ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮอลลี่ เวิลด์ ปฐมบทที่ 1 ตระกูลออกุสต้า

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ................ครอบครัวฮอลลี่

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 51


    ปฐมบทที่ 1 ตระกูลออกุสต้า

     

    ครอบครัวฮอลลี่

     

    -1-

                ระตูสูงใหญ่สีทองสะท้อนแสงเจิดจ้าขนาบด้วยกำแพงซึ่งล้อมรอบตัวบ้าน ซึ่งภายในมีการจัดสวนไว้อย่างเหมาะเจาะลงตัว สวนดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งใหม่มีพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ชนิดต่างๆ

    แข่งขันเพื่อช่วงชิงความสง่างามในสวนที่แสนจะทำธรรมดา  น้ำตกจำลองซึ่งดูไม่เหมือนน้ำตกตกจริงนัก มีบ่อน้ำที่เอ่อล้นด้วยน้ำที่สูบขึ้นมาจากใต้ดิน บ่อน้ำที่ถูกขุดขึ้นใหม่โดยคนงานในละแวกนี้รองรับน้ำที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ศาลากลางน้ำที่ออกแบบมาเพื่อให้รับกับตัวบ้าน ภายในสวนคลาคล่ำไปด้วยฝูงแมลงนานาชนิด ภายในบ้านมีเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงซึ่งถูกจัดให้เข้ากับสัดส่วนของบ้านอย่างลงตัวกลิ่นสีซึ่งทาใหม่ยังมีเจือจางในอากาศ

                 

                       วันนี้ครอบครัวเศรษฐีฮอลลี่จะออกเดินทางมาพักร้อนที่คฤหาสน์ตลอดหน้าร้อนที่แสนสั้น ครอบ ครัวฮอลลี่เป็นเจ้าของบริษัทขนาดใหญ่ในมอลโลทำธุรกิจเกี่ยวกับผลไม้กระป๋อง   ครอบครัวฮอลลี่มีหัวหน้าครอบครัวชื่อว่า   ไบอัน  ฮอลลี่     หรือที่คนในลอนดอนเรียกกันติดหูว่าท่านไบรอัน ไบรอันเป็นคนมีหน้าตาในมอนโลมากถึงขนาดนายกเทศมนตรีแห่งมอลโล    คอร์ปบ่า ฮากริน จอมละโมบซึ่งชนะเลือกตั้งอย่างฉิวเฉียด เชิญไบรอันไปร่วมโต๊ะเพื่อแสดงความยินดี  ซึ่งความมีชื่อเสียงของไบรอัน ฮอลลี่ ไม่สร้างความพอใจให้กับภรรยาเขาเท่าไร ลอร่า ฮอลลี่ เป็นภรรยาของไบรอันหล่อนไม่เคยได้รับความสุขจากชื่อเสียงของไบรอันเลยแม้แต่น้อย  ซึ่งตรงข้ามกับไบรอันสามีคู่ชีวิตหล่อนสิ้นเชิงหล่อนคิดว่าไบรอันมีชื่อเสียงก็เพราะว่าเขามีฐานะร่ำรวยพอที่จะดึงดูดพวกนักการเมืองอย่างคอร์ปบ่า ฮ่ากริน กับลูกสมุนจอมเสนอหน้าให้เห็นความสำคัญในตัวของสามี อาจเป็นเพราะว่างบประมาณครึ่งหนึ่งที่ได้แต่ละปีมาจากการเก็บภาษีจากโรงงานของเขาที่กระจายไปทุกมุมเมืองจึงทำให้เขามีชื่อเสียงไปโดยปริยาย

     

                        แม้หลายคนคิดว่าการมีชื่อเสียงเป็นความสุขที่สุดในชีวิตที่น้อยคนนักจะได้รับแต่หล่อนไม่คิดเช่นนั้นทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องนี้หลอนจะหงุดหงิดจนเลือดขึ้นหน้า  หล่อนเจียดเงินส่วนหนึ่งของหล่อนมาสร้างคฤหาสน์หลังมหึมากลางป่าเพื่อเอาไว้มาพักร้อน หล่อนพยายามปกปิดทุกอย่างกับนักข่าวเกี่ยวการสร้างคฤหาสน์เพื่อปกป้องนักข่าวไม่ให้มารบกวนหล่อนและครอบครัวเวลาที่มาอาศัยในคฤหาสน์หล่อนเลือกสถานที่จะสร้างคฤหาสน์โดยไม่ปรึกษาใคร
                                  

                             หล่อนตัดสินใจสร้างคฤหาสน์บริเวณเมืองเคลิกลินซึ่งอยู่ทางตอนใต้ประมาน 800 ไมค์จากมอลโล เป็นเมืองที่ไม่มีใครพลุกพล่านมากนัก ส่วนมากจะเป็นเทือกเขาและหุบเหว  มีที่ราบบางส่วนมีแม่น้ำตามัสกัสไหลผ่าน หล่อนเลือกบริเวณที่ราบชายเขาใกล้แม่น้ำดามัสกัสเป็นสถานที่ปลูกคฤหาสน์ แม่น้ำดามัสกัสเป็นแม่น้ำสำคัญที่สุด ห่างคฤหาสน์ไปทางใต้ประมาณ 1 ไมค์ เป็นทะเลซึ่งถ้ามองจากคฤหาสน์นี้ไปจะเห็นได้ชัดเจน ห้วงน้ำเวิ้งว้างไกลสุดลูกหูลูกตามีหาดทรายสีขาวทอดยาวเรียบเรียบชายฝั่งและที่สำคัญเป็นบริเวณที่แม่น้ำดามัสกัสไหลลงสู่ทะเล น้ำสีขุ่นตัดกับสีน้ำทะเลเห็นเด่นชัดเหมือนกับชั้นขนมเค้กขนาดใหญ่ราดน่าด้วยแยมดูน่ารับประทาน
               

                      ไบรอันและลอร่ามีบุตรหนึ่งคนชื่อ แม็ค ฮอลลี่    แม็คเป็นเด็กชายตัวเล็กเพิ่งฉลองวันเกิดอายุครบ 12 ขวบไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้วตอนนี้แม็คมีอายุ 12 ขวบ 2 เดือน แม็คเป็นเด็กเรียบร้อยไม่ชอบเล่นกับเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน ท่าทางแม็คเป็นเด็กสุภาพเหมือนถูกสอนมารยาทมาดีเมื่อดูจากภายนอกแต่จริงๆแล้วหัวใจแม็คยากจะกระโดดโลดเต้นแบบเด็กผู้ชายคนอื่นเขาเป็นกัน อยากร้องตะโกนเสียงลั่นให้ทุกคนรู้ว่าแม็คเองไม่ใช่เด็กต้วมเตี้ยมนุ่มนิ่มอย่างที่ใครต่อหลายคนคิด

    โดยเฉพาะ ป้ามิสเชล มอนเนกัลป์ ของแม็คเองที่คิดว่าการที่เด็กชายเป็นอย่างนี้สมควรถูกประหารป้ามิสเชลไม่กล้าพาแม็คไปไหนมาไหนเพราะอายพวกป้าในสมาคมอัญมณีแหล่งมอลโล  แม็คเคยหนีออกจากบ้านบ่อยครั้งเพื่อที่จะได้มีชีวิตที่อิสระเหมือนเด็กทั่วไป ครั้งหนึ่งแม็คเคยถูกจับได้นับแต่นั้นมาแม็คไม่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างอิสระเลย แม็คต้องนั่งจำเจอยู่ในอยู่บ้านมองดูสายลมเปลี่ยนทิศยามเปลี่ยนฤดูกาล คริสต์มาสมาถึงแล้วก็ผ่านไปอย่างช้าๆเช่นเดียวกับหัวใจของเด็กผู้ชายเองเริ่มห่อเหี่ยวลงทุกขณะ ในใจขณะนี้ของแม็คเต็มไปด้วย ความเบื่อหน่าย จนสุดจะทนเต็มที สักวันเตนเองคงจะระเบิดมันออกมาเมื่อถึงตอนนั้นแม็คแน่ใจว่าคงไม่ใครหยุดเขาได้ 
               

                          คนทั่วไปมักมองครอบครัวฮอลลี่ว่าเป็นครอบครัวที่สมบูณร์แบบอย่างที่หลายครอบครัวอยากเป็นบ้าง คนในครอบครัวไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากนัก แท้จริงแล้วครอบครัวฮอลลี่เต็มไปด้วยปัญหาโดยเฉพาะนางและนายฮอลลี่ซึ่งเป็นคู่สามีภรรยาที่แปลกซึ่งไม่คอยจะกินเส้นกันนัก                   
                  

                          ถนนที่ทอดยาวผ่านเมืองสำคัญต่างๆของมอลโล  ซึ่งเป็นถนนที่จะพาเหล่าครอบครัวฮอลลี่สู่เมืองเคลิกลินอันเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ที่พวกฮอลลี่รียกมันว่า "บ้านแสนสุข" (เท่าที่คอยเจอมา) โดยฉพาะนางฮอลลี่มีความภูมิใจกับคฤหาสน์ของหล่อนเป็นพิเศษ (ออกนอกหน้านอกตาไปด้วยซ้ำ)ระหว่างเดินทางหล่อนพูดพรึมพรำถึงเรื่องคฤหาสน์ตลอดเวลา
                 

                            "นี้ถ้าไปถึงนะ   คุณต้องประหลาดใจและชอบมันแน่นอนค่ะ ไบรอันที่รัก" นางฮอลลี่พูดพร้อมพยักหน้าให้ลูกและสามีเออออตาม
                    

                               "ฉันเลือกสถานที่กับมือฉันเองเลยนะ ฉันคิดว่านั้นเหมาะกับครอบครัวเราที่สุด"หล่อนพูดในขณะหันหน้ากลับไป นายฮอลลี่ได้แต่พยักหน้าระหว่างที่หล่อนพูดตลอดเวลา แม็คซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังกำลังเหม่อลอยกับทิวทัศน์ทางซึ่งเป็นเปลี่ยนไปทุกขณะ  ขณะรถกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้า   แม็คไม่ได้เห็นทิวทัศน์แบบนี้มานานแล้วส่วนมากเขาจะใช้เวลาอยู่ในห้องแคบๆที่แม่ของแม็คตกแต่งให้หรูหราจนห้องที่เคยใหญ่กับแคบลงถนัดตา เขาคิดว่าถ้าไปถึงคฤหาสน์ตนจะรีบวิ่งขึ้นไปบนคฤหาสน์ไม่ให้ลอร่าได้มีโอกาสเข้าในห้อง แล้วเขาเองจะปิดประตูเงียบไม่ใครเข้ามาได้ แม็คกลัวเหมือนกับห้องของตัวเองที่แม็คเองอยู่ประจำที่ลอนดอน
             

                              "แม่ครับ ผมอยากอยู่เงียบๆหน่อยได้ไหมครับ" แม็คพูดพลางทำหน้าบูดเบี้ยวใส่ลอร่าแม่ของตน  ลอร่าทำสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็วางเฉย  ตั้งแต่นั้นมาหล่อนไม่ได้พูดถึงเรื่องคฤหาสน์อีกเลยจนกระทั่งรถแล่นผ่านตัวเมืองเคลิกลิน
                           

                            "นี้ใครจะเข้าห้องน้ำบ้างไหม"นายฮอลลี่ถามพลางหักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าไปในปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งที่อยู่ริมถนน
                           

                           "คุณจะเข้าปั้มน้ำมันทำไม เราเติมน้ำมันมาเต็มถังแล้วนี้"นางฮอลลี่ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
                           

                           "ถ้าคุณกลัวว่าจะไปไม่ถึงคฤหาสน์คุณก็ลงตรงนี้เลยก็ได้"นายฮอลลี่พูดตอกกับไป
                          

                          "คุณจะทำอะไรก็ทำเถอะ"นางฮอลลี่ไม่พอใจที่ถูกขัดคอ
    นายฮอลลี่ชะลอความเร็วรถลงแล้วจอดด้านหน้าร้านมินิมาร์ทของปั้มน้ำมัน  ด้านหน้าเขียนว่า ร้านนักแสวงโชค นายฮอลลี่เปิดประตูรถพร้อมกับจังหวะที่นางฮอลลี่เปิดประตูรถเช่นกัน  นายฮอลลี่รีบสาวท้าเดินข้าไปในร้านนักแสวงโชคโดยไม่เหลียวหลังมาเรียกภรรยาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของประตูรถให้เดินตามไป หล่อนหันมามองสามีที่เห็นหลังไหวๆเดินข้าไปในร้านนักแสวงโชค  พร้อมกันนั้นก็ละสายตาจากสามีมาที่แม็คลูกชายคนเดียวที่นั่งอยู่หลังรถ
                           "ลูกจ้า    ลูกไม่ออกมาสูดอากาศข้างนอกหรือจ๊ะ"   นางฮอลลี่พูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดูอย่างที่สุด
                           "เออ....ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับแม็คตอบด้วยท่าทางเหม่อลอย            
                         

                           "แม็คออกมาเถอะลูก   ที่นี้อากาศดีกว่าที่บ้านเราเยอะ"  นางฮอลลี่ตะโกนเรียกแม็คในขณะที่เธอเดินออกห่างไปยืนอยูใกล้สวนดอกไม้ที่ออกดอกบานสะพรั่งอยู่ทางด้านหลังปั้มน้ำมัน ซึ่งอยู่ห่างจากรถของครอบครัวฮอลลี่ไปไม่กี่เมตร  ปั้มน้ำมันแห่งนี้เป็นปั้มแห่งเดียวของเมืองเคลิกลิน ทำให้เห็นว่าปั้มแห่งนี้มีลูกค้ามาใช้บริการหนาตา  เขาเปิดประตูรถออกมาเพราะทนเสียงเรียกของแม่ไม่ไหว  แม็คเหลียวมองไปทุกทิศทุกทางทั่วบริเวณปั้มน้ำมัน  จึงพบว่าปั้มแห่งนี้ไม่แตกต่างกับปั้มแถวบ้านของเขานัก  มีภาพเขียนแสดงอากัปกิริยาต่างๆไม่ว่าจะเป็น ประเพณีวัฒนธรรมที่ออกจะดูแปลกตาและไม่เคยพบเห็นเมื่ออยู่ที่ลอนดอน  ภาพผู้หญิงเปลื่องผ้ากำลังขี่กระทิงและมีแส้อยู่ในมือทางด้านข้างภาพนี้เป็นภาพหญิงสาวกับชายหนุ่มแต่งกายชุดประจำท้องถิ่นดูแปลกตากำลังเริงระบำ  แม็คละสายตาจากบรรดาภาพวาดต่างๆไปมองแม่ของตนที่กำลังเริงระบำกับบรรดาดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่หลังปั้มน้ำมัน
                        

                      "นี้ลูกไม่สบายหรือปล่า"แม็คสะดุ้งกับอ้อมกอดของพ่อที่มีให้ตน
                        

                     "อุ้ย! ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับพ่อ" แม็คพูดพลางทำทีเขินอาย แม็คไม่เคยถูกพ่อของเขาโอบหรือกอดเลยสาเหตุจากพ่อของแม็คมักยุ่งกับงานที่บ้านซึ่งกองสูงจนอาจเรียกได้ว่าเป็นภูเขาลูกย่อมๆก็ว่าได้
                       

                      "ถ้าลูกโตขึ้นลูกต้องหล่ออย่างพ่อแน่เลยไม่งั้นแม่เข้าคงไม่ตกหลุมรักพ่อจริงมั้ย"  
                       

                     "ลูกเรียกแม่ให้ขึ้นรถได้แล้วเราจะเดินทางกันต่อ"นายฮอลลี่พูดแล้วยืนขึ้นพยายามเบ่งกล้ามเท่าที่มีเหลืออยู่น้อยนิดซึ่งถูกแทนที่ด้วยไขมัน
                       

                    "แม่ครับขึ้นรถได้แล้วครับ"แม็คพูดพร้อมกับเปล่งเสียงที่เขามีในขณะนั้น นางฮอลลี่ถูกขัดจังหวะความสุขที่ได้จากดอกไม้ในทันที  เธอมีสีหน้าบูดเบี้ยวซึ่งไม่รับกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางหลากหลายยี่ห้อ  แต่เธอก็เดินกับขึ้นรถพร้อมกับเสียงปิดประตูรถที่ดังสนั่นเสียจนคนในร้านนักแสวงโชคหันมาจับจ้องที่จุดเดียวกัน         
                    

                       รถของครอบครัวฮอลลี่เริ่มเคลื่อนตัวออกทันทีที่นางฮอลลี่ปิดประตูรถ ความมืดเริ่มคืบคลานปกคลุมบรรยากาศภายนอก  ดวงอาทิตย์รี่แสงลงจนเห็นเป็นสีส้มดวงใหญ่อยู่ไกลลิบลับ  แสงตกกระทบยอดหญ้าจนกลายเป็นสีแดงเพลิง  ทิวทัศน์ข้างทางขณะที่แล่นไปเริ่มเปลี่ยนแปลง จากที่เคยเป็นบ้านหนาแน่นหลายหลัง  เมื่อรถแล่นออกมาได้ครู่หนึ่งบ้านเรือนก็เริ่มลดจำนวนลงจาก  10-15หลังที่อยู่ใกล้ๆกันตอนนี้เหลือเพียง1-2หลังในระยะหนึ่งกิโลเมตร
                     

                       "แม่ครับคฤหาสน์ของแม่อยู่ห่างจากตัวเมืองเคลิกลินมากไหมครับ"  แม็คถาม ด้วยอาการอดรนทนรอไม่ไหวและแม็คเองพยายามหลีกเลี่ยงคำว่าคฤหาสถ์ของเราเพราะฟังดูแล้วพ่อและเขาช่วยกันสนันสนุนในการสร้างคฤหาสน์นี้ขึ้นมา
                     

                        "ลูกตื่นเต้นถึงขนาดนั้นเชียวหรือ"ความดีใจทำให้นางฮอลลี่อดพูดไม่ได้
                    

                     "ผมไม่ได้ตื่นเต้นสักหน่อยผมแค่รู้สึกเบื่อเวลานั่งรถนานๆ"แม็คถอนหายใจ
                     

                     "แค่นั้นและครับ"นายฮอลลี่ส่งยิ้มแห่งความชัยชนะให้แม็คด้วยความพอใจในคำพูดของลูกชาย
                     "นี้ทั้งคู่กำลังรุมแม่คนเดียวอยู่ใช่ไหม"นางฮอลลี่ทำหน้าบึ้งตึง
                    

                      "ผมไม่ได้ว่าคุณสักหน่อยทำเป็นโมโหไปได้"แต่หล่อนไม่ตอบโต้กลับ
                    

                      "นี่คุณเลี้ยวทางนี้เลยค่ะ ทางซ้ายนะ" นางฮอลลี่เปล่งเสียงร้องทักขึ้นให้สามีเลี้ยวรถ เมื่อรถเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางรถเริ่มไต่ระดับสูงตามความลาดชันของถนน   แม็คสังเกตว่าทางนี้เป็นทางขึ้นไปบนภูเขาต้นไม้เริ่มหน้าตามากขึ้นอีก   แม็คลดกระจกรถที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของตนลงรถก็เริ่มไต่ระดับสูงขึ้นอีก   แม็คยืนหน้าออกไปพ้นหน้าต่าง  แลเห็นข้างหน้าเป็นทางชัน  ซึ่งรถของตนกำลังวิ่งไต่ระดับขึ้นไปอยู่แล้วก็หันหน้ามาดูทิวทัศน์ข้างทางเพียงชั่วขณะเดียวแม็คถึงกับตกใจสุดขีดขนทั่วกายของเด็กชายตั้งชันความหนาวจมลึกสุดขั้วหัวใจอะไรบางอย่างหน้าสะพรึงกลัวบินออกมาจากป่าที่อยู่ข้างทางตัดหน้ารถของเขา นายฮอลลี่เบรครถกะทันหันจนท้ายรถปัดขวางถนนลงไปข้างทาง
                           

                             "ให้ตายเถอะ !   ตัวบ้าอะไรว่ะ มาตัดหน้ารถได้นายฮอลลี่พูด ด้วยความฉุนเฉียว

    นางฮอลลี่ถึงกับหัวขมำไปข้างหน้าเผยให้เห็นหน้าผากที่บูดบวมเวลาที่เธอผงกหัวขึ้นมา
                     

                       "นี้อะไรกันคุณทำไมถึงเบรครถกะทันหัน"นางฮอลลี่ตื่นตระหนก
                       
    "ก็ ..เมื่อกี้ตัวบ้าอะไรก็ไม่รู้ตัดหน้ารถของเรา" นายฮอลลี่ตอบ

                       "ตัวอะไรกันคุณฉันไม่เห็นเลย" นางฮอลลี่พูดด้วยสีหน้าฉงน ในคำพูดของสามี

                       เอ้า แล้วลูกเป็นอะไรหรือเปล่า" นายฮอลลี่ถาม

                       "ไม่รู้ซิ" ทั้งสองหันไปมองเบาะหลังทันที "ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า" ทั้งถามพร้อมกัน แต่เบื้องหน้าของเขาทั้งสองกลับไม่เห็นแม็คอยู่ข้างหน้า

                        "เอ้า! แล้วลูกไปไหนล่ะนางฮอลลี่ถามขึ้นหน้าซีดเซียว

                        "ให้ตายซิ" ประตูรถถูกเหวี่ยงและเปิดออกนายฮอลลี่ก้าวเท้าลงจากรถในทันที

                        "นี้ลูกทำไมถึงลงรถแล้วไม่บอกพ่อและแม่ก่อนล่ะ" นายฮอลลี่หยุดพูดลงด้วยความเหนื่อยและโล่งใจแล้วจึงพูดต่อ

                       "ปล่อยให้พ่อกับแม่ใจหายหมด"

                       "ผมไม่เป็นไรหรอกครับ" แม็คตอบอย่างไม่สนใจต่อท่าทีของพ่อและแม่เลยสักนิด

                       "ผมเจออะไรบางอย่างครับ" แม็คชูขนนกขึ้นมา มันดูเหมือนขนนกปกติแต่ที่แปลกไปก็คือมันมีขนาดใหญ่ผิดปกติ ยาวประมาณ 1 ฟุตครึ่งเห็นจะได้ ขนเป็นสีน้ำเงินที่สะท้อนรับกับแสงจันทร์ที่ส่องลงมากระทบถนน

                      "นี่ลูกทิ้งมันไปซะ" นายฮอลลี่มีสีหน้าไม่พอใจ

                      "ผมไม่อยากทิ้งมัน ผมจะเก็บไปด้วย ผมว่ามันสวยดี" แม็คพูดและหันกลับมาชื่นชมกับขนนกที่เขาถือไว้

                     "พ่อขอเตือนลูกนะว่าลูกควรจะขึ้นรถได้แล้ว" นายฮอลลี่พูดด้วยความสั่นเทากัดฟันเสียงดังออดๆ

                    "แต่ถ้าลูกชอบมันลูกก็เอาไปได้" ความโกรธของนายฮอลลี่ทุเลาลง

                    "เราต้องเดินทางไปคฤหาสน์ก่อนที่จะมืดกว่านี้"

    ไม่นานรถของครอบครัวฮอลลี่ก็ออกเดินทางต่อ แม็คก็ยังลูบขนนกที่เธอเจออย่างจดจ่อ

                    "ลูกเจอขนนกนั่นที่ไหน" นางฮอลลี่ถาม แม็คตอบด้วยทาทางตกใจ

                    "อ้อหนูเจอมันตกอยู่ข้างรถครับ"

                   "มันหน้าแปลกนะค่ะคุณอยู่ดีดีก็มีตัวบ้าอะไรไม่รู้มาตัดหน้ารถเราแล้วม็คยังพบขนนกประหลาดๆอีก" นางฮฮลลี่พูดด้วยความสนอกสนใจ

                  "อย่ากังวลเลยเธอมันก็แค่นกตัวโตเกินขนาด เธอก็รู้ไม่ใช่หรือว่าแถวนี้ มันเป็นป่าดงดิบทั้งนั้น" นายฮฮลลี่ปลอบขวัญภรรยา

                

                   รถเริ่มลดระดับความสูงลงมา แต่ในใจแม็คไม่ลดระดับเลย  "มันคืออะไร" เสียงนี้ยังก้องสะท้อนในความคิด น่ากลัวจัง" ความคิดหนึ่งปะทังเข้ามา ความรู้สึกคุ้นเคยไม่รู้มาจากไหน ทั้งที่เธอยังไม่เคยได้พบนกหรือหรือสัตว์อะไรก็แล้วแต่ นี่มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่ตัวแม็คเองก็บอกไม่ถูก แต่ความคิดทั้งหมดก็หยุดชะงักลงทันทีเมื่อมีเสียงตะโกนมาจากเบาะหน้าของรถที่แม่นั่งอยู่

               

                   "อ้า.......ถึงแล้วคุณ" รถเริ่มลดความเร็วลงไม่นานก็จอดสนิท พ่อกับแม่เปิดปะตูลงจากรถทันทีเมื่อรถหยุด มีดวงไฟ 2 ดวงติดไว้บนหัวเสาของประตูทั้ง 2 ฟาก มีแสงไฟจากคฤหาสน์ส่องลงมากระทบพื้นหญ้า ทำให้เห็นยอดหญ้าไหวตามลมร้อนที่พัดยามค่ำคืน แม็คลดกระจกข้างลดลงเพื่อดูให้เห็นคฤหาสน์ได้อย่างชัดเจน



                                                                                     ------------จบตอน-------------

              

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×