซ้อนมอไซต์พี่เค้านะ ฉันอายมากๆ มอไซต์มันคันเล็กมั้ง เลยต้องนั่งติดกัน
พี่กฤษขี่มอไซต์เร็วมาก พี่เค้าบอกให้ฉันเกาะเอวเค้า แต่ฉันน่ะสิ ไม่กล้าเกาะ
ไม่งั้นได้แต๊ะอั๋งไปแล้วแหละ
แหม เสียดายจัง ! วันนั้นฉันใส่กระโปรงไปด้วย เลยต้องนั่งข้าง
ฉันรู้สึกว่าตัวพี่เค้าอุ่นๆ แต่ฉันก็ชอบนะ
สามทุ่มแล้ว พี่เค้าก็โทรมา แต่วันนี้ทุกอย่างมันก็คงจบแล้วแหละ ฉันตื่นจากฝันแล้วเหรอ
ทำไมฝันของฉันมันสั้นจัง เราทะเลาะกันเรื่องเพื่อนพี่เค้า ฉันเสียใจมาก ฉันโทรไปหาเป้ เป้ก็งงๆ
แต่ก็ยังรับฟังที่ฉันพูด คืนนั้นฉันนอนร้องไห้ทั้งคืนเลย
“ ไม่ให้เธอไป จะต้องเสียอะไรแค่ไหน ยังไง ก็ยอม เสียเธอไป ไม่รู้จะทนอ้างว้างได้นานเท่าไร
แค่เพียงเธอไม่ไป รักใคร
. “ เสียงเพลงจากวิทยุดังขึ้น ทำไมเพลงถึงแทงใจฉันได้ขนาดนี้นะ
ฉันอยู่ถึงตีห้า โดยไม่ได้นอนทั้งคืน อยู่จนคลื่นวิทยุปิดสถานีไปแล้ว จนเปิดสถานีมาใหม่อีกครั้ง
ความอ่อนล้าทำให้ฉันเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว ฉันยังคงหลับทั้งน้ำตา
“ อะไรกัน สายแล้ว วันนี้เรียนวิชาอาจารย์สมพันธ์วันแรกด้วย “ ฉันบ่นกับตัวเอง
ฉันไปเรียนด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เพื่อนๆฉันก็รู้เรื่องกันหมดแล้วด้วย เรื่องที่ฉันเลิกกับพี่กฤษ
ทุกคนช่วยกันปลอบ จนฉันอาการดีขึ้น พวกเราไปฮาเฮกันต่อที่คาราโอเกะ แต่ฉันก็ทำท่าสนุกไปงั้นแหละ
ไม่อยากให้เพื่อนลำบากใจ
“ เฮ้ย.. ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่กฤษจะทำอะไรอยู่ “ ฉันนั่งคิดถึงพี่เค้า
กริ๊ง ๆ ๆ “ ใครโทรมาเนี่ย จะโทรมาอะไรตอนนี้ ยิ่งไม่มีอารมณ์คุยอยู่ด้วย น่าเบื่อที่สุดเลย ”
ฉันคิดในใจ บ่นไป แต่ก็เดินไปรับสาย
“ สวัสดีค่ะ “ ฉันพูดแบบไม่เต็มใจนัก
“ ทำอะไรอยู่ เมื่อวานเป็นอะไรรึเปล่า “ เสียงที่ดังมาแบบไม่ค่อยรู้เรื่องแถมยังพูดไม่ค่อยชัดนั้น
ฉันจำได้ดี เสียงพี่กฤษนั่นเอง
ฉันไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง พี่กฤษโทรมาขอคบกับฉันต่อ ฉันดีใจมาก
คืนนั้นฉันกับพี่เค้าก็คุยกันต่อจนดึก เราเริ่มเหมือนเดิม พี่กฤษชอบเล่าเรื่องผีให้ฟัง
เพราะพี่เค้ารู้ว่าฉันกลัวผีมากๆ ต่างคนต่างแกล้งกัน บางคืนกว่าจะนอนกันก็ตี 2
บางคืนหลับคาโทรศัพท์ยังมีเลย
หลังเลิกเรียนอาจารย์สมพันธ์ พี่กฤษจะมารับฉันไปส่งที่บ้าน
“ ไปอาบน้ำก่อนก็ได้ เดี๋ยวนั่งรอ “ พี่กฤษไล่ให้ไปอาบน้ำ เพราะสภาพฉันคงแย่สุดๆ เรียนมาเหนื่อยๆ
แล้วก็ยังซ้อนมอไซต์พี่เค้ามาก็ไกล หัวคงฟูได้ที่ หน้าคงมันพอที่จะใช้แทนน้ำมันทอดไข่ได้แล้วนั่นเอง
ยิ่งนานวัน เราก็ยิ่งอยู่ใกล้กันมากขึ้น นานมากขึ้น ทั้งวันเราก็อยู่กันแค่สองคน เราจะนั่งคุย
นั่งเล่นกันแทบทุกวัน ยกเว้นวันอังคารที่พี่เค้าต้องเรียน ร.ด. และก็บางวันที่พี่เค้าติดธุระจริงๆ
เราไปดูหนังกันทุกอาทิตย์ พี่เค้าดูสูงส่งมากเลยนะ เวลาฉันเดินกับพี่เค้า ก็จะมีแต่ผู้หญิงมองพี่เค้า
ฉันคงดูไม่ค่อยเหมาะกับพี่เค้าน่ะ ก็ฉันขี่เหร่แล้วยังสะเออะชอบคนหล่อ ฉันก็ได้แต่แอบหึงน่ะ
หึงสุดๆเลยนะ
“ หึงเหรอ “ พี่กฤษถามฉัน
“ หึงอะไร ใครจะไปหึง “ ฉันตอบเพื่อจะกลบอาการหึงทั้งหมด
“ ไม่หึงจริงอ่ะ “ พี่เค้าเริ่มยั่วโมโหฉัน
จริงๆ ฉันก็ไม่ได้โมโหเท่าไหร่หรอก แต่เขินมากกว่า เวลาเขินทีไรนะ ฉันก็จะทุบหลังพี่เค้าทุกทีเลย
ไม่ทุบก็ตี ไม่ตีก็เตะ แย่เนอะ
ก็มันเขินนี่นา
เราสนิทกันถึงที่สุด ตอนนี้เรียกได้ว่าชีวิตของฉันมีแต่คนชื่อกฤษ ส่วนกฤษก็คงมีแต่ฉัน
“ ใครโทรมาแต่เช้าเนี่ย “ ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดู โอ้
สวรรค์โปรด พี่กฤษโทรมา
“ ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปหานะ “ พี่กฤษพูด
“ แน็ทเพิ่งตื่น ยังไม่ได้กินข้าวเลย “ ฉันพูดด้วยเสียงงัวเงียหน่อยๆ
“ เดี๋ยวพี่พาไปกิน อีกครึ่งชั่วโมง พี่ไปหาที่บ้านนะ แล้วเจอกัน “
พี่กฤษเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างสำอางค์ ไม่น่าใช้คำว่าค่อนข้างหรอก น่าจะใช้คำว่ามากเลยทีเดียว
แต่ละวันพี่เค้าจะต้องทาครีมไม่ต่ำกว่า 5 ตัวต่อครั้งหลังล้างหน้าเสร็จ
กลับถึงบ้านตอนกลางคืนก็จะพอกหน้า ประมาณ 2-3 ชั่วโมง พี่เค้าคงถือคติที่ว่าส่วนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง
ขอหน้าหล่อ ขาว ใส เป็นใช้ได้
“ หน้ามันแล้วแน็ท ไปล้างหน้าสิ “ พี่กฤษพูด
“ ใครจะหล่อ น่ารักเหมือนตัวเองล่ะ ไอ้น่ารัก” ฉันบ่นไป แต่ก็ไปล้างหน้านะ
“ เคยทาแป้งมั๊ยเนี่ย มา
พี่ทาให้ “ ฉันอายมากๆเลยนะเวลาที่พี่กฤษทาแป้งให้
พี่เค้าขอมาไหว้พ่อฉัน ฉันว่าพี่เค้ากล้ามากๆเลยนะ
แต่ที่ฉันงงๆก็คือพี่กฤษขอให้เรื่องที่เราคบกันนั้นห้ามบอกใคร ห้ามให้คนอื่นรู้ เพราะอย่างนี้นี่เอง
การที่ฉันกลับมาคบกับพี่กฤษอีกครั้ง ถึงไม่มีใครรู้เรื่อง แต่ฉันเองที่เริ่มงี่เง่ากับพี่เค้า
ฉันเริ่มระแวงไปต่างๆนานา ฉันพยายามถามว่า
“ ทำไมถึงยอมคบกับแน็ท เล่นๆใช่มั๊ย สนุกมั๊ย เคยรักแน็ทจริงๆบ้างรึเปล่า “
จนในที่สุดก็มาถึงวันๆนี้ วันที่ฉันจะจำไปตลอด
พี่กฤษบอกฉันว่า “ แน็ทเห็นพี่เป็นตัวแทนของแอ้มใช่มั๊ย อะไรๆแน็ทก็พูดถึงแต่แอ้ม
พี่รู้ว่าแน็ทยังติดต่อกับแอ้มอยู่ แน็ทลืมแอ้มไม่ได้หรอก “
ฉันคิดว่าพี่เค้ากำลังจะหาข้ออ้างทำให้ทุกอย่างมันแย่ลง เราจะได้จบเรื่องทั้งหมดเสียที
พี่เค้าคงมีคนใหม่แล้ว และต้องการจะเลิกกับฉันแต่ไม่กล้าพูดคำว่าเลิก
พี่กฤษถามฉันว่า “ ตกลงเราจะคบกันต่อมั๊ย “
ฉันก็ไม่ตอบ ความรู้สึกตอนนั้นคือ ฉันกลัว กลัวพี่เค้าจะเล่นๆ เพราะยังไงพี่เค้าคงไม่รักฉันอยู่แล้ว
ยังไงฉันก็รักข้างเดียวมาตลอด
ฉันเริ่มงี่เง่าใส่พี่เค้ามากขึ้นว่า “ ก็ต่างฝ่ายต่างสนุกนี่นา
ตอนนี้พี่กฤษอยากจะจบทุกอย่างเองมากกว่า พี่กฤษไม่เคยรักแน็ทเลย ตลอดเวลาพี่กฤษเล่นๆมาตลอดอยู่แล้ว
แน็ทเจ็บนะ ที่คบกันแล้วไม่ให้บอกใคร ต้องคอยหลบคนอื่น ต้องคอยหลบเพื่อนในกลุ่ม เข้าใจบ้างสิ “
ฉันพูดไปก็ร้องไห้ไป
ขณะนั้นฉันควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว ความคิดมันสับสนไปหมด
ถ้าจะเลิกก็ขอให้เลิกกันโดยที่ฉันขอเป็นฝ่ายชนะ ขอให้พี่เค้าคิดว่าฉันคบกับเค้าเล่นๆ
ไม่ได้จริงจังอะไร ไม่ให้เค้ารู้ว่าฉันเจ็บและเสียใจแค่ไหน ไม่ให้เค้ารู้ว่าฉันรักเค้ามากที่สุด
มากกว่าแอ้ม และไม่กล้ารักใครมากอย่างนี้อีกแล้ว
สรุปก็คือเราเลิกกัน
“ ปลายทางของเรา ในที่สุดก็จบแค่ตรงนี้ ไปดีเถอะนะคนดี ไม่ต้องคิดอะไร
.. “
ฉันร้องเพลงปลายทางให้พี่เค้า เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันทำให้เค้า อะไรทำให้ฉันร้องเพลงนี้น่ะเหรอ
ก็คงชอบบทหนึ่งของเพลงมั้ง ที่ร้องไว้ว่า ฉันคงใช้เวลาที่เหลือเพื่อลืมเธอ
แต่สิ่งที่ฉันเจ็บที่สุดคือ การมารู้ความจริงทีหลัง ว่าพี่เค้าก็รักฉัน ตลอดเวลาที่พี่เค้าบอกว่ารักฉัน
เค้าพูดจริงๆ แต่ฉันไม่เคยเชื่อพี่เค้าเลย ฉันไม่เคยเชื่อใจพี่เค้าเลยสักครั้ง
เค้าไปบอกเพื่อนเค้าว่าเค้าคบกับฉัน เป็นแฟนกัน อย่ามายุ่ง และจะคบคนๆนี้จนจบม.6
วันนี้ฉันไม่มีอะไรทำ จึงไปนั่งเล่นบ้านน้องเอี๊ยบ ฉันขอใช้คอมเอี๊ยบเพื่อเช็คเมลล์
ฉันเจอการ์ดอวยพรวันเกิดที่พี่เค้าส่งให้ พี่เค้าส่งให้เมื่อวันเกิดฉัน ซึ่งผ่านมาได้ไม่ถึงสัปดาห์เอง
จริงๆฉันควรจะเช็คนานแล้ว แต่เน็ตที่บ้านฉันหมด พี่เค้าส่งอีการ์ดมาให้ฉัน 4 ฉบับ
ทุกฉบับเขียนไว้ว่า “ Happy Birthday มีความสุขมากๆ รักแน็ทมากนะ “
ฉันอ่านไปก็ร้องไห้ไป ฉันไม่สนว่าเอี๊ยบจะงงมากมั๊ย ที่เห็นฉันร้องไห้ตอนอ่านอีการ์ด
แต่ฉันก็ไม่เล่าเรื่องนี้ให้เอี๊ยบฟังหรอก พออ่านเสร็จ ฉันก็เดินกลับบ้าน ระหว่างทางฉันนึกถึงวันเก่าๆ
คืนวันเกิดของฉัน พี่เค้ารอจนถึงเที่ยงคืนหนึ่งนาที
(เป็นเรื่องน่าแปลกที่นาฬิกาของเราสองคนเวลาตรงกัน) เพื่อที่จะอวยพรวันเกิดฉันเป็นคนแรก
ฉันยังคงจำมันได้ดี
ถ้าวันนั้นฉันกล้าเลือก กล้าที่จะพูดว่าฉันรักเค้า อยากคบกับเค้า ฉันคงไม่ต้องเสียใจอย่างนี้
คืนนี้ฉันตัดสินใจที่จะง้อพี่เค้า ฉันส่งข้อความไปหลายข้อความ
เพียงเพื่อหวังว่าอาจจะมีปาฎิหาริย์เกิดขึ้นเหมือนในครั้งแรก แต่แล้วปาฎิหาริย์ก็ไม่มี
“ จะจบอย่างนี้จริงๆ เหรอ “ ฉันถามพี่กฤษ
“ จบกันด้วยดีเถอะนะแน็ท จบกันด้วยความเข้าใจ “ พี่กฤษพูด
“ ไม่ ต้องมีปาฏิหาริย์สิ “ ฉันร้องไห้ไป พูดไป
พี่กฤษนิ่ง แล้วบอกว่า “ อย่าทำให้พี่ลำบากใจได้มั๊ย พี่ไม่เคยเปลี่ยนความคิดตัวเอง
พี่เชื่อในการตัดสินใจครั้งแรก แน็ทอยากให้พี่ทำลายคติตัวเองเหรอ “
ฉันได้แต่ร้องไห้ “ แน็ทเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์นะ แค่แน็ทไม่ตัดสินใจเลือกครั้งนั้น มันผิดมากเลยเหรอ
“
“ ตอนนี้มันสายไปแล้ว ใช่ พี่ยังไม่มีใครใหม่ แต่พี่ให้แน็ทเลือกแล้ว แต่แน็ทไม่เลือก
เพราะคิดว่าพี่ไม่รักแน็ท แต่พอแน็ทมารู้ความจริงว่าพี่ก็รักแน็ทเหมือนกัน แน็ทถึงเสียใจ
ไม่มีประโยชน์หรอกแน็ท พี่คบกับแน็ทมา พี่ดูแน็ทออกว่าแน็ทไม่เคยเชื่อใจกันเลย “ พี่กฤษพูด
“ ขอเวลาแน็ทถึงเที่ยงคืน ขอแน็ทพยายาม “ ฉันอ้อนวอนพี่เค้า
อีก 15 นาทีเที่ยงคืน ฉันยังจำเวลานั้นได้ดี เวลามันเดินเร็วมาก คำพูดของฉันก็จับใจความไม่ค่อยได้
ฉันร้องไห้หนักมาก และแล้วก็เที่ยงคืน ฉันรู้ว่ามันคงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เป็นความผิดของฉันเอง
ฉันตัดสินใจผิดเอง ตอนนี้ฉันคงต้องโทษตัวเอง ที่ไม่ยอมเลือก และ ไม่ยอมพูดในสิ่งที่คิด
คงเป็นเพราะฉันมีทิฐิสูง ฉันไม่เชื่อใจคนที่ฉันรักเลย
“ เที่ยงคืนแล้ว หมดเวลาที่แน็ทขอแล้ว “ ฉันพูดออกไป
“ พี่รู้แล้ว ก็เวลาของเราตรงกันนี่นา “ พี่กฤษบอกฉันด้วยเสียงที่สบายๆ เพราะคงไม่อยากให้ฉันคิดมาก
“ จำที่แน็ทเคยบอกไปได้มั๊ย แน็ทให้ใจพี่กฤษไปแล้วนะ แน็ทไม่เอาคืน ฝากไว้ก่อนนะ
ไม่ต้องดูแลมันหรอก”
“ เอาคืนไปเถอะ ไม่รับฝากหรอก ดอกเบี้ยแพงนะ “ พี่กฤษพูดเพื่ออยากให้ฉันหัวเราะ
ฉันเริ่มรู้ตัวเอง เลยพูดให้ทั้งสองฝ่ายหายเครียด ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเล่นๆ “ ว้า ! แย่จัง
ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง “
พี่เค้าบอกฉันว่า “ ปาฏิหาริย์ไม่มีหรอกแน็ท มันมีแต่ในนิยาย ขอพี่พูดในสิ่งที่พี่อยากพูดบ้างนะ
เวลาพี่ตัดสินใจอะไรไปแล้ว จะไม่เปลี่ยนความคิด และตอนนี้พี่ก็ลบเบอร์แน็ทออกแล้ว
พี่ไม่เคยกลับไปคบใครซ้ำ แต่ที่พี่ขอคบแน็ทซ้ำ เพราะพี่รักแน็ท แต่ตลอดเวลาที่พี่อยู่กับแน็ท
แน็ทไม่เคยเชื่อใจพี่เลย พี่ให้แน็ทเลือกแล้ว พี่อยากให้แน็ทพูดในสิ่งที่แน็ทคิด แต่แน็ทก็ไม่พูดเอง
ตอนนี้มันสายไปแล้วแหละ ถ้าเราคบกันต่อไป ต่างฝ่ายต่างจะเจ็บมากกว่านี้
ต่อไปนี้พี่ขอให้แน็ทกล้าพูดและกล้าเลือก เอาความเจ็บทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนนะ
แน็ทไม่ได้เจ็บคนเดียวหรอก พี่ก็เจ็บไม่ต่างจากแน็ทเลย เก็บพี่ไว้แล้วกัน
แล้วสักวันแน็ทก็จะลืมพี่ไปเอง พี่รักแน็ทนะ “
เวลาในวันนั้นถึงวันนี้ ก็ผ่านมานานพอสมควรแล้ว แต่ฉันก็ยังทำใจไม่ได้ ฉันผูกพันกับพี่เค้ามาก
ฉันไม่พร้อมที่จะเปิดใจมองใครเลย ถ้าไม่ไปไหนกับเพื่อน วันๆ ฉันก็จะเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง อยู่กับอดีต
อยู่กับความหลัง บางครั้งที่ฉันคิดถึงพี่เค้า ฉันก็จะยิ้มได้ แต่มันมักจะมีน้ำตาตามมาด้วยเสมอ
ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันจะลืมพี่เค้า เมื่อไหร่ที่ฉันจะเข้มแข็งพอที่จะเดินหนีออกจากอดีตได้
เมื่อไหร่กันนะ
ที่ฉันเขียนเรื่องนี้ก็เพื่อที่จะบอกว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจริง ตัวละครทั้งหมดมีจริง
และก็อยากจะให้ทุกคนกล้าเลือก หรือกล้าพูดในสิ่งที่คิด และที่สำคัญ ขอให้เชื่อใจในตัวคนรัก
จะได้ไม่ต้องเสียใจเหมือนฉัน บางคนอ่านแล้ว อาจจะหาว่าฉันบ้า
อาจจะคิดว่าเสียเวลาที่มาอ่านเรื่องไร้สาระนี้ แต่ถ้าสักวันหนึ่ง มีใครตัดสินใจผิดเหมือนฉัน
ก็จะรู้ว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน มันไม่ใช่ความผิดของใครเลย มันเป็นความผิดของตัวเองจริงๆ
ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะไม่ให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น ฉันจะพูดในสิ่งที่ฉันคิด
ฉันจะเชื่อใจพี่เค้า ฉันจะดูแลพี่เค้าให้มากกว่าเดิม ถ้าฉันไม่ตัดสินใจผิด บางทีในเวลานี้
ฉันอาจจะดูหนังกับพี่เค้าอยู่ก็ได้
บทเรียนในครั้งนี้คงเป็นบทเรียนราคาแพงที่ไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไขอะไรได้ทั้งสิ้น
เป็นความทรงจำที่ปวดร้าวและมีแต่น้ำตา เป็นคนที่ฉันรักมากที่สุด วันนั้นที่ฉันเคยบอกพี่เค้าไป
วันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม พี่เค้าจะยังอยู่ในนี้ ในใจของฉันตลอดไปเท่าที่จะนานได้
ฉันไม่อาจเก็บพี่เค้าไว้ทั้งชีวิต เวลาเท่านั้นที่จะทำให้ฉันได้ใจคืน
ขอให้ทุกคนกล้าเลือกและกล้าพูดในสิ่งที่ใจตัวเองต้องการ ขอให้เชื่อใจกัน ขอให้ทุกคนโชคดีในความรัก
ขอให้เรื่องของฉันเป็นบทเรียนเตือนใจทุกคน
.. อย่าให้มีใครเสียใจเหมือนฉันอีกเลย
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น