คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ◆ 7 : that black door
-7-
that black door
อู๋อี้ฟานนอนเท้าแขนกับหมอนมองดูปาร์คชานยอลที่หมุนตัวไปมาอยู่บนเตียงอย่างขำ ๆ หลังจากพูดความในใจออกไปคนหน้าหวานก็ไม่ยอมพูดกับเขาอีกเลย ร่างโปร่งฉีกยิ้มกว้างขณะหมุนตัวไปมาอย่างร่าเริงจนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมากับท่าทีแบบเด็ก ๆ นั้น
“ คนดีไม่เวียนหัวเหรอครับ ” มือหนายื่นออกไปลูบศีรษะทุย ชานยอลหยุดนอนนิ่ง ๆ ดวงตากลมโตจ้องเพดานห้องไม่ยอมหันมาสบตากับอู๋ฟานตรง ๆ
“ อื้อ ” ร่างโปร่งยกมือขึ้นปิดหน้าเมื่อร่างสูงโน้มตัวลงมาหา
“ ทานยานะครับ ” นายแพทย์หนุ่มแกะมือของชานยอลออก ก่อนจะช้อนตัวคนตัวเล็กกว่าขึ้นมากอดด้วยแขนข้างเดียว ส่วนอีกข้างยื่นไปหยิบขวดยาจากโต๊ะข้างเตียงมายื่นให้
“ ไม่กินไม่ได้เหรอ ” ใบหน้าน่ารักยู่ลงเล็กน้อยขณะที่ชานยอลส่ายหัวช้า ๆ ปฏิเสธการทานยา อู๋อี้ฟานหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะก้มลงกดจมูกโด่งเข้ากับแก้มนิ่ม ชานยอลทำตาโตหัวใจเต้นแรงไปหมด
“ เด็กดีอย่าดื้อนะ ทานยาก่อน ” นายแพทย์หนุ่มว่าพลางลูบแขนคนตัวเล็กกว่าเบา ๆ
“ ทานแล้วนะ ”
“ หืม? ทานเมื่อไหร่ ยังไม่ได้ทานเลย ”
“ ทานเมื่อวานแล้วนะ ” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนหน้ายุ่ง ดูท่าว่าวันนี้ปาร์คชานยอลจะไม่ยอมทานยาง่าย ๆ ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับเขย่าขวดยาในมือไปด้วย
“ เด็กดื้อ ทำไมเดี๋ยวนี้ดื้อจัง ” อู๋ฟานแกล้งดุ
“ ไม่ดื้อ..ไม่ดื้อ.. ” ชานยอลพึมพำขณะโยกตัวไปมา ดวงตากลมหลุบลงต่ำ
“ ไม่ดื้อก็ต้องทานยานะครับ โอเคไหม? ” นายแพทย์หนุ่มถาม ร่างโปร่งทำหน้ายุ่งก่อนจะพลิกตัวกลับมาหาแล้วดึงขวดยาออกจากมือของอู๋อี้ฟานมาถือ
“ ทานยานะ ” มือหนายกขึ้นลูบผมนุ่มของชานยอลเบา ๆ คนตัวเล็กกว่าค่อย ๆ เปิดฝาขวดยาดื่มช้า ๆ แล้วยื่นคืนให้ อู๋อี้ฟานโน้มตัวไปใกล้ก่อนจะถูไถจมูกโด่งเข้ากับจมูกเล็กของอีกฝ่ายแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ คุณจะไม่ไปไหน..ไม่ไปไหน ” มือบางยกขึ้นมาประคองใบหน้าของนายแพทย์เจ้าของไข้เอาไว้ ดวงตากลมฉายแววเป็นกังวล
“ ไม่ไปหรอก ถ้าเธอตื่นขึ้นมาฉันสัญญาว่าเธอจะเจอฉันเป็นคนแรก ” อู๋อี้ฟานส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้ก่อนจะดึงมือของชานยอลออกจากใบหน้าแล้วพลิกตัวคนตัวเล็กกว่าลงแนบกับพื้นเตียง
ชานยอลหลับตาลงช้า ๆ คิ้วที่ขมวดกันค่อย ๆ คลายออกเมื่อเจ้าตัวหลับสนิท ร่างสูงเกลี่ยปอยผมที่หน้าผากมนออกก่อนจะก้มลงไปจุมพิตเบา ๆ ใบหน้าของร่างสูงเต็มไปด้วยความสับสน อู๋อี้ฟานลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องใต้หลังคาไปเงียบ ๆ
………………
ร่างสูงทอดกายไปตามทางเดินที่เงียบสงบ เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงานอย่างที่ควรจะเป็น อู๋อี้ฟานเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูสีดำบานใหญ่อีกครั้ง มือหนาเอื้อมไปเปิดประตูก่อนจะก้าวเข้าไปช้า ๆ
บรรยากาศภายในยังคงมืดและอับจนน่าอึดอัด ดวงตาคมหยุดอยู่ที่เชือกผุ ๆ ที่ห้อยอยู่บนคานไม้ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันในขณะที่สาวเท้าเข้าไปใกล้ นายแพทย์หนุ่มค่อย ๆ ดึงเชือกลงมาถือไว้ นิ้วเรียวกำเข้าหากันแน่น ฟันคมกัดลงบนริมฝีปากจนรู้สึกได้ถึงรสชาติฝาดลิ้น สมุดเก่า ๆ เล่มหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะบริเวณมุมห้อง อู๋อี้ฟานเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นดู หน้าปกสีน้ำตาลซีดถูกเขียนด้วยลายมือที่คุ้นตา ชื่อบนหน้าปกนั้น
Wu Yi Fan..
ร่างสูงเปิดสมุดออกอ่าน ลายมือที่คุ้นตาเขียนบันทึกเรื่องราวในแต่ละวันเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ นายแพทย์หนุ่มปิดสมุดและหลับตาลงเพื่อใช้ความคิด ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเองโดยไม่ลืมที่จะหยิบสิ่งของสองชิ้นนั้นติดมือมาด้วย
บ่ายวันนั้นอู๋ฟานหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน พยอนแบคฮยอนไม่ได้มาหาอย่างที่นัดกันไว้ นายแพทย์หนุ่มร่างเล็กตามนางพยาบาลฮันอึนมีเข้าไปในเมืองเพื่อหาซื้อของใช้ส่วนตัวเพิ่มเติม บนโต๊ะทำงานของร่างสูงเต็มไปด้วยเอกสารต่าง ๆ เต็มไปหมด อู๋อี้ฟานเอนกายพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า
“ คุณหมออู๋ครับ อาหารเย็นครับ.. ” คิมจงแดเดินถือถาดอาหารเข้ามาให้ในห้อง อู๋อี้ฟานเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะส่งยิ้มให้
“ ขอบคุณครับ ”
“ ไม่เป็นไรฮะ ” บุรุษพยาบาลหนุ่มยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังก่อนจะเดินลงไปยืดเส้นยืดสายที่สนามหน้าโรงพยาบาล สายลมเย็นพัดเอื่อย ๆ ผ่านใบหน้า อู๋ฟานหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อผ่อนคลายความเครียด ก่อนที่สายตาคมจะเหลือบไปเห็นร่างบางซึ่งกำลังนั่งไกวชิงช้าไปมาอยู่เพียงลำพัง
จางอี้ชิงนั่งกระดิกขาใบหน้าหวานหม่นหมองและเหม่อลอย นายแพทย์หนุ่มค่อย ๆ เดินเข้าไปหาและทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าพลางเงยหน้าขึ้นมอง
“ อี้ชิง.. ” อู๋อี้ฟานส่งเสียงเรียก อีกฝ่ายก้มหน้าลงสบตาก่อนจะยื่นมือออกมาหา
“ เป็นอะไรครับ ? ” ร่างสูงยื่นมือออกไปจับกับมือบางนั้นไว้ น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นที่ขอบตาของจางอี้ชิงก่อนที่มันจะไหลลงมาเป็นทางจนใบหน้าเรียวเปียกไปหมด
“ ฮึก..คิดถึงนะ..คิดถึง.. ” อี้ชิงเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ดวงตาคู่สวยสั่นระริก อู๋ฟานยืดตัวก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยหยดน้ำตาออกจากแก้มใสด้วยความสงสาร
“ เข้าไปข้างในกันดีกว่านะ เริ่มหนาวแล้ว.. ” ร่างสูงส่งยิ้มให้ จางอี้ชิงพยักหน้ารับก่อนจะจับมือกับนายแพทย์หนุ่มแล้วเดินตามเข้าไปในตัวตึกอย่างว่าง่าย
ภายในห้องเล็ก ๆ ของจางอี้ชิงค่อนข้างเย็นและอับชื้น เตียงสีขาวขนาดเล็กตั้งอยู่ชิดมุมหนึ่งของห้อง ข้าง ๆ มีโต๊ะเขียนหนังสือฝุ่นเขรอะตัวหนึ่ง หน้าต่างบานเกล็ดเปิดออกรับลมเพียงเล็กน้อย อู๋ฟานขมวดคิ้วมองกรอบรูปที่อยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียงของร่างบางด้วยความสนใจ
“ ตายไปแล้ว..ฮึก..ตอนนี้..ไม่ใช่.. ” อี้ชิงพึมพำก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น อู๋อี้ฟานยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังที่สั่นเทาของคนไข้เบา ๆ เพื่อปลอบประโลม
“ ไม่แน่หรอก.. ” ร่างสูงยิ้มขณะมองดูภาพถ่ายในกรอบรูปอย่างใช้ความคิด
เย็นวันนั้นอู๋อี้ฟานอยู่ป้อนอาหารและยาให้กับจางอี้ชิง พูดคุยกับร่างบางจนคนตัวเล็กหลับไปจึงค่อยปลีกตัวออกมาแล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารให้กับชานยอล
นายแพทย์หนุ่มตักข้าวต้มในหม้อใส่ถ้วยขนาดกลางอย่างร้อนรนด้วยความเป็นห่วงปาร์คชานยอล ก่อนจะรีบจัดถาดอาหารแล้วเดินกลับขึ้นไปบนห้องใต้หลังคาอย่างรีบเร่ง ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปสิ่งแรกที่มองเห็นคือเตียงใหญ่สีขาวที่ว่างเปล่า หัวใจของอู๋ฟานกระตุกวูบรีบเดินเข้าไปวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะหนังสือแล้วกวาดตามองหาร่างโปร่งไปทั่ว
“ ชานยอล ” นายแพทย์หนุ่มร้องเรียกก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วทุกมุมภายในห้อง ไม่มี..ปาร์คชานยอลหายไป หัวใจของอู๋อี้ฟานร้อนรนไปหมด เพราะเขามักจะมาถึงก่อนที่ชานยอลจะตื่นเสมอ จึงไม่เคยรู้เลยว่าหากร่างโปร่งตื่นมาแล้วไม่พบเขาจะเป็นอย่างไร
เสียงเปิดน้ำดังขึ้นภายในห้องน้ำ อู๋อี้ฟานรีบวิ่งเข้าไปดูอย่างรวดเร็ว ชานยอลนั่งหันหน้าเข้าหาผนังอยู่ในอ่างอาบน้ำ แผ่นหลังเปลือยเปล่าสั่นน้อย ๆ จนอู๋ฟานใจเสีย ร่างสูงค่อย ๆ เดินเข้าไปหา มือหนายื่นออกไปแตะไหล่ของคนตัวเล็กกว่าเบา ๆ ชานยอลสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ากลับมาหา มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า
“ วันนี้คุณโกหก..ฮึก ” ใบหน้าหวานของชานยอลเบ้เล็กน้อย อู๋ฟานคุกเข่าลงนั่งก่อนจะดึงตัวชานยอลเข้ามากอดไว้แน่นจนเสื้อผ้าเปียกไปหมด
“ ฉันขอโทษนะชานยอล ฉันขอโทษ.. ” ร่างสูงพึมพำ ชานยอลยกแขนขึ้นโอบรอบเอวของนายแพทย์หนุ่มแน่น ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่ในตอนนี้เรียกว่าอะไร มันไม่ใช่ความโกรธแบบที่ชานยอลเคยรู้สึก แต่มันเป็นอารมณ์ที่ต่างออกไป มันเป็นความรู้สึกที่แค่เพียงอ้อมกอดอบอุ่นและคำขอโทษของอู๋ฟานก็สามารถจะเยียวยาได้แล้ว
“ ฮื่อ.. ” ชานยอลพยักหน้ารับรู้น้ำตาค่อย ๆ หยุดไหลไปเอง
“ คนดีให้ฉันอาบให้นะ แล้วเดี๋ยวเราไปทานข้าวกัน โอเค
ไหม ? ” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยถาม ชานยอลผละออกมาจากอ้อมแขนก่อนจะพยักหน้า รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของร่างสูงทำให้หัวใจของคนตัวเล็กเต้นแรง
ชานยอลชอบ..อู๋อี้ฟานที่เป็นแบบนี้..
…………………..
“ พี่อึนมี พี่เคยสงสัยเรื่องห้องประตูดำทางปีกซ้ายบนชั้นสองหรือเปล่า ? ” นางพยาบาลเชมินจองเอ่ยถามรุ่นพี่ เธอเป็นหญิงสาวร่างท้วมวัยยี่สิบต้น ๆ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลเซจองก่อนหน้าพยอนแบคฮยอนได้ไม่นาน ใบหน้ากระหายใคร่รู้ยามเปิดประเด็นเกี่ยวกับเรื่องราวแปลก ๆ ภายในสถานที่ทำงานของมินจองทำให้อึนมีหลุดขำออกมาเบา ๆ
“ ถ้าสงสัยนักก็แอบไปดูสิจะได้รู้ ” นางพยาบาลรุ่นพี่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ
“ โธ่พี่..อย่าท้าฉันนะ ! ”มินจองขมวดคิ้วแน่น
“ ทำอะไรกันอยู่ ! ”
“ ว้าย ! นี่แน่ะคิมจงแด ทะเล่อทะล่าเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงตกใจหมด ! ” ฮันอึนมียกมือขึ้นฟาดไหล่คิมจงแดเบา ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก
“ ก็พวกพี่น่ะคุยอะไรกัน ทำท่าลับ ๆ ล่อ ๆ ” บุรุษพยาบาลหนุ่มทำหน้าอยากรู้อยากเห็น
“ ไม่ต้องอยากรู้สักเรื่องได้ไหมคิมจงแด อันที่จริงนายน่าจะไปพักร้อนตามพี่จีอึนนะ อยู่ไปก็ดูไร้ประโยชน์ ” เชมินจองเบะปากใส่ด้วยความหมั่นไส้
“ โธ่..ผมไม่อยากรู้แล้วก็ได้ ” จงแดส่ายหน้าก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปจากห้องครัวซึ่งถูกใช้เป็นจุดนัดประชุมของทุกคน เพราะมันเป็นสถานที่ที่เงียบที่สุดและปลอดภัยที่สุดในโรงพยาบาลแล้ว
ฮันอึนมีส่ายหัวด้วยความอ่อนใจก่อนจะเดินตามบุรุษพยาบาลหนุ่มออกไป ในขณะที่เชมินจองยังคงยืนพิงเคาน์เตอร์กลางห้องครัวใบหน้าอวบฉายแววลิงโลด..
คืนนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าในห้องนั้นมันมีอะไรกันแน่..
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาย่ำลงบนพื้นอย่างระแวดระวังขณะที่นางพยาบาลสาวค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้กับประตูห้องปริศนาที่เธอเฝ้าสงสัยและครุ่นคิดถึงสิ่งที่อยู่ภายในนั้นมาเสมอ มืออวบยื่นออกไปสัมผัสลูกบิดประตูสีทองที่เริ่มถลอก มินจองเหลือบมองซ้ายขวาด้วยความหวาดระแวงแต่เมื่อพบว่าทางสะดวกหล่อนก็รีบเปิดประตูเข้าไปในทันที
แน่ล่ะ..อุตส่าห์ตั้งเวลาปลุกดึกขนาดนี้ ทุกคนที่นี่คงจะสลบไสลกันไปหมด ไม่มีใครบ้าจี้ออกมาเดินกลางดึกแบบนี้หรอก
ภายในห้องมืดเหม็นอับและเต็มไปด้วยฝุ่นหนาจนมินจองต้องยกมือขึ้นมาปิดจมูกก่อนจะหยิบไฟฉายกระบอกเล็กที่เตรียมมาด้วยขึ้นฉายไปทั่วทั้งห้อง ดวงตาเล็กหรี่กวาดมองไปทั่วด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่นอกจากโต๊ะทำงานเก่า ๆ ที่อยู่ติดผนังมุมหนึ่ง และเตียงนอนขนาดกลางที่เหลือไว้เพียงฟูกเต็มไปด้วยฝุ่นจับก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจอีก
เชมินจองถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง แต่ก่อนจะเดินออกจากห้องสายตาก็ไปสะดุดอยู่กับขวานใหญ่เล่มหนึ่งที่ตกอยู่กลางห้องเข้า..
นางพยาบาลสาวค่อย ๆ ก้มลงเก็บขึ้นมาดู..ดวงตาเล็กเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อปลายนิ้วสัมผัสกับคมขวาน
“ เลือดยังไม่แห้งดีเลยนี่.. ”
“ คุณพยาบาลเช.. ” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นจากหน้าประตู เชมินจองสะดุ้งด้วยความตกใจจนขวานเล่มนั้นเกือบหลุดจากมือ โชคดีที่คว้าเอาไว้ได้ทันแบบหวุดหวิด ร่างอวบหันกลับไปมองหน้าประตูด้วยความหวาดหวั่น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อได้เห็นใบหน้าคมคายของผู้มาเยือนซึ่งกำลังยืนพิงขอบประตูอยู่ด้วยท่าทีสบาย ๆ
“ คะ..คุณหมอ มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ..คือขอโทษทีค่ะ ดิฉันก็แค่.. ”
“ อืม..ก็ตั้งแต่แรกนั่นแหละครับ ว่าแต่..คุณสนใจจะไปหาอะไรสนุก ๆ ทำกับผมหรือเปล่าครับคุณพยาบาลเช ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วและดูเหมือนว่าจะมีแค่ผมกับคุณเท่านั้นล่ะที่ยังตื่นอยู่ ” ใบหน้าหล่อฉายแววเจ้าเล่ห์ขณะเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงทุ้มแหบพร่าฟังดูมีเสน่ห์ มินจองรู้สึกใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาในทันที
“ ว่าไงครับ..น่าสนใจกว่าขวานในมือคุณกับห้องอับ ๆ นี่หรือเปล่า ” นางพยาบาลสาวหลบตาด้วยความเขินอายก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ สายตาคมดูเร่าร้อนของร่างสูงกำลังจะทำให้เธอละลายไปเสียให้ได้ และแน่นอน..มินจองเข้าใจความหมายที่เจ้าของใบหน้าหล่อเข้มนั้นพูด แล้วเรื่องอะไรจะต้องปฏิเสธล่ะ ในเมื่อนี่มันเป็นโชคสองชั้นของเธอชัด ๆ
นอกจากจะได้รู้ว่าภายหลังห้องประตูดำนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิดแล้วเธอก็ยังมีโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับนายแพทย์หนุ่มร่างสูงตรงหน้านี้อีกด้วย
“ โอเคค่ะ..ฉันจะไปกับคุณ.. ” มินจองยิ้มหวาน
…………………
แอ๊ดดด..
นางพยาบาลฮันอึนมีนอนลืมตาก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียง เธอจ้องมองฝ่าไปในความมืดหลังจากได้ยินเสียงเปิดประตูห้องข้าง ๆ ซึ่งเป็นห้องนอนของเชมินจอง อึนมีส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจก่อนจะปัดผ้าห่มผืนหนาออกจากร่างกายแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง
ดวงตาเล็กหรี่ปรับให้คุ้นกับแสงสว่างจากตะเกียงตามทางเดินข้างนอก ร่างเล็กบ่นพึมพำไปตลอดทางขณะกระชับเสื้อคลุมตัวบางไปด้วย อึนมียังคงรู้สึกหวาดหวั่นและไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศยามค่ำคืนภายในโรงพยาบาลแห่งนี้
“ ให้ตายเถอะเชมินจอง เชมินจอง ! เธอนี่มันจอมหาเรื่อง
ชัด ๆ ” ฮันอึนมีบ่นกับตัวเอง รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับความดันทุรังของนางพยาบาลรุ่นน้องอย่างบอกไม่ถูก แสงไฟจากตะเกียงวูบไหวไปพร้อม ๆ กับเงาร่างของใครคนหนึ่ง ร่างเล็กหันหลังกลับไปมองด้วยความสงสัย
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังออกมาจากห้องโถงกลาง ฮันอึนมีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก
“ สงสัยจะล้มเลิกความคิดไปแล้วล่ะมั้ง ” นางพยาบาลสาวคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ออกเดินเตรียมกลับไปนอนต่อที่ห้อง ขณะเดียวกันหางตาก็เหลือบไปเห็นแผ่นหลังคุ้นตาของใครคนหนึ่งเดินลิ่วออกจากประตูโรงพยาบาลไปในความมืด ฮันอึนมีเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“ นี่ก็อีกคน ดึกดื่นป่านนี้แล้วออกมาทำอะไร.. ” ร่างเล็กส่ายหน้าอย่างอ่อนใจก่อนจะเดินจ้ำอ้าวตามออกไปอย่างรีบเร่ง คืนนี้ถ้าหากไม่ได้บ่นอะไรสักหน่อยอึนมีคงนอนไม่หลับเพราะความอัดอั้นเป็นแน่..
ตุบ !
รอยยิ้มเย็น ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากขณะปล่อยชิ้นส่วนแขนข้างหนึ่งลงบนพื้น ร่างสูงเชิดหน้าขึ้นระบายลมหายใจที่ติดขัดพลางหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมเมื่อครู่
เขายอมรับว่าเชมินจองเป็นของเล่นที่ทำให้เขาเพลิดเพลิน
จริง ๆ แต่สำหรับฮันอึนมีนั้นเขาไม่ค่อยพิสมัยสักเท่าไหร่
“ เหอะ นังโง่ ” ร่างสูงพึมพำก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ เขาใช้ขวานจามลงไปบนศีรษะของเชมินจองก่อนจะใช้ค้อนทุบจนกะโหลกแตกละเอียดก่อนที่หล่อนจะทันได้แหกปากส่งเสียงอะไรออกมาเสียอีก แต่กับฮันอึนมีที่บังเอิญโชคร้าย..อา..ไม่สิ บังเอิญโชคดีตื่นขึ้นมาเห็นเข้านั้นน่ารำคาญพอดู
นางพยาบาลฮันวิ่งหนีเขาเข้ามาในป่า ส่งเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูออกมาตลอดทาง แม้แต่ตอนที่ขวานจามลงไปบนแผ่นหลังบางจนเลือดทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตกหล่อนก็ยังไม่หยุดกรีดร้อง ในขณะที่คมขวานฟันลงไปบนแขนเล็ก ๆ นั้นเธอก็ดิ้นพล่านไปมาอย่างน่ารำคาญ
น่ารำคาญ..มากเสียจนเขาต้องตัดสินใจหยิบมีดเล่มเล็ก ๆ ที่ติดมือมาด้วยแทงลงไปบนหน้าอกบริเวณเดียวกับที่หัวใจดวงน้อย ๆ ของนางพยาบาลฮันกำลังเต้นตุบ ๆ สุดท้ายหล่อนก็เลิกดิ้นรน..เลิกกรีดร้อง..และนอนแน่นิ่ง..
แต่กว่าจะเป็นไปตามนั้นก็ต้องเหนื่อยพอดู อา..เขาไม่ได้สนุกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะตั้งแต่นางพยาบาลชอยและนางพยาบาลลีลาพักร้อนไปอย่างไม่มีกำหนด
มือหนายกขึ้นปาดเลือดสีแดงสดออกจากใบหน้า กลิ่นคาวที่คละคลุ้งอาจทำให้รู้สึกคลื่นเหียนแต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นกลิ่นที่ดึงดูดใจอย่างน่าประหลาด
“ คิดถึงเธอจังปาร์คชานยอล..เด็กดีของฉัน ฉันคิดถึงเธอ.. ” รอยยิ้มวิกลจริตผุดขึ้นที่มุมปากอิ่ม ร่างสูงค่อย ๆ ก้มลงเก็บเศษชิ้นส่วนของนางพยาบาลทั้งสองลงในกระสอบผ้าใบใหญ่
คืนนี้เขามีความสุขมาก..มากเสียจนอยากจะแบ่งปัน..อยากจะระบายความตื้นตันนี้ให้กับใครบางคนได้รับรู้บ้าง
“ อา..จริงสิ..ถึงเวลาหรือยังนะ..จางอี้ชิง.. ”
…………………..
พยอนแบคฮยอนนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ที่โต๊ะทำงาน มือบางควงปากกาในมือไปด้วยขณะใช้ความคิด ร่างเล็กทบทวนเรื่องราวแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ย้ายเข้ามาทำงานในโรงพยาบาลแห่งนี้ ทุกอย่างมันแปลก..และดูเหมือนว่าจะแปลกขึ้นเรื่อย ๆ
คิ้วสวยขมวดเข้าหากันขณะนั่งมองรายชื่อและภาพบุคลากรประจำโรงพยาบาลในมือ บางชื่อถูกขีดฆ่าออกไป ในขณะที่บางชื่อมีหมายเหตุต่อท้ายอย่างการลาพักร้อน ทว่าบุคคลเหล่านี้กลับไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย
และล่าสุดที่คิมจงแดเพิ่งมาเพิ่มหมายเหตุต่อท้ายลงไปเมื่อไม่กี่วันก่อนก็คือนางพยาบาลฮันและนางพยาบาลเช ในขณะที่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้วนางพยาบาลลีก็เพิ่งจะขอลาพักร้อนไป..
“ แปลกมาก..มานับดูดี ๆ แล้วตอนนี้เหมือนจะเหลือแค่
คิมจงแด เป็นไปได้ยังไง.. ” ร่างเล็กพึมพำอย่างใช้ความคิด คิมจงแดกลายเป็นคนเดียวที่ยังทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้
บุรุษพยาบาลหนุ่มเป็นผู้จัดการทุกอย่างตั้งแต่การเตรียมยาเตรียมอาหาร ยกเว้นแต่เพียงงานทำความสะอาดที่จะมีพนักงานเข้ามาทำอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง นอกจากนั้นแล้วก็ดูเหมือนว่าจงแดจะเป็นผู้รับผิดชอบงานทั้งหมด
อาจกล่าวได้ว่าบุรุษพยาบาลหนุ่มคนนี้มีความอดทนสูงแต่สำหรับพยอนแบคฮยอนแล้วความอดทนนั้นดูมากเกินไป..มากเสียจนน่าสงสัย
“ เสียงคนเดิน..ยังไงห้องนั้นก็ต้องมีคน ” นายแพทย์หนุ่มร่างเล็กเก็บเอกสารทุกอย่างไว้ในลิ้นชักก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทำงาน
เสียงไม้กระดานลั่นเอี๊ยดอ๊าดขณะที่พยอนแบคฮยอนเดินไปตามทางเดิน ร่างเล็กพยายามคำนวณดูจุดที่ได้ยินเสียงคนเดินในวันแรกที่มาถึงแล้วเดินไปหา ระหว่างทางที่มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงนั้นมืดสลัว ไม่มีแสงใดเล็ดลอดเข้ามาแม้แต่น้อย เพราะบนอาคารไม้สีขาวหลังนี้แทบจะไม่มีหน้าต่างเลย ทุกอย่างปิดทึบ อาจจะด้วยเหตุผลจำเป็นหลาย ๆ อย่าง
บรรยากาศยามบ่ายแก่ ๆ ของที่นี่เงียบสงัดและเยือกเย็นจนน่าขนลุก แบคฮยอนหัวใจเต้นถี่ขณะค่อย ๆ สาวเท้าเข้าไปใกล้จุดที่คำนวณไว้มากขึ้นเรื่อย ๆ
พยอนแบคฮยอนหยุดมองภาพถ่ายเก่า ๆ ที่ติดอยู่ข้างผนัง มือบางยกขึ้นสัมผัสรูปเบา ๆ คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน
“ รูปรุ่นพี่นี่.. ” แบคฮยอนพึมพำก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง แปลกตรงที่ประตูทุกบานในอาคารหลังนี้เป็นสีขาวหากทว่าประตูบานนี้กลับเป็นสีดำ เขามองดูลูกบิดประตูอย่างชั่งใจ
แบคฮยอนค่อย ๆ ยื่นมือออกไปตรงหน้า อีกเพียงไม่กี่มิลลิเมตรก็จะแตะกับลูกบิดโลหะสีทองที่เริ่มลอกถลอกไปตามกาลเวลา
“ อย่าบอกใครว่าเจอฉันอยู่ที่นี่..ทำได้ไหม หืม? ”
เสียงนุ่มทุ้มดังเล็ดลอดออกมาจากข้างหลังประตูบานนั้น แบคฮยอนยกมือขึ้นปิดปากขณะพยายามเงี่ยหูตั้งใจฟังเสียง
“ ดะ..ได้ อื้ม.. ”
อีกเสียงหนึ่งตอบกลับมา ในใจของนายพยอนแบคฮยอนเต็มไปด้วยคำถาม ถ้าหากหูของเขาไม่เพี้ยนไป อู๋อี้ฟานก็คงจะเป็นคนพูดประโยคแรก แต่ประโยคต่อมานั้นเขาไม่แน่ใจว่าเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อนหรือไม่ มันไม่คุ้นหูเลยสักนิด..
คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างเครียด ๆ อะไรก็ตามที่อยู่หลังประตูบานนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไหนหรือเป็นใคร แม้จะค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นอู๋อี้ฟานแต่เมื่อนึกถึงวันที่ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ข้างบนนี้มันกลับทำให้แบคฮยอนรู้สึกขนลุก ไม่ใช่..แม้แต่เสียงที่เล็ดลอดออกมาเมื่อครู่ก็ยังฟังดูแปลก ไม่เหมือนน้ำเสียงปกติของนายแพทย์รุ่นพี่เลยสักนิด
“ ห้องพักคนไข้ ไม่มีคน.. ” แบคฮยอนพึมพำสิ่งที่คิมจงแดบอกเอาไว้ รู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างมาบิดมวนอยู่ในท้อง สองมือค่อย ๆ ยกขึ้นลูบสัมผัสป้ายชื่อเก่า ๆ ที่ติดอยู่บนบานประตู แม้สีจะซีดและตัวหนังสือสีทองเริ่มลอกกร่อนไปตามกาลเวลา แต่นายแพทย์หนุ่มร่างเล็กก็เชื่อว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดเป็นแน่ ชื่อบนป้ายหน้าประตูบานนั้น
Wu Yi Fan..
ดวงตาคมสีเข้มตวัดมองเงาที่ทอดเข้ามาใต้ช่องประตู ใครบางคนคงกำลังสงสัย แน่นอน..เขารู้ดีว่าความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นเหมือนสัญชาตญาณดิบที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด
รอยยิ้มเย็น ๆ ผุดขึ้นที่มุมปากอิ่มในขณะที่ช่วงล่างยังคงขยับกระแทกรุนแรงไม่ยั้งกำลัง มือหนาที่ยกขึ้นบีบรอบคอของคนใต้ร่างค่อย ๆ คลายออกก่อนจะเลื่อนลงไปไล้วนแผ่นอกขาวเนียน
ดวงตากลมจ้องมองใบหน้าหล่อคม มือบางลูบไล้แผ่นหลังของร่างสูงก่อนจะจิกเล็บลงไปบนเนื้อนิ่มเพื่อระบายความเสียวซ่าน แม้จะต้องเจ็บปวดกับสัมผัสที่ได้รับแค่ไหนเขาก็พร้อมจะทน แค่เพียงผู้ชายคนนี้เรียกชื่อเขา แค่เพียงดวงตาคมสีเข้มจ้องเข้ามาในดวงตาของเขา แค่เพียงเท่านี้เขาก็พร้อมจะทำทุกอย่าง..
“ อย่าบอกใครว่าเจอฉันอยู่ที่นี่..ทำได้ไหม หืม? ” เจ้าของใบหน้าคมคายก้มลงกระซิบข้างหูก่อนที่ฟันขาวจะขบกัดติ่งหูของคนใต้ร่างเบา ๆ ลิ้นร้อนโลมเลียไปทั่วผิวกายเนียนนุ่มอย่างหื่นกระหาย
“ ดะ..ได้ อื้ม.. ” รอยยิ้มพึงพอใจผุดขึ้นที่มุมปากอิ่มเมื่อได้รับคำตอบในขณะที่ช่วงล่างก็ยังคงขยับ ดวงตาคมมองดูใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยความต้องการของคนตรงหน้าอย่างพึงพอใจ
ผิวกายขาวเนียนเต็มไปด้วยรอยแดงช้ำ หากแต่คนใต้ร่างของเขาในตอนนี้กลับไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืน ดวงตากลมฉ่ำน้ำตาช้อนมองใบหน้าของร่างสูง มือบางเลื่อนมาพักที่หน้าอกแกร่ง จางอี้ชิงไม่เคยขัดขืน..จางอี้ชิงน่ารักกับเขาเสมอ..
อา..ช่างน่าเสียดาย ที่จางอี้ชิงไม่ใช่ปาร์คชานยอล..
TBC
#ไหนบอกจะเขียนยาว -_-? 5555555555555
ง้ากกกกกกกกกกกกก ไปละค่ะ กลัวโดนถล่ม 555555555
ความคิดเห็น