คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 .................ณ.คฤหาสถ์
ปฐมบทที่ 1 ตระกูลออกุสต้า
ณ. คฤหาสถ์
-2-
"นี้มันดึกมากแล้วนะ ไม่เห็นใครมาเปิดประตูให้เลย"
"ใจเย็นๆสิคุณเดี๋ยวก็มีคนมาเปิดให้"
"นี่เธอเลือกคนใช้อย่างไร ไม่ได้เรื่องเลย” นายฮอลลี่หน้าแดงคล้ายผลมะเขือเทศ
"ไม่เอาค่ะคุณ ไม่เอาค่ะคุณ อย่าโมโหกัน" นางฮอลลี่พูดปราม
"ขอโทษครับคุณผู้หญิง" เสียงเรียบเย็นฟังแล้วขนลุกดังขึ้น นางและนายฮอลลี่หันไปหาเจ้าของเสียงทันที แม็คซึ่งนั่งในรถก็ด้วยเช่นกัน
ชายชราวัยประมาณ 60 ปี ยืนหลังค้อมเล็กน้อย แสงไฟจากหัวเสาของประตูทำให้เห็นใบหน้าและเสื้อที่สวมใส่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดเผล ซึ่งบางแผลก็เหลือแต่รอยแผลเป็นบางแผลดูเหมือนยัง สดๆร้อนๆอยู่เลยเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยปะเย็บและขาดหวิ่น ดูเหมือนเศษผ้าที่ใช้แล้ว แค่เห็นแม็คก็ขนลุกไปทั้งตัว เขาหวังว่าเขาคงไม่ได้เจอชายชราคนนี้อีกตลอดไป
"นี่พ่อบ้าน จะให้พวกเรายืนอยู่อย่างนี้หรือ กระเป๋าท้ายรถละ ไปขนซิ” นายฮอลลี่ขึ้นเสียง
"ใจเย็นซิที่รัก เดี๋ยวเขาก็จัดการเองล่ะ"
"เธอคิดอย่างไรเอาหมอนี่มาดูแลบ้าน"
"ก็ไม่มีใครมาสมัครนี่ มีแต่เค้าคนเดียวนี่แหละ"
คืนนั้นนายฮอลลี่อารมณ์เสียทั้งคืน มีปากเสียงกันนิดหน่อยระหว่างอาหารค่ำของวันนั้น และจบลงด้วยเบริคทำจานแตกระหว่างไกล่เกลี่ยทั้งสองให้หยุดทะเลาะกัน
แสงแดดยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านหน้าต่างตกกระทบใบหน้าอันเยาว์วัยของเด็กชาย แก้มชมพูระเรื่อขยับตามเปลือกตาที่กระพริบเป็นจังหวะ แม็คขยี้ตาจนแดงก่ำ แต่เขาก็รู้ว่าสาเหตุที่เขาตื่นไม่ใช่แสงแดดยามเช้าของวันใหม่แต่เป็นเสียงที่แสนจะทรมานโสตประสาทเขามากที่สุด นั้นคือแม่เขาเองอย่างไม่ต้องสงสัย การได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มหลังจากการเดินทางที่แสนเหน็ดเหนื่อยนับว่าเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมที่สุด ในทางตรงกันข้ามการได้ยินเสียงที่แสนจะบาดหูปลุกขึ้นแต่เช้าตรู่นับเป็นสิ่งที่เลวร้ายจนไม่อาจให้อภัย เสียงตะโกนยังมีตลอดเหมือนระลอกคลื่นทยอยพัดเข้าหาฝั่ง "แม็คคคคคค ตื่นมากินอาหารเช้าได้แล้ว วันนี้มีพายฟักทองอาหารโปรดของลูกด้วย"
"ทราบแล้วครับแม่" แม็คพยายามพูดในขณะพยุงตัวเองขึ้นจากเตียงด้วยความรู้สึกท้องโหวงโหวงชอบกล นี้คงเป็นความรู้สึกหนึ่งที่ฉุดเขาลุกจากเตียง เสียงท้องคำรามกับพายที่รออยู่ด้านล่างชั่งเข้ากันเหลือเกิน สองเท้าย่างมาหยุดที่ธรณีประตูเพื่อเอื้อมมือไปถอดสลักประตูแต่ประตูก็เปิดก่อน
"อรุณสวัสดิ์ยามเช้าครับคุณหนู" แม็คแทบจะหันหลังกลับและขอให้เขาได้อยู่ในห้องเหมือนเดิม ใบหน้าและวิธีการยิ้มของเขามันทำให้ขนลุกไปทั้งตัว
"อรุณสวัสดิ์เบอ.....เบริค" เขาพยามตั้งสติและพูดออกไป
"คุณหนูลงไปทานข้าวกับคุณแม่เถอะครับ ท่านรออยู่นานแล้ว เดี๋ยวอาหารเย็นฉิบ"
"ครับ คับ เดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ" แม็คพูดในขณะใช้มือทั้งสองข้างปิดบังใบหน้าซีดเผือกของตัวเองไว้ เขารีบวิ่งลงบันไดอย่างลนลานพร้อมเหลียวหลังไปจับจ้องที่เบริคทำไห้เขาเกือบตกบันได เขาวิ่งมาไกลจนเบริคหายลับไป ระหว่างลงบันไดเขาคิดอะไรต่างๆนานา เบริคอาจจะวางยาพิษในน้ำที่เราดื่มระหว่างที่ตื่นขึ้นมากลางดึก หรืออาจจะวางกับดักไว้บนเตียงที่อาจทำให้เราคอขาดก็ได้
ระหว่างที่ทานอาหารกับพ่อและแม่ แม็คมองดูเหม่อลอย เขามัวแต่จ้องแต่เพดานห้อง ป่านนี้ เบริคคงวางแผนและจัดการอะไรต่ออะไรตามแผนเรียบร้อยแล้ว
"แม็ค ลูกได้ยินที่พ่อพูดไหมลูก"
"แม็ค......" เสียงตะโกนของพ่อเขาทำให้เขาตื่นจากภวังค์
"ลูกเป็นอะไรหรือเปล่าลูก เห็นลูกเหม่อลอยตั้งแต่มาแล้ว เป็นอะไรบอกพ่อและแม่ได้นะ" นางฮอลลี่ถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรครับ ผมแค่พยายามปรับตัวให้เข้ากลับที่นี่"
"แล้วเป็นไงละคืนแรก หลับสบายดีไหม
"อย่าถามอะไรมากเลยเธอ เดียวอาหารจะเย็นหมด ลูกคงหิวแย่แล้ว" นายฮอลลี่แย้งขึ้น
หลังอาหารเช้า แม็คเดินอย่างใจลอยขึ้นไปยังห้อง โดยใจยังหวังว่าคงมีชีวิตรอดถึงวันพรุ่งนี้หลังจากที่เข้าไปในห้องซึ่งความน่าสะพรึงกลัวรอเขาอยู่ เมื่อไปถึงมันกับไม่เป็นอย่างที่คิดห้องดูเรียบร้อยและสะอาดกลิ่นน้ำหอมคละคลุ้งไปทั่ว ผ้าปูที่นอน หมอน ถูกจัดให้เข้าที่ อ่างอาบน้ำมีน้ำเต็มบนผิวน้ำมีกลีบกุหลาบลอยเต็มไปหมดส่งกลิ่นหอมสดชื่น "น่าเหลือเชื่อคนอย่างเบริคหรือจะทำได้ขนาดนี้"เขาคิด เด็กชายจัดการกับเสื้อผ้าที่สวมใส่และลงแช่ในอ่างอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ ท่ามกลางดอกกุหลาบที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว
ความร้อนครุระอุขึ้นจากพื้นซึ่งสัมผัสได้จากการเหยียบย่ำลงบนพื้นหลังจากที่ต้องอุดอู่อยู่เเต่ในนคฤหาสน์ เเม็ครู้สึกว่าหมวกที่ตนสวมอยู่ไม่เพียงพอเสียเเล้ว เนื่องจากวันนี้เป็นที่ร้อนเป็นพิเศษมากกว่าวันอื่นๆ มันเเย่จริงๆที่จะต้องนั่งย่างบาร์บีคิวที่พ่อเตรียมไว้เป็นอาหารกลางวันใต้ดวงตะวันที่ร้อนเเสนร้อนยิ่งกว่าเตาอบเบเกอร์รี่ที่เเสนสกปรกของป้าโดโรทีเสียอีก เเต่ดูเเล้ว การปิกนิคยังไม่ได้เริ่มขึ้นโดยเห็นจากนายฮอลลี่ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ลงตัวจากข่าวต่างๆที่พาดอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เดลี่ไลฟ์
"นี่อะไรกันนี่เกิดการประท้วงขับไล่ลูคอปนายเทศมนตรี"
"ไอ้พวกนี้มันต้องถูกจ้างวานมาเเน่นอน ผมคิดว่าต้องเป็นฝีมือเจ้าเกลยอนเเน่"
"ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็น เกลยอน ล่ะ" นางฮอลลี่ถาม ในขณะที่ถอดกายอยู่บนเสื่อที่ปูลงบนพื้น โดยมีครีมกันเเดดหลากหลายยี่ห้อวางอยู่ข้างๆ เเว่นกันเเดดจากร้านลูทิปที่หล่อนใช้เวลาเลือกหนึ่งวันเต็มๆเเต่แม็คก็ไม่เห็นว่ามันจะแตกต่างจากเเว่นกันเเดดที่กองขายอยู่ทั่วไปตามตลาดแถวย่านเเมททิว ย่านที่เหล่าไฮโซเรียกมันว่า ย่านพวกขี้โคนโสโคก
"ของมันเเน่อยู่เเล้วเธอ เจ้านั่นลงสมัครเลือกตั้งทีไรตกกระป๋องทุกที ก็เลยหาทางกลั่นเเกล้ง สาดโคนไปทั่วเพื่อจะได้เลือกตั้งใหม่"
"ถ้าเจ้านั่นขึ้นมาเป็นนายกเทศมนตรีเมื่อไหร่มีหวังธุรกิจเราเเย่เเน่" นายฮอลลี่ยังให้ความสนใจกับข่าวการประท้วงครั้งใหญ่อย่างไม่ลดละ เเต่ความสนใจต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นลูกชายตนเดินเข้ามา นายฮอลลี่เหลือบไปมองนาฬิกาข้อมือ
"ให้ตายซิ นี้มันใกล้จะบ่ายโมงเเล้วเรายังไม่ได้เริ่มย่างบาร์บีคิวเลย ลูกมายืนคอยนานหรือยังจ๊ะ"
"สักพักเเล้วครับพ่อ"เเต่จริงเเล้วเเม็คอยากบอกว่านานพอที่จะรู้ว่าทั้งสองทำอะไรกันบ้าง นายฮอลลี่กระวีกระวาดลุกจากที่นั่งเดินไปยังเตาบาร์บีคิว สักครู่กลิ่นหอมของบาร์บีคิวก็ตลบอบอวลพร้อมกลิ่นเห็นไหม้ที่โชยมาจากผมที่ติดไฟเเละเพิ่งมอดดับลงจากการช่วยกันของสองเเม่ลูก นางฮอลลี่ต่อว่านายฮอลลี่ระหว่างที่ทั้งหมดนั่งกินบาร์บีคิว เตาบาร์บีคิวเริ่มมอดดับลงหลังจากบาร์บีคิวไม้สุดท้ายถูกยกขึ้นจากเตา เเม็คสุดที่จะทนพ่อเเละเเม่เถียงกันจึงตัดสินใจเดินกับไปยังคฤหาสน์
เตียงนอนเป็นที่อบอุ่นเเละปลอดภัยที่สุดในความคิดของเเม็ค มันทำไห้เขาได้ผ่อนคลายหลังจากไปเจอปัญหาที่วุ่นวาย เเม็คมักบอกกับตัวเองเสมอว่า เราชั่งเป็นคนที่โชคดีจริงที่กับมานอนบนเตียงที่อุ่นเเละนุ่มนวลได้ทุกวัน เเม็คเป็นเด็กที่เเตกต่างจากเด็กคนอื่นคือเขากลัวการเป็นผู้ใหญ่ กลัวที่จะต้องคิดอะไรที่ซับซ้อนจนปวดหัว เเม็คจะรู้สึกพะอืดพะอมทุกทีเมื่อพ่อเเละแม่พูดถึงเรื่องงาน เเละข่าวการเมืองที่ดูจะปวดหัวเเละวุ่นวายมากขึ้นทุกวัน เเต่กับนายเเละนางฮอลลี่กับตรงข้ามแถมยังพยายามยัดเหยียดให้แม็คพยายามได้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้ไว้ ตอนเด็กๆแม็คเคยฝันอยากเป็นนักดนตรี พอพ่อกับแม่รู้เข้าทุกอย่างที่เกี่ยวกับดนตรีถูกปิดกั้นเเละถูกกำจัดออกไป เเต่อะไรที่เกี่ยวกับธุรกิจถูกนำเข้ามา
มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนฉลองครบเจ็ดขวบพ่อซื้อหนังสือนักบริหารธุรกิจที่ดีมาเป็นของขวัญ นับเป็นเรื่องตลกทุกครั้งที่เเม็คนึกถึงมัน บางครั้งยังนึกว่าตัวเองบ้าไปเเล้วหรือมานั่งหัวเราะอยู่คนเดียว ความร้อนเริ่มทุเลาลงในยามบ่ายดวงตะวันเริ่มคล้อยลงไปทางทิศตะวันตก เเต่กับมีเมฆดำครึมมาเเทนจากทิศตะวันออก อากาศรอบกายเด็กชายเริ่มเย็นลง มันช่วยถ่วงหนังตาให้หนักขึ้น หนักขึ้นอีก เเล้วรอบกายก็มืดมิดในทันใดเด็กชายกำลังก้าวไปยังโลกของความฝัน เขากำลังยืนอยู่หน้าประตูบ้านที่เก่ามอซอ เหมือนเจ้าของบ้านจงใจให้มันเป็นอย่างนี้สักครู่ก็มีเสียงกรีดร้องซึ่งดังมากจากหลักประตูบานนี้ ชั่วอึดใจประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างผู้หญิงที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงซึ่งถูกชายสองคนในเสื้อคลุมฉุดกระชากอย่างไร้ความปราณี หญิงสาวพยายามร้องขอความช่วยเหลือเเต่ดูเธอจะไร้ซึ่งกำลังที่จะร้องขอความช่วยเหลือ ร่างกายเธอดูไร้เรี่ยวเเรง ท่าทางเธอคงใช้เเรงทั้งหมดในการต่อสู้ขัดขืนจากชายทั้งสองที่จับตัวเธอไว้ ชั่วขณะหนึ่งเขาสังเกตสายตาที่อ้อนวอนฉายเเววมาทางเขาที่ยืนอยู่ พร้อมพะเย้อริมฝีปาก เเม็ครู้สึกว่าหัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาตัดสินใจไม่ถูกดีว่าจะทำอะไรจะช่วยผู้หญิงดีหรือจะหนีดี เเต่เราเป็นเเค่เด็กนะจะไปสู้ชายกำยำสองคนนั้นได้อย่างไร
"ช่วยข้าด้วย เรซิดวล ปราณีข้าด้วย ขอให้ข้าเเก้ตัวด้วยเถิด" หญิงสาวอ้อนวอน
เราไม่ใช่เรซิดวลนี่ เราคือเเม็คต้องเป็นการเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง อยู่ๆก็มีเสียงตอบกับมาจากด้านหลังที่เขายืนอยู่
"ไม่มีคำว่าเเก้ตัว ซาบิล นายสั่งอย่างนี้ก็คืออย่างนี้ จัดการกับหล่อนเเล้วเราจะได้กลับกัน" ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเเม็คซึ่งก็ใส่เสื้อคลุมเช่นเดียวชายสองคนที่จับตัวหญิงงสาวอยู่สั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
"อย่าได้โปรด ไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดเถิด" หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายเพื่อร้องขอชีวิต ชายสองคนพยักหน้ารับคำสั่ง ชายทางด้านซ้ายของหญิงสาวล้วงสิ่งบางอย่างที่ดูเเล้วน่าจะเป็นของมีคม พร้อมง้างเเขนออก เเละหวดลงอย่างเต็มเเรงตรงหน้าอกของเธอ ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกจากปากหญิงสาว ก่อนที่ร่างเธอจะฟุกลงกับพื้นเเต่ไม่ปรากฏร่องรอยของเลือด เเม็คยืนเเข็งทื่อมือไม้สั่นไปหมด
"จบกันเสียที" ชายที่ชื่อเรซิดวลพูด
"เเล้ว เด็กสองคนกับนางพี่เลี้ยงละครับท่าน เราจะทำอย่างไร" ชายหนึ่งในสองพูด
"ฆ่ามันเลยไหมครับท่าน" ชายอีกคนหนึ่งพูด
"ใจเย็นซิสหายของข้า มีคนสมควรตายเยอะเเยะรอเจ้าอยู่ นายสั่งมาเเค่นี้ก็คงพอเเค่นี้"
"ให้อภัยข้าด้วยซาบิลมันเป็นความผิดพลาดของเจ้าเองข้าช่วยเจ้าไม่ได้ ลาก่อนเเละลาตลอดไป" เรซิดวลโบกมือลา เกิดเเสงสว่างขึ้นพร้อมการหายตัวไปของชายทั้งสาม เเม็ครู้สึกพื้นที่เขายืนอยู่เริ่มหมุนเขาหวีดร้องด้วยความตกใจก่อนที่จะออกจากโลกเเห่งความฝันพร้อมดวงตาที่เบิกโพลน เหงื่อท่วมใบหน้า เขาเหลือบมองดูนาฬิกาที่หัวนอน เป็นเวลาที่ใกล้จะสองทุ่มเเล้ว "นี้เราหลับตั้งครึ่งวันเชียวหรือ" เเม็คหันไปเห็นชุดอาหารที่จัดเตรียมไว้บนโต๊ะ เบริคคงเป็นคนที่นำมาให้ ระหว่างที่นั่งกินข้าวด้วยความหิวโซเพราะนี้เลยเวลาปกติมามากเเล้ว สักพักก็มีเสียงเคาะประตู
“คุณหนูครับผมขออนุญาตเข้าไปหน่อยได้ไหมครับ" คงเป็นเสียงเบริคเเน่นอนเขาคิด
"เข้ามาได้เลยคุณเบริค"เเม็คตะโกนออกไป
"ขอบคุณครับคุณหนู"เบริคเข้ามาเเละจัดแจงภาชนะเเละเดินออกไปด้วยใบหน้าที่ฉงน
"คุณหนูสบายดีใช่ไหมครับ"
"อ๋อ สะสบายดี คุณออกไปได้ ไม่ต้องเป็นห่วง" เบริคเปิดประตูเเละเดินออกไปทันที
มันไม่ใช่เลี้ยงจริงเเม็ครู้ เเต่ทำไมความรู้สึกของเขาเหมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆความกลัวเเละภาพของเหตุการณ์เเห่งความโหดร้ายที่พึ่งทักถอจากเส้นใสแห่งความฝันยังถูกพันธนาการไว้ใต้ความคิดส่วนลึกยากที่จะลบให้หมดไปได้ เเม็คล้มตัวลงนอน ม่านตาเริ่มเเคบลง ภาพหญิงสาววนเวียนเข้ามาในความคิดตลอดเวลาเข้ามาเเล้วก็ผ่านไป เรากำลังเจออะไรอยู่ นี้คือความคิดสุดท้ายของเขาก่อนจะหม่อยหลับไป
---------จบตอน---------
ความคิดเห็น