ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮอลลี่ เวิลด์ ปฐมบทที่ 1 ตระกูลออกุสต้า

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7..................ด้านมืดปรากฏ

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 51


    ปฐมบทที่ 1 ตระกูลออกุสต้า

     

    ด้านมืดปรากฏตัว

     

    -7-

         

        

              แมลงแมลงอะนิเมียเรียเป็นสายพันธุ์ที่ชุกชุมที่สุดในป่าไครอสนิสัยของมันคือชอบแสงไฟในยามค่ำคืนโดยเฉพาะแสงจากตะเกียงที่ลุกวาบๆ

    เพราะเชื้อเพลิงในตะเกียงที่มีอย่างเต็มปี่ มันบินไปรอบพรางสงสัยว่า เจ้าดวงตากลมโตสีน้ำตาลมันเป็นของใครหนอ ช่างแตกต่างจากพวกมันสิ้นเชิงที่มีดวงตาเล็กจิ๋ว แต่เปลวไฟข้างหน้าเป็นสิ่งที่มันโปรดปรานกว่าดวงตาที่ประหลาด มันยังคงบินรอบเปลวไฟที่ลุกไหม้ บางครั้งตัวมันเองก็เกือบตกเป็นเยื่อเพราะเปลวไฟที่ลุกโชนอย่างคลุ้มคลั่ง  บัดนี้มันรู้แล้วว่าดวงตานั้นได้หายไปแล้ว   ส่วนตัวมันยังบินวนรอบเปลวไฟอย่างไม่สนใจใคร บางครั้งก็มีเพื่อนของมันมาเข้าร่วมด้วย นานเท่าไหร่แล้วที่เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นนั่งอย่างเดียวดายหน้าประตูที่ปิดสนิทมีเพียงแสงเล็กน้อยจากภายในเล็ดลอดผ่านช่องว่างระหว่างประตูกับพื้นอิฐที่ถูกปูอย่างไม่เป็นระเบียบ ข้างในคือน้องสาวสุดที่รักและเพื่อนใหม่จากดินแดนที่ไม่คุ้นเคย ทั้งสองนอนหลับสนิทอย่างไม่ไหวติงภายใต้บ้านที่โอนเอียงจวนเจียนจะพังโดยไม่หวั่นว่ามีดวงตาคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในอาณาบริเวณที่ทั้งสามอาศัยอยู่ เป้าหมายไม่ใช่อื่นใกล้คืนสิ่ง สิ่งหนึ่งที่พี่น้องมาเวลมีแต่ไม่เคยรู้  ดวงตาเปลี่ยนตำแหน่งอย่างฉับไวและเงียบกริบ ไม่ทิ้งร่องรอยว่าเคยเหยียบย้ำไว้ ไม่นานก็ไปสมทบกับดวงตาคู่ที่สองที่เฝ้ามองอย่างใจจดใจจ่อเช่นเดียวกัน เสียงกระซิบกระซาบที่ทั้งสองจงใจพูดออกมา  มันเบาเสียจนคิดว่าทั้งสองอ่านใจกันออกว่าต่อไปจะต้องทำอะไร เห็นเพียงทั้งสองเพยักหน้าให้กันและเฝ้ามองไปยังมาเวลที่กำลังต่อสู่กับฝูงเมลงที่เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ  กว่าฝูงแมลงจะจำนนต่อแรงมหาศาลของเขา เล่นเอาเหงื่อเปียกโชกเต็มตัว ต้องขอบคุณพวกแมลงที่ทำให้เขาลืมตาสว่างขึ้นอีกครั้งหลังจากจมปักอยู่กับความง่วงมาเกือบครึ่งคืนแล้ว และแรงอีกเฮือกหนึ่งเพื่ออยู่ต่อให้สิ้นสุดค่ำคืนในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้  เกิดความเคลื่อนไหวภายในบ้าน แม็ครู้สึกตัวเพราะเสียงกรนของฟีน่าที่จู่ๆก็ดังขึ้นอย่างหน้าตกใจ ท่าทางไข้ของเธอคงลดลงแล้วรู้ได้จากผ่ามือของแม็คที่สัมผัสลงบนหน้าผาก เขาหันไปมองประตูที่เปิดสู่ด้านหน้าที่ยังปิดสนิทอยู่ มาเวลจะไปไงบ้าง เขาคิดเขาพผะออกจากฟีน่าที่มีสีหน้าสดชื่นขึ้น  ก่อนที่จะพลักประตูด้านหน้าเปิดออก ลมหนาวยามค่ำคืนปะทะใบหน้าอย่างจัง  มาเวลรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวจึงหันหลังมา

                                เอ้า ไม่นอนหรอกหรือ  มาเวลยิงคำถามทันที

                                หลับไปบ้างแล้วล่ะ แม็คตอบ พลันสังเกตผื่นสีแดงที่ขึ้นตามแขนและขาของมาเวล

                                ไปโดนอะไรมา แบบว่า ดูเจ้าผื่นนั่น บนตัวคุณ แม็คชี้ไปยังมาเวลที่นั่งอยู่ภายใต้แสงตะเกียง

                                ไม่เป็นไรหรอก ก็เจ้าพวกแมลงพวกนี้นะซิ มันทั้งตอมและต่อยข้าเป็นว่าเล่น มันคงนึกว่าข้าจะทำร้ายมันมั้ง มาเวลอวดยิ้ม พรางอวดผื่นแดงเหมือนผลเชอรี่ให้แม็คดู

                               ให้ผมช่ายอะไรคุณไหมมาเวลส่ายหน้าปฏิเสธ

                               ยังไม่ใช่ตอนนี้ มาเวลตอบกลับด้วยสีหน้าเป็นมิตร

     

                             ชั่วแวบหนึ่งที่เขาหันหลังเพื่อนจะกลับเข้าไปด้านใน พลันสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของพุ่มไม้ที่ขึ้นอยู่ด้านทิศตะวันออก เขาหยุดและมองออกไปในความมืดที่ซ่อนสิ่งชั่วร้ายที่มีเป้าคือทั้งสามคนใน ณ.ที่นี้ แม็คหันหลังกลับช้าๆและนั่งลงเผชิญหน้ามาเวลอีกครั้ง เขาไม่ต้องการให้เจ้าสิ่งที่เฝ้ามองพวกเขาอยู่รู้ตัว (แม็คจำมาจากหนังภาพยนตร์ที่พ่อพาไปดูที่โรงหนังที่ผู้ดีในมอลโลจะชอบไปดูกัน)

                         มาเวลมองแม็คอย่างประหลาดใจ แม็คดูนิ่ง พรางกลอกตาไปทางที่ สิ่งชั่วร้ายหลบซ้อนอยู่  มาเวลเข้าใจในทันที่ เสียงกระซิบกระซาบหลุดออกมาจากริมฝีปากแม็ค

                              

                            เราจะทำอย่างไรกันดี

                            ไม่เป็นไร ไม่ต้องตกใจไป แม็ครู้สึกว่า ฟันเฟือนในหัวของมาเวลกำลังทำงานอย่างหนักก่อนที่มันจะหยุดลงพร้อมเสียงที่แผ่วเบาเช่นเดียวกับแม็คในตอนแรก

                        

                            เราแกล้งทำเป็นเปลี่ยนเวรเฝ้ายามกัน ต่อจากนั้นข้าจะเข้าไปข้างในและพาฟีน่าไปรออยู่ที่ประตูหลัง พร้อมทั้งตระเตรียมอาวุธให้ครบมือ มีหน้าไม้สองสามอันอยู่ในห้องข้า หลังจากนั้นข้าจะแกล้งทำแก้วตกแตก นั้นก็หมายความว่าเจ้าต้องไปสมทบกับข้าและฟีน่าที่ประตูหลังและเราทั้งสามก็จะหนีกันไปพร้อมกันตกลงไหม

                      

                             แผนการเริ่มขึ้น ทั้งสองทำให้เหมือนว่าไม่เกิดอะไรขึ้น แม็ครู้สึกตัวเองว่ากำลังแสดงอยู่บนเวที ที่เหล่านักแสดงใช้โอ้ออวดความสามารถกัน ขาดเพียงสองสิ่งเท่านั้นคือ เสียงปรบมือและเหล่าคนดู แม็คถอนหายใจที่แผนการมาเวลไปด้วยดี ไม่ปรากฏความเคลื่อนไว้ของพุ่มไม้ เขาคลาดว่าพวกนั้นคงยังไม่เอะใจ แม็คยังคงเล่นบทบาทของเขาไป เช่นเดียวที่ตัวละครที่สำคัญอีกตัวหนึ่งที่กำลังเล่นบทที่สำคัญไม่แพ้บทของแม็ค หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว มาเวลกลับเข้ามา เขาปลุกน้องสาวที่นอนอย่างสบายบนโต๊ะที่แต่เดิมเป็นที่พี่น้องมาเวลจะใจพูดคุยกัน ถึงเรื่องตื่นเต้นที่แต่ละคนได้ไปเจอมา ฟีน่าดูสะลึมสะลือก่อนที่จะลุกจากโต๊ะเดินตามพี่ชายไปอย่างไม่เต็มใจ

                       

                        ฟีน่า น้องอย่าช้าอยู่ มาที่ประตูหลังเร็ว มาเวลเดินเข้ามาประชิดน้องสาว พรางจับข้อมือและลากตัวฟีน่าไป เธอขัดขืนเล็กน้อยแต่ก็สู้แรงของพี่ชายไม่ได้

                       

                         น้องรออยู่ตรงนี้นะอย่าไปไหน และห้ามส่งเสียงดังเป็นอันขาด พวกมันอยู่ข้างนอก  เหมือนจะมีน้ำตาห่าใหญ่ อ่อล้นมาจากดวงตาสีน้ำตาลใบหน้าที่เคยแดงระเรื่อเปลี่ยนเป็นสีซีดเผือกแทบจะทันทีที่มาเวลพูดจบประโยค มาเวลสบตาเป็นนัยๆ ฟีน่าพยักหน้าก่อนจะเก็บน้ำตา และเสียงมหาศาลที่พร้อมจะระเบิดขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว เธอยืนตัวแข็ง แบบว่าถ้ามีใครผ่านมาคงนึกว่าเป็นตู้เสื้อผ้าที่บังเอิญมาตั้งไว้ผิดที่

                        

                          ชั่วอึดใจเดียวมาเวลก็กลับเข้ามาพร้อมกับหน้าไม้สองอัน แก้วเปล่าหนึ่งใบ  มีดพกที่แนบติดไว้กับลำตัว และสิ่งที่ดูเหมือนรากไม้ที่แต่เดิมเคยเก็บไว้ในตู้กระจก เขาวางหน้าไม้ไว้ลงกับพื้น และขว้างแก้วเปล่าอย่างเต็มเหนี่ยวลงกับพื้น แก้วแตกเป็นเสี่ยงๆกระจายเต็มพื้น ฟี่น่าตกใจจนพูดอะไรไม่ออกได้แต่ยืนมองอย่างตะลึง  ไม่มีแม้แต่วี่แววของเสียงเท้าหรือเสียงประตู  ยิ่งเวลาผ่านไปมาเวลเริ่มกังวลใจมากขึ้น หรือว่าเจ้าเด็กนั่นไม่ได้ยินเสียงแก้วแตก  เป็นไปไม่ได้หรอก อยู่อีกฟากหนึ่งของป่ายังไดยินเลย มาเวลบอกย้ำความจำน้องสาวก่อนจะเดินไปยังประตูด้านหน้า เมื่อเขาเปิดประตูออกก็พบแต่ความว่างเปล่า ตะเกียงที่ดับอยู่พ่นควันลอยสูงขึ้นไปในอากาศ สติของเขาเหมือนจะเลอะเลื่อนไปชั่วครู่  เขาสัมผัสถึงลมหายใจที่อยู่ใกล้เขาเหลือเกิน เขาเชื่อในสัมผัสดั่งที่เขาเชื่อมาตลอด เขาหันอย่างฉับไวไปตามความรู้สึกของเขา  ไม่มีอะไรนอกจากความมืดที่อยู่ตรงหน้า เขาถือหน้าไม้อย่างกระชับไว้ในอุ้งมือที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

                            

                            ข้าอยู่ทางนี้เจ้าโง่ เสียงเรียบเย็นดังขึ้นมาจากด้านตรงข้าม เกิดแสงวาบหนึ่ง มาเวลรู้สึกเหมือนมีวัตถุที่แข็งมากๆ กระแทกเขาเข้าอย่างจัง เขาล่มลงไปนอนลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด หน้าไม้หลุดจากมือ กระเด็นเข้าไปในพุ่มไม้ที่ขึ้นเบียดเสียดกัน

                              

                            นี่นะหรือ อาวุธที่แกจะใช้ต่อสู้กับข้า ชายตัวค่อนข้างสูงเดินทอดน่องอย่างใจเย็นเข้าไปหยิบหน้าไม้ของเขาขึ้นมา มาเวลเห็นเพียงชายผ้าไหวของเขาเท่านั้น  ชายร่างสูงเดินเข้ามาใกล้เขาทุกที มาเวลดีดตัวขึ้นด้วยกำลังที่ยังหลงหลืออยู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะยืนเผชิญหน้ากับคนที่น้อยคนนักจะกล้าจ้องเขาด้วยสายตารักใคร่  ใบหน้าที่เหมือนถูกระเบิดเสี่ยงๆจนต้องนำชิ้นเนื้อมาเย็บต่อกัน แต่ฝีมือคนเย็บแย่ไปหน่อยจึงออกมาในรูปแบบที่ตรึงสายตายคนที่พบเห็น สวมเสื้อที่ใส่เหมือนนักบวชคริสต์โบราณ เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ หน้าไม้ที่อยู่ในมือเขาค่อยๆสลายกลายเป็นกลุ่มควันสีดำในอากาศ  เขาย่างสามขุมโดยไม่หวั่นเกรงใคร มาเวลก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อประเมินศัตรู  เสียงแม็คดังขึ้นทางซ้ายมือ  เขาถูกชายอีกคนที่ค่อนข้างอ้วนจับตัวไว้

                                  ฆ่ามันเลย ซินเนสทีเซีย ชายร่างอ้วนตะโกนสั่ง

                                  หุบปาก โรซาริโอ ซินเนสทีเซียตอบกลับอย่างรำคาญ

      ซินเนสทิเซียมองดูจะพอใจกับสีหน้าหวาดกลัวที่ปรากฏอยู่บนสีหน้าของเหยื่อ เขาแสยะยิ้มอย่างสัตว์ร้ายที่หมายตะคุบเหยื่อ เขาล้วงกริชออกมาจากกระเป๋าด้านข้างและมุ่งตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็ว เขาง้างแขนข้างที่ถือกริชออกและกระโจนใส่มาเวลอย่างเต็มที่ เขาหลบทำให้ซินเนสทีเซียพลาดเป้า

                                     ให้ตายเถอะ ที่นี้ไม้พลาดแน่ ซินเนสทีเซียตั้งหลักอีกครั้งและเริ่มโจมตีครั้งที่สอง มาเวลกำมีดพกกระชับไว้ในมือพร้อมตอบโต้เต็มที่ ขณะที่ซินเนสทีเซียโจมตีครั้งที่สอง มาเวลหลบอย่างไวพร้อมปักมือลงบนแขนของเขาเข้าอย่างจัง  เสียงร้องอย่างเจ็บปวดก้องไปทั่วสมรภูมิการต่อสู้  บาดแผลฉกรรจ์ปรากฏให้เห็น เขาเซไปเซมามือกุมที่บาดแผล แต่น่าแปลกเขาเซอยู่ไม่เท่าไรก็กลับมายืนอย่างมั่นคงอีกครั้ง  เลือดที่ซึมจากบาดแผลหายไปอย่างปลิดทิ้ง  นี้คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเผชิญสิ่งเลวร้ายอย่างนี้ ครั้งก่อนเขาเกือบถูกฝูงอะนิเมียเรียแต่ครั้งนี้ต่างกว่าครั้งไหนๆเมื่อศัตรูที่อยู่ตรงหน้าทั้งเฉลียวฉลาด และมีอาวุธที่คาดไม่ถึง  เขาพยายามคิดว่าจะทำอะไรต่อไป  แต่ด้วยสถานการณ์ที่บีบคั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่ความคิดดีๆจะเกิดขึ้นในชั่วพริบตา มือที่กุมกริชเปียกชุมไปด้วยเหงื่อ และคราบเลือดของศัตรู ที่บัดนี้เปี่ยมล้นไปด้วยโทสะ

                     หมดทางหนีแล้วใช่ไหมล่ะหนุ่มน้อย รอยยิ้มที่น่าเกลียดเท่าที่สุดที่เขาเคยเห็นมาแสยะยิ้มให้เขา ซินเนสทิเซียเร่งฝีเท้า

                    

                ใช่เรามีสิ่งนั้นสิ่งที่แม่ให้เราไว้ ความหวังใหม่ผุดเข้ามาในหัวมาเวลหยิบกล่องที่ภายในบรรจุสิ่งของที่คล้ายรากไม้ เขาโยนมันขึ้นบนอากาศ เจ้าสิ่งนั้นเปล่งแสง พุ่งไปทุกทิศทุกทาง

                   

                   แสงสว่างที่ปล่งออกมาทำให้ร่างทั้งสามหายวับไปกลับแสงที่ที่เปล่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย มาเวลไม่สามารถเห็นศัตรูตรงหน้าและเขาคิดว่า มันก็ไม่เห็นเขาเหมือนกัน เขารู้สึกเหมือนอยู่กลางพายุที่กำลังหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง  มีเสียงแว่วมาจากด้านหน้าคล้ายเสียงคนร้องอย่างเจ็บปวด   มีร่างหนึ่งล้มดังพลัก ไม่ช้าคลื่นลมก็สงบลง แสงสว่างถูกแทนด้วยความมืด เหมือนครั้งก่อนหน้านี้  ไม่ทันที่เขาจะตั้งตัว มีแรงมหาศาลฉุดเขาจนเสียหลักล้มลง งมหาศาลฉุดเขาจนเสียหลักล้มลงันที่เขาจะตั้งตัว มีแ

                    

                 เจ้าคิดหรือว่าแสงบ้าๆนั่นจะทำอะไรข้าได้ เขาดิ้นอย่างสุดแรงเพื่อให้พ้นน้ำมือของศัตรู

              

           โรซาริโอจับเด็กนั้นแล้วตามข้ามาเร็วๆ โรซาริโอฉุดกระชากแม็คอย่างไม่ปราณี เขาหน้าเขียว จนคล้ายผลแอบเปิ้ลที่บอบช้ำเต็มทน

            

           แล้วเด็กผู้หญิงที่อยู่ในบ้าน แหละ 

              

             ค่อยจัดการมันทีหลัง    ชายผ้าที่โบกสะบัดอย่างหน้าประหลาดท่ามกลางทุ่งหญ้าที่ขึ้นอย่างปะปลาย รอยลากเป็นทางยาวทำให้พวกมันแบนทับติดพื้น พวกเขาถูกนำตัวไปยังได้ต้นเซาเวเนีย                  

          

          ถึงเวลาที่เราจะพิสูจน์สมมติฐานเล็กๆน้อยๆที่ข้าสงสัยมานาน น้ำเสียง รอยยิ้มที่เจืออยู่บนใบหน้าที่บ่งบอกถึงความกระหายที่มีมาในสายเลือดที่ดึกดำบรรพ์ ซินเนสทีซียชูมือขึ้นกลางอากาศ ละอองมวลสารหมุนวนและระยิบระยับรวมตัวกันเป็นแท่งวัตถุที่คล้ายเขี้ยวสัตว์ มันทั้งแหลมคม เขากำกระชับไว้ในมือ ก่อนจะเปล่งเสียงอย่างคลุ้มครั่ง

                        

                         นี้คือคำพิภากษาพากของข้า ผู้ครองสายเลือดดึกดำบรรพ์ ถ้าเลือดศัตรูยังอยู่ เมื่อท่านสัมผัสถึงกลิ่นอนูโลหิต จงเปล่งแสงว่ามันผู้นั้นคือบุคคลไม่ควรอยู่ร่วมชะตากรรม ความคมของเขี้ยวสัตว์บาดลึกลงใต้ผิวหนัง  มาเวลขบฟันอย่างเจ็บปวด  ทุกอย่างเงียบลงในทันทีมีเพียงเสียงหายที่ปล่อยออกมาด้วยความเจ็บปวด  ซินเนสทิเซียผลักร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของมาเวล  ล้มลงไปด้านข้าง ใบหน้าผิดหวังยังแสดงเห็นได้ชัด

                       

                  ไม่ใช่มัน ซินเนสทิเซียหันมายังด้านที่โรซาริโอ ยืนอยู่ในขณะที่แม็คดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งของโรซาริโอ

                      

                  เป็นไปไม่ได้ เราคิดถูกแล้ว ซินเนสซี่ แต่อาจจะเป็นคนอื่นในสามคนนี้ก็ได้ เขาหยุดชะงัก ในขณะที่ฟันเฟือนในหัวเริ่มทำงานอย่างหนัก

                    

                    จริงอย่างที่  เจ้าพูด

                    

                    เจ้าเด็กนี้อาจจะใช่ก็ได้ ซินเนสซี่   อารมณ์ที่ของเขาเปลี่ยนแปลงง่ายเสียเหลือเกิน เขายิ้มและกล่าวอย่างวางท่า

                  

                   แต่ก่อนอื่นข้าขอจัดการกับ เด็กโง่นี่เสียก่อน  

                     

                   ซินเนสซี่ เจ้าจะ.......ไม่ใช่สิ่งดีแน่ สิ่งที่โรซาริโอจะพูด มันเป็นสิ่งที่หน้ากลัวสุดบรรยาย เขายังงงในการตัดสินใจในการทำสิ่งนี้ของนาย

                  

                น่าสงสารแมลงตัวน้อย ไม่นานก็ต้องตาข่ายจับจนดิ้นรนไม่ได้ และตายไปในที่สุด แต่น่าแปลกแมลงไม่ยอมหนี นอนอยู่กับที่ให้ข้าขย้ำ บทเพลงที่เจือน้ำเสียงที่แสนบาดหูของซินเนสทิเซียกึกก้องไปทั่วป่าที่แสนมืดมนในขณะที่มาเวลพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อหลีกให้พ้นน้ำมือของศัตรู

              

                 หัวใจดวงน้อย น้อยนิดความหวัง ไม่นานก็พลัน หยุดเต้นทันใดไม่นานร่างดำทมึนก็มาประชิดร่างที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ชายเสื้อคลุมละยอดหญ้า เขาหยิบกริซ อันเดิมขึ้นมา

                 

                  ข้ารู้สึกถึงหัวใจ ที่เต้นแรงของเจ้า และตั้งแต่นี้มันจะหยุดลง ซินเนสทิเซียใช้สองมือกุมกริซ พร้อมแรงส่งอย่างเต็มที่

                  

                  หยุดนะ!   เกิดความเงียบสักครู่ ซินเนสทิเซีย ผงะค้างกริซในกำมือทั้งสองกลางอากาศ พรางหันไปยังเจ้าของเสียง

                 

                  ปิดปาก เด็กนั้นซะ โรซาริโอ ซินเนสทิเซียพูดด้วยความขุ่นเคือง

               

                  ท่านไม่กล้า ปิดปากผมหรอกสิ้นเสียงของแม็ค เสียงหัวเราะเยอะของทั้งสองดังขึ้น

                   

                  หน้าตลกสิ้นดี เจ้าเด็กนี้ ใบหน้าโรซาริโอ กระเพื่อม ตามถอยคำที่เปล่งเสียงออกมา

              

                  ผมรู้จักคนที่ ชื่อ เบริค   มือที่โรซาริโอ รัดกุมร่างแม็ค เริ่มคลายออกอย่างหน้าอัศจรรย์ ส่วนซินเนสทิเซียซึ่งเก็บกริซลงในกระเป๋าเสื้อคลุม และจ้องมองแม็คอย่างฉงน ซินเนสทิเซียหันหลังให้กับเหยื่อ เเละมุ่งตรงมายังเเม็ค ตอนนี้เขาหลุดออกจากอ้อมเเขนที่รัดกุมของโรซาริโอเเล้ว เขาโซวัดโซเซเพื่อจะหนีจากชายทั้งสองเเต่ขาที่ไร้เรี่ยวเเรงกลับเป็นตัวถ่วงยื้อให้เขาอยู่กับที่ เขาล้มลงไปกองกับพื้น ในขณะที่ซินเนสทิเซียเเละโรซาริโอมุ่งตรงมาอาเขาเยี่ยงสัตว์ร้ายตะคุบเหยื่อ

             

               เจ้าเด็กโง่ ไหนบอกข้าทีว่าเจ้ารู้จัก เบริคได้อย่างไร ซินเนสทิเซียใช้น้ำเสียงข่มขู่

               เขาเเค่เป็น….” เเม็คมองหน้าทั้งสองอย่างหวาด เเละคาดเดาในท่าที่ของทั้งสองเเต่มือหยาบก้าน ยกเขาขึ้นจากพื้น ตัวเขาลอยขึ้นด้วยเเรงมหาศาล เเละทรงพลัง รอยยิ้มที่เเฝงเล่ห์กล เเละเเววตาเชิงพินิจ

              

              เขาเป็นอะไร เจ้าโง่ ใบหน้าอ้วนฉุของโรซาริโอเเนบชิดเขาจนรู้สึกถึงลมหายใจที่ ฉุนเฉียว ที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุม

              

                เขาเป็นคนใช้ของผม ใบหน้าฉงงปรากฎบนใบหน้าที่อ้วนฉุ เขาคลายมือ เเละปล่อยเเม็คลงไปกองที่พื้นอีกครั้ง เเละหันไปยังนายด้วยท่าทางที่เเข็งเกร็ง 

               

                  เป็นเด็กนั้น จริงดั่งที่ข้าสงสัยนายท่าน เด็กที่เราาตามหา หลังจากที่เราตัดสินใจ…”

              

                 หุบปาก ซินเนสทิเซียผลักเขาล้มลงไปกองกับพื้น เขายิ้มอย่างดีใจ

               

                 ไม่เสียเที่ยวเลยจริงๆ สิบปีที่ข้ารอคอย สิบปีที่ข้าเกือบหมดหวัง สิบปีข้าทุ่มเเรงกาย จนรู้ว่าเจ้าไปอยู่ที่ไหน เเละบัดนี้เจ้ามาอยู่เเทบเท้าข้า เจ้ารอดน้ำมือข้าอย่างน่าอัศจรรย์เมื่อสิบปีที่เเล้ว เเต่งวันนี้กับตกในน้ำมือข้าอีกครั้งหนึ่งแววตาบ่งบอกความมีชัยปรากฎขึ้น เด็กชายกลิ้งไปกับพื้นอย่างร้อนร้นเพื่อหลีกให้พ้นเเววตาอันโหดเหี้ยม มือเปล่าไกว่ขว้าสิ่งยึดเหนี่ยวยอดหญ้าที่เเห้งกรอบเป็นย่อมๆ ก่อนที่จะถูกชุดรั้งอยู่กับที่ด้วยสิ่งที่ไร้ตัวตน ร่างบอบบางที่เจือจางเหลือเกินในอากาศ  เสียงที่ฟังเเล้วคุ้นหูเเว่วดังในอากาศ

             

                 ไม่มีอะไรต้องกลัวข้าอยู่ข้างเคียงเจ้า ถ้าเจ้าต้องการ ข้าก็จะพร้อมช่วยเจ้า เยี่ยงมารดาเจ้า

            

               ผมต้องการให้ท่านช่วย ผมเเละเพื่อนของผม ไปจากที่นี่ไปยังที่ที่เราทั้งสามปลอดภัย เเม็ครู้สึกเหมือนเขาถูกดูด สู่ห่วงเวลาที่ว่างเปล่า เเละรู้สึกเหมือนมีลมในฤดูร้อนโหมพัดใส่ตัวเขาเขารู้สึกถึงไออุ่นที่เอ่อท้นจากปากเขา ก่อนที่จะสัมผัสความเย็นเฉียบของพื้นถนน ในย่านที่คึกคักที่สุดของคัสตราโกสถานนี พร้อมร่างที่งสองที่นอนสิ้นเรี่ยวแรง

     
                                                                             
                                                                                             -------จบตอน-------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×