คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : prologue
prologue
11.59 P.M.
“ คุณรู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นตอนเที่ยงคืน.. ”
ร่างสูงหันไปมองคนพูดประโยคเมื่อครู่ซึ่งกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายไม่ได้มองกลับมาหากแต่ยังคงนั่งโยกตัวอยู่บนเตียงนั้นด้วยสายตาเลื่อนลอย
“ มันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ? ” เขาถามยิ้ม ๆ ในขณะที่คนบนเตียงแสยะยิ้มไม่น่าดูมาให้ ดวงตากลมไม่ปรากฏความรู้สึกใด ๆ ตวัดมองใบหน้าของอีกฝ่ายช้า ๆ น่าแปลกที่คนถูกจ้องไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าของตนเองเลยสักนิด เขากลับชอบที่เห็นท่าทีแบบนั้น..ชอบที่จะมองรอยยิ้มแบบนั้น.. ชอบ..ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นปาร์คชานยอล..
ติ๊ง..ติ๊ง..ติ๊ง..
เสียงนาฬิกาไม้เรือนใหญ่ดังขึ้นบอกเวลาเที่ยงคืน จังหวะเสียงกระชั้นถี่และดังขึ้นเรื่อย ๆ ดังขึ้น..ดังขึ้น..จนเจ้าของดวงตากลมนั้นทนไม่ไหวต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดหูอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ไม่ฉายแววใด ๆ ก่อนหน้านั้นบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ปาร์คชานยอลตัวสั่นระริก ร่างโปร่งโยกตัวไปมาอย่างรุนแรงอยู่บนเตียงใหญ่สีขาวสะอาด
“ ไม่เป็นไร.. ” ร่างสูงเดินเข้าไปดึงตัวคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอดอย่างปลอบประโลม
“ อย่า..อย่า..อย่าทำ อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ ! ” ชานยอลตวาดลั่นขณะพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนแข็งแกร่งนั้น
“ ทำไมล่ะ..ทำไมต้องผลักไสฉันด้วย.. ” อีกฝ่ายถามน้ำเสียงเศร้าจนน่าใจหาย
“ แก..แก..แกมันปีศาจ ! อย่ามายุ่งกับฉันนะ ! ”
“ ทำไมถึงพูดกับฉันแบบนี้ล่ะชานยอล.. ”
“ ไม่ต้องมาเสแสร้ง ! ออกไปให้พ้น แกมันไม่ใช่คน ! ”
ปาร์คชานยอลดิ้นขัดขืนขณะที่ร่างสูงพยายามจะดึงใบหน้าเรียวเข้ามาใกล้เพื่อประกบจูบปลอบประโลมให้ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าในอ้อมแขนมีท่าทีรังเกียจเขาขนาดนี้ร่างสูงก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขากระชากตัวชานยอลเข้ามาหาด้วยแรงทั้งหมดที่มี ริมฝีปากอิ่มบดลงบนริมฝีปากบางอย่างรุนแรงก่อนจะผลักร่างที่สั่นระริกด้วยความกลัวลงแนบกับพื้นเตียงและเริ่มการกระทำที่ทำให้ปาร์คชานยอลต้องกรีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความทรมานอีกครั้ง..
ร่างสูงไม่คิดจะยั้งกำลังเลยแม้แต่น้อย ทุกการกระทำโหดร้ายป่าเถื่อนราวกับจะทำลายคนที่อยู่ใต้ร่างให้พินาศไปพร้อม ๆ กับเขา..
“ อึก..ไม่.. ” ดวงตากลมที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาช้อนขึ้นมองอย่างเว้าวอนหากแต่ในเวลานี้คนที่อยู่ตรงหน้าชานยอลคนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ร่างสูงไม่ฟังเสียงและไม่รับรู้สัมผัสอื่นใดนอกจากสัมผัสเร่าร้อนรุนแรงที่ตนเองกำลังมอบให้คนที่อยู่ใต้ร่างนี้เท่านั้น..
.
.
คุณรู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นตอนเที่ยงคืน..
“ คุณหมอครับ คนไข้ปาร์คอาละวาดไม่ยอมให้เราฉีดยาอีกแล้วครับ ” คิมจงแดบุรุษพยาบาลประจำตึกวิ่งเข้ามาบอกแพทย์เจ้าของไข้ของปาร์คชานยอลด้วยท่าทีรีบร้อนเหมือนเช่นทุกวัน
“ อย่างนั้นหรือ.. ” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยก่อนจะปิดแฟ้มประวัติคนไข้ในมือลงแล้ววางเอาไว้บนโต๊ะทำงาน ใบหน้าหล่อคมคายเงยขึ้นมองเพดานห้องก่อนจะยกยิ้มออกมาเล็กน้อย ห้องทำงานของเขาอยู่ใต้ห้องใต้หลังคาซึ่งถูกใช้เป็นห้องพักของคนไข้รายนั้นพอดี..
“ ครับ รีบเข้าเถอะครับคุณหมอ ดูท่าทางจะอาละวาดหนักแล้วครับ ! ” จงแดเร่งเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทุรนทุรายและเสียงปาข้าวของแตกกระจายดังแว่วลงมาจากห้องด้านบน อีกฝ่ายจึงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีสีซีดแล้วเดินออกมาจากห้องทำงานของตนเองพร้อมกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นในทันที
ประตูห้องทำงานถูกปิดลงอย่างแผ่วเบา ไม่นานนักเสียงกรีดร้องของปาร์คชานยอลก็หยุดลง คุณหมอคนใหม่ทำหน้าที่ของเขาสำเร็จอีกครั้ง
จิตแพทย์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมาจากประเทศจีน
‘อู๋อี้ฟาน’ เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถหยุดพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงของคนไข้รายพิเศษคนนี้ได้..
..............
ร่างโปร่งถอยหลังกรูดไปนั่งหลบอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว อู๋อี้ฟานหันไปพยักพเยิดเป็นสัญญาณบอกให้นางพยาบาลและบุรุษพยาบาลคนอื่น ๆ ที่อยู่ภายในห้องนั้นออกไปให้หมดและทุกคนก็ดูเหมือนจะรู้หน้าที่ ทันทีที่ภายในห้องใต้หลังคามีเพียงแค่นายแพทย์หนุ่มกับคนไข้ที่ถูกจัดอยู่ในโซนพิเศษ ประตูห้องใต้หลังคาก็ถูกปิดลงอย่างเงียบเชียบ มือหนากดล็อคลงกลอนประตูดังเช่นทุกครั้งก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปหาคนไข้ของตนเองซึ่งกำลังนั่งตัวสั่นราวกับลูกนกอยู่ตรงมุมห้อง
ปากอิ่มคลี่ยิ้มสวยมองร่างโปร่งด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน ปาร์คชานยอลยังคงมีสีหน้าหวาดหวั่นมือบางยกขึ้นปิดหน้าไม่ยอมสบตากับนายแพทย์เจ้าของไข้เลยสักนิด
“ ชานยอลเป็นอะไร ? ”
“ อย่า..อย่า.. ”
“ ออกมาหาฉันเถอะ ฉันไม่ทำร้ายเธอ เธอก็รู้.. ” อู๋ฟานพยายามพูดโน้มน้าวขณะยื่นมือออกไปหาคนตรงหน้า ชานยอลลดมือที่ยกขึ้นปิดหน้าของตัวเองลง ดวงตากลมสั่นระริกมองมือหนาที่ยื่นมาด้วยความสับสน
“ ไม่..ไม่..โกหก..คนโกหก.. ” ร่างโปร่งพึมพำขณะโยกตัวไปมาช้า ๆ
“ ฉันเคยโกหกเธอหรือ ฉันไม่เคยโกหกเธอเลยชานยอล.. ” อีกฝ่ายยังคงพยายามโน้มน้าวต่อไป
“ โกหก..โกหก.. ” ชานยอลเริ่มโยกตัวแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนศีรษะกระแทกกับผนังไม้แต่ร่างโปร่งก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ในทางตรงกันข้ามชานยอลกลับโยกตัวแรงขึ้นเรื่อย ๆ แรง..เสียจนเสียงศีรษะกระทบกับผนังดังก้องไปหมด อู๋อี้ฟานใช้จังหวะตอนที่คนไข้ของเขาเผลอรีบดึงร่างของคนตัวเล็กกว่าเข้ามาในอ้อมแขนทันที
“ ปล่อย ! ปล่อย ! ” ปาร์คชานยอลดิ้นขัดขืนอย่างรุนแรงอู๋ฟานกัดฟันกระชับอ้อมแขนนิ่งไม่ยอมปล่อยตัวคนตัวเล็กกว่าไปง่าย ๆ
“ ชานยอลเด็กดีเธอต้องไม่ดื้อกับฉันรู้ไหม ” ร่างสูงกระซิบข้างหู ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นน่าแปลกที่ชานยอลหยุดดิ้นอย่างง่ายดาย มือบางที่ใช้ทุบอกคนตัวสูงกว่าเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นโอบกอดอู๋ฟานแน่น ใบหน้าหวานซบลงกับไหล่หนาและเริ่มร้องไห้ออกมา
“ ฮึก..ทำไมคุณไม่อยู่..ทำไมไม่อยู่ตอนที่เขามา.. ” ชานยอลพึมพำอู๋อี้ฟานคลี่ยิ้มบางก่อนจะกอดโคลงตัวคนตัวเล็กกว่าไปมาเบา ๆ
“ ฉันขอโทษ.. ”
“ คุณรู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นตอนเที่ยงคืน.. ” ร่างโปร่งชักมือที่โอบบ่าของร่างสูงเมื่อครู่กลับมาและเริ่มแทะเล็บราวกับคนไม่รู้สึกตัว ดวงตากลมสวยไร้แววอีกครั้ง เป็นอาการปกติของ
ปาร์คชานยอลยามที่พูดถึงเรื่องนี้
“ ไม่มีอะไรหรอก ตอนเที่ยงคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย ” นายแพทย์หนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน พยายามไม่พูดถึงเสียงแปลก ๆ ที่เขามักจะได้ยินเมื่อเวลาล่วงเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ทุก ๆ คืน..เสียงนั้นจะดังขึ้น..เวลาเดิม..ซ้ำไปซ้ำมา..
เวลานี้ร่างโปร่งของชานยอลมีโลกส่วนตัวของตัวเองภายในอ้อมแขนของอู๋อี้ฟาน คนตัวเล็กกว่าหายใจฟืดฟาดก่อนจะพลิกตัวเปลี่ยนท่านั่งหันหลังให้กับร่างสูง อู๋ฟานขยับตัวนั่งในท่าทีสบาย ๆ เพื่อให้ชานยอลขึ้นมานั่งบนตักของเขาเหมือนทุกครั้งก่อนจะยกแขนโอบเอวของคนที่กำลังนั่งนิ่งไม่รับรู้อะไร
“ มีจริง ๆ ตอนเที่ยงคืน..เขามา..ปีศาจ.. ” ชานยอลพึมพำ ทุกคำพูดไม่ปะติดปะต่อกันแต่อู๋อี้ฟานกลับรู้สึกชินเสียแล้ว ตลอดเวลาสองเดือนที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่เขาเรียนรู้วิธีที่จะทำให้คนไข้รายพิเศษของเขาคนนี้สงบลง และรู้วิธีที่จะทำให้ร่างโปร่งผ่อนคลายความเครียดไม่อาละวาดรุนแรง หนึ่งในนั้นคือการนั่งฟังสิ่งที่ปาร์คชานยอลพูดเงียบ ๆ
“ มาจริง ๆ ฮึก.. ”
“ ไม่เอานะครับชานยอลเด็กดีต้องไม่ร้องไห้ ” ร่างสูงดึงใบหน้าของอีกฝ่ายให้เอี้ยวกลับมาหาก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยหยดน้ำตาเม็ดเล็ก ๆ ออกจากหางตาคู่สวยอย่างอ่อนโยน ดวงตากลมช้อนมองดวงตาคมสีดำสนิทราวแก้วเจียระไนของอู๋อี้ฟานอย่างมีความหมายก่อนที่ริมฝีปากบางจะทาบลงกับริมฝีปากอิ่มอย่างโหยหาลิ้นเล็กรุกล้ำเข้ามาภายในโพรงปากอุ่น อู๋อี้ฟานไม่ได้ขัดขืนเขารู้ดีว่าปาร์คชานยอลเป็นเพียงแค่คนไข้ในความดูแล แต่ในเวลาที่น่าอึดอัดเช่นนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจของเขากำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ ..
หรือนายแพทย์หนุ่มจะตกหลุมรักคนไข้ในความดูแลของตัวเองเข้าแล้วจริง ๆ ..
โรงพยาบาลเซจองเป็นโรงพยาบาลจิตเวชซึ่งตั้งอยู่นอกเขตเมืองหลวง มีพื้นที่กว้างขวางและห่างไกลผู้คน รายล้อมด้วยต้นไซปรัสขนาดใหญ่ที่แตกกิ่งก้านสาขาจนดูเหมือนว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางป่ารกทึบ รั้วไม้สีขาวผุ ๆ เป็นสิ่งซึ่งใช้แบ่งแยกอาณาเขตระหว่างกันอย่างชัดเจน
อาคารไม้สีขาวสไตล์โคโลเนียลหลังโตกินพื้นที่เกือบทั้งหมดที่มีภายใต้เขตรั้วที่รายล้อม เหลือไว้เพียงสนามหญ้าสีเขียวแก่ไร้ชีวิตชีวาซึ่งเป็นสัญลักษณ์บอกกลาย ๆ ว่าไม่ได้รับการดูแลรดน้ำมาเป็นเวลานาน หน้าโรงพยาบาลมีต้นโอ๊คขนาดใหญ่มหึมาอยู่ต้นหนึ่งยิ่งเพิ่มบรรยากาศให้ดูลึกลับและทึบทึม กิ่งก้านขนาดใหญ่ของมันมีชิงช้าไม้เก่า ๆ ที่มักจะแกว่งไกวไปตามแรงลมผูกอยู่อย่างหมิ่นเหม่จนดูราวกับว่าไม่สามารถจะรับน้ำหนักได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว ทว่ามันกลับไม่เคยตกลงมาแม้เชือกที่ใช้ผูกจะผุเสียจนน่าเป็นห่วงก็ตาม
ตลอดสองเดือนที่ย้ายมาประจำการที่โรงพยาบาลนอกเมืองห่างไกลความเจริญเช่นนี้ ความคิดแรกที่วูบเข้ามาในความคิดของนายแพทย์หนุ่มจบใหม่อย่างอู๋อี้ฟานคงหนีไม่พ้นเรื่องราวลี้ลับที่เจ้าตัวเองไม่เคยเชื่อ ประกอบกับความรู้ที่มีของคนเป็นหมอก็ย่อมจะเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้มากกว่าเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้อย่างนี้อยู่แล้ว..
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโรงพยาบาลแห่งนี้มีอะไรที่ดูลึกลับน่าสงสัยอยู่มากทีเดียว..
อู๋ฟานตระหนักว่าอาคารที่ทำด้วยไม้สภาพเก่าทึบทึมเพียงหลังเดียวที่มีมองแล้วช่างชวนให้นึกถึงบ้านร้างที่อยู่ในหนังสยองขวัญ รวมไปถึงคนไข้ที่เข้ารับการรักษาแน่นอนว่ามีไม่มากจนอาจพูดได้ว่าแทบไม่มีเลย ก็ยิ่งทำให้โรงพยาบาลสำหรับบำบัดผู้ป่วยซึ่งมีอาการประสาทหลอนในที่ที่ลึกลับเช่นนี้ดูเหมือนจะมีไว้สำหรับผู้ป่วยที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ‘พิเศษ’
และปาร์คชานยอลก็เป็นหนึ่งในนั้น..
สองเดือนก่อนจึงเป็นครั้งแรก..ที่อู๋อี้ฟานได้พบกับ
ปาร์คชานยอลคนไข้ในความดูแลของเขา..
“ คุณคิมจงแดครับ นั่น..ใช่คนไข้ของที่นี่หรือเปล่า ? ” ร่างสูงเอ่ยถามบุรุษพยาบาลที่ออกมาช่วยเขาขนของด้วยความสงสัยเมื่อมองขึ้นไปเห็นใครคนหนึ่งกำลังยืนมองลงมาจากหน้าต่างห้องใต้หลังคา
“ นั่นปาร์คชานยอลครับ อ่า..ใช่ เขาเป็นคนไข้ของที่นี่แหละ แต่เขาพิเศษกว่าคนอื่น.. ” จงแดตอบพร้อมกับยักไหล่น้อย ๆ อย่างไม่ยี่หระก่อนจะเดินนำอู๋อี้ฟานเข้าไปในตัวอาคารด้วยท่าทีสบาย ๆ นายแพทย์หนุ่มเก็บความสงสัยไว้กับตัวเองเสมอมา เจ้าของใบหน้าหวานกับดวงตากลมที่เรียบเฉยนั้นพิเศษกว่าคนอื่นยังไงนะ..
“ คุณต้องไม่ทิ้งผมไป.. ” ดวงตากลมช้อนขึ้นมองสบตา
อู๋อี้ฟานอย่างตั้งใจ สองมือถูกส่งขึ้นมากอบกุมใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายเอาไว้ น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
“ ชานยอล.. ” นายแพทย์หนุ่มคลี่ยิ้มส่งไปให้อีกครั้ง แต่เมื่อคนตัวเล็กกว่ายังคงจ้องตาของเขาอย่างต้องการคำตอบอู๋ฟานก็หัวเราะออกมาเบา ๆ
“ ก็ได้..ฉันจะไม่ทิ้งเธอ ” ร่างสูงยกมือขึ้นลูบศีรษะชานยอลเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ปาร์คชานยอลที่พิเศษกว่าคนอื่นเป็นแบบนี้สินะ..เวลานี้เขาเข้าใจแล้ว
“ ดี..คุณจะไม่โกหก..ไม่โกหก.. ” ชานยอลพึมพำก่อนจะยิ้มออกมาน้อย ๆ ด้วยความพึงพอใจแล้วพลิกตัวกลับไปนั่งหันหลังให้กับ
อู๋ฟานตามเดิม คนตัวเล็กกว่าเริ่มโยกตัวไปมาราวกับคนไม่รู้สึกตัวอีกครั้ง นายแพทย์หนุ่มยกข้อมือขึ้นดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อเอาขวดยาขวดเล็ก ๆ ออกมา
“ เด็กดีทานยาก่อนนะครับ.. ” ร่างสูงลูบแขนชานยอลเบา ๆ ก่อนจะเขย่าขวดยานั้นแล้วส่งให้ ร่างโปร่งรับมาเปิดดื่มอย่างว่าง่ายก่อนจะส่งขวดยาเปล่า ๆ คืนให้อีกฝ่ายเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิมเพื่อรอเวลา
เพียงไม่นานปาร์คชานยอลค่อย ๆ เอนกายลงมาซบกับแผ่นอกกว้างอย่างสะลึมสะลือ
“ อย่าทิ้งผม..คุณสัญญาแล้ว.. ” ร่างโปร่งพึมพำเสียงสั่นเครือ
“ ฉันสัญญา..ฉันจะกลับมาหานะ ” อู๋ฟานกดจมูกโด่งลงบนแก้มใสมือหนายกขึ้นลูบศีรษะของชานยอลเบา ๆ
“ อย่าให้เขามา..อย่าเอาเขามาด้วยอีก.. ” ร่างสูงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเมื่อคนตัวเล็กกว่าพูดจบ
“ หลับซะนะเด็กดี.. ” นายแพทย์หนุ่มว่าพลางกอดโคลงร่างโปร่งในอ้อมแขนไปมาเป็นการกล่อมเหมือนทุกครั้ง ปาร์คชานยอล
ค่อย ๆ หลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราไปในเวลาไม่นาน อู๋ฟานขยับตัวลุกแล้วช้อนร่างของชานยอลไปวางไว้บนเตียงอย่างแผ่วเบา
ใบหน้าหวานสวยงามราวกับผู้หญิงนั้นทำให้เขาไม่อยากแม้แต่จะละสายตาจากคนตรงหน้าไปไหน ผิวกายขาวเนียนละเอียดอ่อนนุ่มอย่างที่อู๋ฟานไม่เคยได้สัมผัสทำให้เขาหลงใหลในร่างกายนี้ เส้นผมเส้นเล็กละเอียดพลิ้วไหวยามที่เจ้าของร่างขยับกายก็ยิ่งทำให้เขาลุ่มหลง และอู๋อี้ฟานก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง..
“ สวยเหลือเกินชานยอล ” ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มในขณะที่มือหนาไล้ไปตามโครงหน้าเรียว ความรู้สึกอยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของที่
ชานยอลมีให้อู๋ฟานนั้นบางทีอาจจะน้อยกว่าความรู้สึกอยากครอบครองที่ร่างสูงมีให้เจ้าของใบหน้าหวานที่น่าหลงใหลตรงหน้านี้ก็เป็นได้..
TBC.
ความคิดเห็น