ความทรงจำกับวังวนของความรู้สึก - ความทรงจำกับวังวนของความรู้สึก นิยาย ความทรงจำกับวังวนของความรู้สึก : Dek-D.com - Writer

ความทรงจำกับวังวนของความรู้สึก

ความทรงจำที่ดี คำวิงวอน การยอมรับกับชะตาชีวิต การเสียสละ ห่วงหาและอาทร

ผู้เข้าชมรวม

403

ผู้เข้าชมเดือนนี้

0

ผู้เข้าชมรวม


403

ความคิดเห็น


0

คนติดตาม


0
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  16 ก.พ. 47 / 18:58 น.


ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

    เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วนะ ดูเหมือนสิ่งรอบข้างยังคงเป็นอยู่เช่นนั้น ไม่ไหวติงเลยสักนิด มีเพียงเวลาเท่านั้น
    กระมังที่วิ่งผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า เราจะหยุดเวลาไว้สักช่วงหนึ่งของชีวิตได้ไหม????
    อยากรู้จัง เพราะถ้า..... ถ้ามนุษย์เราทำได้ แล้วคุณล่ะ คุณจะเลือกหยุดเวลาช่วงใดของชีวิต ????
           ผมยังคงนั่นอยู่ตรงนี้ นานเท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้ คงต้องนั่งอยู่อย่างนี้ต่อไปสักพัก อารมณ์ขี้เกียจพาลให้ผมยัง
    คงนั่งแช่สายตาออกไปยังฝาผนังที่ทำจากกระจกใสของร้านอาหารเบอเกอรี่ของต่างชาติในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
    โดนัทชิ้นสุดท้ายยังคงวางอยู่ในจาน ผมอิ่มเกินกว่าจะกระเดือกขนมรูปทรงประหลาดที่มีรูตรงกลางลงคอได้ในยามนี้
    วงกลมที่เกือบจะได้รูปทรงที่สมบูรณ์แบบของเส้นผ่าศูนย์กลางนั้น ได้ฉุดความคิดของผม ดำดิ่งสู่ห้วงเวลาของความ
    ทรงจำที่แสนจะสวยงามในครั้งก่อน ผมอดไม่ได้ที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเปิดดู ผมไม่ได้อยากเช็คบิลตอนนี้
    หรอก แต่มีบางอย่างที่มีรูปทรงเป็นวงกลมสีเงินเก่าๆ ขนาดเท่ากับเหรียญบาท แต่ทรงไว้ซึ่งคุณค่าทางใจอย่างที่สุด
    ได้ถูกเก็บไว้อย่างดี ในกระเป๋าสตางค์เก่าๆ ใบนี้ ผมได้หยิบมันออกมาจากช่องด้านในสุดของกระเป๋าสตางค์สีซีดอย่าง
    บรรจง คล้ายกับว่าเพิ่งเคยเจอมันครั้งแรกในชีวิตยังไงยังงั้น “แหวนนี้แทนใจ”
    ผมเคยสวมให้เธอผู้เป็นดั่งดวงใจในวันเกิดของเธอเมื่อนานมาแล้ว เธออยู่ที่ไหนนะตอนนี้ อยากรู้จัง.............
    7 ปีที่ยาวนาน ตะวันคงไม่สามารถขึ้นทางทิศตะวันตกได้สินะ คิดถึงเหลือเกินที่รัก... อยากเห็นเธออีกสักครั้ง
    อีกสักครั้ง........ได้โปรด......ผมขอแค่นั้น แค่นั้นจริงๆ.....................

    “โอ๊ย.... “ ผมร้องขึ้น หลังจากมีบางอย่างจิ้มเข้าที่ข้อเท้าซ้ายอันเป็นเหตุให้ผมต้องตื่นจากภวังค์ เสียงกลั้นหัวเราะคิก
    คักๆ ใต้โต๊ะ ทำให้ผมต้องก้มมองลอดใต้โต๊ะอาหารที่ผมกำลังนั่งอยู่ด้วยความรู้สึกจ็บผสมกับอารมณ์โกรธานิดๆ พลัน
    ความรู้สึกฉุนเฉียวคงเหลือไว้แต่ความรู้สึกฉงนเข้ามาแทนที่ ภาพตรงหน้าคือใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กตัวกระเปี๊ยกที่
    กำลังนั่งคู้ตัวอยู่ใต้โต๊ะ ในมือ ยังคงกำช้อนส้อมแกว่งฉวัดเฉวียนไปมาคล้ายกับกำลังปกป้องตัวเองอยู่ในที ดวงตากลม
    โต กำลังฉายแววล้อเลียนและเปี่ยมล้นไปด้วยความสนุกสนานเป็นที่สุด
    “ใครน่ะ ออกมานะ” ผมพยายามเอี้ยวตัวให้ต่ำ แต่ก็เห็นหน้าของเจ้าหนูไม่ถนัดนัก
    “คิกๆ...” แทนเสียงตอบรับ หนูน้อยได้ขยับตัวถอยล่นไปด้านหลัง เพื่อหนีมือของผมที่กำลังควานหาตัวเจ้าลิงจ๋อ
    ”ลูกใครน่ะ หนูนี่ ซนจริงๆ ออกมานะ” เจ้าหนูยังคงสวมบทบาทของลูกหอยสังข์ในวรรณคดี และซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะต่อไป
    “ออกมาสิ จับได้ เดี๋ยวตีตายเลย !!! ” ผมแกล้งตวาด ทำตาดุ ขณะเอี้ยวตัวก้มมองลอดใต้โต๊ะด้วยความเมื่อย หลังจาก
    เห็นท่าทีของเด็ก กำลังจะจิ้มช้อนส้อมลงบนปลายรองเท้าขัดมันยี่ห้อดังของผมอีกครั้ง
    “.................\" ไม่มีเสียงตอบใดๆ
    “ออกมาเถอะน่า....นะ อาสัญญาว่าจะไม่ทำอันตรายหนูนะครับ” ผมเจรจาสงบศึก ขณะหยิบโดนัทชิ้นสุดท้ายที่วางอยู่
    ในจานบนโต๊ะส่งให้ หนูน้อยจ้องผมอยู่ครู่หนึ่งและหลังจากนั้นก็ค่อยๆ คลานต้วมเตี้ยมๆ ออกมาให้ผมได้ยลโฉมหน้า
    ของจำเลยตัวจิ๋วนี้
    “อ่ะ หิวมั๊ย อร่อยนา.....ชิ้นนี้ อาชอบมาก แต่ก็ตัดใจยกให้นะเนี๊ย รู้มั๊ย !!! ” หนูน้อยจ้องหน้าของผมอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยังยกมือ
    ไหว้และรับขนมไปถือไว้แต่โดยดี อืมม.....ถูกฝึกมาอย่างดีทีเดียว ผมอมยิ้มอยู่ชั่วครู่ รู้สึกถูกชะตาและรู้สึกเอ็นดูกับหนู
    น้อยคนนี้อย่างประหลาด ผมเพิ่งสังเกตุเดี๋ยวนี้เองว่า เด็กคนนี้ที่ผมเห็นเป็นเด็กผู้ชายตั้งแต่แรกนั้น กลับกลายเป็นเด็ก
    ผู้หญิงที่น่ารักน่าชังเสียนี่ ผมที่ยาวถูกถักเป็นเปียผม ม้วนไว้ในหมวกผ้าด้านหลังของเสื้อกันหนาวสีแดงสด
    มีรูปมิ๊กกี้เมาท์ขนาดใหญ่อยู่ตรงอกเสื้อด้านหน้า กางเกงขายาวเนื้อผ้าและสีเดียวกันกับเสื้อกันหนาว ขับให้ผิวขาวของหนู
    น้อยดูโดดเด่น แสดงให้เห็นถึงเชื้อชาติของผู้ดี มีเงินอยู่ไม่น้อย ผมได้อุ้มเธอมานั่งที่ เก้าอี้ข้างๆ ผม หลังจากทนเห็น
    แม่หนูน้อยจอมซน กำลังตะเกียกตะกายเพื่อจะขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ทรงสูงของร้านอาหารแห่งนี้ ไม่ได้ ดวงตากลมแป๋วยัง
    คงจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น คล้ายกับว่านี่คือครั้งแรกที่เพิ่งเคยเห็นมนุษย์หน้าแปลกๆ อย่างผมซะอย่างนั้น
    หล่อนจะรู้จักคำว่า “หนุ่มหล่อ” หรือยังนะ ผมคิดในใจ
    ”ชื่ออะไรสาวน้อย อายุเท่าไหร่แล้ว มีแฟนหรือยังอ่ะ ” ผมพยายามชวนคุย อย่างเป็นมิตร แทนคำตอบ สาวน้อยร่าง
    จิ๋ว วัยกำลังเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ได้ใช้ช้อนส้อมจิ้มโดนัทไปมา จนโดนัทชิ้นที่โชคร้ายที่สุดในโลกพรุนไปทุกส่วน แล้วแม่
    หนูน้อยจมซนก็ใช้นิ้วมือเล็กๆหยิบโดนัทชิ้นนั้น ส่งให้ผม พร้อมๆ กับพยักพเยิดหน้าให้ผมทานขนมในมือหล่อน เหมือน
    เป็นการต่อรอง
    ”ถ้าอาทานแล้ว ต้องตอบคำถามอานะ เข้าใจมั๊ย” ผมโน้มตัว ก้มลงกัดโดนัทในมือเด็กคำหนึ่ง แล้วก็ปั้นหน้าทำท่า
    ทางดัดจริต คล้ายสุดแสนจะเอร็ดอร่อยในรสชาติของโดนัทสีกาแฟชิ้นนี้เสียเต็มประดา นี่ถ้าเจ้าของร้านโดนัทมาเห็นสี
    หน้าของผมในยามนี้ คงอยากชักชวนให้ผมไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ถ่ายโฆษณาโดนัทให้กับทางร้านแน่ๆ เลย
    “อายุเท่าไหร่จ๊ะ หือออ”
    ”อายุสอง...... สองวัน ” ดอกพิกุลร่วงออกมาแล้ว คำพูดตะกุกตะกักแต่ก็ยังชัดเจนฟังรู้เรื่อง
    หนูน้อยตอบขณะเคี้ยวโดนัทตุ้ยๆ ในปาก
    “อื้ออ เขาเรียกว่า สองขวบ หนูต้องบอกอาว่า สองขวบต่างหากล่ะ เข้าใจมั๊ย” ผมพูดขณะเอาทิชชู่ เช็ดปากให้กับแม่
    หนู จอมซน
    “นี่เราเที่ยวเอาช้อนส้อมไปแกล้งชาวบ้านไปทั่วทุกโต๊ะเลยหรือเปล่าเนี๊ย....” ผมรำพึงเบาๆ ขณะหันหน้ามองซ้ายขวา
    สำรวจไปรอบๆ ร้าน เห็นผู้คนหลายคน กำลังก้มลงสำรวจเท้าตัวเอง พร้อมกับจ้องมายังแม่หนูตัวกระเปี๊ยกคนนี้
    “แล้วพ่อกะแม่หนูอยู่ไหนครับ บอกอาสิครับ ” ผมพูดขณะกวาดสายตาไปรอบๆ แต่ไม่ยักกะเห็นใครแสดงตัวออกมาว่า
    เป็นผู้ปกครองของเด็กคนนี้เลยสักคน ตุ๊กตาดังหนังทีวีตัวสวยในกระเป๋าเอกสาร ผมได้มาจากร้านโดนัท ซึ่งผมกิน
    ประจำ เขามีไว้เพื่อเป็นสินค้าแถมให้กับลูกค้าของร้านโดนัททุกสาขา ได้ถูกผมหยิบขึ้นมา และยื่นให้กับเธอ ผมคง
    หมดวัยที่เล่นสิ้นค้าของแถมพวกนี้แล้ว แต่ถ้าเป็นสมัยก่อน เธอผู้เป็นสุดที่รักของผมคงดีใจมาก ถ้าผมได้มอบสิ่งนี้กับ
    เธอ เพราะเธอชอบจะสะสมมัน เธอมีตุ๊กตาประเภทนี้เต็มตู้โชว์เลยล่ะ อืมมม.............. คิดถึงอีกแล้วนะ

    “เล่นตุ๊กตาดีกว่านะครับ อ่ะ รับไปสิ เป็นผู้หญิงต้องเล่นตุ๊กตานะ”
    เธอรับมันไว้ พร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างเป็นสุข ขณะเขี่ยของเล่นในมืออีกข้างด้วยช้อนส้อม

    “แล้วหนูชื่ออะไรล่ะครับ” ผมถามขณะยื่นแก้วน้ำอุ่นให้เธอ แต่เธอส่ายศรีษะและเยื้อแย่งจะเอาช้อนส้อมในมือผมคืนไป
    ให้ได้
    “บอกอาก่อน แล้วอาจะคืนช้อนส้อมให้หนูนะครับ”
    “ชื่อ.. ชื่อ....อ้อม ”
    “ชื่อน้องอ้อมเหรอครับ อืมมม อาชื่อหนุ่มนะ เรียกอาหนุ่มนะครับ แล้วแม่น้องอ้อมอยู่ไหนล่ะ อ่ะ ไหนชี้ให้อาดูหน่อยสิครับ ”
    ผมถาม ขณะมองตามนิ้วมือน้อยๆ ของเธอที่กำลังชี้ออกไปข้างนอกประตูกระจกของร้านโดนัท แต่สายตาของเธอกลับ
    มองไปคนละทางกับนิ้วของตัวเอง คล้ายกับว่าหล่อนกำลังมองหาใครสักคนในร้านโดนัทแห่งนี้
    ผมสังเกตุเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนคุยอยู่กับแคชเชียร์ที่หน้าเคาร์เตอร์ เขากำลังมองมาทางผมและยิ้มให้ผม
    อย่างเป็นมิตร ผมได้ยิ้มตอบเขาไป พร้อมกับหันมามองหนูน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งตอนนี้เธอไม่ได้สนใจใครแล้ว เพราะเธอ
    ตั้งหน้าตั้งตาเล่นของเล่นไปตามประสาเด็ก ถึงเวลาที่หนูน้อยจอมซนต้องไปแล้วสินะ

    “ขอโทษนะครับ ลูกอ้อมคงไม่ได้ทำให้คุณปวดหัวนะครับ คือแกจะชอบก่อกวนคนอื่นไปทั่วน่ะครับ”
    “ไม่เป็นไรครับ แกน่ารักดีครับ โตขึ้นต้องเป็นเด็กฉลาดแน่นอน”
    “ขอบคุณครับ อ่ะ ลาคุณอาสิคะ บ๊าย” เขาพูดขณะก้มลงอุ้มแม่หนูน้อยจมซนขึ้นไปหอมแก้ม ฟอดใหญ่
    “บ๊ายบาย .....” หนูน้อยยกมือโบกไปมา ดูน่ารักมาก
    “ ผมเอาแกไม่อยู่น่ะครับ เผลอแป๊บเดียววิ่งหายไปใหนไม่รู้ แกซนน่ะครับ สงสัยต้องให้แม่ของแกจัดการ ผมตีลูกไม่
    เป็นหรอกครับ แม่ของแกขึ้นไปซื้อของบนชั้นสาม ปล่อยให้ผมดูแลจ๋อน้อยน่ะครับ เดี๋ยวเธอคงกลับมา ” เขาพูดด้วย
    รอยยิ้มเต็มใบหน้า ขณะจ้องหน้าลูกสาว และก็อุ้มหนูน้อยเขย่าเบาๆ ขณะที่หนูน้อยซบศรีษะอยู่ใต้คางผู้เป็นพ่อ สายตา
    จับจ้องมายังผมเขม็ง
    “อย่าทำอะไรแกเลยครับ แกยังเด็ก ส่วนมาก เด็กๆ ไม่ว่าหญิงหรือชายก็ซนๆ กันทั้งนั้นแหละครับ ”
    ผมออกความเห็น
    “ครับผม ขอบคุณนะครับ ผมคงต้องพาจอมกวนนี่กลับแล้ว รู้สึกว่าอุ้มจะลงมาแล้ว เอ่อ..... ผมหมายถึงภรรยาของผมน่ะ
    ครับ คงซื้อของเสร็จแล้ว งั้นผมลาเลยนะครับ ลาคุณอาสิลูก แม่อุ้มของน้องอ้อมกลับมาแล้วนะ .... ไปกันเถอะ”
    เขาพูดยิ้มๆ กับลูกสาวขณะหันมาพยักหน้าให้ผม แล้วเดินเลี่ยงออกไปทางประตูกระจกของร้านอาหารข้างหน้า เขาพา
    หนูน้อยเดินไปสมทบกับสาวร่างโปร่ง ผมยาว ที่จัดว่า....สวยทีเดียว ผู้ซึ่งกำลังก้าวเดินลงมาจากบันไดเลื่อนของ
    ห้างฯ น้ำตาของผมเอ่อล้นที่ขอบตา รู้สึกร้อนๆ อย่างประหลาด รู้สึกใจหาย และรู้สึก สับสนระคนกัน ลมหายใจแผ่วๆ
    เหมือนกับมีก้อนอะไรมาจุกที่ช่องคอ ผมหันหน้าเมินไปทางอื่น แต่ก็อดชำเลืองมองพวกเขาไม่ได้ ในขณะที่เด็กน้อยที่
    น่ารักนั้น โบกมือ พร้อมกับแกว่งตุ๊กตาชี้นิ้วมาทางผม ผู้เป็นแม่ของเด็ก หันหน้ามาทางผมพักหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปรับ
    หนูน้อยมาโอบกอดไว้ในอ้อมแขน ส่วนสามีก็ช่วยถือถุงของใช้เหล่านั้นจากภรรยาสาว แล้วพากันเดินหายไปไหนฝูง
    ชน ผมเองยังคงกำแหวนในมือแน่นจนนิ้วมือชา........................

    ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของเรา แน่นอน...เราจะยังคงเก็บไว้ในความทรงจำที่ดีๆ รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต
    ความทรงจำต่างๆ เหล่านั้นก็จะหวนกลับมาให้เราได้คิดถึงอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนเวียนไปมา คล้ายกับรูปวงกลมดั่ง “แหวนแทนใจ”
    ที่ไม่มีจุดสิ้นสุด เส้นทางจะวกวนอยู่อย่างนั้นตลอดไป.......

         ผมพลิกแหวนขึ้นมาเพื่ออ่านข้อความที่ผมได้เคยให้ช่างแหวนได้แกะสลักข้อความหนึ่งลงบนแหวนวงนี้ เมื่อ 7 ปี
    ที่แล้ว แม้แหวนจะดูเก่าและมีคราบสีดำจางๆ ติดอยู่บนเนื้อของแหวนสีเงินอยู่บ้าง แต่อักษรที่ถูกสลักไว้นั้นยังมีข้อความ
    ให้อ่านได้ ใจความสั้นๆ ว่า “อุ้ม รัก หนุ่ม” ข้อความนี้ จะยังคงอยู่อีกนานเท่านาน เพราะ คำขอวิงวอนของผมตั้งแต่ตอน
    ต้นนั้น เป็นจริงแล้ว...............................
    “ขอให้มีความสุขกับชีวิตครอบครัวนะ....อุ้ม” ผมหลุดคำนี้ออกมาให้กับตัวเอง ด้วยเสียงที่สั่นเครือและแหบแห้งเต็มทน
    ผมยังคงเก็บแหวนนี้ไว้ เสมอมา.......และจะเก็บมันไว้กับตัวตลอดไป.......น้ำตานี้เป็นพยาน...........

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    0 ความคิดเห็น

    ×