101 year witch - 101 year witch นิยาย 101 year witch : Dek-D.com - Writer

    101 year witch

    มันคงจะน่ารักถ้ามีแม่มดอย่างเธอในโลกนี้...

    ผู้เข้าชมรวม

    678

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    678

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ก.พ. 47 / 15:33 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      แม่มดน้อย ร้อยสิบเอ็ดขวบ
      ไกลเข้าไปในป่าลึกแถบยุโรปทางตอนเหนือ ยังมีบ้านเล็กๆหลังหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในหลืบเงาของแมกไม้ใหญ่

      หลังคาอันผุพังและบิดเบี้ยวหงิกงอกำลังมีควันกลุ่นและมีเสียงเล็กๆแทรกผ่านออกมาจากบ้านน้อยๆหลังนั้น


      \"เมื่อไหร่ท่านจะทำให้ซากไม้นี่ดูดีกว่านี้ซักที\" ผมบ่นอย่างหงุดหงิดเต็มทีในสภาพ \'บ้าน\' ในความคิดขอนายผม

      แต่ในขณะที่ผมคิดว่ามันเป็นเพิงพักชั่วคราวดูจะเหมาะกว่า


      \"หุบปากไม่มีประโยชน์ของแก ก่อนจะถูกแขวนคออีกเหมือนเมื่อเช้านะเจ้าโง่\" เจ้านายตัวน้อยหันมาตวาดใส่ผมเสียงแหลมปรี๊ด

      ก่อนจะหันไปบ่นอะไรงึมงังอยู่คนเดียว


      นายผมเป็นแม่มดครับ เธอเป็นแม่มดตัวน้อยๆ (ถ้าพิจารณาจากรูปร่างที่เหมือนเด็กอายุ 8 ขวบ)

      แต่อายุก็ปาเข้าไปตั้งหนึ่งร้อยกับอีกสิบเอ็ดปีเข้าไปแล้ว อย่าถามเชียวนะครับว่านายผมชื่ออะไร เธอไม่มีชื่อหรอกครับ

      เพราะผมไม่เคยได้ยินใครเรียกชื่อของนายซักกะที มีแต่บรรดาแม่มดทั้งหลายที่พากันเรียกนายผู้น่ารักของผมว่า


      \"ยายเปี๊ยก\"


      ส่วนผมเหรอครับ แหะ แหะ! ผมชื่อแดร๊กครับ ผมเป็นค้างคาว และเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ของยายเปี๊ยก เอ้ย…! ของนายน้อยๆของผม

      ผมมักจะค่อนแคะนายผมอย่างนี้ประจำเกี่ยวกับเวทย์มนต์ที่ยังไปไม่ถึงไหนของนาย แต่นายผมก็ทะเยอทะยายสูงเกินตัวนะครับ

      เธอมักจะแอบไปงานคานิวอลของแม่มดที่\'เขาหัวดำ\'ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทั่งๆที่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงาน

      เนื่องจากยังเป็นแม่มดที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ


      ครั้งหนึ่งนายผมถูกจับได้ขณะที่แอบไปเที่ยวงานนี้อีกตามเคยครับ เมื่อปีที่แล้วนี้เอง ตอนนั้นผมตามไปด้วยครับ

      ผมแอบอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่ทำให้ผมสามารถมองเห็นบริเวณงานและนายผมที่เต้นรำหย่องๆไปรอบงานได้อย่างชัดเจน

      ปกติแล้วนายผมแอบมางานคานิวอลมาเป็นสิบๆหนแล้วเห็นจะได้ แต่ไม่มีครั้งไหนโชคร้ายเท่าครั้งนั้น นายผมถูกจับได้

      โดยยายแม่มดสายฝนคู่อริของเรา หัวใจผมแทบหลุดออกมาจากอก คิดดูแล้วกันว่าตกใจแค่ไหน

      ขนาดค้างคาวทั่วไปนอนหลับห้อยหัวยังไม่เคยตกจากต้นไม้

      แต่ผมคงเป็นค้างคาวตัวแรกของโลกที่ยังลืมตาโพรงแต่ยึดเท้าน้อยๆกับต้นไม้ไว้ไม่อยู่


      หลังจากกระพือปีกบินขึ้นมาอยู่บนกิ่งไม้ที่ใกล้ที่สุดแล้ว ผมก็เห็นภาพที่ทำให้ค้างคาวอย่างผมแทบจะร้องกรี๊ดออกมาเป็นเสียงแมว

      ก็จะอะไรละครับ นายผมถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มควันชั่วร้ายสีดำหน้าตาเหี่ยวๆที่กำลังหาลือกันว่าจะลงโทษนายน้อยๆของผมอย่างไรดี

      โทษฐานที่ฝ่าฝืนกฎเหล็กของสมาคมแม่มดแห่งเขาหัวดำ


      \"เอามันไปเผา!\"

      ยายแม่มดสายฝนที่ชอบแกล้งเสกฝนตกใส่หลังคารั่วๆที่บ้านของเราแผดเสียงแว๊ดแทรกเสียงพึมพัมของแม่มดคนอื่นๆขึ้นมา

      นายผมหันขวับไปมองยายหน้าเหี่ยวนั่นตาเขียวปั๊ด แล้วก็มีเสียงเออออของเหล่าแม่มดที่ดังขึ้นสนับสนุนความคิดของแม่มดสายฝน

      แต่นายผมยังไม่ยอมแพ้ เธอหันไปขอร้องกับหัวหน้าแม่มดว่า ขอให้เธอได้พิสูจน์ตัวเอง ว่าเธอจะเป็นแม่มดที่ดี

      และฝึกเวทย์มนต์ตาถาให้ดียิ่งกว่าเดิม โดยจะพิสูจน์ให้แม่มดทุกคนเห็นในงานคานิวอลคราวหน้า และจากวันนั้นเอง

      นายก็เริ่มท่องตำราคาถาและฝึกเวทย์มนต์ ทำให้เธอไม่มีเวลาจะมาซ่อมบ้าน ผมว่านะ

      นายน่าจะหาคาถาซักบทในตำรามาร่ายมนต์ซ่อมบ้านก็ได้ แต่นายมักจะบอกว่ามันไร้สาระ เอาเวลาไปฝึกเวทย์มนต์อย่างอื่นจะดีกว่า

      และมนต์ที่นายผมถนัดที่สุดก็เห็นจะเป็นมนต์ที่ทำให้เชือกมีชีวิต

      เพราะนายได้ฝึกฝนมันเป็นประจำตอนที่นายใช้รัดคอผมเวลาที่ผมเหน็บแนมเวทมนต์ห่วยๆของเธอ


      แต่ครั้งหนึ่ง ขณะที่นายกำลังง่วนกับตำราเล่มใหญ่เท่าตัวเธออยู่ที่หน้าต่าง (กรอบไม้ผุๆ) เพื่อฝึกการเสกฝน คุณเชื่อไหมว่าเกิดอะไรขึ้น

      ฝนของนายผมกลายเป็นกระต่ายสีขาวร่วงกราวมาจากท้องฟ้า แล้วยังมีเสียงฟ้าร้องเป็นของแถม ซึ่งผมมารู้ตอนหลังจากนั้นว่า

      เสียงฟ้าร้องดังเปรี้ยงๆและโครมครามๆนั้น แท้จริงเป็นเสียงของกระต่ายตกใส่หลังคาบ้านแล้วก้วิ่งพล่านให้เต็มบ้านไปหมด

      ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกันนี่ ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้ที่นายพยายามจับโทรล

      เจ้ายักษ์ใหญ่สมองทึบปัญญาทึ่มมาเสกให้เป็นเจ้าหญิงแสนสวยนั้น

      นายผมได้ทำให้มันกลายเป็นอสูรร้ายเทอะทะในชุดกระโปรงบานสีชมพูแถมแต่งหน้าแต่งผมให้มันเสร็จสับ

      จนมันทนกับสภาพที่ทุเรศไปกว่าเดิมของตังเองไม่ไหว ทำให้มันวิ่งหนีไปทางประตู

      ซึ่งตอนนั้นผมบินไปเปิดประตูให้มันไม่ทันมันก็เลยเอาประตูบ้านเราไปด้วย

      แล้วคราวนี้กระต่ายตัวน้อยๆก็ยังมาเอาหลังคาบ้านเราไปอีก

      ผมว่าคราวต่อไปคงต้องมีอะไรซักอย่างมาเอาผนังบ้านเราไปแน่ๆ แต่คราวนี้ผมก็พอใจบ้างในบางกรณี

      ที่นายผมทำตัวเป็นแม่มดที่ดีโดยการแสดงความรับผิดชอบในการรักษากระต่ายทุกตัวที่ตกลงมาบาดเจ็บ


      ไม่ใช่แค่เรื่องกระต่ายเท่านั้นนะครับ เมื่อสองสามเดือนที่แล้วนายผมได้ทำความดีครั้งยิ่งใหญ่

      ซึ่งทำให้ทาสรับใช้อย่างผมรู้สึกภูมิใจที่มีนายที่ดีอย่างยายเปี๊ยก…เออ! …อย่าง..นายน้อยๆของผม คนนี้
      คืนนั้นนายชวนผมเข้าไปในป่าลึกยิ่งกว่าเดิม เพื่อฝึกคาถาปราบมนุษย์หมาป่า

      แต่สิ่งที่ทำให้นายหยุดชะงักระหว่างเดินเข้าไปในป่าก็คือ

      แสงเรืองรองสีขาวที่จวนเจียนจะริบหรี่ลงทุกที่ๆ นายจุ๊ปากให้ผมเงียบ

      ผมจึงเอาปีกทั้งสองข้างปิดปากแล้วห่อตัวให้เล็กและเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่บนบ่าของนาย

      จากนั้นนายก็ค่อยๆย่องเข้าไปใกล้แสงสีขาวนั่นทีละน้อยๆ แล้วเอี้ยวตัวชะโงกหน้าจากหลังตัวไม้ใหญ่ไปมองแสงเรืองรองนั้นให้ชัดๆ

      ให้ตายอีกทีสิเอ้า! ผมตาโตตะลึงงัน คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วยเถอะครับ ผมไม่เคยเห็นสัตว์โลกชนิดไหนสวยงามเท่านี้มาก่อน

      มันคือม้ายูนิคอนหนุ่มสีขาวบริสุทธิ์ นอนหายใจติดๆขัดๆอยู่ที่โคนต้นไม้นั้น นายค่อยเขยิบเข้าไปใกล้

      จนผมสามารถเห็นว่ามีแผลเป็นรูเล็กๆสองรูที่ต้นคอของมัน แน่นอนเลยครับว่า

      ยูนิคอนตัวนี้เพิงถูกดูดเลือดมาหมาดๆและคงเหลือเลือดอีกเพียงน้อยนิดที่อาจจะตายได้ในไม่ช้า


      \"อย่ามามองข้านะข้าเป็นค้างคาวกินผลไม้\" ผมรีบแก้ตัวจ้าละหวั่นเมื่อนายเหลือบสายตามามองผม


      \"โวยวายน่าแดร๊ก ข้าจะบอกว่า ไอ้ผีดูดเลือดมันอาจจะกลับมาหาเหยื่อของมันอีกเพราะมันยังดูดเลือดไม่หมด\"

      นายผมพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น ทำเอาผมตกใจ รีบมุดเข้าไปอยู่ใต้หมวกทรงแหลมบนหัวนาย

      แล้วโผล่แต่หน้าออกมาดูเหตุการณ์ นายผมนั่งลงข้างกายเจ้ายูนิคอน มันขยับตัวพยายามจะหนีนิดหน่อยและทำเสียงฟืดฟัด

      แต่ก็ได้แค่นั้นแหละครับ เพราะแรงที่มันเหลืออยู่นี้พอหายใจได้ถึง 5 นาทีหรือเปล่าก็ไม่รู้


      \"นายจะทำอะไรนะ\" ผมกระซิบถามจากหมวก เมื่อเห็นนายถลกแขนเสื้อสีดำขึ้น


      \"ข้าจะช่วยมัน\" นายตอบขณะใช้มีดกรีดแขนตัวเอง ผมไม่รู้ว่านายทำอย่างนี้เพื่ออะไร แต่เท่าที่ผมรู้นั้น แต่ไหนแต่ไรมา

      พวกแม่มดและยูนิคอนไม่ค่อยถูกคอกันเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับพวกแม่มดแก่ๆหนังเหี่ยวๆ

      เพราะนิสัยของยูนิคอนหากจะเปรียบไปก็ไม่ต่างอะไรไปจากพวกเฒ่าหัวงูที่หลงสาวๆเนื้อหนังเต่งๆตึงๆไปซักเท่าไหร่หรอกครับ

      ว่ากันว่ายูนิคอนจะนิสัยไม่ค่อยดีและค่อนข้างจะดุร้าย แต่มันจะกลายเป็นสุนัขเชื่องๆทุกครั้งเมื่อมันได้กลิ่นสาวพรมจารี

      และคลานเข้าไปซบตักอย่างลูกแมว ผมว่านะ ไอ้เขาแหลมๆบนหัวของเจ้าพวกยูนิคอนเนี่ย ดูไม่เหมาะสมกับนิสัยของมันเอาซะเลย

      น่าจะเปลี่ยนเป็นงูดูจะเหมาะสมที่สุด ด้วยเหตุนี้มันจึงแสดงพฤติกรรมตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับพวกแม่มดหนังเหี่ยวๆ

      ดังนั้นสมาคมแม่มดเขาหัวดำจึงมีกฎเหล็กอยู่ข้อหนึ่งที่ว่า ห้ามเหล่าแม่มดญาติดีกับม้ายูนิคอนเด็ดขาด แล้วดูนายผมทำสิ

      นี่เป็นการหาเรื่องเดือดร้อนมาใส่ตัวแท้ๆ

      นายใช้ไม้กายสิทธิ์แตะเบาๆที่แผลของเจ้ายูนิคอนพร้อมกับท่องอะไรงึมงัมๆ

      จากนั้นแผลสองจุดที่ต้นคอของมันก็ค่อยๆจางหายไปพร้อมกับแผลที่แขนของนายด้วย

      ไม่นานนักเขาของเจ้ายูนิคอนก้ค่อยๆเปล่งแสงเรืองรองเพิ่มขึ่นแล้วมันก็ลุกขึ้นยืน มันมองนายผมนิ่ง

      ผมว่ามันอยากจะขอบคุณนายตัวน้อยของผมที่ช่วยมันไว้ เพียงแต่มันพูดไม่ได้ก็เท่านั้น

      ส่วนนายก็ยิ้มหน้าบานที่ได้ทำความดีแต่หารู้ไม่ว่ากำลังจะเดือดร้อนหากสมาคมแม่มดเขาหัวดำรู้เข้า

      แต่ไม่นานนายก็เริ่มทำตายลอกแลกมองไปรอบตัว ตามด้วยเสียงกุบๆกับๆจากเท้าข้างขวาของม้ายูนิคอนตามด้วยเท้าข้าซ้าย

      แล้วมันก็โขยกตัวกระทืบเท้าหน้า วิ่งวนไปมาอย่างกระสับกระส่าย


      \"หนีไป! \" นายตะโกนบอกยูนิคอนตัวนั้น แล้วมันก็วิ่งหายไปในความมืด


      \"เกิดอะไรขึ้น\" ผมชะโงกหน้ามาถามนาย แต่ก็ยังเอาตัวซุกไว้ใต้หมวก


      \"ถึงเวลาที่เราจะต้องหนีกันบ้างแล้ว\" พอนายพูดจบ นายก็เริ่มออกเดินฉับๆได้สองสามก้าว แล้วก็ได้แค่นั้นแหละครับ

      เพราะอะไรก็ไม่รู้มาชนผม หรือพูดอีกทีมันชนศรีษะของนาย ผมคิดว่าผมลอย แต่ผมไม่ได้กางปีก แต่ก็ช่างเถอะ ที่รู้รู้คือ

      ผมชนต้นไม้ดังอั๊กหนึ่ง แล้วมานอนกองอยู่บนพื้น ผมพยายามเงยหน้ามองเจ้าตัวการ มันก้าวข้ามตัวผมไป ผมไม้รู้ว่าหน้าตามันเป็นยังไง

      เพราะมันคลุมผ้าคลุมไว้มิดชิด แต่ก็ยังสามารถมองเห็นเขี้ยวยาววาววับยามต้องแสงจันทร์อย่างชัดเจน ใช่แล้ว!

      มันคือผีดิบดูดเลือดที่ทำร้ายม้ายูนิคอน มันคงจะกลับมาหาเหยื่อของมัน แต่ตอนนี้ม้ายูนิคอนหนีไปแล้ว

      และนายของผมก็เลยต้องกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปของมัน เจ้าผีดิบนั่นเดินย่างสามขุมเข่าไปหานายของผม

      ซึ่งสลบคอพับหลังพิงต้นไม้อยู่ ผมจึงตัดสินใจพุ่งตัวเข้าชนมัน แต่ยังไม่ทันทำอะไรผมก็รู้สึกเจ็บแปร๊ดที่กระดูกปีกข้างซ้าย ให้ตายเถอะ!

      ปีกของผมหัก นี่ผมทำอะไรไม่ได้เลยหรือนี่ ผมเลยเอาปีกอีกข้างปิดตาไว้ ไม่อยากดูวาระสุดท้ายของนายผู้ซื่อสัตย์ เอ้ย!…

      นายผู้แสนดีของทาสผู้ซื่อสัตย์อย่างผม อย่าน้อยๆสิ่งที่ผมสามารถทำได้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือ พยายามแกล้งตายถ้าหากว่า

      เจ้าผีดิบดูดเลือดมันยังไม่อิ่มจากนายผม มันจะได้ไม่เล่นงานผมอีกตัว ตายหนึ่งก็ดีกว่าสอง คุณว่าจริงมั๊ย


      \"เอ๊กก…ก…ก แอ๊กกก…ก!\"
      ตอนแรกผมนึกว่าเป็นเสียงร้องของตัวเอง แต่มานึกดูอีกที ผมก็ไม่เคยส่งเสียงร้องอะไรน่าเกลียดขนาดนี้มาก่อน

      ครั้นแล้วก็ค่อยๆแง้มปีกที่ปิดตาออก ทำให้ผมเห็นค้างคาวใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่ง มันใหญ่กว่าผมซักสี่หรือห้าเท่าเห็นจะได้

      มันกำลังบินหนีพร้อมกับส่งเสียงร้องแหลมปรี๊ดแสบแก้วหู


      ตายละ! แล้วนายผมละ ผมรีบหันไปดูที่ ที่นายผมนอนสลบเหมือดอยู่ ตอนนี้เจ้าผีดิบดูดเลือดหายไปแล้ว แต่ผู้ที่อยู่แทนคือ โทรล

      เจ้ายักษ์โง่ทึ่มซื่อบื่อที่นายเคยพยายามเสกให้มันเป็นเจ้าหญิงแสนสวยแต่ไม่สำเร็จและมันก็ยังอยู่ในชุดกระโปรงบานชุดนั้นอยู่

      ถือกระบองอันเบ้อเริ่มไว้ด้วย มันคงใช้ฟาดเจ้าผีดิบดูดเลือดจนลอยกระเด็นกลายเป้นค้างคาวยักษ์แล้วหนีไป


      ผมไม่รู้ว่าโทรลมาทำอะไรแถวนี้ แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้มันก้อยู่ที่นี่และมันก็ช่วยนายไว้ด้วย

      ผมก็เลยขอร้องให้มันช่วยพาเราทั้งสองไปส่งที่บ้านที ซึ่งเหตุผลที่โทรลไปทำธุระอะไรอยู่แถวนั้นก็เป็นเพราะว่า

      มันมาตามหานายก็เพราะอยากให้นายช่วยเสกให้มันกลับคืนร่างเดิม ความหมายของโทรลก็คือ ช่วยเปลี่ยนชุดให้มันนะครับ

      ก็โง่ๆทึ่มๆอย่างมันจะมีปัญญาคิดได้ไงว่า แค่เปลี่ยนชุดก็เรียบร้อยแล้ว นายผมรู้สึกเห็นใจแกมชื่นชมที่มันอุสส่าห์ช่วยชีวิต

      ก็เลยคว้าไม้กายสิทธิ์มาตวัดสองสามทีพร้อมกับบ่นงึมงัมๆ เจ้าโทรลในชุดกระโปรงบานก็กลับสู่ชุดเก่าเขรอะๆตามเดิม

      คราวนี้มันดีใจใหญ่ มันวิ่งไปทางประตู(พังๆ) แล้วสิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้น มันเอาผนังบ้านเราไปแล้วครับ!


      ผมห้อยหัวมองรูพรุนๆบนหลังคา จนทะลุออกไปเห็นปล่องไฟหักๆด้านนอก แล้วเหลือบมามองประตู(ในอดีต)

      ที่พังยับเยินแถมผนังด้านข้างก็มาหายไปซะอีก ผมหุบปากเงียบจนกระทั้งดึกเพราะกลัวคำขู่ของนายว่าจะแขวนคอผมอีกเหมือนเมื่อเช้า

      แล้วอยู่ๆนายก็ปิดหนังสือเวทย์มนต์เล่มใหญ่พอๆกับตัวนายลงดังปึ๊งหลังจากใช้เวลาจนวินาทีสุดท้ายเพื่อท่องจำคาถาทุกบทในหนังสือ

      แล้วก็ฉวยไม้กวาดเดินออกไปทางผนังพังๆ


      \"ให้ข้าไปด้วยนะ\" ผมรีบขอร้องนายทันที เพราะคราวนี้ผมไม้อยากปล่อยให้นายไปคนเดียวอีกแล้ว


      \"ไม่ต้อง! แกอยู่เฝ้าบ้านละ ดีแล้ว\"นายพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปากฉายแววตาเจ้าเล่ห์ทำเอาผมขนลุกซู่มองตามนายขี่ไม้กวาดไป


      ผมอยากจะตามนายไปด้วยจังเลย ความจริงผมก็เคยแอบตามนายไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าจะตามไปอีกซักหนก็ไม่เห็นแปลก

      แต่ด้วยสายตาฉายแววพิลึกของนายก่อนที่นายจะไปนี่สิ ทำให้ผมอยากที่จะคอยอยู่ที่บ้านมากกว่า


      ผมห้อยหัวมองพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวผ่านช่องโหว่ของหลังคาอย่างสงบ ผมไม่รู้หรอกครับว่าเวลาผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้ว แต่ก็นานพอดู

      เพราะการที่ผมห้อยหัวอยู่ในท่านี้ตั่งแต่นายออกไปจนกระทั่งบัดนี้ มันก็เริ่มทำให้ผมเป็นเหน็บขึ้นมาแล้ว

      แต่ซักพักผมก็เห็นจุดสีดำเล็กๆทาบผ่านภาพเหลืองนวลของดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวและยังไม่ทันที่ผมจะรู้ว่ามันเป็นอะไร


      \"โครม!\"


      ผมหล่นจากคอนไม้มากลิ้งเป็นมันฝรั่งอยู่บนพื้น ก่อนจะใช้ปีกสองข้างพยุงตัวขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ตาของผมพล่าลาย

      แต่ก็ยังพอมองเห็นมือเล็กๆคู่หนึ่งลอยคว้างแหวกอากาศมา

      มันช่างเป็นมือที่แลดูอ่อนหวานละมุนละไมพร้อมที่จะพยุงผมลุกขึ้นอย่างนุ่นนวล และแล้ว…


      \"ไปกันเถอะแด๊รก\" มือของนายผมนั่นเอง เธอกระชากคอผมซะตัวผมเองนึกว่าผมไปได้แต่คอกับหัวส่วนตัวถูกทิ้งไวกับพื้นที่บ้าน

      นายพาผมขี่ไม้กวาดทะยานขึ้นฟ้ามาด้วยกันพร้อมกับเล่าให้ผมฟังว่า เกิดอะไรขึ้นที่งาน


      คานิวอล นายถูกลงโทษ เนื่องจากว่านายทำความดี อ้าว! ก็ทำความดีมันไม่ถูกหรือไง เรื่องของเรื่องก็คือ ยายแม่มดสายฝน

      คู่อริของเรานั้น คอยแอบตามดูพฤติกรรมของนายผมอยู่ตลอดเวลา

      แล้วก็เสนอหน้าวิ่งแจ้นเข้าไปฟ้องหัวหน้าแม่มดว่านายทำความดีอะไรไว้บ้าง พวกแม่มดพากันโกรธกันใหญ่

      เพราะการทำตัวเป็นแม่มดที่ดีนั่นก็คือการทำความชั่ว แต่การกระทำของนายผมกลับตรงกันข้ามราวสำลีกับผงขี้เถ้า

      ดังนั้นพวกแม่มดจึงลงโทษนายของผม โดยการให้เวลานาน 1 ชั่วโมง เหาะไปหุบเขาแห่งความตาย

      แล้วจุดไฟกองใหญ่เอาไว้รอการลงโทษ


      นายร่อนลงจอดตรงลานกว้างใจกลางหุบเขา ที่นี่ดูเงียบเชียบและวังเวงสมชื่อจริงๆแม้แต่เสืยงแมลงซักตัวก็ไม่มี

      ผมบินไปเกาะอยู่บนหินใหญ่ก้อนหนึ่งดูเหมือนจะเป็นแท่นทำพิธีอะไรซักอย่าง แต่อย่าไปสนใจเลยครับ

      ผมเริ่มต้นร้องไห้พลางตัดพ้อต่อว่านายที่เวลาจะไปสนุกสนาน นายก็ให้ผมอยู่เฝ้าบ้าน แต่พอเวลาจะมาตาย

      นายกลับพาผมมาตายด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่านายไม่ค่อยจะใส่ใจอะไรซักเท่าไรนัก

      นายเด็ดใบไม้มาสบัดสองสามทีกลายเป็นผ้าเช็ดหน้าให้ผมสั่งน้ำมูกดัง ปรื๊ด ปรื๊ด


      \"ใครบอกแกว่าฉันจะพาแกมาตาย\" นายพูดอย่างรำคาญเสียงบ่นผสมกับเสียงร้องไห้ของผม


      \"ก็พวกแม่มดพวกนั้นให้นายมาก่อกองไฟกองใหญ่ ถ้ามันไม่เผาเราทั้งเป็น งั้นมันคงย่างบาร์บีคิวให้เรากินจนท้องแตกตายละมั้ง\"

      ผมตัดพ้อนายอย่างอดเสียไม่ได้ แต่นายก็ยังไม่สนใจกับคำพูดนี้เท่าไหร่นัก นายหันหลังให้ผมแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกด้านหนึ่ง


      \"พวกนั้นคงใกล้จะมาถึงแล้ว\" นายพูดอย่างไม่ใส่ใจ แต่กลับทำให้ผมตะเบ็งเสียงร้องไห้ออกมาโหใหญ่


      \"แกจะช่วยฉันก่อไฟมั๊ย\" เอ้า! เอากันเข้าไป นี่นายผมประสาทเสียหรือไงเนี่ย ถึงได้กระตือรือร้นอยากจุดไฟเผาตัวเองซะเหลือเกิน


      ผมยังคงสะอึกสะอื้นมองนายค่อยๆเดินทอดน่องอย่างสบายใจไปที่จุดกึ่งกลางของลานกว้าง

      นายเริ่มต้นทำบางสิ่งที่ทำให้ผมหยุดร้องไห้ลงทันทีและเฝ้ามองการกระทำที่ผมเองก็ไม่เข้าใจว่านายกำลังจะทำอะไรกันแน่

      นายยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นพร้อมบ่นคาถาพึมพัมเบาๆซึ่งผมอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินชัดเจน

      จากนั้นแสงสีขาวระยิบระยับก็พวยพุ่งออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์ คลี่ขยายขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้าง

      แล้วผมก็ได้ยินเสียงดังหวิดหวิวเหมือนกับมีอะไรกำลังลอยแหวกอากาศมาด้วยความรวดเร็ว

      และแล้วความสงสัยของผมก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ไม้กวาดเป็นร้อยๆเล่มลอยมากองอยู่ตรงหน้าของนายผม


      \"ดราโกนา! \" นายตะโกนคาถาสุดเสียง เปลวไฟพุ่งออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์ไปที่กองไม้กวาดลุกเป็นไฟสว่างโชดช่วง

      ผมยืนมองตาโตอ้าปากค้าง เพราะแทบไม่น่าเชื่อว่านายของผมจะสามารถใช้เวทย์มนต์ได้คล่องแคล่วขนาดนี้


      \"ไปกันเถอะ\" นายเดินยิ้มแป้นมาเรียกผม ผมจึงบินขึ้นฟ้าตามนายไปอย่างอึ่งและทึ่ง

      และหลังจากที่ผมได้รวบรวมสติทั้งหลายมาอยู่กัยเนื้อกับตัวได้หมดแล้วก็เข้าใจได้ว่า

      ไอ้ไม้กวาดที่ถูกเผาจนมอดไหม้นั้นคงเป็นของบรรดาแม่มดหนังเหี่ยวๆทั้งหลาย

      ถ้าพวกแม่มดกำลังเดินทางมาที่หุบเขาแห่งความตายเพื่อลงโทษนายของผม แต่ไม้กวาดกลับมาถึงก่อน นั่นก็หมายความว่า

      พวกแม่มดพวกนั้นก็คงจะแข้งขาหักอยู่แถวไหนซักแห่งหนึ่ง แล้วต่อไปก็คงไม่ปัญญามาลงโทษอะไรนายผมไดอีกแล้วละครับ


      \"ทีนี้นายก็มีเวลาซ่อมบ้านแล้วซินะ\" ผมพูดอย่างครึ้มอกครึ้มใจขณะบินอย่างเอื่อยเฉื่อยตามไม้กวาดของนายไป


      \"ฉันจะไม่ซ่อมบ้านหรอกนะ\" นายอมยิ้มอย่างมีเลศนัย ผมมองนายอย่างฉงนขึ้นมาทันที

      นี่หมายความว่าเราจะต้องทนอยู่บ้านหลังคาพังๆผนังผุๆอย่างนั้นนะหรือนี่


      \"แล้วเราก็ไม่ต้องไปอยู่บ้านซังกะบ้วยนั่นอีกแล้วด้วย\" นายพูด \"เราจะเดินทางรอบโลก\"


      \"เดินทางรอบโลก!\"ผมพูดอย่างตื่นเต้น


      \"ใช่!… เราจะทำความดีให้รอบโลกเลย แล้วเราก็จะเที่ยวไปรอบโลกด้วย\"


      นายยิ้มจนแก้มขมพูน้อยๆกระทบกับแสงจันทร์และแสงดาวดูสดใส

      ผมบินวนไปรอบๆนายน้อยๆของผมที่มุ่งหน้าหันไม้กวาดไปทางเส้นสุดขอบฟ้า เพื่อเดินทางสู่ดินแดนอื่นๆทั่วโลก

      และเผชิญหน้ากับการผจญภัยครั้งแล้วครั้งเล่าของเรา.

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×