ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIN] The Hallucination ◆ (krisyeol)

    ลำดับตอนที่ #1 : prologue

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.7K
      15
      21 มี.ค. 56

     







    prologue
    12224_396901640394685_1488942508_n_large



     

     

    11.59 P.M.

     

                “ คุณรู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นตอนเที่ยงคืน.. ”

                ร่างสูงหันไปมองคนพูดประโยคเมื่อครู่ซึ่งกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายไม่ได้มองกลับมาหากแต่ยังคงนั่งโยกตัวอยู่บนเตียงนั้นด้วยสายตาเลื่อนลอย

                “ มันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ? ” เขาถามยิ้ม ๆ ในขณะที่คนบนเตียงแสยะยิ้มไม่น่าดูมาให้ ดวงตากลมไม่ปรากฏความรู้สึกใด ๆ ตวัดมองใบหน้าของอีกฝ่ายช้า ๆ น่าแปลกที่คนถูกจ้องไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าของตนเองเลยสักนิด เขากลับชอบที่เห็นท่าทีแบบนั้น..ชอบที่จะมองรอยยิ้มแบบนั้น.. ชอบ..ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นปาร์คชานยอล..

     

                ติ๊ง..ติ๊ง..ติ๊ง..

     

                เสียงนาฬิกาไม้เรือนใหญ่ดังขึ้นบอกเวลาเที่ยงคืน จังหวะเสียงกระชั้นถี่และดังขึ้นเรื่อย ๆ ดังขึ้น..ดังขึ้น..จนเจ้าของดวงตากลมนั้นทนไม่ไหวต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดหูอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ไม่ฉายแววใด ๆ ก่อนหน้านั้นบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ปาร์คชานยอลตัวสั่นระริก ร่างโปร่งโยกตัวไปมาอย่างรุนแรงอยู่บนเตียงใหญ่สีขาวสะอาด

                “ ไม่เป็นไร.. ” ร่างสูงเดินเข้าไปดึงตัวคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอดอย่างปลอบประโลม

                “ อย่า..อย่า..อย่าทำ อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ ! ” ชานยอลตวาดลั่นขณะพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนแข็งแกร่งนั้น

                “ ทำไมล่ะ..ทำไมต้องผลักไสฉันด้วย.. ” อีกฝ่ายถามน้ำเสียงเศร้าจนน่าใจหาย

                “ แก..แก..แกมันปีศาจ ! อย่ามายุ่งกับฉันนะ ! ”

                “ ทำไมถึงพูดกับฉันแบบนี้ล่ะชานยอล.. ”

                “ ไม่ต้องมาเสแสร้ง ! ออกไปให้พ้น แกมันไม่ใช่คน ! ” 
    ปาร์คชานยอลดิ้นขัดขืนขณะที่ร่างสูงพยายามจะดึงใบหน้าเรียวเข้ามาใกล้เพื่อประกบจูบปลอบประโลมให้ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าในอ้อมแขนมีท่าทีรังเกียจเขาขนาดนี้ร่างสูงก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขากระชากตัวชานยอลเข้ามาหาด้วยแรงทั้งหมดที่มี ริมฝีปากอิ่มบดลงบนริมฝีปากบางอย่างรุนแรงก่อนจะผลักร่างที่สั่นระริกด้วยความกลัวลงแนบกับพื้นเตียงและเริ่มการกระทำที่ทำให้ปาร์คชานยอลต้องกรีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความทรมานอีกครั้ง..

                 ร่างสูงไม่คิดจะยั้งกำลังเลยแม้แต่น้อย ทุกการกระทำโหดร้ายป่าเถื่อนราวกับจะทำลายคนที่อยู่ใต้ร่างให้พินาศไปพร้อม ๆ กับเขา..

                “ อึก..ไม่.. ” ดวงตากลมที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาช้อนขึ้นมองอย่างเว้าวอนหากแต่ในเวลานี้คนที่อยู่ตรงหน้าชานยอลคนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ร่างสูงไม่ฟังเสียงและไม่รับรู้สัมผัสอื่นใดนอกจากสัมผัสเร่าร้อนรุนแรงที่ตนเองกำลังมอบให้คนที่อยู่ใต้ร่างนี้เท่านั้น..

     

                .

                .

     

     

     

     

     

     

                คุณรู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นตอนเที่ยงคืน..

     

              

     

     

     

                “ คุณหมอครับ คนไข้ปาร์คอาละวาดไม่ยอมให้เราฉีดยาอีกแล้วครับ ” คิมจงแดบุรุษพยาบาลประจำตึกวิ่งเข้ามาบอกแพทย์เจ้าของไข้ของปาร์คชานยอลด้วยท่าทีรีบร้อนเหมือนเช่นทุกวัน

                “ อย่างนั้นหรือ.. ” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยก่อนจะปิดแฟ้มประวัติคนไข้ในมือลงแล้ววางเอาไว้บนโต๊ะทำงาน ใบหน้าหล่อคมคายเงยขึ้นมองเพดานห้องก่อนจะยกยิ้มออกมาเล็กน้อย ห้องทำงานของเขาอยู่ใต้ห้องใต้หลังคาซึ่งถูกใช้เป็นห้องพักของคนไข้รายนั้นพอดี..

                “ ครับ รีบเข้าเถอะครับคุณหมอ ดูท่าทางจะอาละวาดหนักแล้วครับ ! ” จงแดเร่งเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทุรนทุรายและเสียงปาข้าวของแตกกระจายดังแว่วลงมาจากห้องด้านบน อีกฝ่ายจึงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีสีซีดแล้วเดินออกมาจากห้องทำงานของตนเองพร้อมกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นในทันที

                ประตูห้องทำงานถูกปิดลงอย่างแผ่วเบา ไม่นานนักเสียงกรีดร้องของปาร์คชานยอลก็หยุดลง คุณหมอคนใหม่ทำหน้าที่ของเขาสำเร็จอีกครั้ง

     

               จิตแพทย์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมาจากประเทศจีน

     

                อู๋อี้ฟาน เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถหยุดพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงของคนไข้รายพิเศษคนนี้ได้..








     

    ..............







     

                ร่างโปร่งถอยหลังกรูดไปนั่งหลบอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว อู๋อี้ฟานหันไปพยักพเยิดเป็นสัญญาณบอกให้นางพยาบาลและบุรุษพยาบาลคนอื่น ๆ ที่อยู่ภายในห้องนั้นออกไปให้หมดและทุกคนก็ดูเหมือนจะรู้หน้าที่ ทันทีที่ภายในห้องใต้หลังคามีเพียงแค่นายแพทย์หนุ่มกับคนไข้ที่ถูกจัดอยู่ในโซนพิเศษ ประตูห้องใต้หลังคาก็ถูกปิดลงอย่างเงียบเชียบ มือหนากดล็อคลงกลอนประตูดังเช่นทุกครั้งก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปหาคนไข้ของตนเองซึ่งกำลังนั่งตัวสั่นราวกับลูกนกอยู่ตรงมุมห้อง

    ปากอิ่มคลี่ยิ้มสวยมองร่างโปร่งด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน ปาร์คชานยอลยังคงมีสีหน้าหวาดหวั่นมือบางยกขึ้นปิดหน้าไม่ยอมสบตากับนายแพทย์เจ้าของไข้เลยสักนิด

    “ ชานยอลเป็นอะไร ? ”

    “ อย่า..อย่า.. ” 

    “ ออกมาหาฉันเถอะ ฉันไม่ทำร้ายเธอ เธอก็รู้.. ” อู๋ฟานพยายามพูดโน้มน้าวขณะยื่นมือออกไปหาคนตรงหน้า ชานยอลลดมือที่ยกขึ้นปิดหน้าของตัวเองลง ดวงตากลมสั่นระริกมองมือหนาที่ยื่นมาด้วยความสับสน         

    “ ไม่..ไม่..โกหก..คนโกหก.. ” ร่างโปร่งพึมพำขณะโยกตัวไปมาช้า ๆ 

    “ ฉันเคยโกหกเธอหรือ ฉันไม่เคยโกหกเธอเลยชานยอล.. ” อีกฝ่ายยังคงพยายามโน้มน้าวต่อไป 

    “ โกหก..โกหก.. ” ชานยอลเริ่มโยกตัวแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนศีรษะกระแทกกับผนังไม้แต่ร่างโปร่งก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ในทางตรงกันข้ามชานยอลกลับโยกตัวแรงขึ้นเรื่อย ๆ แรง..เสียจนเสียงศีรษะกระทบกับผนังดังก้องไปหมด อู๋อี้ฟานใช้จังหวะตอนที่คนไข้ของเขาเผลอรีบดึงร่างของคนตัวเล็กกว่าเข้ามาในอ้อมแขนทันที 

    “ ปล่อย ! ปล่อย ! ” ปาร์คชานยอลดิ้นขัดขืนอย่างรุนแรงอู๋ฟานกัดฟันกระชับอ้อมแขนนิ่งไม่ยอมปล่อยตัวคนตัวเล็กกว่าไปง่าย ๆ 

    “ ชานยอลเด็กดีเธอต้องไม่ดื้อกับฉันรู้ไหม ” ร่างสูงกระซิบข้างหู ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นน่าแปลกที่ชานยอลหยุดดิ้นอย่างง่ายดาย มือบางที่ใช้ทุบอกคนตัวสูงกว่าเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นโอบกอดอู๋ฟานแน่น ใบหน้าหวานซบลงกับไหล่หนาและเริ่มร้องไห้ออกมา 

    “ ฮึก..ทำไมคุณไม่อยู่..ทำไมไม่อยู่ตอนที่เขามา.. ” ชานยอลพึมพำอู๋อี้ฟานคลี่ยิ้มบางก่อนจะกอดโคลงตัวคนตัวเล็กกว่าไปมาเบา ๆ 

    “ ฉันขอโทษ.. ”

    “ คุณรู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นตอนเที่ยงคืน.. ” ร่างโปร่งชักมือที่โอบบ่าของร่างสูงเมื่อครู่กลับมาและเริ่มแทะเล็บราวกับคนไม่รู้สึกตัว ดวงตากลมสวยไร้แววอีกครั้ง เป็นอาการปกติของ
    ปาร์คชานยอลยามที่พูดถึงเรื่องนี้

    “ ไม่มีอะไรหรอก ตอนเที่ยงคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย ” นายแพทย์หนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน พยายามไม่พูดถึงเสียงแปลก ๆ ที่เขามักจะได้ยินเมื่อเวลาล่วงเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ทุก ๆ คืน..เสียงนั้นจะดังขึ้น..เวลาเดิม..ซ้ำไปซ้ำมา..

    เวลานี้ร่างโปร่งของชานยอลมีโลกส่วนตัวของตัวเองภายในอ้อมแขนของอู๋อี้ฟาน คนตัวเล็กกว่าหายใจฟืดฟาดก่อนจะพลิกตัวเปลี่ยนท่านั่งหันหลังให้กับร่างสูง อู๋ฟานขยับตัวนั่งในท่าทีสบาย ๆ เพื่อให้ชานยอลขึ้นมานั่งบนตักของเขาเหมือนทุกครั้งก่อนจะยกแขนโอบเอวของคนที่กำลังนั่งนิ่งไม่รับรู้อะไร 

    “ มีจริง ๆ ตอนเที่ยงคืน..เขามา..ปีศาจ.. ” ชานยอลพึมพำ ทุกคำพูดไม่ปะติดปะต่อกันแต่อู๋อี้ฟานกลับรู้สึกชินเสียแล้ว ตลอดเวลาสองเดือนที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่เขาเรียนรู้วิธีที่จะทำให้คนไข้รายพิเศษของเขาคนนี้สงบลง และรู้วิธีที่จะทำให้ร่างโปร่งผ่อนคลายความเครียดไม่อาละวาดรุนแรง หนึ่งในนั้นคือการนั่งฟังสิ่งที่ปาร์คชานยอลพูดเงียบ ๆ

    “ มาจริง ๆ ฮึก.. ”

    “ ไม่เอานะครับชานยอลเด็กดีต้องไม่ร้องไห้ ” ร่างสูงดึงใบหน้าของอีกฝ่ายให้เอี้ยวกลับมาหาก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยหยดน้ำตาเม็ดเล็ก ๆ ออกจากหางตาคู่สวยอย่างอ่อนโยน ดวงตากลมช้อนมองดวงตาคมสีดำสนิทราวแก้วเจียระไนของอู๋อี้ฟานอย่างมีความหมายก่อนที่ริมฝีปากบางจะทาบลงกับริมฝีปากอิ่มอย่างโหยหาลิ้นเล็กรุกล้ำเข้ามาภายในโพรงปากอุ่น อู๋อี้ฟานไม่ได้ขัดขืนเขารู้ดีว่าปาร์คชานยอลเป็นเพียงแค่คนไข้ในความดูแล แต่ในเวลาที่น่าอึดอัดเช่นนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจของเขากำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ ..

     

    หรือนายแพทย์หนุ่มจะตกหลุมรักคนไข้ในความดูแลของตัวเองเข้าแล้วจริง ๆ ..

     

     

    โรงพยาบาลเซจองเป็นโรงพยาบาลจิตเวชซึ่งตั้งอยู่นอกเขตเมืองหลวง มีพื้นที่กว้างขวางและห่างไกลผู้คน รายล้อมด้วยต้นไซปรัสขนาดใหญ่ที่แตกกิ่งก้านสาขาจนดูเหมือนว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางป่ารกทึบ รั้วไม้สีขาวผุ ๆ เป็นสิ่งซึ่งใช้แบ่งแยกอาณาเขตระหว่างกันอย่างชัดเจน

    อาคารไม้สีขาวสไตล์โคโลเนียลหลังโตกินพื้นที่เกือบทั้งหมดที่มีภายใต้เขตรั้วที่รายล้อม เหลือไว้เพียงสนามหญ้าสีเขียวแก่ไร้ชีวิตชีวาซึ่งเป็นสัญลักษณ์บอกกลาย ๆ ว่าไม่ได้รับการดูแลรดน้ำมาเป็นเวลานาน หน้าโรงพยาบาลมีต้นโอ๊คขนาดใหญ่มหึมาอยู่ต้นหนึ่งยิ่งเพิ่มบรรยากาศให้ดูลึกลับและทึบทึม กิ่งก้านขนาดใหญ่ของมันมีชิงช้าไม้เก่า ๆ ที่มักจะแกว่งไกวไปตามแรงลมผูกอยู่อย่างหมิ่นเหม่จนดูราวกับว่าไม่สามารถจะรับน้ำหนักได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว ทว่ามันกลับไม่เคยตกลงมาแม้เชือกที่ใช้ผูกจะผุเสียจนน่าเป็นห่วงก็ตาม

    ตลอดสองเดือนที่ย้ายมาประจำการที่โรงพยาบาลนอกเมืองห่างไกลความเจริญเช่นนี้ ความคิดแรกที่วูบเข้ามาในความคิดของนายแพทย์หนุ่มจบใหม่อย่างอู๋อี้ฟานคงหนีไม่พ้นเรื่องราวลี้ลับที่เจ้าตัวเองไม่เคยเชื่อ ประกอบกับความรู้ที่มีของคนเป็นหมอก็ย่อมจะเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้มากกว่าเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้อย่างนี้อยู่แล้ว..

                แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโรงพยาบาลแห่งนี้มีอะไรที่ดูลึกลับน่าสงสัยอยู่มากทีเดียว..

    อู๋ฟานตระหนักว่าอาคารที่ทำด้วยไม้สภาพเก่าทึบทึมเพียงหลังเดียวที่มีมองแล้วช่างชวนให้นึกถึงบ้านร้างที่อยู่ในหนังสยองขวัญ รวมไปถึงคนไข้ที่เข้ารับการรักษาแน่นอนว่ามีไม่มากจนอาจพูดได้ว่าแทบไม่มีเลย ก็ยิ่งทำให้โรงพยาบาลสำหรับบำบัดผู้ป่วยซึ่งมีอาการประสาทหลอนในที่ที่ลึกลับเช่นนี้ดูเหมือนจะมีไว้สำหรับผู้ป่วยที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ‘พิเศษ’ 

     

    และปาร์คชานยอลก็เป็นหนึ่งในนั้น..

     

                สองเดือนก่อนจึงเป็นครั้งแรก..ที่อู๋อี้ฟานได้พบกับ
    ปาร์คชานยอลคนไข้ในความดูแลของเขา..

    “ คุณคิมจงแดครับ นั่น..ใช่คนไข้ของที่นี่หรือเปล่า ? ” ร่างสูงเอ่ยถามบุรุษพยาบาลที่ออกมาช่วยเขาขนของด้วยความสงสัยเมื่อมองขึ้นไปเห็นใครคนหนึ่งกำลังยืนมองลงมาจากหน้าต่างห้องใต้หลังคา

    “ นั่นปาร์คชานยอลครับ อ่า..ใช่ เขาเป็นคนไข้ของที่นี่แหละ แต่เขาพิเศษกว่าคนอื่น.. ” จงแดตอบพร้อมกับยักไหล่น้อย ๆ อย่างไม่ยี่หระก่อนจะเดินนำอู๋อี้ฟานเข้าไปในตัวอาคารด้วยท่าทีสบาย ๆ นายแพทย์หนุ่มเก็บความสงสัยไว้กับตัวเองเสมอมา เจ้าของใบหน้าหวานกับดวงตากลมที่เรียบเฉยนั้นพิเศษกว่าคนอื่นยังไงนะ..

     “ คุณต้องไม่ทิ้งผมไป.. ” ดวงตากลมช้อนขึ้นมองสบตา
    อู๋อี้ฟานอย่างตั้งใจ สองมือถูกส่งขึ้นมากอบกุมใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายเอาไว้ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
     

    “ ชานยอล.. ” นายแพทย์หนุ่มคลี่ยิ้มส่งไปให้อีกครั้ง แต่เมื่อคนตัวเล็กกว่ายังคงจ้องตาของเขาอย่างต้องการคำตอบอู๋ฟานก็หัวเราะออกมาเบา ๆ 

    “ ก็ได้..ฉันจะไม่ทิ้งเธอ ” ร่างสูงยกมือขึ้นลูบศีรษะชานยอลเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ปาร์คชานยอลที่พิเศษกว่าคนอื่นเป็นแบบนี้สินะ..เวลานี้เขาเข้าใจแล้ว 

    “ ดี..คุณจะไม่โกหก..ไม่โกหก.. ” ชานยอลพึมพำก่อนจะยิ้มออกมาน้อย ๆ ด้วยความพึงพอใจแล้วพลิกตัวกลับไปนั่งหันหลังให้กับ
    อู๋ฟานตามเดิม คนตัวเล็กกว่าเริ่มโยกตัวไปมาราวกับคนไม่รู้สึกตัวอีกครั้ง นายแพทย์หนุ่มยกข้อมือขึ้นดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อเอาขวดยาขวดเล็ก ๆ ออกมา
     

    “ เด็กดีทานยาก่อนนะครับ.. ” ร่างสูงลูบแขนชานยอลเบา ๆ ก่อนจะเขย่าขวดยานั้นแล้วส่งให้ ร่างโปร่งรับมาเปิดดื่มอย่างว่าง่ายก่อนจะส่งขวดยาเปล่า ๆ คืนให้อีกฝ่ายเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิมเพื่อรอเวลา 

    เพียงไม่นานปาร์คชานยอลค่อย ๆ เอนกายลงมาซบกับแผ่นอกกว้างอย่างสะลึมสะลือ 

    “ อย่าทิ้งผม..คุณสัญญาแล้ว.. ” ร่างโปร่งพึมพำเสียงสั่นเครือ

    “ ฉันสัญญา..ฉันจะกลับมาหานะ ” อู๋ฟานกดจมูกโด่งลงบนแก้มใสมือหนายกขึ้นลูบศีรษะของชานยอลเบา ๆ

    “ อย่าให้เขามา..อย่าเอาเขามาด้วยอีก.. ” ร่างสูงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเมื่อคนตัวเล็กกว่าพูดจบ 

    “ หลับซะนะเด็กดี.. ” นายแพทย์หนุ่มว่าพลางกอดโคลงร่างโปร่งในอ้อมแขนไปมาเป็นการกล่อมเหมือนทุกครั้ง ปาร์คชานยอล
    ค่อย ๆ หลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราไปในเวลาไม่นาน อู๋ฟานขยับตัวลุกแล้วช้อนร่างของชานยอลไปวางไว้บนเตียงอย่างแผ่วเบา

     

    ใบหน้าหวานสวยงามราวกับผู้หญิงนั้นทำให้เขาไม่อยากแม้แต่จะละสายตาจากคนตรงหน้าไปไหน ผิวกายขาวเนียนละเอียดอ่อนนุ่มอย่างที่อู๋ฟานไม่เคยได้สัมผัสทำให้เขาหลงใหลในร่างกายนี้ เส้นผมเส้นเล็กละเอียดพลิ้วไหวยามที่เจ้าของร่างขยับกายก็ยิ่งทำให้เขาลุ่มหลง และอู๋อี้ฟานก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง..

     

    “ สวยเหลือเกินชานยอล ” ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มในขณะที่มือหนาไล้ไปตามโครงหน้าเรียว ความรู้สึกอยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของที่
    ชานยอลมีให้อู๋ฟานนั้นบางทีอาจจะน้อยกว่าความรู้สึกอยากครอบครองที่ร่างสูงมีให้เจ้าของใบหน้าหวานที่น่าหลงใหลตรงหน้านี้ก็เป็นได้..

     

     



    TBC.



     






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×