หนึ่งเดียวแห่งรัก - หนึ่งเดียวแห่งรัก นิยาย หนึ่งเดียวแห่งรัก : Dek-D.com - Writer

    หนึ่งเดียวแห่งรัก

    โดย Diary Bule

    ถ้าเรารักใคร รักใครสักคนก็ควรที่จะบอกความรู้สึกนี้ออกไป ก่อนที่เขาจะไม่ได้อยู่ฟังคำนั้นจากเราอีกต่อไป

    ผู้เข้าชมรวม

    380

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    380

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ก.พ. 47 / 11:18 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      หนึ่งเดียวแห่งรัก

          วันแรกของการเรียนมหาลัยฯของฉัน  ที่ฉันต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะสอบให้ได้เรียนในตามที่ตนหวัง แม้ว่ามหาลัยฯ ที่ฉันเลือกนี้จะไม่ได้มีชื่อเสียงดังมากมายนักแต่ด้านความรู้ฉันว่าที่นี่สามารถให้พอๆกับที่อื่นเลยทีเดียว

          ฉันได้เรียนในคณะที่ตนตั้งไว้  ในวันแรกก็ผ่านไปแค่เพียงการแนะนำตัวเอง  การทำความสะอาดและทบทวนความรู้เดิมนิดหน่อย  ฉันสนุกมากเพราะได้พบเพื่อนใหม่  รู้จักคนมากมายแม้ฉันจะไม่ค่อยพูดเท่าไร เพราะมัวฟังเขาผู้คุยมากกว่า

          สัปดาห์แรกที่เรียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว  จนถึงวันนั้น วันที่ฉันได้เจอเขา ในวันนั้นฉันกำลังนั่งมองไปนอกหน้าต่าง เพราะฉันชอบมองท้องฟ้ามาก ก็ต้องหันกลับมาเพราะอาจารย์ได้แนะนำเพื่อนใหม่ให้รู้จักนาทีแรกที่ฉันได้มองเขา  ฉันบอกไม่ถูกว่ามันคือสิ่งใด  ฉันรู้สึกสับสน  ตื่นเต้น ดีใจ มีบางสิ่งบางอย่างได้เกิดขึ้นในใจฉันเสียแล้ว  แต่ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร  อาจารย์ให้เขามานั่งที่โต๊ะข้างฉัน เพราะมีที่ว่างอยู่   เขาทักทายและแนะนำตนเอง แต่ฉันไม่ได้ตอบเขาเพียงแต่ยิ้มและหันไปทางอื่นเพราะฉันไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ  แต่เขาก็คอยพูดกับฉันดีๆ จนฉันอดไม่ได้ที่จะคุยกับเขา  เขาเป็นคนที่รูปร่างหน้าตา และอัธยาศัยดีผิดกับฉันที่ค่อนข้างเงียบๆ เพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น ฉันก็สนิทกับเขาอย่างรวดเร็ว และความรู้สึกที่เพิ่มขึ้นในใจฉัน   ยามที่เขามอง  พูดคุย สบตาฉัน ฉันอดที่จะเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเขาคงรู้สึกแบบเดียวกับฉัน  แต่ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้คิดแบบนั้นกับฉัน  เขาไม่เคยแสดงท่าทีเหนือจากคำว่า “เพื่อน” เลยแม้แต่นิดเดียว

          ฉันยังคงเป็นเพื่อนที่ดีของเขาเรื่อยมาและเขาก็เช่นกันทั้งที่เขามีเพื่อนอีกมากมายแต่เขาก็คอย คุย เอาใจใส่ฉัน ฉันรู้สึกดีใจมากในช่วงเวลานั้น  ฉันมีความสุขและรู้สึกอบอุ่นราวกับมีคนที่คอยดูแลเรา  ป้องกันและคอยเอาใจใส่ตลอดเวลา   จนถึงวันนั้น เขาเข้ามาหาฉัน ฉันยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง  ซึ่งกำลังมองท้องฟ้าที่อากาศเริ่มเย็น  ชื้น ราวกับฝนจะตก เขามาหาฉัน  ฉันมองหน้าเขาและทักทายอย่างอ่อนโยน  ฉันรู้สึกถึงความกังวลบางอย่างในตัวเขา   และก็จริง เขามาปรึกษาฉัน ..ปรึกษาว่าเขาควรทำอย่างไร  เพราะเขาได้รักคนๆ หนึ่ง มากซึ่งเขาอยู่ปีเดียวกันแต่คนละห้อง  เขาบอกว่าเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย ฉันรู้สึกตกใจ  หนึกอึ้งราวกับมีสิ่งใดมาถ่วงไว้  ในใจกำลังสับสน และร่ำไห้  และเริ่มมีรอยหยาดน้ำในดวงตาแต่ฉันรีบหันไปทางอื่นเพื่อไม่อยากให้เขาจับได้  ฉันไม่อยากให้เขาต้องกังวลเรื่องของฉัน ฉันบอกเขาให้ไปสารภาพรักกับเธอ เขากล่าวขอบคุณฉันและเดินจากไป ก่อนที่จะไปเขาขอบใจฉันและบอกว่าเขานึกแล้วว่าฉันคงช่วยเหลือเขาเพราะ ฉันคือเพื่อนที่ดีสำหรับเขา


          ฉันยืนอยู่ตรงนั้น นานเท่าใดก็ไม่รู้  ความรู้สึก เศ้ราเสียใจ  อ้างว้าง กำลังทำร้ายฉัน น้ำตาที่กลั้นไว้เริ่งไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง  สายฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก  ความหนาวเย็น บาดผิวฉันราวกับจะถึงไปในกระดูกแต่ฉันกลับไม่รู้สึกถึงมันนอกจาก ความเศร้านี้เลย ในช่วงเวลานี้ฉันรู้แล้วว่าฉันรักเขามากเพียงใด มากกว่าสิ่งใด  เขาคือคนที่ฉันเฝ้ารอ คนที่ฉันคอยหามาตลอด แต่  แต่......

          เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าที่ใจของฉันร่ำไห้  ร้าวราน เจ็บปวด แต่ฉันก็ยังยิ้มให้เขาเสมอ  ทักทายอย่างอ่อนโยน มีแต่ดวงตาเท่านั้นที่ยังแสดงถึงความเจ็บปวด  เสียใจอย่างลึกซึ้ง  ฉันได้พบกับเธอคนนั้นเขาที่เขารัก  พวกเบาคุยกันอย่าง สนุกสนาน  จับมือ หยอกล้อกัน เธอคนนั้นดู ร่างเริง สดใส ราวกับโลกของเธอมีแต่ความสุขตลอดเวลา  ฉันยิ้มให้เธอคนนั้นผู้ซึ่งคือ คนที่เขาเลือกแล้วทั้งๆ เธอเหมาะสมกับเขามาก ทั้งที่ใจของฉันไม่ได้อยากทำเช่นนั้นเลย ไม่อยากแม้แต่จะพบเธอ ความเจ็บปวด ความเศร้าที่เกินกว่าจะเยียวยา ทำให้ฉันต้องเป็นฝ่ายเดินจากเขาไป  ไม่ได้ใกล้ชิดเขาเช่นเดิมแต่เก่า

          จากเวลาผ่านไป  จากวันเป็นเดือน  เป็นปีใจของฉันยังเหมือนเดิม คือความรู้สึกรักที่มีต่อเขายังคงเช่นเดิม เหมือนเดิม เพียงแต่เวลานี้ฉันไม่ได้จมอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ตลอดเวลาเช่นเดิม เพราะฉันได้สร้างกำแพงขึ้นกำแพงในใจ  กำแพงที่จะคอยปกป้องฉัน จนถึงวันนั้นวันที่จบการศึกษา ฉันยังเฝ้ามองเขา จนกระทั่งยามที่เขาขึ้นไปรับประกาศนียบัตร ก่อนที่จะเดินจากไป  แต่เขาเข้ามาหาฉัน เขาเข้ามากล่าวว่า
      “ ขอบใจฉันสำหรับเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา แม้ว่าเราจะไม่ได้สนิทกันเช่นเดิมก็ตามแต่ฉันก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเขา”  ฉันอยากจะบอกเขาให้รู้ว่าฉันไม่ต้องการเป็นเพียงเพื่อน แต่ฉันไม่กล้าบอกเขา  ทั้งๆ ที่ฉันรักเขามาก  รักมากกว่าสิ่งอื่นใด รักมากจนไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้ แต่ฉันไดแต่เพียงตอบเขาว่า “ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเช่นไร  ก็ตามเขาคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับฉัน  คนที่สำคัญที่สุด” พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินมาอย่างกลั้นไม่อยู่แต่ฉันก็วิ่งจากเขาไป  โดยไม่ได้หวนกลับมาอีกแม้แต่ใด

          จากนั้นผ่านไป 2-3 ปี ฉันได้ข่าวว่าเขาแต่งงานกับเธอคนนั้น คนที่เขาได้เลือกแต่ตอนนั้นแล้ว ฉันอยากพบเขา  อยากพูดคุย  แม้กาลเวลาที่เปลี่ยนไปไม่อาจทำให้เขาไปไกลกว่าใจฉันได้เลย  แต่ฉันก็ปฏิเสธที่ไปร่วมงานเขา  จากนั้นจนถึงวันนี้ที่ฉันได้รู้ว่าเขาป่วยหนัก  เนื่องจากโรคหัวใจที่กำเริบจนเขาที่รุนแรงจนพรากเขาไป จิตใจของฉันตอนนั้นราวกับกำลังแหลกสลาย  ราวกับคมมีดที่บาดลงมานับไม่ถ้วน  ความเศร้า เสียใจยิ่งกว่าครั้งใดที่มีมาได้ทำร้ายใจฉัน  ฉันยอมแลกทุกอย่างเพื่อที่จะให้เขาได้กลับมามีชีวิตอยู่  แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่เคียงข้างฉันก็ตาม  

          ฉันได้ไปงานเขา สถานที่ฝังร่างของเขาไว้ ฉันได้พบเธอคนนั้น  เธอกำลังร่ำไห้กับการจากไปของเขาอย่างวิงวอน  ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอกับการสูญเสีย  ฉันจึงได้เข้าไปปลอบใจเธอ ให้กำลังใจเธอ ก่อนที่จะกลับเธอได้ให้สมุดเล่มเล็ก เล่มหนึ่งแก่ฉันมันมีสีน้ำเงิน ที่สวยงามเธอบอกว่ามันเป็นสมุดบันทึกของเขาเขาเคยบอกว่าอยากมอบให้แก่ฉัน และเธอก็ไม่อยากเก็บมันไว้เพราะมันทำให้เธอนึกถึงเขา  ฉันรับมาและก็จากไป
          สิ่งที่ฉันได้พบในสมุดเล่มนั้น ฉันได้เปิดอ่านมันทีละแผ่น เหตุการณ์ต่างๆ  ราวกับได้ถอยหลังไปย้อนกลับมาในความคิดคำนึงของฉัน จนถึงหน้าหนึ่ง  ฉันได้พบข้อความบทหนึ่งที่เขาบันทึกไว้  

              “ เมื่อผมได้พบเธอในนาทีแรก   ใจผมก็หวั่นไหว  ผมจ้องมองเธอ  เธอผู้ที่ผมรอคอย
                        ผมปรารถนาที่จะได้อยู่เคียงข้างเธอ  อยากจะบอกว่า “รัก” มากกว่าอื่นใด
                           แต่ผมรู้เธอไม่ได้คิดเช่นนั้นกับผม  ทุกครั้งที่สบตา  พูดคุย  อยู่ด้วยกัน
                      ผมอยากจะบอกความในใจ  ให้เธอได้รับรู้  แต่สำหรับเธอ ผมคงคือ เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น
              ผมไม่มีแม้แต่ความกล้า  กล้าที่จะบอกรักเธอ  แม้กระทั่งที่ผมได้พบอีกคนที่มีความหมาย
                 สำหรับผม  ผมอยากให้เธอได้รับรู้   ผมอยากรู้ว่าเธอจะคิดเช่นไร  แต่เธอก็มิได้พูดสิ่ง
                   ใดที่แสดงว่าเธอรักผม นอกเหนือจากคำปรึกษา ที่แสดงว่า “เพื่อนเลย” แต่เธอก็เริ่ม
                   ไกลจากผม  ห่างไป  ผมไม่รู้เพราะเหตุใด  แม้แต่วันจบการศึกษา ที่ผมเห็นน้ำตาเธอ
                            ผมอยากโอบกอด  อยากปลอบโยนด้วยมือและหัวใจที่มีต่อเธอ  แต่....
                      ก็ไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจในการกระทำของผม  ผมอยากบอกว่า
                                        ผมรักเธอ  รักมากกว่าสิ่งใด.................”

          เมื่อฉันอ่านข้อความนี้จบ  น้ำตาก็ไหลออกมา ฉันรู้แล้วว่าเขารู้สึกเช่นไรกับฉัน  ฉันเข้าใจแล้วว่าไม่ใช่ฉันคนเดียวที่เจ็บปวด  ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่ร่ำไห้  แต่ฉันไม่เสียใจเลยที่เขาได้รักกับคนที่เขาได้เลือกคือเธอคนนั้น  แต่ที่ฉันเสียใจคือ ที่ฉันไม่สามารถที่จะบอกเขาว่า “รัก”  เลยแม้แต่ครั้งเดียว  ฉันเสียใจที่ทำให้เขาต้องกังวล  ตอนนี้ฉันประจักษ์แล้วว่า  “ ถ้าเรารักใคร รักใครสักคนก็ควรที่จะบอกความรู้สึกนี้ออกไป ก่อนที่เขาจะไม่ได้อยู่ฟังคำนั้นจากเราอีกต่อไป  หรือบอกเขาก่อนที่เราจะไม่มีโอกาสได้บอกอีกต่อไป ใครเลยจะรู้ว่า คนที่เรารัก เขาจะไม่ได้รักเรา  ใจจริงแล้ว เขาอาจคิดแบบเราก็ได้  ถ้าเราไม่บอกรักแล้ว เราจะรู้ใจกันได้อย่างไร ?  และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไรก็ตามเขาจะไม่ลบเลือนไปจากใจของฉันเลย  แม้สักนาทีเดียว.......

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×