คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 9 - ใกล้ความจริง
ตอน ใกล้ความจริง หลังจากที่ทุกคนหลุดพ้นออกจากทางเดินมหันตภัยนั่นได้แล้ว พวกเขาก็หยุดคุยกันว่าจะไปยังไงกันต่อดีเนื่องจากทางข้างหน้าที่พวกเขากำลังจะเผชิญกับมันนั้น... “เขาวงกต!” “อ๊ากกก นี่มันทางเข้าบ้านหรืออะไรกันแน่เนี่ยยย” เซนและเซียร์ สองหนุ่มต่างพากันโอดครวญกับสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้า สรุปว่าวันนี้พวกเขาจะได้เข้าไปถึงตัวบ้านมั๊ยเนี่ย “เอาไงต่อดีล่ะ ขืนเดินเข้าไปในนั้นมั่วๆ มีหวังหลงอยู่ในทางวงกตนั่นแน่ๆ” รูเซียถามคำถามที่ง่ายๆแต่ยากที่จะตอบสำหรับเวลานั้น เพราะงั้นจึงไม่แปลกเลยที่คำตอบที่เธอได้รับกลับมาคือความเงียบ “เอาฟะ มาถึงขั้นนี้แล้วก็คงต้องลุยต่อล่ะนะ” ในที่สุดเซียร์ก็ทนความเงียบไม่ได้จึงเริ่มปลุกใจเพื่อนฝูง(เอ๊ะ มันจะไปรบหรือ?) “เอาก็เอาฟะ ดีกว่ามานั่งง่อยกันอยู่แบบนี้ ไปกันเถอะพวกเรา” เซนตอบรับทันทีแถมยังโพสท่าชูสองนิ้วสู้ตายอีกด้วย นั่นทำให้รูเซียอดขำกับท่าทางฮึดสู้แบบเด็กๆ ของเซนไม่ได้ แอลส่ายหัวกับความปัญญาอ่อนที่หาที่ไหนเปรียบได้ของเพื่อนเขา จากนั้นทั้งหมดก็ตัดสินใจว่าจะทำสัญลักษณ์ไว้ในระหว่างทางที่เดินวนในเขาวงกตนั่นและจับมือกันเดินเพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ใครหลงอยู่ในเขาวงกตแห่งนั้น ครึ่งชั่วโมงต่อมา “นี่ทุกคน ตอนนี้พวกเราอยู่ตรงไหนกันแล้วเนี่ย” “ได้โปรดอย่าถามได้มั๊ยเซียร์ถ้าไม่อยากให้ฉันวีนใส่นายเพราะตอนนี้กำลังเดือดได้ที่แล้วเนี่ย -*-” “เดือดแล้วเหรอ แบบนี้ก็ต้มมาม่าได้แล้วสิ แอ๊ก!!!” รูเซียทุบหัวเจ้าคนที่เล่นมุกไม่ดูกาลเทศะเข้าให้หนึ่งทีเป็นการระบายอารมณ์ “เล่นไม่ดูเวล่ำเวลา” แอลพูดอย่างไม่ใยดี(นานๆ ทีจะมีบทพูดนะเนี่ยยย) “โธ่~ ก็ฉันเห็นว่าพวกนายกำลังเครียดที่เราเดินวนไปก็วนมาอยู่ในเขาวงกตเฮงซวยนี่ก็เลยช่วยสร้างมุกให้จะได้relaxกันไงล่ะ นายเห็นด้วยกับฉันมั๊ยเซน” “เรื่องสร้างมุกนี่ก็พอรับได้หรอก แต่มุกฟายๆ ที่แกสร้างนี่มันไม่ไหวจะเคลียร์อ่ะ เข้าทำนองมุกไม่ฮาพาเพื่อนเครียดสุดๆ เลย ให้ตาย =___=^” “พวกนายมันใจร้าย ในเวลาแบบนี้มันต้องแกล้งขำดิถึงจะถูก” “พอๆ ไม่ต้องพูดมากแล้ว หาทางไปต่อดีกว่า เสียเวลาจริงๆ เลยนายเนี่ย” เมื่อไม่ได้รับความสงสารหรือเห็นใจจากเพื่อนๆ เซียร์จึงได้แอบไปนั่งเล่นบทพระเอกเอ็มวีตอนโดนแฟนบอกเลิกร้องไห้กระซิกๆ อยู่ด้านหนึ่งของกำแพงและทันใดนั้นเอง!!! “ว...เหวอ!!! อ๊ากกก” พลั่ก!!! กำแพงที่เซียร์แอบยืนพิงเมื่อครู่พลิกด้านจนทำให้เขาล้มไปอยู่อีกฟากของกำแพง เพื่อนๆ เห็นดังนั้นก็รีบตรงไปที่กำแพงและผลักให้มันพลิกขึ้นเพื่อจะเข้าไปช่วยเซียร์ที่นอนพะงาบๆ จากการล้มหน้าทิ่มอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง “เซียร์เป็นอะไรหรือเปล่า” “อูยยย เป็นดิ เจ็บเป็นบ้าเลยโว๊ยยย นี่ถ้าฉันเกิดเสียโฉมขึ้นมาใครจะรับผิดชอบฟะ -*-” เซียร์ได้ทีบ่นง้องแง้งเรียกร้องความสนใจใหญ่ ซึ่งมันก็ได้ผล ทั้งเซนและรูเซียต่างเข้ามาดูอาการของเขาด้วยความเป็นห่วงปนสมน้ำหน้าเล็กน้อย(เอ๊ะยังไง? 55) แต่แล้วความสนใจนั่นก็หมดไปเมื่อ... “ทุกคนดูนี่สิ! นี่เราออกมาจากเขาวงกตได้แล้วนี่” แอลรีบบอกเพื่อนๆ เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าทางเบื้องหน้าคือประตูบ้านหลังใหญ่นั่น ทันทีที่แอลพูดจบ ทั้งรูเซียและเซนต่างก็ทิ้งเซียร์ไว้ตรงนั้นและวิ่งตรงไปยังประตูบ้านหลังนั้นราวกับกลัวว่ามันจะหายไป “พวกแกนี่มัน -*-” “เข้าไปกันเถอะ” แอลซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นผู้นำกลุ่มไปซะแล้วเอ่ยขึ้น “นี่เราควรเคาะประตูบ้านเรียกเจ้าของบ้านก่อนดีกว่ามั้ง” รูเซียแย้งแต่ดูเหมือนคนที่เหลือจะไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้เท่าไรนัก “จะบ้าเหรอ ขนาดแค่ทางเข้ายังต้องบุกป่าฝ่าดงกันซะขนาดนี้ ขืนเคาะเรียกคนข้างในจะโดนปาระเบิดใส่หรือเปล่าก็ไม่รู้” เซนพูดพลางทำท่าทางขนลุกชูชันไปทั้งตัว ความคิดของเขาทำให้เพื่อนๆ เริ่มคล้อยตามเพราะแค่ทางเข้าพวกเขายังต้องเสี่ยงชีวิตเข้ามาขนาดนี้ แล้วข้างในล่ะ ไม่อยากจะคิดเล๊ยยย “จะว่าไปแล้ว...ทำไมเธอไม่โทรไปหามาเรียโดยตรงล่ะ ยัยนั่นก็น่าจะมีโทรศัพท์มือถือไม่ใช่เหรอ” เซียร์ถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าถ้าโทรบอกมาเรียน่าจะเร็วกว่า “เออ จริงของนายนะเซียร์ นานๆทีแกจะคิดอะไรดีๆ ได้ซักทีเนอะ” เซนเห็นด้วยจากเพื่อนของเขา อันที่จริงเขาอยากจะออกไปจากที่นี่จะแย่อยู่แล้ว ติดอยู่แค่ว่าเขาไม่กล้าออกไปคนเดียวนี่สิ =_____=;; “...ไม่ได้หรอก” เสียงแย้งจากคนพูดน้อยตัดกำลังใจและความหวังของผองเพื่อนทั้งสองไปครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งก็ถูกตัดไปด้วยน้ำเสียงแห่งความสิ้นหวังของรูเซีย “ใช่อย่างที่แอลบอกน่ะแหละ มาเรียไม่ยอมเปิดมือถือมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว นี่ก่อนจะมาที่นี่ฉันก็ลองโทรไปหาเธอเหมือนกันแต่ก็อย่างที่รู้แหละ...โทรไม่ติด” “สรุปว่าเรามีทางเดียวคือต้องบุกเข้าไปในบ้านนี้สินะ” “นายพูดอย่างกับว่าพวกเราจะไปรบงั้นแหละ นี่เรามีเยี่ยมเพื่อ...” แอ๊ดดดดดดดด เสียงประตู(ฝืดๆ)ดังขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีคนเปิดมัน พวกเขารีบหันไปดูแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ไม่เห็นมีใครเลยนี่นาแล้วประตูมันเปิดเองได้ยังไงกัน!?! “เฮ้ยยย ทำไมอยู่ๆ ประตูมันเปิดเองได้อ่ะ! ผ...ผี ผีหลอกแน่ๆ อ๊ากกก ไม่เอาแล้ว ฉันอยากกลับบ้านนน TOT” เซนเริ่มสติแตกและกระโดดกอดเซียร์ทันทีเมื่อเจอปรากฎการณ์นี้เข้า เพื่อนคนอื่นๆ ถึงแม้จะตกใจแต่ก็อึ้งกับปฏิกิริยาของเซนมากกว่า “เฮ้ย เซน! ทำบ้าอะไรของนายฟะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะเฟร้ยยย” เซียร์พยายามแกะแขนเซนซึ่งโอบกอดเขาอยู่ด้วยท่าทีสยองขวัญ ให้ตาย เขาเพิ่งรู้ว่าเพื่อนตัวแสบของเขาจะกลัวผีขนาดหนักจนเกิดอาการแต๋วแตกแบบนี้ แล้วทำไมเขาถึงต้องมีผู้เคราะห์ร้ายโดนมันกอดด้วยฟะ เขาคิดในใจว่า ‘ตรูไม่น่ายืนอยู่ใกล้มันที่สุดเลย T^T’ “อุ๊บ...ฮ่าๆๆ ตายแล้วเซน ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่านายขี้กลัวขนาดนี้เลยน่ะ แล้วดูภาพนี้สิ เหมือนคู่เกย์กำลังแสดงความรักต่อกันเลยนะ น่าถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกจริงๆ ว่าแต่ใครเป็นคิงใครเป็นควีนกันนะเนี่ย อิอิ” “ไม่ขำนะเฟร้ยยย! เซนปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” “หึหึ” “อ๊ากกก แอล แกอย่ามาขำฉันนะ! มาช่วยกันแงะบ้านี่ออกจากตัวฉันที TOT” เซียร์ร้องโหยหวนด้วยความรู้สึกขนลุกสุดชีวิต ทำไมเซนมันมือตุ๊กแกขนาดนี้เนี่ย มันเล่นกอดเขาเสียแน่นจนเขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าภาพที่ทุกคนเห็นอยู่นี้มันเป็นยังไง รู้แต่ว่าภาพนี้มันคงชวนขนลุกน่าดู “เดี๋ยวๆ ขอถ่ายรูปไว้ดูเล่นก่อน อิอิ นี่เซียร์นายรู้มั๊ยว่าสภาพนายกะเซนตอนนี้น่ะ มันดูเหมือน...ฮ่าๆ เอาไว้เดี๋ยวดูรูปเอาก็แล้วกันนะ มาเดี๋ยวฉันช่วย อิอิ” กว่าที่จะแงะเซนให้ออกจากเซียร์ได้ก็ดูจะกินเวลาไปหลายนาทีทีเดียวและพวกเขาก็ต้องเสียเวลาอีกเกือบ 10 นาทีในการกล่อมเซนให้เลิกกลัวอะไรเวอร์ๆ แบบนี้(นั่นเป็นเพราะเมื่องัดเอาเซนออกจากเซียร์ได้แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาจะยังกลัวไม่เลิกจนแทบจะเข้าไปกอดแอลอีกคนถ้าเพื่อนๆไม่ล็อกตัวไว้ก่อน(สรุปนี่มันกลัวผีหรือมันแอบหลอกแต๊ะอั๋งเพื่อนเนี่ย =.=)) “เอาล่ะ เสียเวลามามากแล้ว ฉันว่าเราเข้าไปข้างในนั้นกันเถอะ” “น...นี่ จะเข้าไปในบ้านนั่นจริงๆ น่ะเหรอ พวกนายไม่กลัวกันมั่งหรือไง” เซนพยายามพูดหว่านล้อมให้เพื่อนๆ เปลี่ยนใจ ก็เขากลัวจริงๆ นี่ ที่นี่อย่างกับเป็นบ้านผีสิงแน่ะ น่ากลัวจะตายไปT___T “อย่าไร้สาระน่าเซน ถ้านายกลัวมากขนาดนั้นนายจะรออยู่ข้างนอกมั๊ยล่ะ แต่พวกฉันไม่อยู่เป็นเพื่อนหรอกนะขอบอก -o-” ว่าแล้วรูเซียก็เดินนำเข้าไปตามด้วยแอลและเซียร์ต่อท้าย เมื่อเซนเห็นดังนั้นก็ยิ่งใจเสีย ถ้าเขาต้องอยู่ข้างนอกตรงนี้คนเดียวล่ะก็ เขาขอเข้าไปด้วยคนดีกว่า อยู่คนเดียวมันเหงาอ่ะ “รอด้วยๆ ฉันไปด้วยยย” ว่าแล้วเขาก็ตรงเข้าไปเกาะแขนเซียร์(อีกแล้วค่ะท่าน =.,=)แน่นด้วยความกลัว “บ้าเซนนนนน อีกแล้วนะแก จะกลัวอะไรนักหนาเนี่ย การที่แกมาเกาะแขนแถมยังมาซบไหล่ฉันแบบนี้มันน่ากลัวยิ่งกว่าอีกนะ -____-;;” เซียร์บ่นด้วยความเซ็งแต่ก็ไม่ได้ผลักเซนออกเหมือนครั้งก่อน ดูเหมือนเขาจะปลงตกกับเพื่อนเขาคนนี้ซะแล้วล่ะ “ช่างแกดิ ตอนนี้ใครจะมองว่าฉันเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วหรือว่าอะไรฉันก็ไม่สนใจแล้ว รีบๆ หาทางไปหามาเรียแล้วรีบกลับกันเถอะนะ” ภาพนี้ช่างเป็นภาพที่ดูน่าขำดีแท้ ชายหนุ่มสองคนที่ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์กันเกินกว่าคำว่าเพื่อนด้วยท่าทางที่ทั้งคู่แสดงออกมา คนหนึ่งกำลังกอดแขนและซบไหล่ของอีกคนแน่นราวกับลุ่มหลงอีกฝ่ายมานานและกลัวว่าถ้าเผลอปล่อยมืออีกฝ่ายอาจจะหายไปได้กับอีกหนึ่งคนที่มีสีหน้าประหลาดชนิดที่ดูไม่ออกว่าเขากำลังจะร้องไห้หรือเซ็งชีวิตกันแน่ ที่แน่ๆ คือหากมีใครได้เห็นฉากนี้เข้าคงได้เข้าใจผิดคิดว่าคนที่เกาะแขนอยู่นั้นเป็นควีนและอีกคนเป็นคิงเป็นแน่แท้ “ทำไมบ้านมันมืดแบบนี้นะ มองอะไรลำบากเป็นบ้า ไฟดับหรือไงหรือว่าเขามีนโยบายประหยัดไฟกันแน่นะ” รูเซียบ่นด้วยความหงุดหงิดเมื่อเธอเดินชนอะไรบางอย่างเป็นครั้งที่สามแล้ว นี่ถ้าประตู่ไม่เปิดไว้อยู่ล่ะก็เอคงจะมองอะไรไม่เห็นเลยเพราะในนี้มันมืดมาก ตึกๆๆๆ “ส...เสียงอะไรน่ะ” เซนทักขึ้นด้วยความกลัวเมื่อเขาได้ยินเสียงประหลาดบางอย่างจากนั้นไม่นานเขาก็ต้องร้องเสียดังลั่นเมื่ออยู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างวิ่งมาชนขาของเขา “เฮ้ยยย!” ปังงง!!! เสียงประตูปิดดังลั่นไปหมด จากนั้นข้างในบ้านก็มืดสนิท ณ.ตอนนี้คงไม่ต้องบอกใช่มั๊ยว่าใครเป็นคนที่มีปฏิกิริยามากที่สุด “อ๊ากกกกกกกกกกกก” “แว๊กกก เซน ปล่อยฉันนน” “ไม่! ฉ...ฉันจะไม่ปล่อยนายแน่ๆ” “แต่...เฮ้ย! ไม่ได้นะ อย่าโดนตรงนั้นดิ! อ๊ากกก เซนนาย พรึ่บ!!! เสียงประหลาดดังขึ้นขัดบทสนทนาที่ดูจะสื่อไปในทางวายซักเล็กน้อย(ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานอาจไปไหนถึงไหนได้=.,=) จากนั้นไฟในบ้านก็สว่างจ้าจนแสบตากันเลยทีเดียว ทันทีที่ไฟติดเซนก็รีบแยกตัวออกจากเซียร์ทันที “ฟ...ไฟติดแล้ว” “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย แล้วทำไมอยู่ๆ ไฟถึงติดเองล่ะ” แอลเอ่ยขึ้นลอยๆ ด้วยความสงสัย ตอนนี้เขางงไปหมดแล้วว่าที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่ ทำไมดูเหมือนจะมีลูกเล่นเยอะเสียเหลือเกิน “ทุกท่านคะ เข้าไปทำอะไรในบ้านของพิกกี้คะนั่น” เสียงหญิงสาวผู้ซึ่งเป็นคนเปิดประตูให้พวกเขาเข้ามาทักขึ้น “เอ๊ะ? พิกกี้นี่ใครกันเหรอ ญาติของมาเรียจังหรือเปล่า” เซียร์ถามอย่างุนงงแต่ไม่นานเขาก็รู้คำตอบของคำถามนั่น โฮ่ง! สุนัขพันธุ์เซนต์เบอนาจตัวใหญ่เห่าขึ้นและกระโจนเข้ามาใส่เซียร์จนเขาล้มลงไปนอนกับพื้น เจ้าสุนัขตัวนี้มันช่างตัวใหญ่และแข็งแรงเป็นบ้าเลยแถมยังหนักมากอีกต่างหาก แผล่บๆๆ “เฮ้ยๆๆ ไม่เอาน่า อย่ามาเลียหน้าฉันสิเฟร้ย! ลุกออกไปนะเจ้าหมาบ้า ตัวก็หนักอย่างกะอะไรดียังจะพุ่งเข้ามาทับกันอีกเรอะ” “พิกกี้! ลุกออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” สิ้นเสียงหญิงสาว สุนัขร่างอ้วนก็หยุดเลียหน้าเซียร์และลุกเดินไปหาเธอด้วยท่าทางเจี๋ยมเจี้ยม “พ...พิกกี้ที่ว่านี่เป็นหมาเรอะ” “งั้นก็แปลว่า...” “นี่พวกเราหลงเข้ามาเดินเล่นอยู่ในบ้านหมาเนี่ยนะ!?! โกหกน่า บ้านนี่มันใหญ่กว่าบ้านฉันตั้งสองเท่าเลยนะ!” เซนเริ่มโวยวายอีกครั้ง “ค่ะ ที่ๆ ทุกท่านกำลังยืนอยู่นี่เป็นบ้านของพิกกี้ตัวนี้แหละค่ะ maไม่สินายท่านสงสัยที่พวกคุณยังมาไม่ถึงเสียทีเลยให้ฉันออกมาตามค่ะ ระหว่างทางผ่านบ้านของพิกกี้ ฉันเห็นไฟมันปิดอยู่จึงคิดว่าเจ้าพิกกี้กระโดดไปโดนสวิตซ์ไฟจนไฟถูกปิดไปอีกแล้วจึงได้เดินเข้ามาเปิดไฟที่นี่และเจอกับพวกคุณน่ะแหละค่ะ” สาวเมดอธิบายความให้พวกเขาฟังและเซนก็ยังโวยวายต่อไปอีก “จะไม่ให้กินเวลานานได้ยังไงกันในเมื่อแค่ทางเข้ามาก็มีแต่กับดักเต็มไปหมดแบบนี้น่ะ นี่ยังดีนะที่พวกเรายังไม่มีใครเป็นอะไรน่ะ! -*- ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเจ้านายของเธอจะรับผิดชอบให้ยังไงฮะ!” “ต้องขอโทษด้วยค่ะ แต่นั่นทำเพื่อปกป้องคุณหนูคนสำคัญค่ะ เอาล่ะ เดี๋ยวฉันจะนำทางไปในบ้านให้นะคะ” |
- - - - - - - - - - - -
maronchan
- - - - - - - - - - - - -
ชักจะวายขึ้นทุกวัน ||orz
เอิ่ม...ตัวอักษรมันไม่เท่ากันอ่ะ = ="
ความคิดเห็น