คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ไอ้ตี๋โตโน่
ผมกับไอ้ตี๋จูบกันนานมากจนรถไอ้คันข้างหลังต่างก็บีบแตรกันให้พรึบ มันค่อยๆถอนจูบออกจากผม จากนั้นก็ไม่มีคำพูดได้เล็ดลอดออกมาจากปากผมทั้งสองคน มันจอดรถให้ผมลงแถวๆมหาวิทยาลัย ไม่รู้มันขับรถวนอะไรของมันถึงได้กลับมาที่เดิมได้ ผมลงจากรถอย่างมึนๆ เรียกแท็กซี่อย่างมึนๆ โชคดีที่ผมไม่โดนแท็กซี่จับไปปล้ำอีก ..ถ้าเป็นอย่างนั้นวันนี้คงถือเป็นวันเสียตัวแห่งชาติ T T
กว่าผมจะเรียกสติกลับมาได้ก็ตอนที่แท็กซี่จอดอยู่หน้าบ้านผมแหละครับ ขนาดเข้าบ้านไปผมก็ยังมึนๆอยู่เลย เดินเตะโต๊ะ หัวชนเสา สะดุดเท้าตัวเอง และต่างๆอีกมากมาย จนพ่อกับแม่ต่างก็สงสัยว่าผมแอบไปกินเหล้ามา - -* นี่ผมเหมือนคนเมาขนาดนั้นเลยหรอ ผมเมาจูบครับ
ผมถ่อสังขารมามหาวิทยาลัยด้วยสภาพอิดโรย กว่าผมจะได้นอนก็ตี 4 กว่าๆ แถมวันนี้ยังมีกิจกรรมรับน้องแต่เช้า ผมจึงต้องแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ 6 โมง เพื่ออาบน้ำแต่งตัว สภาพผมตอนนี้ดูไม่จืดเลยครับ ขอบตาคล้ำราวกับหมีแพนด้า ผมยุ่งกระเซิงไปหมด ตอนออกจากบ้านผมก็เซ็ตผมดีแล้วนะครับ แต่ดันแอบหลับบนรถเมล์ผมเผ้าเลยยุ่งเหยิงไปหน่อย กว่าจะมาถึงมหาวิทยาลัยสภาพผมเลยเป็นอย่างนี้แหละ
“ไอ้ริท!!!” ไอ้กันกวักมือเรียกผมให้เดินไปหามันที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะ โต๊ะประจำของพวกเรา ผมเดินทอดน่องเข้าไปหามัน พอมันเห็นผมในระยะประชิดมันถึงกับเบิกตากว้าง สภาพผมตอนนี้มันก็ผีซอมบี้ดีๆนี่เอง T T
“ไปทำไรมาวะ ทำอย่างกับคนอดนอน”
“ก็เออดิวะ กว่าจะได้นอนก็ตี
“ไปทำไรมาวะ อย่าบอกนะว่า ......”
“หยุดความคิดอัปมงคลของแกไปเลยไอ้กัน!”
“รู้ได้ไงวะว่าคิดเรื่องอะไร” ไอ้กันลอบยิ้มที่มุมปาก หึ ! อย่างมันก็คิดอยู่เรื่องเดียวแหละครับ
“สมองแกเคยคิดอะไรนอกจากผู้หญิงมั้ยละ!”
“แหม ! เคยมองเพื่อนคนนี้ในแง่ดีบ้างมั้ย ใช่สิ!” ไอ้กันยู่ปาก โธ่ ! ไอ้เวร นึกว่าน่ารักหรือไง น่าถีบมากกว่าสิไม่ว่า !
“โอ๋ๆ ครับๆ พ่อคนดี พ่อคนเก่ง พ่อคนรักเดียวใจเดียว แหม!!! เดี๋ยวถีบยันโครม - -“ ผมยกเท้าขึ้นหมายจะถีบมัน แต่มันกลับกระดึ๊บตัวหนีผมไปซะก่อน
“ใจร้ายว่ะ ว่าแต่ตกลงไปทำอะไรมาถึงอดหลับอดนอนละ”
“กะ ..ก็ ..คิดไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” พอมันถามมันกลับหน้าร้อนขึ้นมา ไม่รู้เพราะอากาศมันร้อนหรือเพราะอาการขัดเขินภายในใจผมกันแน่
“แหนะๆ ถามแค่นี้ทำเป็นหน้าแดง ปิดบังอะไรฉันอยู่ใช่มั้ย บอกมาเลยนะเว้ย” มันกระเถิบตัวมันมานั่งข้างผม พลางกระแซะๆเบียด ถ้าใครมาเห็นคงคิดว่าผมกับมันมีซัมติงรองกันแน่นอน ไอ้นี่ก็ทำอะไรส่อเหลือเกิน
“ก็บอกแล้วไงวะว่าคิดอะไรนิดหน่อย ว่าแต่..ไอ้เฟิร์นไปไหนเนี้ย หายหัวไปตั้งแต่เมื่อวาน สงสัยจะติดใจรุ่นน้องซะแล้วละมั้ง” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ไอ้กันจะทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนไปมากกว่านี้
อ้อ ! ผมลืมบอกไปว่า จริงๆแล้วกลุ่มผมมีสมาชิกอยู่ 3 ตัว เอ๊ย 3 คนด้วยกัน นั่นก็คือ ผม ไอ้กัน และอีกคนคือไอ้เฟิร์น ..ไอ้เฟิร์นนี่มันเป็นกึ่งๆผู้หญิงครับ ปากมันก็บอกว่ามันเป็นผู้หญิงหกร้อยห้าสิบล้านเปอร์เซ็น แต่นิสัยมันผู้ชายเกือบครึ่งร่างกายมันน่ะครับ มันห้าว โหด เหี้ย(ม) มาก ! แล้วมันก็มาบ่นว่าไม่มีชายหน้าไหนมาจีบมันเลย โฮ๊ะ ! ถ้ามีชายหน้าไหนมาจีบมันละก็ ..ผมจะยอมก้มกราบแทบเท้าไอ้ผู้ชายคนนั้นเลยละ
“ไปยืนต้อนรับรุ่นน้องตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว”
“มันไปต้อนรับหรือไปม่อหนุ่มกันแน่” ใช้ศัพย์นี้มันไม่ผิดหรอกครับ ไอ้เฟิร์นมันเป็นโรคขาดแคลนผู้ชายริซึ่มระยะสุดท้าย มันเลยจำเป็นต้องเป็นฝ่ายกระโดดเข้าไปหาผู้ชายเอง
“ท่าทางจะเป็นอย่างหลังว่ะ” ผมกับไอ้กันหัวเราะคิกคัก แล้วคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีเสียงนี้ ....
“สหายยยยยยยยยยยยยยยย !!!!!” เสียงแปดหลอดที่มาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือทำให้ผม ไอ้กัน รวมถึงสมาชิกของคณะบริหารธุรกิจที่นั่งอยู่บริเวณเดียวกันหันไปมองกันเป็นตาเดียว
กระผมเกือบด่าแล้วมั้ยละครับ ตะโกนแบบนี้ว้อนโทรโข่งมั้ย .. แต่ผมก็ต้องรูดซิปปากทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่เสียงดังคือใคร ...แท๊นแท่นแทนนนน ~ มันคือไอ้เฟิร์นนั่นเอง - -“ (แล้วจะเปิดตัวอลังการทำไมวะ)
“เป็นไงไอ้เฟิร์น รุ่นน้องที่รักของแกน่ะ”
“กรี๊ด !! ไอ้ริท ผู้ชายน่าเจี๊ยะทั้งนั้น ขาว สูง ว๊ายย ๆๆ ตูเพ้อออ” มันยืนดีดดิ้นอยู่หน้าผม ก่อนที่มันจะทำท่าอ่อนระทวยลงไปนั่งกองอยู่บนเก้าอี้ม้าหินอ่อน ตรงข้ามกับผมและไอ้กัน
“เออ ! เพ้อมาก เพ้อเจ้อออออ”
“ไอ้กัน ! แกไม่เข้าใจหัวอกคนโสดตั้งแต่กำเนิดอย่างฉันหรอก ..โฮๆ เสียใจนะเว้ย ขนาดเพื่อนยังไม่เข้าใจฉันเลย ริทททททททททท” มันทำท่าฟูมฟาย จนไอ้กันทำหน้าเอือม ก่อนที่มันจะกระโดดดึ๋งๆ มาแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้กัน ..ไอ้นี่ ! ผมกำลังสวีทกับไอ้กันนะ (ไรเตอร์ ; อ้าว! ไหงเป็นกันริทฟระ)
“ว่าไง เพื่อนรัก !” มันยิ้มกว้างให้ผม ก่อนจะหันไปเบะปากใส่ไอ้กัน
“กรี๊ดดดด ฉันรักแกจัง ~ แกเข้าใจฉันใช่มั้ยริท”
“เข้าใจ! เข้าใจว่าแกอะเพ้อเจ้อ วันๆชอบมองหาแต่ผู้ชาย ทั้งๆที่ไม่มีผู้ชายคนไหนแลเลยแม้แต่น้อยยยย น่าฉงฉานนนน” ผมกับไอ้กันหัวเราะกันยกใหญ่ หลายคนอาจจะมองว่า ไปพูดแบบนี้แล้วเพื่อนไม่โกรธหรอ โอ้ย ! บางเรื่องแรงกว่านี้ แต่ผมก็มองมันให้เป็นเรื่องสนุก ตั้งแต่คบกันมาผมกับพวกมันไม่เคยทะเลาะกันจริงจังซะที
“เชอะ ! ฉันไปหาเพื่อนใหม่แล้วแกจะรู้สึก ไอ้พวกบ้า” เฟิร์นกอดอก เชิดหน้าอย่างน้อยใจ
“โอ๋ๆๆ อย่างอนเลยนะเว้ย ถ้าแกทิ้งพวกฉันไป ....แกจะไปหาเพื่อนได้ที่ไหนอีกวะ” ไอ้กันแกล้งเกาคางเฟิร์น ก่อนจะพูดเหมือนสำนึกผิด แต่สุดท้ายมันก็ทิ้งขี้ไว้ท้ายประโยค 555555+
“จำไว้เลยนะเว้ย !! เอ้อ ! ไอ้ริท ฉันเห็นพวกยัยลิ้นจี่มันแอบซุบซิบว่าเมื่อวานแกขึ้นรถเบนซ์คันหรูของพี่โตโน่ไป จริงหรอวะ??” ไอ้เฟิร์นเปลี่ยนเรื่องก่อนจะหันมาถามผม แววตามันดูจริงจังมาก
“หือออ?? พี่โตโน่ไหนวะ ไม่เห็นรู้จักเลย”
“หนุ่มฮอตของมหา’ลัยไง ไอ้ริทเอ๊ย ! แกไปอยู่ในซอกจั๊กกะแร้ไอ้กันรึไง ถึงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเค้าเลย” เปรียบเปรยซะผมอยากจะอ้วกเชียว
“เห้ย!! อย่าเอาฉันไปเกี่ยวดิเว้ย อุตส่าห์นั่งเฉยๆแล้วนะ” ที่มันนั่งเฉยๆเพราะมันกำลังตั้งใจฟังครับ ไอ้กันนี่สอดรู้สอดเห็นไม่แพ้ผู้ใดในโลกา - -
รถเบนซ์คันหรู หนุ่มฮอตของมหา’ลัย ...อย่าบอกนะว่า กรี๊ดดดดดดดดด !!!! (???) ไอ้ตี๋นั่นคือพี่โตโน่ที่ไอ้เฟิร์นพูดน่ะ! แถมยัยลิ้นจี่ยังเอาไปนินทาอีก แว๊กกก !! ผมละไม่อยากจะคิด ว่าแต่หมอนั่นชื่อโตโน่จริงหรอ ก๊ากก ชื่อเหมาะสมกับหน้าตามากจริงๆ(ประชด)
ยัยลิ้นจี่คือขาเม้าท์ประจำคณะครับ มันจะเป็นพวกเสล่อเรื่องชาวบ้านเค้าไปหมด เรื่องลับๆของใคร ยัยนี่มันก็สามารถล้วงลับอัพโหลดมาได้ ผมไม่คิดว่าผมจะกลายเป็นหนึ่งในบทสนทนาของมันได้ แต่วันนี้ไอ้ริทผู้นี้กลับกลายเป็นประเด็นเม้าท์ของพวกมันไปเรียบร้อยแล้ว แถมเรื่องเม้าท์กลับเป็นเรื่องที่สะท้านทรวงในมาก ถ้าเป็นเรื่องว่ามีผู้หญิงค่อนมหาวิทยาลัยมาจีบผมอะไรอย่างนี้ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เป็นเรื่องของผมกับไอ้ตี๋นั่น !! เสียงเชิงชายหมด T T และผมเดาว่าอีกไม่นานเรื่องของผมกับไอ้โตโต้อะไรนั่น (เค้าชื่อโตโน่ย่ะ) จะแพร่สะพัดไปทั่วคณะ ดีไม่ดีอาจจะทั่วมหา’ลัย ชีวิตตู -0-
“ตกลงมันเป็นเรื่องจริงรึเปล่าวะริท”
“บะ บ้าหรอ ฉันจะไปกับนายนั่นได้ยังไง ไม่ได้รู้จักมักจี่กันซะหน่อย”
ฮืออ ! ไม่จำเป็นผมไม่อยากจะโกหกมันเลย แต่ครั้งนี้ถ้าผมพูดความจริงออกไป มีหวังมันได้ถามซักไซ้ต่ออีกจนได้ ดีไม่ดีผมอาจจะหลุดปากเรื่องที่ผมเสียจูบแรกไปให้ไอ้ตี๋นั่นด้วย พูดแล้วมันน่าอายชะมัด
“แล้วถ้ามันไม่จริง ยัยพวกนั้นมันไปเอาข่าวมาจากไหนละ” ไอ้กันที่นั่งหูผึ่งฟังความเท็จจากผมก็พูดขึ้นบ้าง (พี่กัน ; มีบทบาทซะที ตั้งแต่ไอ้เฟิร์นมา แย่งซีนผมไปหมด)
“อาจจะเป็นคนหน้าเหมือนก็ได้มั้ง”
“โหยริท ! แกมันเซเลปชัดๆ .. ก็แค่คนหน้าเหมือนอะคร้าบบบ” ไอ้เฟิร์นทำท่าลอกเลียนแบบพวกดาราเวลาที่นักข่าวสัมภาษณ์ เอิ่มมม..
“อย่าโกหกนะเว้ย ถ้าฉันรู้ว่าแกมีเรื่องปิดบังฉันเมื่อไรละก็ .. หึหึ !!” ไอ้เฟิร์นทำหน้าเหมือนจะงับหัวผม T^T โอ้เพื่อนเอ๋ย ! เรืองฤทธิ์ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยนะ แต่สถานการณ์มันบังคับเก๊า
“หะเห้ยยย !! นั่นมัน
.” ผมถึงกับไปไม่เป็นเลยครับ เมื่อเห็นไอ้ตี๋มันเดินเข้ามาในคณะผม ตามันก็สอดส่องหาใครก็ไม่รู้ แงๆ คงไม่ใช่ผมใช่มั้ย
“อะไรวะไอ้ริท” ไอ้กันหันมามองผมอย่างสงสัย ก่อนจะมองตามสายตาของผม แต่โชคดีที่หมอนั่นมันเดินไปทางอื่นแล้ว ไอ้กันเลยได้แต่สงสัยต่อไป
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเว้ย ปวดท้อง” ผมรีบหอบกระเป๋าคู่ใจชิ่งออกมาโดยเร็ว เสียงไอ้เฟิร์นและไอ้กันไล่หลังผมมา แต่ผมก็ไม่ได้ตั้งใจฟังมากหรอก ตอนนี้ผมระแวงรอบด้าน กลัวว่าไอ้ตี๋มันจะมาเห็นซะก่อนน่ะสิ
ปึก !
เวรเอ๊ย ! ผมระแวงมากเกินไป จนลืมมองทาง ดันโชคร้ายไปเดินชนใครก็ไม่รู้ คนยิ่งรีบๆอยู่ ผมพยุงตัวเองลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะปัดกางเกงลวกๆ
“ขอโทษครับ” ผมเอ่ยคำขอโทษทั้งๆที่ไม่ได้มองหน้าคนที่เดินชนผมสักนิด ก็ผมกำลังรีบอยู่นี่นา ผมไม่มีเวลามาสนใจใครหรอก
“เดี๋ยวก่อนสิ ! คิดจะชิ่งรึไง หนี้เก่ายังไม่ได้ชำระความเลยนะ ..เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช” แว๊กกกก ! ใครก็ได้บอกผมทีว่านี่มันฝันนนนนนนนนน T T
ผมโดนไอ้ตี๋ ..เอ๊ย ! โตโน่ลากมาหลังตึกบริหารธุรกิจ บริเวณนี้มันเป็นที่เก็บของเก่าๆของคณะ ซึ่งไม่ค่อยมีคนย่างกรายเข้ามาบริเวณนี้สักเท่าไหร่ เพราะมันทั้งสกปรกและไม่น่าภิรมย์เท่าไหร่
แน่นอนว่าตอนนี้ ณ ที่แห่งนี้ มีเพียงผมและนายโตโน่เท่านั้นที่อยู่ โอ้ย ! บรรยากาศมันจะน่ากลัวไปไหน นี่ขนาดกลางวันแสกๆมันยังดูวังเวงขนาดนี้ คงเป็นเพราะมีเดวิลอย่างโตโน่มันกำลังยืนจ้องหน้าผมอยู่ ถ้าผมระบายความอึดอัดออกทางผิวหนังได้ผมคงทำไปแล้ว T T
“มีอะไร .. กะ ก็ว่ามาสิ” ผมพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ก็ดูไอ้โตโน่ตอนนี้ดิ ยิ่งกว่าช้างตกมันซะอีก น่ากลัวชะมัด !!
“เมื่อวานทำไมนายไม่คุยกับฉัน ฉันถามอะไรนายก็ไม่ตอบ” มันพูดเสียงนิ่ง เอ่อ.. ว่าแต่หลังจากที่ผมกับมัน เอ่อ .. จะ จูบกัน มันถามอะไรผมด้วยหรอ เอ๊ะ ! ผมจำได้ว่ามันไม่ได้พูดอะไรนิ ..หรือมันพูดวะ (อ้าว นายเอกฉัน - -“ ; maybe.wt)
“ไม่ต้องมาทำหน้างงเลย เป็นไงละ โดนจูบไปแล้วถึงกับพูดอะไรไม่ออก สมองเบลอเลยรึไง หึ” สงสัยว่าช่วงที่มันชวนผมคุยผมคงจะมึน เบลอ สมองไม่สั่งการใดๆ มันเลยทำให้ผมไม่รับรู้อะไร มันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าเมาเหล้าอีกนะครับ T ^ T ไอ้ริทแซดดดด
“อะ ไอ้บ้า !!”
“หลังจากฉันจูบนายเสร็จ ฉันก็นั่งด่านาย แต่นายเล่นเอาแต่มองออกนอกรถอย่างเดียว ฉันคิดว่านายโกรธฉันซะอีก แต่คิดไปคิดมา ...นายไม่มีสิทธิ์โกรธฉัน เพราะฉันยังไม่ได้ทำผิดอะไรเลย” มันอธิบายซะยืดยาว แต่ไม่ได้ทำให้ผมมองหมอนี่ดูดีขึ้นเลย ผมกลับมองว่าหมอนี่แย่ลงอีกต่างหาก
“ดึงฉันเข้าไปจูบ ไม่ผิดเลยงั้นดิ” ผมพูดอย่างหัวเสีย ! ถ้ามันไม่ผิด แล้วผมหรอผิด ..ชิ ! เห็นแก่ตัวชัดๆ
“แค่จูบ ..พูดอย่างกับว่าเป็นจูบแรกงั้นแหละ”
“ก็เออสิวะ!!!” ผมวีนใส่หน้ามัน มันมองผมอย่างอึ้งๆ หน้าอย่างผมมันดูง่ายขนาดนั้นเลยรึไง คนหล่อก็อารมณ์เสียเป็นนะเว้ย (นั่นไง! นายเอกฉันหลงตัวเองไม่ดูเวล่ำเวลา ; maybe.wt)
“อะ ..เอ่อ ..เออ เอาเป็นว่า ขะ ขอโทษละกัน” มันพูดขอโทษส่งๆแล้วเดินฉุนเฉียวออกไป ดูมันจะตกใจไม่น้อยที่มันขโมยจูบแรกของผมไป ผมนี่สิต้องตกใจ ..เสียใจด้วย จูบแรกผมเสียให้กับผู้ชายตาตี่ หึ ! ผมงอนไรเตอร์ มันเขียนให้ผมมีชีวิตที่โคตรบัดซบ อย่าให้เจอ ผมจะกระโดดจูบปากมัน (เขียนชงตัวเอง ; maybe.wt)
= = = = = = = = = =
กราบสวัสดีมิตรรักแฟนฟิคทั้งหลาย ..นังเมบีผู้นี้มาอัพฟิคแล้วเจ้าค่ะ
พยายามอัพทุกวันนะ สนุกรึเปล่าเนี้ย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเด้อ
เห็นหลายคนก็บอกว่าชอบกัน แต๊งกิ้วหลาย !
ความคิดเห็น