คุณเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มโปรแกรมเมอร์ลาดกระบังคนหนึ่งที่โดนการกระทำจากสังคมที่โหดร้ายไหม
เขาโดนลูกหลงจากการยิงด้วยความไม่มีสติของวัยรุ่นคะนอง บนรถเมลล์...ฉันได้อ่านเรื่องราวฉันสลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนสังคมโลกนี้  และเคยคิดเช่นกันว่าหากคนคนนั้นเป็นคนใกล้ชิดเขาบ้างเล่า ....สังคมเปลี่ยนไป สังคมโหดร้ายเช่นนี้เลยหรือ แต่แล้วก็จบไป...
หลายวันต่อมา ฉันได้เจอเพื่อนสนิทฉันคนนึง ทางICQ  ซึ่งฉันไม่ได้ติดต่อเขามานาน เขาเอ่ยทักทายฉัน และเขาก็เล่าต่อว่า  ตลอดเวลาหลายเดือนที่เขาออกมาจากนอกรั้วมหา’ลัย เขามาทำงานที่ชานเมือง เป็นโรงงานที่ไม่ได้ใหญ่โต เงินเดือนที่ไม่มากนัก แต่ก็พอที่จะใช้จ่ายทั่วไปได้และเหลือเก็บออมบ้าง
แรกๆที่เขามาทำงานที่โรงงานนี้ เขารู้สึกเหงา โดดเดี่ยว บ้านของเขาอยู่ไกลคนละมุมเมืองกับโรงงาน  ทำให้เขาต้องมาเช่าหอพักที่ใกล้โรงงาน  ตอนแรกๆที่เพิ่งเริ่มทำงาน เขาคิดบ่อยๆว่าอยากจะลาออกจากโรงงานแห่งนี้เพื่อจะกลับไปทำงานใกล้บ้านมากขึ้นและ มีเพื่อนเก่าๆที่ติดต่อกันได้ง่ายขึ้นบ้าง      แต่ไม่นานนัก เขาก็ค่อยๆปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้  ค่อยๆเรียนรู้การใช้ชีวิตข้างนอกบ้าง  มีเพื่อนไปทานข้าวมือเย็นทุกวัน  เมื่อเขามาทำงานในช่วงแรกๆ เขาไม่ต้องปรับตัวเรียนรู้งานต่างๆที่ไม่เคยได้เรียนรู้ในตำรา แต่โชคดีที่เขามีพี่คนนึง ที่มีประสบการณ์มาช่วยสอนงาน เอาใจใส่ดูแลเขา ทำให้รู้สึกว่าเขาเริ่มมีเพื่อนที่ทำงานขึ้นมาแล้ว ไม่ทำให้เขาอึดอัดและคิดที่จะลาออกในตอนนั้น    เขาบอกว่าเดี๋ยวนี้ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เขามีเพื่อนๆไปทานข้าวทุกวันแล้ว ไม่ต้องกลับไปทาน มาม่า ที่หอตามลำพัง บางวันก็โชคดี พี่ที่ทำงานในทีมเขา เลี้ยงข้าวบ้าง ทำให้เขาเก็บตังได้บ้าง  พร้อมกลับส่งใบหน้ายิ้ม มา  เพื่อนร่วมงาน น่ารักทุกคน  ต่างช่วยเหลือน้องใหม่อย่างเขา หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวในบางครั้ง    มีวันนึงเขาไม่สบาย มีไข้สูง ตัวร้อน  มีเพื่อนเอาใจใส่เขามาดูแล และช่วยเหลือ  ฉันก็ยินดีที่รู้สึกว่าเขาเองสามารถปรับตัวและทำงานอย่างมีความสุข  แต่ฉันฟังแล้วยังแอบอิจฉาอยู่นิดๆและรู้สึกว่า สิ่งที่ทำให้คนเรามีความสุขก็คือ มิตรภาพของคนในสังคม ที่ไม่ใช่เพียงแค่ หวังประโยชน์จากเพื่อนรอบข้างเท่านั้น แต่เป็นความรู้สึกดีๆ ความเอาใจใส่เพื่อนร่วมงานกัน  บางทีมันไม่จำเป็นต้องแสดงออกอะไร หรือช่วยเหลืออะไรมากมาย เพียงแค่การช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆที่พอจะทำได้เท่านั้น ก็ทำให้สังคมใบนี้มีสีสดใสและน่าอยู่มากขึ้น  จากนั้นเขาก็เล่าต่อว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบวันเกิดเขา เขามีโอกาสไปเลี้ยงวันเกิดเขากับเพื่อนๆ และมีพี่ที่สนิท ไปร่วมงานด้วย  วันนั้นเขาขอถือโอกาสเลี้ยงข้าวพี่เนื่องในวันเกิดเขา พี่ก็ไม่ยอม จะขอเป็นฝ่ายจ่ายตังตามเคย  แต่เขาก็ย้ำว่าเขาจะให้โอกาสพี่เลี้ยงวันเกิดเขาอีกครั้งในวันหลังขอให้เขาได้มีโอกาสเลี้ยงข้าวซักครั้งบ้างเถิด... นั่นนับเป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้เลี้ยงข้าวพี่ แต่จะมีใครคิดบ้างเล่าว่านั่นก็คือโอกาสสุดท้ายเช่นกันที่เขาได้เลี้ยงข้าวพี่      พอการเลี้ยงวันเกิดเล็กๆ เลิกลา ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกลับบ้านตามปกติ      โดยทั่วไปแล้วพี่ที่สนิทจะต้องเดินมาส่งเพื่อนฉันถึงหอเพราะเนื่องจากมืดแล้ว  แต่วันนั้นเพื่อนฉันกลับบอกว่า เขาจะขอของขวัญซักชิ้น ให้เขามีโอกาสทำอะไรให้พี่บ้าง ...ด้วยการขอเดินไปไปส่งพี่คนนั้นขึ้นรถเมลล์ก่อนก่อนที่เขาจะกลับบ้านบ้าง  เพื่อนฉันเอ่ยว่า “หากฉันไม่ดื้อรั้นแล้ว ก็คงไม่เสียใจอย่างวันนี้ “ คุณเดาออกไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่คนนั้น  พี่คนที่ฉันเอ่ยถึงในข่าวคือคนเดียวกันกะที่ฉันเล่าให้ฟังว่าคือทั้งพี่ ทั้งเพื่อนของเพื่อนฉัน ....เขาได้จากเพื่อนฉันไปแล้ว เขาคือเด็กหนุ่มลาดกระบังคนที่โชคร้ายจากสังคมที่โหดร้าย ....เพื่อนฉันนั่งเงียบหลังจากเหตุการณ์วันนั้น  เขาเอ่ยเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น บ้างก็รู้สึกโทษตัวเองว่า หากเขาไม่ทำเช่นนั้นแล้ว จะเป็นเช่นนี้ไหม  “เมื่อวานเราไปงานศพพี่เอง  ทุกคนต่างเป็นห่วงเราว่าเราจะเป็นเช่นไร ”  หลังจากที่ฉันได้ยินเรื่องราวฉันก็ได้เพียงปลอบใจเขาและบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดของเพื่อนฉันหรอก  จงอย่าเสียใจไป
“แต่เราก็รู้สึกดี ที่อย่างน้อยเราได้กินข้าวกับเขาวันสุดท้ายและได้อยู่กับเขาวันสุดท้าย..และวินาทีสุดท้าย เราคิดถึงเขาตลอดเวลานะ  มันคงเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของความผูกพัน  เราก็ดีใจมากนะ..ที่ชีวิตนึงเราได้รู้จักกับเขา เราเก็บเขาไว้ในใจแล้ว ทุกครั้งที่เราคิดถึงเค้าเราก็สุขใจมากพอแล้ว”  เพื่อนฉันเอ่ยขึ้น พร้อมกับส่งรูปยิ้มมา  นับตั้งแต่วันนั้น เขาบอกว่าทุกครั้งที่เขารู้สึกว่าเหนื่อยหรือท้อแท้เรื่องต่างๆ เขาได้ยินเสียงต่างๆที่เป็นบทสนทนาระหว่างเขากับพี่ เสียงคำปลอบใจและกำลังใจที่พี่ให้เสมอเพื่อให้ต่อสู้กับสิ่งที่ผ่านเข้ามา  ภาพแห่งความทรงจำต่างๆที่เกิดขึ้นมันคงมันทำให้เขามีชีวิตเพื่อเจอและต่อสู้สิ่งต่างๆหรืออุปสรรคที่จะผ่านเข้ามา    จากนั้น เพื่อนก็ถามฉันว่า “ อืมม เคยรู้จักความรักที่บริสุทธิ์ไหม”  ฉันเงียบไปพักใหญ่ ไม่สามารถหาคำตอบได้ เพราะฉันไม่รู้หรอกว่า ความรักที่ไม่อยากได้สิ่งที่ตอบแทน(นอกจากความรักของพ่อและแม่ที่ฉันเคยได้แล้ว) มันเป็นเช่นไร
ฉันเองก็คิดว่าในชีวิตคน คนนึงหากได้พบกับมิตรภาพที่สวยงามในช่วงชีวิตนึงแล้ว คงทำให้เกิดเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าและน่าจดจำ  มิตรภาพที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงแฟนหรือแค่คนรักเท่านั้น หากมันมีค่าเพียงพอที่จะคอยเป็นกำลังใจหรือเป็นน้ำมาหล่อเลี้ยงต้นไม้ท่ามกลางแดดร้อนๆได้เช่นกัน  หากคุณเคยมีมิตรภาพหรือเพื่อนที่จริงใจกับคุณเช่นนี้แล้ว ก็จงถนอมความสัมพันธ์และหมั่นดูแล เก็บความรู้สึกนั้นให้ดีตลอดไป  อาจจะเป็นเช่นที่มีคนเคยกล่าวไว้ ว่าชีวิตที่ขาดเพื่อนก็เหมือนชีวิตที่มืดมน
ขอไว้อาลัยให้แก่หนุ่มโปรแกรมเมอร์คนนนั้น และขอสรรเสริญมิตรภาพที่บริสุทธิ์ระหว่างเขาและเธอ ค่ะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น