คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8..................เรื่องราวของสามสหาย
ปฐมบทที่ 1 ตระกูลออกุสต้า
เรื่องราวของสามสหาย
-8-
ถึงสหายทั้งสาม
สหายข้า มันเป็นการยากที่ข้าจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง และข้าก็ไตร่ตรองอย่างดีแล้วว่าสิ่งที่ข้าทำไปมันถูกต้องแล้ว ไม่ว่าใครจะมองอย่างไรก็ตาม ข้าเสียใจจริงๆที่ต้องทิ้งสมบัติตระกูลของข้าที่แต่ละรุ่นถนุถนอมมาอย่างดี รวมทั้งสหายที่แสนรักของข้า อีแวน ริกสัน เอเดน นับแต่นี้ไปพวกเจ้าไม่ต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานในไร่ของข้าแล้วเพราะนับตั้งแต่บัดนี้ ผืนดินแห่งนี้ไม่ได้เป็นของข้าแล้ว ข้าขอให้พวกเจ้าโชคดีกับงานใหม่ที่เจ้าทั้งสามจะได้ในเวลาอันใกล้นี้
โชคดีเพื่อนรัก
เดนมาร์ รูสัน
ใบปลิวถูกแจกจ่ายไปทั่วเมืองคัสตาโก สถานนี่ ถึงข่าวคราวของการหายตัวไปของบุคคลต่างๆในคืนเดียวกัน รูบี ดัฟฟี่ เจ้าของร้านทำรองเท้าที่มีเชื่อเสียงที่สุดหายตัวในคืนเดียวกับที่ เดนมาร์ รูสัน ทิ้งจดหมายไว้แล้วจากไป ใบปลิวของเขาปลิวว่อนไปทั่วเมือง ภาพหญิงแต่งกายที่บ่งบอกถึงความมั่งคั่งของหล่อน ต่างหูไข่มุกจากเดชซีที่พ่อค้าจากทะเลไกลโพ้นนำมาขาย ทำให้หน้าหล่อนเด่นชัดโดยมีวัตถุที่เหมือนก้อนหินห้อยอยู่ทั้งสองข้าง รูปหล่อนติดอยู่ที่มุมหนึ่งของร้านขายเสื้อผ้าของคุณนายวิลสันจอมขี้บ่น หล่อนอาศัยอยู่กับแมวที่แสนสกปรก และในคืนนี้มันกำลังออกล่าเหยื่อนั่นก็คือพวกหนูที่ออกมาคุ้ยเขี่ย หาเศษอาหารหลังจากตลาดเลิกราในตอนหัวค่ำ ชายทั้งสามหอบหิ้วสัมภาระที่พยายามยัดมันลงในกระเป๋าใบเล็ก ทำให้รูปทรงของมันบิดเบี้ยว
“เราหาที่พักกันก่อนดีไหม อีเเวน”
“แต่เราไม่มีเงินแม้แต่ แวน เดียวนะซิ” เอเดนพยักหน้าเห็นด้วยกับอีเเวน
“ยังไงคืนนี้เราต้องพัก ขืนเราเดินทางต่อมีหวัง---” ริกสันสะดุ้งตัวโหยง
ทั้งสามตัวแข็งทื่อเมื่อสังเกตเห็นร่างสะบักสะบอมของชายคนหนึ่งที่กำลังดิ้นลนเอาชีวิตรอดจากกลุ่มชายเสื้อคลุมที่ออกมาจากร้านที่มีชื่อเขียนติดไว้อย่างเด่นชัด
คอกการ์นี่สำหรับผู้แสวงหาความสำราญ
“ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด ข้าเข้าใจดีและข้าจะจงรักภักดีต่อนายตลอดไป”
“ข้านึกว่าเจ้าเข้าใจตั้งนานแล้วเสียอีก”
อีแวนสะกิดริกสัน ริกสันกระตุกชายเสื้อเอเดน ทั้งสามหลบเข้าไปอยู่ในช่องลืบของร้านค้ากลิ่นอับชื่น กลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งไปทั่ว ชายเสื้อคลุมก้าวเท้ามาประชิดร่างที่ลุกล้นอยู่กับพื้น พร้อมเสียงหัวเราะเรียบเย็นและ ชั่วอึดใจเดียว เอเดนรู้สึกว่าเขาขาดอากาศหายใจ
“ริกสัน นายเอาก้นนายออกไปจากหน้าข้าเสียที่ ข้าหายใจไม่ออก” เอเดนพยายามผลักร่างของริสันอย่างสุดกำลัง ความชุลละมุนเล็กๆเกิดขึ้นในซอกหลืบของร้านค้าที่โกโรโกโส ก่อนที่ เอเดนจะเสียหลัก ล้มลงไปกองกับพื้น เกิดเสียงสนั่นไปทั่วถนนอิฐใจกลางคัสตราโกสถานนี่ เทียนไขถูกจุด ส่องแสงสว่างจากบานหน้าต่าง เกือบทุกบานตลอดแนวถนนที่ทอดตัวสู่ที่สำคัญต่างๆในคัสตาโก ชายสวมเสื้อคลุมมองดูหวาดระแวงก่อนจะหนีหายและหายลับไปกลับมุมมืดของซอกร้าน ที่อยู่ถัดไป ชายหนุ่มนอนอย่างไร้สติอยู่บนพื้นอิฐที่ถัดจากพวกเขาทั้งสองออกไปสามช่วงร้านที่อยู่เรียงราย เขาพลิกตัวด้วยสภาพที่อ่อนแรง
“เอเดน ดูเหมือนว่าพวกมันไปกันแล้ว” ริกสันพูดในขณะที่นอนกองอยู่บนพื้น
“จริงด้วย เป็นเพราะเจ้าแท้ๆเลยที่ช่วยเรา และชายคนนั้นไว้” อีเวนมีสีหน้าดีใจ
ทั้งสามทยอยออกจากซอกลืบ ทั้งสามมุ่งตรงไปยังร่างชายที่นอนอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
“เขาเป็นใครหรือ” ริกสันถามขึ้นขณะทั้งสามพลุ่งตรงไปยังเป้าหมายตรงหน้า
“ทำไมเจ้าไปวิ่งไปถึงก่อนแล้วค่อยถามละ” อีแวนตอบกับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
เป็นเขาแน่ ๆ ใช่เขาแน่นอน จริงๆไม่ผิดแน่ เหมือนกันเลย แววตาเพ่งมองไปยังชายเสื้อดำที่นอนอยู่บนพื้น
“เดนมาร์ รูสัน” ไม่มีใครให้จังหวะ ทั้งสามเปล่งออกมาพร้อมกันทันที
สภาพของเดนมาร์ดูเหมือนคนสิ้นสติ เขาดูฟั่นเฟือน พูดอะไรที่ฟังแล้วจับใจความไม่ได้ เสื้อผ้าที่ใส่ขาดลุ่ย ทำให้ดูชราลง
“คุณ รูสัน คุณสบายดีใช่ไหมครับ” เอเดนถามด้วยความกังวล ไม่มีเสียงตอบกับมาจากร่างที่มองดูจะแน่นิ่ง
“เขาตายแล้ว” ริกสัน รู้สึกถึงลมหายใจที่หมดลงของเดนมาร์ ที่ตกกระทบหลังมือ ริกสันยืดตัวขึ้นสีหน้าเศร้าหมองเจืออยู่บนหน้าที่ปกคลุมด้วยนวดเครา ไม่มีคำพูดใดออกจากปากริกสัน แต่ เอเดน และอีแวนก็รับรู้ถึงการจากไปของนายที่เขารักและศรัทธา ตรอกซอกซอยในคัสตราโกดูเงียบสงัดลงมากกว่าเดิม สายลมกำลังหอบร่างที่โปร่งใสเสียเหลือเกิน จนทั้งสามไม่สามารถรับรู้ถึงการจากไปของชายที่ทั้งสามคุ้นเคย
รุ่งเช้ามาถึงพร้อมรับความคับครั่งของตลาดในยามเช้า ร่างของเดนมาร์หายไปในข้ามคืนเดียว เขาใช้ชีวิตหลังความตายใต้ต้นมาโกเนีย นอกเขตเมืองคัสตราโก
หลังจากร่ำราหลุมศพที่ทั้งสามตั้งใจสร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์เเก่นาย ผู้ล่วงลับ เอเดนเก็บผ้าเช็ดหน้าผื่นน้อย หลังจากพ่นน้ำมูกเหนียวเนอะ ใส่มัน เอเดนมิอาจจะละทิ้งหลุมศพของนายได้ เขายังอาวอนกับการตายของนาย ในขณะที่เพื่อนทั้งสองพยายามลากเอเดนออกมายังถนนสายใหญ่ของศัสตราโกสถานนี่
เสียงพ่อค้าเเม่ค้าทั้งสองข้างของถนนใจกลางคัสตาโกสถานนี่ ต่างเเสดงท่าทาง เเละเเต่งกายประหลาดบางครั้งออกจะน่าเกลียดน่ากลัวไปด้วยซ้ำ เพื่อเรียกร้องให้ลูกค้าเเวะมาชมสินค้าที่มาๅวางกองเพื่อเสนอขาย พ่อค้าชาวเลคนหนึ่งเเต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ประดับประดาด้วยเปลือกหอย เสียงดังกรุ่งกริ้งตลอดเวลาในขณะที่เเสดงท่าพิลึก ใส่ลูกค้าที่ทำท่าสนใจสินค้าที่กองขายอยู่ บางคนถึงกับผละหนี ด้วยความตกใจ เเม่ค้าขายผัก
กำลังม่วนอยู่กับการเเต่งกายลูกลูกสำหรับการเเสดง ที่จะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับพ่อค้าเเม่ค้าอีกหลายราย ที่เเต่งกายประหลาดๆมายืนหน้าร้าน ทำให้ถนนใจกลางเมืองดูคึกคลื้นไปถนัดตา เสียงดนตรีพื้นเมืองของนักดนตรีเร่ร่อน ที่น้อยคนนักจะสนใจเพราะมักมาพร้อมกับกลิ่นตัวที่เหม็น คนหลายคนเเสดงสีหน้ารังเกียจได้อย่างชัดเจน กลุ่มเด็กวัยรุ่น ยืนสูบยาสูบ อยู่ที่มุมตึก สายตาสอดส่องดูหญิงสาววัยเดียวกันอย่างเสน่หา
“เห้ย มาเชล เเกอยู่นี่เอง” เด็กชายที่ใบหน้ามีสิวเกอะกังโผมาจากมุมตึกพร้อมตบบ่ามาเชลที่ยืนสูบยาสูบอย่างเพลิดเพลิน
“เอเบดโต้ เรียกหาเเก เขากำลังครั่งสุดขีดเลยรู้ไหม”
“มันเรื่องอะไรกานหละ” เขาพ่นยาสูบใส่หน้าสหาย เขาสำลัก จนหน้าเขียว
“เขาบอกว่า มีพวกบ้าอะไรก็ไม่รู้ ระหว่างที่เขานอนอยู่ มีเด็กบ้า 3 คน ตกใส่เตียงเค้า เเล้วเตียงอันเดียวก็หัก เขาโกรธมากๆ เเละครั่งไม่ยอมหยุด”
“เเล้วเด็กสามคนนั้นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างหละ”
“เกือบเเหละ เป็นโจ๊กเเล้วหละ ตอนนี้ถูกล่ามไว้หลังร้านของป้าวิงจี้ โน้น เอเบดโต้ กำลังเค้นที่มาของเด็กทั้งสามอย่างเอาจริงเอาจัง เขากลัวว่าพวกมันอาจเป็นสายลับของพวกชายเมืองที่วันก่อนเอเบดโต้ สั่งสอนจนหางจุกตูดเหตุเพราะ ไม่ยอมให้เขาเเซงคิวซื้อชา
” มาเชลยิ้มเเละเดินตามเขาไปอย่างง่ายดาย เมื่อเด็กทั้งสองจากไปทิ้งความสงสัยให้เอเดนที่ยังโศกเศร้าไม่หาย ความคิดหนึ่ง ที่เพื่อนทั้งสองของเขาคาดไม่ถึง
“นี่ริกสัน นายคิดเหมือนที่เราคิดหรือเปล่า”
“เเล้วนายคิดอะไรหรือเอเดน”
“ข้าว่าเราอาจ ได้จำเลยในคดีนี้เเล้วละ”
“นายหมายความว่าอะไร” ริกสันรู้สึกหวาดกลัวในความคิดเพื่อนที่ยังไม่ปรับให้เป็นกลางหลังผ่านเหตุการณ์เลวร้าย
“นายคุ้นชื่อที่เจ้าเด็กเหลือขอ สองคนนั้นพูดไหม”
“อือ คุ้นอยู่ อันตพาน วัยสิบหกปี เอเดโต้ คอเเกน เจ้าอ้วนไร้ยางอาย เเม้กระทั้งเด็ก ยังรังเเก”
“เอเบดโต้ น่าจะจับคนร้ายที่ ฆ่าเดนมาร์ ได้เเล้วละ”
“ทำไมเเกถึงคิดอย่างนี้ละ” อีแวนพี่คนโต เเคลงใจ
“เดาเอา เเต่คิดดู ว่าในยามค่ำมีน้อยคนนักที่จะเร่รอน ยิ่งหลังที่สภาล้มสลายด้วยเเล้วยิ่งงน่ากลัวเข้าไปใหญ่ คัสตราโก ขาดการป้องกัน”
“เดนมา หยุดพูด” อีเเวนปรามด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
“เจ้ายังไม่เคยได้ยินสายลับจากปราสาทหรือ เราไม่รู้หรอกว่า พวกมันมาในรูปเเบบใดเจ้าอยากเดือดร้อนหรือ”
“เอาเป็นว่า เราเชื่อเจ้าก็ได้ เราจะไปหาเอเบดโต้ เพื่อดูสิว่าจริงดั่งที่เจ้าว่าหรือเปล่า”
เเม้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ขาดเหตุผลที่สุด เท่าที่ทั้งสามเคยทำมา เเต่อย่างน้อย ก็เป็นการดีที่ จะทำให้นายที่นอนอย่างไม่ไหวติงรับรู้ว่าทั้งสามพยายาม เพื่อนายเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งสามออกเดินตามเด็กทั้งสองอย่างไร้ซึ่งเหตุผลเช่นที่ตัดสินใจในตอนเเรก ทั้งสามเลี้ยวตามเด็กทั้งสองผ่านตามซอกซอยที่ดาดดื่นไปด้วยปฏิกูลทที่ถูกขุดคุ้ยจากถังขยะโดยสุนัขจิ้งจอกเร่ร่อนที่ไม่เข้าใจเลยว่าที่ไหนเหมาะสมกับพวกมันเอง เสียงคุณนายริดซี่เกษตรดีเด่นของคัสตราโก หล่อนโวยวาย เพื่อขับไล่ หมาจิ้งจอกตัวหนึ่ง ที่คุ้ยถังขยะที่หล่อนพึ่งนำมาทิ้ง ไม้ท่อนหนึ่งพุ่งเฉียดศีรษะริกสัน เขาก้มหลบทันที “โทษทีพ่อหนุ่ม” น้ำเสียงสนครือของหญิงชราลอยผ่าน ริกสันยิ้มอย่างไม่เต็มใจให้ หญิงชราเดินกหลังเข้าไปในบ้าน ในจังหวะเดียวที่เเสงสว่างของบ้านเเต่ละหลังเ เริ่มดับลง ความมืดเริ่มปกคลุมคัสตราโกสถานนี่ เสียงเห่าหอนของสุนัขจิ้งจอก ก้องกังวาน ทั้งสามเริ่มเบียดกันเข้ามา มองดูการสะกดรอยตามยากลงทุกที ทั้งสามเห็นเเต่ร่างที่เคลื่อนไหวตามจังหวะการเดินอย่างต่อเนื่อง ไม่นาน ไม่นานบ้านเรือนเริ่มบางตาลง บ้านเเต่ละหลังหายวับไปกับความมืด พร้อมเมฆฝนที่ปกคลุมท้องฟ้าในรัตติกาล เส้นทางที่ถูกราดด้วยก้อนหินขนาดเล็กปรากฎอยู่เบี่ยงหน้า ก้อนกรวดกลิ้งเสียดสีกัน ตามจังหวะการก้าว ทั้งผู้ตาม เเละผู้ถูกตามเป็นจังหวะที่สอดคล้องกัน ทั้งสามทิ้งระยะห่างจนเเน่ใจว่าเด็กทั้งสองไม่อาจสังเกตเห็น ทุ่งหญ้าโล่งเเหล่งนี้ชื่อว่า ทุ่งเเห่งผู้ถูกเลือก ชื่อที่ทุกคนในคัสตราโก เข้าใจทันทีว่าไม่ควรอยู่ในทุ่งนี้นาน ถ้าไม่จำเป็น ยิ่งหลังเหตุการณ์ประหลาดที่เริ่มเกิดขึ้น แล้ว ทุกคนก็มักจะหลีกเลี่ยงทุ่งนี้ เเต่สำหรับอันตพาลนับว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ในการมัวสุม วางแผนทำเรื่องที่เลวร้าย เส้นทางเริ่มชันทุกที่ อีเเวน ริกสัน เอเดน รู้ว่าเส้นทางนี้กำลังมุ่งตรงไปยัง ร้านน้ำชาที่มีชื่อมากที่สุด ดัมปิ้ง เฮาร์ เป็นชื่อที่ติดหูของนักเดินทางที่มาเยี่ยมเยือนคัสตราโกสถานนี่ เด็กชายทั้งสอง เดินเร็วขึ้น คงไกลถึงจุดหมายมาก ทั้งสามรีบรุดหน้าเดินตาม เพื่อไม่ให้เด็กทั้งสองคาดตาไป เเสงตะเกียงของยามเวรดึก ลอยเด่น เหนือเนินเขา มาเชล ปัดตะเกียงที่อยู่ในมือของชายชราดับ ชายชราโวยวายเเละด่าทออย่างกราดเกี้ยว ก่อนที่จะสงบลงเเละพยายามจุดตะเกียงขึ้นมาอีกครั้ง เเสงสว่างวาบขึ้นขณะที่ ทั้งสามเดินผ่าน เขาเเยกเขี้ยวใส่ริกสัน ทำให้ทั้งสามรีบเดินผ่านชายชราไปอย่างเร็วที่สุด ทางเดินถูกปูด้วยเเผ่นหินที่เงาดำ ชื้นเเฉะมีตะไคร้น้ำ เกาะติดเเน่นระหว่างเเผ่นหิน โคมไฟของบรรดา บ้านเรือนยังติดอยู่บ้าง เเต่ส่วนใหญ่ก็ดับลงด้วยห่าฝนที่พึ่งผ่านไปชั่วครู่ ทิ้งร่องรอยความเสียหาย ให้เเก่ชุมชนหน้าด่านเล็กๆที่เรียกว่า ลิตเติ้ล ฮิลล์ ที่สุดปลายถนนฝูงชนออกัน ส่งเสียงเเซ่งเเซ่ พวกนักเดินทางต่างทยอยกันกันออกจากร้าน ดัมปิ้ง เฮาร์ หลังติดฝนอยู่นานพอควร อีเเวน เหลียวมองลงไปไปข้างหลัง สายฟ้า เเล่บส่องสว่างเป็นสายพาดขอบฟ้าขนานเเนวหุบเขาที่ห้อมล้อม ที่ราบคัสตราอีโมเอล ที่ตั้งของคัสตราโกสถานนี่ ยอดปราสาทออกุสตร้าตระหง่านติดกับเนินผาที่อยู่ไกลลิบตา ธงผืนใหญ่ดำทมึน โบกไปมาตามลมพายุที่โหมกระนั่ม
“นี้หรือคือชะตากรรมของคัสตราโก” อีเเวนอุทานเสียงเเผ่วเบา เเทบกลมกลืนกับเสียงสายลมที่ทะยอยพัดไปรวมตัวกับพายุลูกใหญ่ที่กำลังรวมตัวเตรียมเข้าถล่มคัสตราโกสถานนี่
“อีเเวนพวกเขาเลี้ยวตรงตรอกข้างร้านน้ำชา ดัมปิ้ง เฮาร์” ริสันชี้ตรงไปยังตรอกที่มีเหล่านักเดินทางยืนออกันอย่างคับคลั่ง อีเเวนทิ้งความกังวลไว้ข้างหลังเเล้วรีบมุ่งหน้าไปยังจุดหมายข้างหน้าตามความตั้งใจที่จะไขปริศนาการตายของ เดนม่าร์ รูสัน นายที่เป็นที่เคารพรักของสามสหาย ที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาตลอด ฝุงชนเเน่นเสียเหลือเกิน ทั้งสามเบียดเสียด หลบหลีกชายร่างใหญ่เเต่ละคนสวมเสื้อขุมบิดบังหน้าตนเองอย่างมิดชิด กลิ่นสุราเเละน้ำชาผสมกันจนเป็นกลิ่นที่แปลกพิกล ชายคนหนึ่งนอนอย่างไร้สติกับพื้น ริกสันเกินเหยียดชายคนนั้น โชคดีที่เขาเห็นเข้าก่อน กว่าจะฝ่าวงล้อมออกไป เด็กชายทั้งสองก็คาดสายตาไปเสียเเล้ว เนื้อตัวของทั้สามเปียกโชกไปด้วยเหงื่อไคร่
“เราจะทำอย่าไงดีละ อีเเวน เอเดน” ริสันบาดเหงื่อตนเอง ขณะที่พยายามทรงตัว หลังจากที่เบียดเสียดในฝูงชนอยู่ชั่วครู่
“ตามหาไง สองคนนั้นคงอยู่ไม่ไกลจากนี้มากหรอก” เอเดนเสนอความคิดเห็น
“เเยกย้ายกันหาดีไหม ครับ” สายตาริกสัน อ้อนวอนอีเเวนให้เห็นด้วยกับเเนวคิดของตนเองมองดูการตัดสินใจที่ยากลำบากยิ่งกว่าอยู่ที่พี่คนโต อีเเวน เขาก้มหน้าที เเหงนหน้าที่ จนสหายทั้งสองมองตามจนตาลาย
“ทำไมพี่ตัดสินใจลำบากจริงครับ” ริกสันที่อายุน้อยสุดตั้งคำถาม
“มันเเปลก ใช่ไหมหล่ะ ริกสัน ที่พี่ดูกังวลอย่างนี้ คิดดูซิน้องทั้งสอง เราสามพี่น้อง ถึงเเม่จะไม่ใช่ เเต่ความรู้สึกพี่มันใช่ ไม่ว่าเจ้าทั้งสองคนจะคิดอย่างไง เป็นสหาย หรือเพื่อน มันก็เป็นเรื่องของความคิดในเเต่ละคน ตลอดสิบปีในฟาร์ม ของเดนมาร์ รูสัน เราทั้งสามไม่เคยจากกันเลย ทั้งเวลานอน เวลาพักผ่อนหรือเที่ยวเล่น พี่รักพวกเจ้าทั้งสอง ถ้าพวกเราจะมีภัยอันตราย พี่คนนี้จะขอรับไว้คนเดียว
“พี่ อย่าพูดอย่างนั้น เราก็ยังปลอดภัยอยู่นี้ไง เราสามคน เเละไม่มีอะไรจะมาทำร้ายเราด้วย ไม่มีเด็ดขาด” ริกสันโผเข้ากอดอีเเวน น้ำตานองหน้า
“เจ้าเป็นน้องเล็ก เเถมอายุยังน้อย คิดได้ขนาดนี้ ข้าก็ดีใจเเล้ว” อีเเวนรับกอดอย่างชื่นชมในตัวน้องสุดท้อง เอเดนสมทบด้วย ทั้งสามสหายบัดนี้ได้กลายเป็นสามพี่น้องที่จะร่วมสุขทุกข์โดยไม่ทอดทิ้งกัน ทั้งสามตัดสินใจที่จะเเยกทางกันเพื่อตามหา อันทพาลทั้งสอง ท่ามกลางความมืดของ ลิตเติ้ลฮิล
ดวงดาวในค่ำคืนนี้เริ่มเลือนลางลง ท้องฟ้าเป็นสีเเดงเยี่ยงยามครั้งที่สิ้นสุดของเเต่ละวัน่ต่างกันที่มันจะมืดหรือสว่างหลังจากเเสงสีเเดงหายไป เสียงกรนดังลั่นอยู่หน้าร้านดัมปิ้ง เฮาร์ พ่อค้า โจนาธาน เชปเปอร์ เจ้าของร้าน กำลังขนฟืนที่หาได้จากชายป่าหลังจากการตรากตรำหามาตลอดคืน เขากำลังพยายามปลุกสามสหายให้ตื่น เพราะนี้เป็นเวลาสายมากเเล้วอีกไม่นานลูกค้าก็จะทยอยมาหาของว่างในยามเช้าที่ร้านเเห่งนี้ ถ้าการเตรียมล่าช้ามีหวังคงชวดไปหลายเเวนเเน่ๆ โจนาธานหิ้วน้ำถังใหญ่ ใช่น้ำอย่างเต็มปี่ โชคดีที่เจ้าหนูเเคสปี้ เเมวตัวอ้วนขนปุยพันธ์
เปอร์เซียที่พึ่งเสร็จจากการสวาปามบรรดา หนูที่ออกมาเพ่นพ่านในค่ำคืน เช้านี้มันอ้วนเป็นพิเศษ
เป็นเหตุให้โจนาธาน เสียหลักขณะที่หิ้วถังน้ำใบใหญ่มุ่งตรงมาที่สามสหายนอนหลับอยู่ เกิดเสียงดดังสนั่น พร้อมน้ำที่เจิงนองเต็มพื้น ปลุกสามสหายให้ตื่น
“เกิดอะไรขึ้น” อีริกผุดลุกอย่างตื่นตะหนก
“ฟ้าผ่าหรือไง”ริสันตาโบกโผน
“ใครรอบโจมตีเราหรือ” เอเดนนอนตัวงอด้วยความกลัว
ริสันมองไปรอบอย่างสงสัย เขาเห็นป้ายใหญ่เหนือหัว เขียนว่า ร้านปิ้ง เฮาร์ เเละในร้านเจิงนองไปด้วยน้ำ เเละมีร่างขนาดใหญ่ นอนเเน่นิ่งอยู่บนพื้น มีเสียงครางเบา พุงขนาดใหญ่กระเพื่อมขึ้นลง
ตามจังหวะหายใจ
“คุณโจนธาน” ริกสันผุดลุกเเละมุ่งตรงไปยังเจ้าของร้าน สักครู่ อีเเวน เเละเอเดนตามไปติดๆ
“คุณเป็นอย่างไรบ้าง”ริกสันเขย่าเพื่อเรียกติดเขากลับมา เเต่ก็ไม่มีวี่เเววว่าเขาจะรับรู้ว่ารอบกายเขาเกิดอะไรขึ้น
“พี่ว่าพาเขาเข้าไปข้างในก่อนดีกว่าไหม ก่อนที่ลูกค้าจะทยอยมายังร้านนี้ ถ้ามาพบเราในสภาพอย่างนี้ มีหวัง..” อีเเวนเสนอความคิด
“เเล้วร้านละเราจะปิดหรือ เปิดไว้ล่ะ ถ้าร้านปิด ก็คงตกเป็นข้อสงสัยในกลุ่มลูกค้าเเน่ มีหวัง คงถล่มร้านเข้ามาเเน่” เอเดนเเสดงความกังวล
เสียงฝีเท้าทั่หนักหน่วงเหยียบย่ำลงบนเเอ่งน้ำที่เจิงนองเหมือนฝูงสัตว์ที่ทะยอยอพยพ
เพื่อเเสวงหาเเหล่งอาหาร รองเท้าบูธที่หุ่มด้วยหนังสัตว์ส่งเสียงคำราม เเสดงการมาถึงของเหล่านักเดินทางที่เดินทางมาค้าขายในคัสตราโกสถานนี่
“ เราไม่มีเวลามากเเล้ว อีกไม่นานลูกค้าก็มายังร้านนี้” ความตึงเครียดเจือบนหน้าเอเดนเเละเเพร่กระจายยิ่งกว่าโรคร้าย เเต่ที่หนักสุดเห็นจะเป็น อีเเวนพี่คนโต
“ ริสัน เอเดนจำครั้งที่เดนมาร์ให้เราไปสืบที่ไร่ บาเช่ โบมินี่”
“การปลอมตัว” ริกสันเข้าใจในทันที
“เเต่มัน ยากโดยเฉพาะที่เเห่งนี้ ไม่มีอุปกรณ์ เวลาเเละเสื้อผ้า ที่พอจะปลอมตัวได้” ริกสันพูดต่อ
“มีดิ พี่ว่าร้านนี้พอที่จะมี ชุดลูกจ้างอยู่บ้างคงอยู่ในห้องครัว ถ้าพี่จำไม่ผิดที่นี้มีลูกจ้างอยู่ สองคน พอลลี่เเละโลเเกน สองคนนี้มักมาทำงานสายๆ เราพอมีเวลาที่จะปลอมตัว ก่อนอื่นเราต้องจัดการกับ เจ้าอ้วนนี่ก่อน คงอีกนานที่จะตื่น”
“พี่ ผมคิดว่า เราหน้าจะถือโอกาสนี้หนีไปดีกว่า” ริสันรู้สึกไม่เห็นด้วยกับเเผนที่อีเเวนคิด
“ไม่ เราจะถือโอกาสนี้ ตามหา อันธพาลทั้งสอง เพราะที่เเห่งนี้ เป็นที่ร่วมของเหล่านักเลงจากทุกที่ของคัสตราโกสถานนี่ ถ้ามีโอกาสเราสามารถเจอเด็กทั้งสอง”
“เเล้วเมื่อไหร่ล่ะ ที่พี่คิด เราอาจต้องฆ่าเจ้าอ้วนนี่ แล้วยึดร้านนี่ เพื่อคอยเด็กทั้งสองตลอดชีวิตเลยมั้ง” สีหน้าเดือดดาลปรากฏบนหน้า
“พี่รู้ว่าเจ้าทั้งสองหนักใจเเต่ขอให้ไว้ใจพี่เถอะ เราจะพบสองคนนั้นเร็วนี้ เเละเราจะได้เเก้เเค้น ให้กับเดนมาร์
ไม่มีเวลาพอที่จะพูดคุยกันต่อไปเเล้ว เสียงของนักเดินทางดังเเซ่ซ้อง อยู่หน้าร้านที่บัดนี้ถูกปิดสนิท ทั้งสามเคลื่อนย้ายร่างอันใหญ่โตของ โจนาธาน อย่างทุลักทุเล ทั้งสามตัดสินใจวางร่างของเขาที่หลังร้านบนกลางของถังน้ำที่เยิ้มเเละเหนียวเนอะ
“เราไม่น่าทำกับเขาอย่างนี้” ริกสันกล่าวอย่างสิ้นเเรง เหงื่อโชกกาย เขายืนจ้องมองร่างชายร่างท้วมสักพัก เเล้วเดินตาม อีเเวน เเละเอเดนอย่างฝืนใจ
ห้องเกือบทุกห้องในร้านถูกล็อค โชคดีที่ เอเดนเจอกุญเเจที่ ถูกเก็บไว้ที่กระดิ่งเเขวนคอเจ้าเเคสปี้ มันทิ้งล่องรอยที่เเสนเจ็บปวดบนเเขนทั้งสองข้าง ก่อนที่จะวิ่งหนีไป ทั้งสามรื้อค้นตู้เสื้อผ้า ที่วางตั้งเป็นเเถว เเต่ละใบใช้เเยกเก็บเสื้อผ้าเป็นฤดู ส่วนมากยังไม่ผ่านการซัก ทั้งสามเลือกเสื้อผ้าที่ดีที่สุดสำหรับการเป็นลูกจ้างชั่วคราวของร้านน้ำชา
“ พี่ว่าชุดนี้ดีไหมอ่ะ” เอเดนถามด้วยความตื่นเต้น
“ก็ดี” อีเเวนตอบโดยไม่หันไปมอง
“เเล้วตัวนี้ละ พี่ว่าไง” อีเเวนจ้องเอเดนอย่างข่มฝัน เขาดูสงบขึ้นเเละเลือกเสื้อผ้าต่อไป
ไม่นานทั้งสามก็อยู่ในชุดที่ดูเเปลกตามากสำหรับคนที่เคยมาใช้บริการของร้านน้ำ
ชา อีเเวนเลือกชุดที่คล้ายพวกสกอต ริกสันใส่เสื้อเชิ้ต มีริปบิ้นผูกที่คอ ส่วนเอเดนสวมเสื้อขนสัตว์ที่ถูกเย็บจนรัดเเน่น ปล่อยขนฟูฟ่อง รอบๆคอเเละเเขนทั้งสองข้าง
“พี่ว่าเราเหมือนบริกรของร้านน้ำชาไหมอ่ะ” เอเดนถามอย่างไม่มั่นใจ
“น่าจะเหมือนอยู่ เเต่ไม่ค่อยเเน่ใจเท่าไหร่” อีเเวนถอนหายใจอย่างเเรง
“พร้อมนับถอยหลังยังน้องรัก” อีเเวนพยายามให้กำลังใจ ทั้งสองพยักหน้าตอบรับ
“ หนึ่ง
.”อีเเวนมองหน้าริกสันอย่างกังวล
“ สอง
..”ริสันมองหน้าเอเดนอย่างหนักใจ
“สาม
”ทั้งสามนับพร้อมกัน “ศูนย์
..”
ประตูหน้าร้านถูกเปิดออก ฝูงชนน้อยใหญ่ยืนเต็มถนนปิดทางเข้าร้าน ทุกคนต่างเพ่งความสนใจมายังบริกรจำเป็นของร้านน้ำชา เสียงอึกถึกที่เกิดขึ้น เงียบลงถนัดตา ชายที่ไว้หนวดที่คดจนกลายเป็นล้อรถหันมามองอย่างอารมณ์เสีย
“เจ้าไพร่ ทั้งสองยืนเซ้ออยู่ทำไม รีบเปิดประตูซิ ข้าหิวจนไส้เเทบขาดเเล้ว” เขากระทืบเท้าอย่างเเรงจนทั้งสามสะดุ้ง เเละเปิดประตูอย่างลนลาน บรรดาลูกค้าที่ไม่พอใจมีมากทุกที่ เเต่ละคนที่เดินผ่านทั้งสามต่างทำท่าข่มฝัน เอเดนพยายามหลับตา นี้คงเป็นจุดจบ ถ้าความจริงถูกเปิดเผยขึ้นมา ลูกค้าต่างนั่งตามโต๊ะที่ตนโปรดปานจนเเน่นขนัดร้านเล็ก ที่เก่าเต็มทน เสียงร้องรียกหาบริกรดังไม่ขาดสาย มันเป็นงานที่หนักเอาการ ริกสัน เอเดนคอยวิ่งรับรายการของเเต่ละคนที่ยาวเหยียด อีเเวนยุ่งเเต่ในครัวคอยเต็มชาที่ถูกผสมไว้เเล้ารินใส่เเก้วเเต่ละใบ ทั้งสามลืมเป้าหมายที่วางไว้สิ้นเชิง ไม่มีเวลาเเม้ที่จะสังเกตว่าลูกค้าเเต่ละคนคือใคร ต่างคนก็ลืมจนหมดสิ้น จนรายการน้ำชาใบสุดท้ายมาถึงมือของเอเดน
“ชาเลมอน 1 ที่ ชาน้ำผึ้ง 1 ที่” น้ำเสียงคุ้นหูทำให้ เอเดนต้องเงยขึ้นจากเเผ่น
กระดาษที่ใช้จดรายการ ใบหน้าที่คุ้นตาปรากฏอยู่ตรงนี้ สีหน้าดีใจปรากฏอย่างทันตา
เขาเเทบที่จะเก็บความปิติไว้ไม่อยู่ ความรู้สึกอยากกระโจนไปบอกสหายทั้งสองทันที เขาบรรจงจรดปากกาอย่างยาลำบาก มันสั่นจนเขียนหนังสือไม่เป็นตัว
“จะรับอะไรเพิ่มอีกไหมครับ” คำพูดเอเดนสั่น จนเป้าหมายสังเกตความผิดปกติ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” เป้าหมายมีสีหน้าสงสัย
“เเค่นี้ใช่ ไหมครับ” เขาพูดตัดบทเพื่อหลีกเลี่ยงคำถาม เขามุ่งหน้าไปยัง เอเดน เเละอีเเวนด้วยความปิติ
สิบนาทีผ่านไป ดูเร็วเหลือเกินสำหรับสามสหาย ที่ต่างคนก็เสนอเเผนเด็ด อย่างเคร่งเครียด ลูกจ้างที่ถูกขังพอลลี่เเละโลเเกน ไว้ในถังน้ำผึ้ง ส่งเสียงโวยวายจนทั้งสองต้องกลิ้งถังไปรวมกับถังไม่ที่ยังไม่เปิด น้ำผึ้งเยิ้มจากถังที่มีรอยรั่วช่วยลดเสียงทั้งสองลง
“ลักพาตัว พี่ว่าดีที่สุด ถังน้ำผึ้งเรายังมีเหลืออีกมาก ดีไหม เอเดน ริกสัน”
“ เเล้วเราจะทำได้อย่างไงล่ะ เขาเป็นลูกค้าเรา เเละลูกค้าคนอื่นล่ะ ไม่จับพิรุจ เราจนได้หรือ” ริสันกังวลในเเผนการ
“ บอกอันธพาลสองคนว่า ทางร้านมีของขวัญที่ระลึกสำหรับลูกค้า น้ำผึ้งรสดีจาก เเดนไกลจังหวะที่เราพาทั้งสองไปที่หลังร้าน เอเดนจะเป็นเเขวนถังน้ำผึ้งข้างบน พี่จะให้สัญญานเเล้วปล่อยถังน้ำผึ้งลงมา” ไม่มีเสียงต่อต้านจากริกสันเเละเอเดน
เอเดนยังทำหน้าที่เป็นบริกรอย่างเเนบเนียน เขานำใบเเจ้งหนี้ยืนให้อันธพาลทั้งสอง พร้อมเเจ้งข่าวดีให้ทั้งสองทราบ ทันทีที่ทราบ ทั้งสองไม่สงสัยเเต่ดีใจอย่างยิ่ง ขั้นตอนเเรกเสร็จสิ้นอย่างเเนบเนียน
เอเดนพาทั้งสองไปหลังร้าน
“เราคงได้ไปอวดเพื่อนๆเรื่องที่ได้เข้ามายังหลังร้านดัมปิ้งเฮาร์ องพวกนั้นต้องอิจฉาเเน่นอนว่าไหม โทมัส”
“เเน่นอน พี่เบนนี่” ทั้งสองยิ้มอย่างวางท่าโดยไม่ลังเลใจสักนิด เอเดนเเทบคลั่งที่ต้องข่มความรู้สึกสะใจเขากระยิ่มยิ้มย่องอย่างมีชัย
“คอยดูสีหน้า เจ้าพวกนั้น พี่ไม่อยากคิด ซะใจสุดๆ” เบนนี่ ถ่มน้ำลายวางท่า เอเดนมองอย่างรังเกียจ
“ โครม ซ๋า ๆๆ” ถังใบใหญ่ หล่นลงมาจากที่สูงอย่างจงใจ ร่างเด็กทั้งสองหายไปทันตา ทั้งถูกดึงขึ้นพร้อมร่างทั้งสองที่ดิ้นรนอยู่ในถังเเคบๆอย่างขัดเคืองใจ เสียงดังอู๋อี้ จนจับประเด็นไม่ได้ ถังถูกเเขวนอยู่ติดเพดานของห้อง มันสายไปสายมาจากการดิ้นอย่างสุดชีวิตของเด็กทั้งสอง
“ปิด ร้าน” เสียงอีเเวนดังมาจากด้านหลังกองถังน้ำผึ้ง เนื้อตัวเขาเหนียวเนอะ กว่าร้าน
จะปิดได้เล่นเอาทั้งสามเเทบเข่าอ่อน ลูกค้าคนหนึ่งเมาไม่ได้สติ จนต้องหามออกไปนอนข้างนอก ลูกค้าหลายคนไม่พอใจ บางคนถึงกับขว้างเเก้ว โชคดีเฉียดหัวริกสันเพียงเส้นยาเเดงผ่าเเปด สลักทุกตัวต่างยึดตรึงกับประตูอย่างเเน่นหนา ทั้งสามกลับไปยังหลังร้าน อีเเวนมัดเด็กทั้งสองด้วยเชือก
เส้นหน้า เด็กทั้งสองเปรอะเปื้อนด้วยน้ำผึ้งไปทั้งตัว
“บ้วก เเบ ต้อง อาราย
.” เบนนี่ เเสดงท่าข่มขู่ น้ำผึ้งจำนวนหนึ่งทะลักออกจากปาก
“อย่าเข้าใจพวกเราผิด เบนนี่ เราเเค่ต้องการรู้อะไรบ้างอย่างจากพวกคุณ” อีเเวนใช้น้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม
“พวกเเก จะทำอะไบ เบา” น้ำผึ้งพุ่งออกจากปากเบนนี่
“เราเเค่อยากรู้ว่า เอเบดโต้ จับเจ้าเด็กสามคนที่ทำเตียงเขาหลังไปไว้ไหน เราอยากเจอเจ้าเด็กนั้น เราคิดว่าเด็กนั้นอาจจะเป็นฆาตรกร นายจ้างเรา” ริสันใช้น้ำอ้อนวอน
“เเล้ว บำไม ต้องจับเรา เเบบบี้ด้วย” โทมัส พยายามกลืนน้ำผึ้งเอือกสุดท้าย
“เราคิดว่าพวกเจ้าคงจะไม่ยอมบอกเรา ถ้าเราเข้าไปถามพวกเจ้าต่อหน้า” เอเดนพยายามรักษาน้ำเสียงให้อ่อนนุ่มที่สุด เบนนี่เเละโทมัสมองหน้าอย่างประหลาดใจ เหมือนเขาสองคนกำลังคิดอะไรบางอย่างชั่วครู่ เขาปล่อยเสียงหัวเราะ สร้างความเเปลกใจเเก่สามสหาย
“นี้คือความสำเร็จของเราหรือเนี่ย ไม่เคยคิดฝันเลยจริงๆ พี่เบนนี่” โทมัสรู้สึกเเปลกใจ เบนนี่สำลักน้ำผึ้งสองครั้งก่อนจะรวบรวมคำพูดจนเป็นคำ
“อะไรคือความสำเร็จของเจ้า เบนนี่ โทมัส” อีเเวนตัดบท เเละถามด้วยความเเปลกใจ
“ก็..ทำให้พวกเจ้ากลัวไง พวกโง่” คำพูดก้าวร้าวเเละวางท่าของเบนนี่ ทำให้ริกสันอยากเข้าไปชกเจ้าเด็กนั้นสักหนึ่งมัด
“นายจะคิดอย่างไง ถ้ารู้ว่าเราทำให้คนอื่นกลัวได้ วิเศษ ยอดเยี่ยม หรือ สุดยอด ข้านึกไม่ออกเลยโทมัส”
“ไม่อยากนึกเลยพี่เบนนี่ คงเป็นความรู้สึกที่ประหลาดหน้าดูว่ามั้ย” เเววตาโทมัสคล้ายล่องลอยในความฝัน
“พี่ว่าเราไม่ควรพูดเรื่องเเบบให้พวกนี้ฟัง ถ้านายรู้เราต้องเดือดร้อนเเน่”
“จริงอย่างที่เจ้าพูด โทมัส” เบนนี่ฉายเเววตามุ่งร้ายมายังสามสหายที่ยืนอยู่
อีเเวนสนใจทุกคำพูดที่เด็กทั้งสองพูด เขาคิดว่านี้เเหละคือสิ่งที่เขาต้องการ มันอาจจะเชื่อมโยงกับกายตายของเดนมาร์ เครือข่ายที่เชื่อมโยงกันในหมู่อันธพาลเป็นเหตุให้นำตัวฆาตรกรมาลงโทษได้ จากสิ่งที่เขาคิดเป็นผลให้เขาตัดสินใจเข้าไปยังเครือข่ายนี้ เเม้ว่ามันอาจจะทำให้เขาเเละสหายพบกับอันตรายได้
“พาพวกเราไปหานายของเจ้าที เบนนี่ เเล้วเราจะปล่อยพวกเจ้า” อีเเวนกล่าวอย่างมุ่งมั่น เบนนี่เเละโทมัสหัวเราะด้วยความสะใจ ก่อนจะตอบตกลงอย่างง่ายดายกว่าที่อีเเวนคิด
“เจ้าเเน่ใจเเล้วหรือที่จะเจอนายของข้า กล้านะเนี่ย พวกโง่ นั้นก็ปล่อยข้าซิเ ข้าจะนำเจ้าไป” เบนนี่วางมาด
“จะให้เเน่ใจได้อย่างไงละว่าพวกเจ้าจะไม่หนี เเละนำเราไปจนพบนายเจ้า” เอนเดนถามเพื่อความเเน่ใจ เขารู้สึกว่าเจ้าสองคนนี้มีอะไรเเปลกๆอยู่ในตัว
“ไว้ใจได้ ข้ารับรอง ข้าจะพาเจ้าไปไปพบนายข้า เเต่ก่อนอื่นข้าอยากได้ ยาสูบสักมวนข้าเเทบครั่งตั้งเเต่เจ้าจับข้ามัดไว้อย่างนี้ ริกสันวิ่งเข้าไปในครัวเเละโยนบุหรี่ให้เบนนี่อย่างรังเกียจเขารู้สึกไม่ชอบเจ้าเด็กสองคนนี้เท่าไรนัก อีเเวนเเก้เชือกให้เด็กทั้งสอง
“โอ้ เจ็บชะมัด เบาๆหน่อยเจ้าโง่” ริกสันเเทบจะระงับอารมณ์ไม่อยู่เมื่อฟังเบนนี่นี้พูดกับพี่คนโตอย่างนี้ โชคดีที่เอเดนรั้งเขาได้ทัน
“นี่เเกจะทำอะไร หรือ” โทมัสถามอย่างโกรธเคือง
“ทำให้เเกหยุดปาก ดูถูกเราไงเจ้าเด็กไร้ค่า” ริกสันตอบกลับอย่างไม่พอใจ
“หยุด นะริกสัน เจ้าเด็กนี้มีประโยชน์กับเรา อย่าเอาความโกรธทำให้งานเราเสียไปซิ” อีเเวนเรียกสติริกสันกลับมา เขาดูสงบลงเล็กน้อยต่อความขุ่นเคืองใจมีท่วมท้น เบนนี่เเละโทมัสยืนอย่างวางมาดหลังจากเชือกที่มัดไว้คลายออกเเละหล่นไปกองกับพื้น
“ขอชาเย็น สักหนึ่งเเก้ว สำหรับสองที่ บริกรกำมะลอ” เบนนี่หันมายังที่ทั้งสามยืนอยู่
“นี่เเกว่าใคร” ริกสันกระโจนใส่เบนนี่ ทั้งสองล้มลงไปกองกับพื้น ริกสันกระชากคอเสื้อเเละดึงเขาขึ้นมา
“แกนี่มันเย่อหยิงที่สุด”ริกสันพ่นลมใส่หน้าเบนนี่
“พวกเเกคิดหรือว่าคนที่นี้จะไม่รู้ว่าพวกเเก คือบริกรจอมปลอม ป่านนี้คงรู้กันทั่วคัสตราโกสถานนี่เเล้วละมั้ง เเละอีกไม่นาน พวกยาสคงจะมาถึง พร้อมตวนเเละโซ่เส้นใหญ่ พวกเเกคงเเหละเป็นโจ้ก ก่อนจะเข้าสู่การพิษากสาเเน่” ใบหน้าดูกังวลปรากฏบนสามสหาย เป็นเรื่องใหญ่เเน่ถ้าพวกยาสรู้ เเต่พวกมันคงใช้เวลาอีกนานกว่าจะเจอพวกเเก เพราะที่ที่นายข้าอยู่ไม่มีใครจะพบได้นอกเสียจากเตะพวกเจ้าออกมาเท่านั้น”
“คงมีเวลาไม่นักหรอก สำหรับพวกเจ้าทั้งสาม” โทมัสตอกย้ำ
ทั้งสามครุ่นอย่างเครียด อีเเวนมองดูจะหัวปั้น มากกว่าเพื่อน เขาโทษตัวเองอยู่ในใจว่าเขาไม่น่านำน้องทั้งสองมายุ่งในเรื่องนี้เลย มีทางเดียวเท่านั้นที่จะปลอดภัยคือตามเด็กทั้งสองไป เเต่เขาจะแน่ใจได้อย่างไงว่าเจ้าพวกนี้จะทำให้เขาปลอดภัยจริง เเต่จะทำไงในเมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้เเล้ว ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย
เขาตัดสินใจปล่อยเจ้าของร้าน โจนาธานเเละลูกจ้างสองคนไว้ในร้าน เเละปิดประตูใหญ่ให้เเน่นพอที่เขาทั้งสามเเละเด็กอันธพาลทั้งสองจะหลบหนีไป เเต่สถานการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด มองดูข่าวการหายตัวไปของเจ้าของร้าน เเละบริกรตัวปลอมจะเเพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
บ่ายวันนั้น ผู้คนที่อาศัยอยู่ในระเเวกนั้น ต่างถืออาวุธมุ่งตรงไปที่ ร้านดัมปิ้ง เฮาร์ มุมตึกเเละซอกซอยกลายเป็นที่หลบภัยชั้นเยี่ยม โดยอาศัยความชำนาญของเด็กอันธพาลทั้งสอง ไม่เฉพาะในระเเวกนี้เท่านั้นที่มาร่วมขบวน บางกลุ่มเป็นคนที่มาจากใจกลางเมือง เอเดนเล่าว่าเขาเห็นคุณนายริดซี่เกษตรดีเด่นของคัสตราโก ในมือมีเสียมขนาดใหญ่ ใบหน้ดูมุ่งมั่น เดินเฉียดเขาไป โชคดีที่หล่อนมุ่งมั่นจนไม่ทันสังเกต เมื่อเดินลึกเข้าไปในย่านชุมชน บ้านเรือนทีก่อด้วยอิฐเริ่มหนาตัวเเละเบียดเสียดกันมากขึ้น มีทางเเยกอยู่ทุกมุมตึก ชวนทำให้รู้สึกว่ากำลังอยู่ในเขาวงกต เเต่เด็กทั้งสองมองดูจะชำนาญเส้นทางนี้ดี ทั้งสองเข้าออกตามซอกซอยอย่างว่องไว เร็วจนทั้งสองสับสนกับเส้นทางที่จดจำมาตลอดที่ตามมา เริ่มมีบ้านไม้ที่โสมปรากฏเรียงเป็นเเถวยาว บางหลังโงนเงนจนไม่ได้รูป มีเเสงไฟออกมาจากบ้านเเต่ละหลัง บางหลังมีควันไฟพุ่งออกมาจากปล่อง ทำให้เเถวนี้ดูมืดลงถนัดตากลุ่มควันที่ปกคลุม มีป้ายไม้ที่เเขวนอยู่ไม่ได้ระดับ เเกะสลักเป็นคำว่า
พวกเราไม่ต้อนรับคนเเปลกหน้า
เอเดนรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที เเล้วเราล่ะ คงเป็นคนแปลกหน้าสำหรับที่นี่ ภาพกลุ่มคนที่มีอาวุธครบมือ แวบเข้ามาในความคิดก่อนที่เขาจะสลัดมันออกด้วยการให้ความสนใจกลับบานประตูไม้ที่มีรูเล็กๆ ไว้คอยตรวจสอบว่าใครมาเยี่ยมบ้านหลังนี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเพื่อเรียกให้คนที่อยู่ข้างในออกมาต้อนรับ มือที่อวบของเบนนี่เคาะลงบนบานประตูอย่างหนักหน่วง
นานอยู่สอง สามนาทีกว่าจะมีเสียงตอบรับจากคนที่อยู่ในบ้าน ประตูไม้บานเก่าถูกเปิดออกจาคนข้างใน กลิ่นของไม้ที่เปียกชื้นโชยออกมา ร่างที่ดูคุ้นตาปรากฏเด่นชัดขึ้น หมวกทรงสูงเลื่อนลงมาปิดดวงตาทั้งสองข้างไว้ เขาสวมคลุมเสื้อหลวมๆยาวตลอดทั้งตัว เเขนเสื้อทั้งสองข้างยาวเเทบเตะพื้น ทั้งสามพยายามสังเกตใบหน้าใต้หมวกทรงสูงอย่างตั้งใจ เเต่ก่อนที่อีเเวนจะทักทาย น้ำที่าคาดไม่ถึงก็หลุดออกมาจากชายนั้นอย่างทรงพลัง
“ไม่เข้าใจหรือไง ข้ากำลังมีเเขกสำคัญ มีอะไรเอาไว้ค่อยมาหาทีหลัง”
“ไม่ได้ ท่าน บาเช่ นี้สำคัญ มาก เเละเป็นโอกาส” เบนนี่ก้มตัวลงไปรั้งสายผ้าที่ห้อยลงกับพื้น”
มองดูชายหมวกสูงไม่ทันสังเกตร่างทั้งสาม เขาเลื่อนหมวกที่ปกปิดดวงตาไว้ออกในจังหวะเดียวที่เพ่งสายตาไปยังร่างทั้งสามที่ต้องเเสงริบรี่ของยามเย็น ตอนก่อนทุกอย่างจะเกิดขึ้นร่างที่ใหญ่กว่าแทรกตัวออกมจากด้านหลังประตู ชายหมวกทางสูงหลีกทางให้ ร่างใหม่ที่ปรากฏสวมเเสื้อคลุมดำตลอดทั้งตัวใบหน้ามีตะเเกรงเหล็กปกคลุม ในเสียงที่ดุดันเเละทรงพลังเเละรอยยิ้มเเห่งชัยชนะเกิดขึ้น
“หาไม่ยาก ง่ายกว่าที่ข้าคิด จริงๆ มอนท่า”
“เป็น จริงอย่างยิ่ง นาย เรซิดวล” เสียงที่นักเเน่นดังมาจากข้างหลังที่ทั้งสามยืนอยู่
“นี่หรือคือพวกที่เข้าไปก่อกวนในร้านน้ำชา พวกเกตรกรยากนจนนอกเมือง ทาสเจ้าเดนมาร์ที่ล่วงลับ” น้ำเสียงดูถูกดังก้องในโสตของทั้งสาม พวกเขาเกลียดชังพวกยาสเป็นที่สุด เเละเขาสัญญาว่าจะไม่มีวันที่จะถูกพวกยาสจับเป็นเด็ดขาด เเต่คนธรรมดาอย่างพวกเขา ไม่มีสิทธิที่จะต่อต้าน พวกยึดถือเวทย์มนอย่างพวกยาส ในไม่ช้า ทั้งสามก็เเน่นิ่งบนพื้นพร้อมเชือกที่รัดเเน่นจนร่างทั้งสามอาจไม่รอดถ้ารัดนานเกินไป
“ขอบคุณนะบาเช่ เจ้านี่ดีไม่เคยเปลี่ยนเลย” เรซิดวลตบบ่าเขาอย่างเเรง ก่อนจะหายตัวไปพร้อมกับร่างทั้งสาม
เสียงลมหายใจที่เเฝงความท้อเเท้เเละเบื่อหน่าย ท้องฟ้าที่อยู่เบื่องหน้ากำลังจะเปลี่ยนสี อีเเวน ริกสัน เอเดน เกตรกรจากไร่ที่เคยยิ่งใหญ่ บัดนี้ เป็นเพียงอดีตที่ทั้งสามไม่อยากพูดถึง สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้คือภาวนาให้ ความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นหลังสภาล้มสลายนั้นได้คลี่คลาย เพื่อที่ทั้งสามจะได้กลับไปยังที่ที่พวกเขาเคยมีความสุข ที่ไร่ของเดนมาร์
ความคิดเห็น