เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วนะ ดูเหมือนสิ่งรอบข้างยังคงเป็นอยู่เช่นนั้น ไม่ไหวติงเลยสักนิด มีเพียงเวลาเท่านั้น
กระมังที่วิ่งผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า เราจะหยุดเวลาไว้สักช่วงหนึ่งของชีวิตได้ไหม????
อยากรู้จัง เพราะถ้า..... ถ้ามนุษย์เราทำได้ แล้วคุณล่ะ คุณจะเลือกหยุดเวลาช่วงใดของชีวิต ????
      ผมยังคงนั่นอยู่ตรงนี้ นานเท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้ คงต้องนั่งอยู่อย่างนี้ต่อไปสักพัก อารมณ์ขี้เกียจพาลให้ผมยัง
คงนั่งแช่สายตาออกไปยังฝาผนังที่ทำจากกระจกใสของร้านอาหารเบอเกอรี่ของต่างชาติในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
โดนัทชิ้นสุดท้ายยังคงวางอยู่ในจาน ผมอิ่มเกินกว่าจะกระเดือกขนมรูปทรงประหลาดที่มีรูตรงกลางลงคอได้ในยามนี้
วงกลมที่เกือบจะได้รูปทรงที่สมบูรณ์แบบของเส้นผ่าศูนย์กลางนั้น ได้ฉุดความคิดของผม ดำดิ่งสู่ห้วงเวลาของความ
ทรงจำที่แสนจะสวยงามในครั้งก่อน ผมอดไม่ได้ที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเปิดดู ผมไม่ได้อยากเช็คบิลตอนนี้
หรอก แต่มีบางอย่างที่มีรูปทรงเป็นวงกลมสีเงินเก่าๆ ขนาดเท่ากับเหรียญบาท แต่ทรงไว้ซึ่งคุณค่าทางใจอย่างที่สุด
ได้ถูกเก็บไว้อย่างดี ในกระเป๋าสตางค์เก่าๆ ใบนี้ ผมได้หยิบมันออกมาจากช่องด้านในสุดของกระเป๋าสตางค์สีซีดอย่าง
บรรจง คล้ายกับว่าเพิ่งเคยเจอมันครั้งแรกในชีวิตยังไงยังงั้น “แหวนนี้แทนใจ”
ผมเคยสวมให้เธอผู้เป็นดั่งดวงใจในวันเกิดของเธอเมื่อนานมาแล้ว เธออยู่ที่ไหนนะตอนนี้ อยากรู้จัง.............
7 ปีที่ยาวนาน ตะวันคงไม่สามารถขึ้นทางทิศตะวันตกได้สินะ คิดถึงเหลือเกินที่รัก... อยากเห็นเธออีกสักครั้ง
อีกสักครั้ง........ได้โปรด......ผมขอแค่นั้น แค่นั้นจริงๆ.....................
“โอ๊ย.... “ ผมร้องขึ้น หลังจากมีบางอย่างจิ้มเข้าที่ข้อเท้าซ้ายอันเป็นเหตุให้ผมต้องตื่นจากภวังค์ เสียงกลั้นหัวเราะคิก
คักๆ ใต้โต๊ะ ทำให้ผมต้องก้มมองลอดใต้โต๊ะอาหารที่ผมกำลังนั่งอยู่ด้วยความรู้สึกจ็บผสมกับอารมณ์โกรธานิดๆ พลัน
ความรู้สึกฉุนเฉียวคงเหลือไว้แต่ความรู้สึกฉงนเข้ามาแทนที่ ภาพตรงหน้าคือใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กตัวกระเปี๊ยกที่
กำลังนั่งคู้ตัวอยู่ใต้โต๊ะ ในมือ ยังคงกำช้อนส้อมแกว่งฉวัดเฉวียนไปมาคล้ายกับกำลังปกป้องตัวเองอยู่ในที ดวงตากลม
โต กำลังฉายแววล้อเลียนและเปี่ยมล้นไปด้วยความสนุกสนานเป็นที่สุด
“ใครน่ะ ออกมานะ” ผมพยายามเอี้ยวตัวให้ต่ำ แต่ก็เห็นหน้าของเจ้าหนูไม่ถนัดนัก
“คิกๆ...” แทนเสียงตอบรับ หนูน้อยได้ขยับตัวถอยล่นไปด้านหลัง เพื่อหนีมือของผมที่กำลังควานหาตัวเจ้าลิงจ๋อ
”ลูกใครน่ะ หนูนี่ ซนจริงๆ ออกมานะ” เจ้าหนูยังคงสวมบทบาทของลูกหอยสังข์ในวรรณคดี และซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะต่อไป
“ออกมาสิ จับได้ เดี๋ยวตีตายเลย !!! ” ผมแกล้งตวาด ทำตาดุ ขณะเอี้ยวตัวก้มมองลอดใต้โต๊ะด้วยความเมื่อย หลังจาก
เห็นท่าทีของเด็ก กำลังจะจิ้มช้อนส้อมลงบนปลายรองเท้าขัดมันยี่ห้อดังของผมอีกครั้ง
“.................\" ไม่มีเสียงตอบใดๆ
“ออกมาเถอะน่า....นะ อาสัญญาว่าจะไม่ทำอันตรายหนูนะครับ” ผมเจรจาสงบศึก ขณะหยิบโดนัทชิ้นสุดท้ายที่วางอยู่
ในจานบนโต๊ะส่งให้ หนูน้อยจ้องผมอยู่ครู่หนึ่งและหลังจากนั้นก็ค่อยๆ คลานต้วมเตี้ยมๆ ออกมาให้ผมได้ยลโฉมหน้า
ของจำเลยตัวจิ๋วนี้
“อ่ะ หิวมั๊ย อร่อยนา.....ชิ้นนี้ อาชอบมาก แต่ก็ตัดใจยกให้นะเนี๊ย รู้มั๊ย !!! ” หนูน้อยจ้องหน้าของผมอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยังยกมือ
ไหว้และรับขนมไปถือไว้แต่โดยดี อืมม.....ถูกฝึกมาอย่างดีทีเดียว ผมอมยิ้มอยู่ชั่วครู่ รู้สึกถูกชะตาและรู้สึกเอ็นดูกับหนู
น้อยคนนี้อย่างประหลาด ผมเพิ่งสังเกตุเดี๋ยวนี้เองว่า เด็กคนนี้ที่ผมเห็นเป็นเด็กผู้ชายตั้งแต่แรกนั้น กลับกลายเป็นเด็ก
ผู้หญิงที่น่ารักน่าชังเสียนี่ ผมที่ยาวถูกถักเป็นเปียผม ม้วนไว้ในหมวกผ้าด้านหลังของเสื้อกันหนาวสีแดงสด
มีรูปมิ๊กกี้เมาท์ขนาดใหญ่อยู่ตรงอกเสื้อด้านหน้า กางเกงขายาวเนื้อผ้าและสีเดียวกันกับเสื้อกันหนาว ขับให้ผิวขาวของหนู
น้อยดูโดดเด่น แสดงให้เห็นถึงเชื้อชาติของผู้ดี มีเงินอยู่ไม่น้อย ผมได้อุ้มเธอมานั่งที่ เก้าอี้ข้างๆ ผม หลังจากทนเห็น
แม่หนูน้อยจอมซน กำลังตะเกียกตะกายเพื่อจะขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ทรงสูงของร้านอาหารแห่งนี้ ไม่ได้ ดวงตากลมแป๋วยัง
คงจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น คล้ายกับว่านี่คือครั้งแรกที่เพิ่งเคยเห็นมนุษย์หน้าแปลกๆ อย่างผมซะอย่างนั้น
หล่อนจะรู้จักคำว่า “หนุ่มหล่อ” หรือยังนะ ผมคิดในใจ
”ชื่ออะไรสาวน้อย อายุเท่าไหร่แล้ว มีแฟนหรือยังอ่ะ ” ผมพยายามชวนคุย อย่างเป็นมิตร แทนคำตอบ สาวน้อยร่าง
จิ๋ว วัยกำลังเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ได้ใช้ช้อนส้อมจิ้มโดนัทไปมา จนโดนัทชิ้นที่โชคร้ายที่สุดในโลกพรุนไปทุกส่วน แล้วแม่
หนูน้อยจมซนก็ใช้นิ้วมือเล็กๆหยิบโดนัทชิ้นนั้น ส่งให้ผม พร้อมๆ กับพยักพเยิดหน้าให้ผมทานขนมในมือหล่อน เหมือน
เป็นการต่อรอง
”ถ้าอาทานแล้ว ต้องตอบคำถามอานะ เข้าใจมั๊ย” ผมโน้มตัว ก้มลงกัดโดนัทในมือเด็กคำหนึ่ง แล้วก็ปั้นหน้าทำท่า
ทางดัดจริต คล้ายสุดแสนจะเอร็ดอร่อยในรสชาติของโดนัทสีกาแฟชิ้นนี้เสียเต็มประดา นี่ถ้าเจ้าของร้านโดนัทมาเห็นสี
หน้าของผมในยามนี้ คงอยากชักชวนให้ผมไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ถ่ายโฆษณาโดนัทให้กับทางร้านแน่ๆ เลย
“อายุเท่าไหร่จ๊ะ หือออ”
”อายุสอง...... สองวัน ” ดอกพิกุลร่วงออกมาแล้ว คำพูดตะกุกตะกักแต่ก็ยังชัดเจนฟังรู้เรื่อง
หนูน้อยตอบขณะเคี้ยวโดนัทตุ้ยๆ ในปาก
“อื้ออ เขาเรียกว่า สองขวบ หนูต้องบอกอาว่า สองขวบต่างหากล่ะ เข้าใจมั๊ย” ผมพูดขณะเอาทิชชู่ เช็ดปากให้กับแม่
หนู จอมซน
“นี่เราเที่ยวเอาช้อนส้อมไปแกล้งชาวบ้านไปทั่วทุกโต๊ะเลยหรือเปล่าเนี๊ย....” ผมรำพึงเบาๆ ขณะหันหน้ามองซ้ายขวา
สำรวจไปรอบๆ ร้าน เห็นผู้คนหลายคน กำลังก้มลงสำรวจเท้าตัวเอง พร้อมกับจ้องมายังแม่หนูตัวกระเปี๊ยกคนนี้
“แล้วพ่อกะแม่หนูอยู่ไหนครับ บอกอาสิครับ ” ผมพูดขณะกวาดสายตาไปรอบๆ แต่ไม่ยักกะเห็นใครแสดงตัวออกมาว่า
เป็นผู้ปกครองของเด็กคนนี้เลยสักคน ตุ๊กตาดังหนังทีวีตัวสวยในกระเป๋าเอกสาร ผมได้มาจากร้านโดนัท ซึ่งผมกิน
ประจำ เขามีไว้เพื่อเป็นสินค้าแถมให้กับลูกค้าของร้านโดนัททุกสาขา ได้ถูกผมหยิบขึ้นมา และยื่นให้กับเธอ ผมคง
หมดวัยที่เล่นสิ้นค้าของแถมพวกนี้แล้ว แต่ถ้าเป็นสมัยก่อน เธอผู้เป็นสุดที่รักของผมคงดีใจมาก ถ้าผมได้มอบสิ่งนี้กับ
เธอ เพราะเธอชอบจะสะสมมัน เธอมีตุ๊กตาประเภทนี้เต็มตู้โชว์เลยล่ะ อืมมม.............. คิดถึงอีกแล้วนะ
“เล่นตุ๊กตาดีกว่านะครับ อ่ะ รับไปสิ เป็นผู้หญิงต้องเล่นตุ๊กตานะ”
เธอรับมันไว้ พร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างเป็นสุข ขณะเขี่ยของเล่นในมืออีกข้างด้วยช้อนส้อม
“แล้วหนูชื่ออะไรล่ะครับ” ผมถามขณะยื่นแก้วน้ำอุ่นให้เธอ แต่เธอส่ายศรีษะและเยื้อแย่งจะเอาช้อนส้อมในมือผมคืนไป
ให้ได้
“บอกอาก่อน แล้วอาจะคืนช้อนส้อมให้หนูนะครับ”
“ชื่อ.. ชื่อ....อ้อม ”
“ชื่อน้องอ้อมเหรอครับ อืมมม อาชื่อหนุ่มนะ เรียกอาหนุ่มนะครับ แล้วแม่น้องอ้อมอยู่ไหนล่ะ อ่ะ ไหนชี้ให้อาดูหน่อยสิครับ ”
ผมถาม ขณะมองตามนิ้วมือน้อยๆ ของเธอที่กำลังชี้ออกไปข้างนอกประตูกระจกของร้านโดนัท แต่สายตาของเธอกลับ
มองไปคนละทางกับนิ้วของตัวเอง คล้ายกับว่าหล่อนกำลังมองหาใครสักคนในร้านโดนัทแห่งนี้
ผมสังเกตุเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนคุยอยู่กับแคชเชียร์ที่หน้าเคาร์เตอร์ เขากำลังมองมาทางผมและยิ้มให้ผม
อย่างเป็นมิตร ผมได้ยิ้มตอบเขาไป พร้อมกับหันมามองหนูน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งตอนนี้เธอไม่ได้สนใจใครแล้ว เพราะเธอ
ตั้งหน้าตั้งตาเล่นของเล่นไปตามประสาเด็ก ถึงเวลาที่หนูน้อยจอมซนต้องไปแล้วสินะ
“ขอโทษนะครับ ลูกอ้อมคงไม่ได้ทำให้คุณปวดหัวนะครับ คือแกจะชอบก่อกวนคนอื่นไปทั่วน่ะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ แกน่ารักดีครับ โตขึ้นต้องเป็นเด็กฉลาดแน่นอน”
“ขอบคุณครับ อ่ะ ลาคุณอาสิคะ บ๊าย” เขาพูดขณะก้มลงอุ้มแม่หนูน้อยจมซนขึ้นไปหอมแก้ม ฟอดใหญ่
“บ๊ายบาย .....” หนูน้อยยกมือโบกไปมา ดูน่ารักมาก
“ ผมเอาแกไม่อยู่น่ะครับ เผลอแป๊บเดียววิ่งหายไปใหนไม่รู้ แกซนน่ะครับ สงสัยต้องให้แม่ของแกจัดการ ผมตีลูกไม่
เป็นหรอกครับ แม่ของแกขึ้นไปซื้อของบนชั้นสาม ปล่อยให้ผมดูแลจ๋อน้อยน่ะครับ เดี๋ยวเธอคงกลับมา ” เขาพูดด้วย
รอยยิ้มเต็มใบหน้า ขณะจ้องหน้าลูกสาว และก็อุ้มหนูน้อยเขย่าเบาๆ ขณะที่หนูน้อยซบศรีษะอยู่ใต้คางผู้เป็นพ่อ สายตา
จับจ้องมายังผมเขม็ง
“อย่าทำอะไรแกเลยครับ แกยังเด็ก ส่วนมาก เด็กๆ ไม่ว่าหญิงหรือชายก็ซนๆ กันทั้งนั้นแหละครับ ”
ผมออกความเห็น
“ครับผม ขอบคุณนะครับ ผมคงต้องพาจอมกวนนี่กลับแล้ว รู้สึกว่าอุ้มจะลงมาแล้ว เอ่อ..... ผมหมายถึงภรรยาของผมน่ะ
ครับ คงซื้อของเสร็จแล้ว งั้นผมลาเลยนะครับ ลาคุณอาสิลูก แม่อุ้มของน้องอ้อมกลับมาแล้วนะ .... ไปกันเถอะ”
เขาพูดยิ้มๆ กับลูกสาวขณะหันมาพยักหน้าให้ผม แล้วเดินเลี่ยงออกไปทางประตูกระจกของร้านอาหารข้างหน้า เขาพา
หนูน้อยเดินไปสมทบกับสาวร่างโปร่ง ผมยาว ที่จัดว่า....สวยทีเดียว ผู้ซึ่งกำลังก้าวเดินลงมาจากบันไดเลื่อนของ
ห้างฯ น้ำตาของผมเอ่อล้นที่ขอบตา รู้สึกร้อนๆ อย่างประหลาด รู้สึกใจหาย และรู้สึก สับสนระคนกัน ลมหายใจแผ่วๆ
เหมือนกับมีก้อนอะไรมาจุกที่ช่องคอ ผมหันหน้าเมินไปทางอื่น แต่ก็อดชำเลืองมองพวกเขาไม่ได้ ในขณะที่เด็กน้อยที่
น่ารักนั้น โบกมือ พร้อมกับแกว่งตุ๊กตาชี้นิ้วมาทางผม ผู้เป็นแม่ของเด็ก หันหน้ามาทางผมพักหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปรับ
หนูน้อยมาโอบกอดไว้ในอ้อมแขน ส่วนสามีก็ช่วยถือถุงของใช้เหล่านั้นจากภรรยาสาว แล้วพากันเดินหายไปไหนฝูง
ชน ผมเองยังคงกำแหวนในมือแน่นจนนิ้วมือชา........................
ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของเรา แน่นอน...เราจะยังคงเก็บไว้ในความทรงจำที่ดีๆ รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต
ความทรงจำต่างๆ เหล่านั้นก็จะหวนกลับมาให้เราได้คิดถึงอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนเวียนไปมา คล้ายกับรูปวงกลมดั่ง “แหวนแทนใจ”
ที่ไม่มีจุดสิ้นสุด เส้นทางจะวกวนอยู่อย่างนั้นตลอดไป.......
    ผมพลิกแหวนขึ้นมาเพื่ออ่านข้อความที่ผมได้เคยให้ช่างแหวนได้แกะสลักข้อความหนึ่งลงบนแหวนวงนี้ เมื่อ 7 ปี
ที่แล้ว แม้แหวนจะดูเก่าและมีคราบสีดำจางๆ ติดอยู่บนเนื้อของแหวนสีเงินอยู่บ้าง แต่อักษรที่ถูกสลักไว้นั้นยังมีข้อความ
ให้อ่านได้ ใจความสั้นๆ ว่า “อุ้ม รัก หนุ่ม” ข้อความนี้ จะยังคงอยู่อีกนานเท่านาน เพราะ คำขอวิงวอนของผมตั้งแต่ตอน
ต้นนั้น เป็นจริงแล้ว...............................
“ขอให้มีความสุขกับชีวิตครอบครัวนะ....อุ้ม” ผมหลุดคำนี้ออกมาให้กับตัวเอง ด้วยเสียงที่สั่นเครือและแหบแห้งเต็มทน
ผมยังคงเก็บแหวนนี้ไว้ เสมอมา.......และจะเก็บมันไว้กับตัวตลอดไป.......น้ำตานี้เป็นพยาน...........
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย