บทความ “สิ่งสำคัญที่สุด”
  คุณเคยสังเกตไหม... ว่าต้นไม้แต่ละต้นต่างมีสีใบที่ต่างกัน ทั้งใบไม้สีเขียวอันเป็นสัญลักษณ์แห่งการกำเนิดใหม่ อาจแทนด้วยการเป็น 1 ในสมาชิกของต้นไม้ต้นนั้น และใบไม้สีเหลืองอันเป็นสัญลักษณ์ของความเหี่ยวเฉา การอำลา พลัดพราก นั่นเป็นเพราะการทำหน้าที่อันสมบูรณ์ให้แก่ต้นไม้อย่างเต็มที่ หรือกิ่งไม้ที่คอยพาอาหาร และสิ่งที่ใบไม้ต้องการ นำมาให้ใบไม้อย่างไม่เคยเว้น
  หากเราเปรียบว่าต้นไม้เป็นโรงเรียน ใบไม้แต่ละใบ ทั้งใบสีเขียวและสีเหลือง ทั้ง 2 เปรียบเป็นนักเรียนทุกคน และกิ่งก้านแต่ละกิ่งเป็นเสมือนครู-อาจารย์ ต้นไม้ที่สูงสง่าก็ตั้งทอดทาบดวงตะวันกลางท้องฟ้าราวกับว่าไม่มีสิ่งใดมาทำให้สั่นคลอนได้ และราวกับว่าได้สยบทุกสิ่งทุกอย่างที่อบู่เบื้องล่างให้ยอมจำนนแม้กระทั่งเหล่าสัตว์เล็ก หรือเหล่าวัชพืช เงาทะมึนของต้นไม้ยามต้องแสงอาทิตย์ ยังทอดทับไปยังพื้นดินที่อยู่เบื้องล่างอย่างวิสาสะ ดั่งว่าพื้นดินในอดีตและพื้นดินในปัจจุบันต่างถูกต้นไม้อันสูงสง่าครอบครองเอาไว้
  และนั่นคือสิ่งที่อยู่บนเส้นด้ายแห่งความเป็นจริง เหล่าเด็กๆทั้งชั้น มัธยมต้น-ปลาย ได้รักษาเอาไว้ แต่ปัจจุบัน เหล่าใบไม้ต่างถูกสิ่งชั่วร้ายเด็ดดึงให้เหี่ยวเฉาและตายลงอย่างน่าอนาถ หากต้นไม้ยังไม่สามารถเหนี่ยวรั้งไว้ได้ ก็จะทำให้ใบไม้แต่ละใบจะถูกเด็ดดึงมากขึ้น
  ใช่แล้ว เด็กคือทั้งอนาคตของชาติ และปัจจุบันของชาติ แต่ปัจจุบันนี้ เด็กไทยของเราต่างถูก กิเลสมารทั้งหลาย ครอบงำไว้หมดทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นที่มีอารมณ์ต่างๆ รัก โลภ โกรธ หลง อารมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นต่างเป็น “ตัวเชื่อม” ให้กิเลสทั้งหลายเข้ามาสู่ใจของเราได้อย่างง่ายดาย
  เด็กที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ต่างพยายามต่อสู้รักษาไว้ซึ่ง “ความเป็นนักเรียนที่ดี” และโรงเรียนที่มีคุณภาพที่ดี คือ โรงเรียนที่สามารถดูแลนักเรียนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และความรู้ได้อย่างถ้วนถึง และมีความเจริญขึ้นในทุกๆด้านทั้งสติปัญญา และร่างกาย
  โดยเฉพาะเด็กที่กำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3และ 6 ต่างก็เป็น “สิ่งสำคัญที่สุด” ของโรงเรียน แต่ทุกวันนี้โรงเรียนของเราพยายามรักษาสิ่งสำคัญนี้ไว้หรือไม่ หรือปล่อยให้กิเลสมารต่างครอบงำด้วยความยินดี จากความภาคภูมิใจของโรงเรียนในอดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน “เราไม่เคยตกเป็นทาสของสิ่งใดแน่หรือ?” แต่กิเลสมารต่างทำทุกวิถีทางที่จะเหยียบเอาเด็กนักเรียนมาไว้ใต้ฝ่าเท้าให้จงได้ ราวกับว่ามันจะทำให้เราตกเป็นทาส
  สรุปแล้ว ปัจจุบันนี้นักเรียนของเรา ต่างก็เป็นทาสของกิเลสมารมาโดยตลอด หากเรา “ยังไม่รักษาไว้ซึ่งความเป็นนักเรียนที่ดี” โรงเรียนของเราก็จะจบลงราวกับการฆาตกรรม เช่นเดียวกับต้นไม้ที่จะตายลงในที่สุด โดยไม่สามารถมีสิ่งที่ดีถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง นั่นเป็นเพราะกิเลสมารที่ครอบงำหัวใจของนักเรียนมาโดยตลอด
(จบ) ธนวัฒน์ ทรงประกอบ 14/15/47 ๒๑: ๒๘:๕๕ น.
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น