คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 9..................บ้านศาสตราเเห่งการปรุง เฮเลน ดัชกี้(40%)
ปฐมบทที่ 1 ตระกูลออกุสต้า
-9-
ความปวดร้าวเเทรกซึมไปทั้งตัว เเม็คไม่อาจที่จะพยุงกายของตนให้ยืนได้อย่างมั่นคง นี่เป็นครั้งที่สองเเล้วที่รู้สึกเจ็บปวดอย่างนี้ หลังจากที่เคยตกลงมาจากบันไดเวียนที่สูงชัน มาเวลกำลังพยายามพยุงน้องสาวที่ตอนนี้มีร่องรอยจากบาดเเผลหลังจากที่ตกลงมากระทบพื้น เเม็คพยายามกัดฟันอย่างเต็มที่เเต่ก็พ่ายกับความปวดร้าวที่พยายามกัดกินทุกส่วนในร่างกายเขา เขานอนเเพร่หลาอย่างสิ้นเรี่ยวเเรง นี่มันที่ไหนกันความคิดเเรกเกินขึ้นในหัว ความคิดที่สองเเล้วเราปลอดภัยมั้ย เเน่นอนปลอดภัยเเน่ เสียงหนึ่งก้องในโสตปราสาท เเล้วนี่ที่คือที่ไหน ที่นี่คือ คัสตราโกสถานนี่ ที่ที่ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเจ้าเกิดที่นี้ มันสำคัญมากจริงหรือ ตัวข้า เเล้วเจ้าจะรู้เอง
“ว้าย” เสียงกรีดร้องดังขึ้น
“เจ้าจะให้ข้าเห็นอะไรอีกล่ะ” เเม็คนอนหลับตา เเละตั้งใจฟังเสียงนั้นจากความนึกคิดเบื้องลึก
“อย่าเข้ามา เเม็ค มันไม่ใช่ที่นี่”
“ตื่น เเม็ค ฟีน่า มาเวลกำลังเดือดร้อน” เขาลืมตา เรี่ยวเเรงเขากลับมาเเล้ว เขาผุดตัวขึ้น นี่คือที่ไหนสักเเห่งในยามก่อนรุ่งอรุณ บ้านเรือนที่ก่อด้วยอิฐเริ่มเปลี่ยนสีจากสีดำถมึนเป็นสีส้มระเรื่อ เริ่มมีความเคลื่อนไหวของบ้านเเต่ระหลังที่ตั้งประเชิดหน้ากัน เขาพยายามลุกขึ้นนั่งเเละมองหาเจ้าของเสียง เเม็ค เห็นเเมวตัวใหญ่กำลัง ข่วนเเขนเเละขาของฟีน่าอย่างเเค้นเคือง มาเวลกำลังไล่มันอย่างชลมุน
“ออกไปเเมว บ้า “ ฟีน่าไล่มัน เขาหยิบก้อนหินที่ เกลื่อนกลาดบนบนถนน ขว้างปามันอย่าโกรธเเค้น หินก้อนสุดท้ายเฉียด ตัวมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันวิ่งหาย ไปยังซอกของบ้านที่ปลูกเบียดเสียดกัน เเม็ครีบมุ่งหน้ามายังทั้งสองที่เนื้อตัวไม่ได้เเตกต่างจากเขาเลย รอยเเผลที่ผ่านการต่อสู้ยังทิ้งร่องรอยฉกาจฉกรรย์
พ่อค้าเเต่ละคนเริ่มทะยอยเดินทางมายังย่านใจกลางเมืองนี้ ทุกคนยังอยู่ในอาการง่วงงาวหาวนอนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสามหลบหลีกจากฝูงชน ไปยังซอกตึกที่เเมวนั้นหายหลบเข้าไป ฟีน่าหวังว่าจะไม่ได้เจอมันในนี้อีก
ในซอกของบ้านที่ก่อด้วยอิฐอย่างเเน่นหนา ความชื้น วัชพืชที่เเย่งกันขึ้น ต่างเเสดงในเห็นว่าที่นี่ไม่เหมาะให้ใครเข้ามา น้ำที่ขังอยู่บนหลังคา กำลังไหลลงตามเเรงของธรรมชาติ ช่วยสงเสริมมให้วัฏจักรของธรรมชาติดำเนินต่อไป ไอน้ำเริ่มฟุ้งกระจายไปทั่ว เเม็คสัมผัสถึงไออุ่นของพื้นที่ต้องงเเสงเเดด เสียงพ่อค้า เเละเเม่ค้า ที่ถยอยนำผลผลิตที่เก็บมาจากไร่ของตนหรือนำเข้าจากเเดนไกลมาเสนอขายกันอย่างคับคั่ง เศษผักถูกนำมากองปิดทางออกของทั้งสาม กลิ่นมันเล่นเอาฟีน่ามีอาการหน้าเขียว จนคล้ายหัวกะหล่ำเน่าที่ส่งกลิ่นน่าอิดชะเอียน ชายขอทานที่เเต่งตัวด้วยเสื่อที่ขาดรุ่งริ่งงกำลังเเทะเศษผักอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะทักด้วยเสียงชวนขนลุก
“เจ้า สามคนหิวไหม” เขาโยนกะหล่ำปีที่เน่าจนหนอนขึ้นมาให้ทั้งสาม
“เจ้าบ้า ออกไปให้พ้นเรา เจ้าพวกขยะ” ฟีน่าโมโหจนหน้าที่คล้ายหัวกะหล่ำเน่าเปลี่ยน
เป็นมะเขือเทศสุก ชายขอทานมองหน้าฟีน่าอย่างรังเกียจก่อนจะเดินหนีไป
“พี่ มาเวล ทำไมล่ะค่ะ ทำไมเราต้องมาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ มันเกิดอะไรขึ้น”
“เราถูกส่งมา ด้วยเวทมนต์” มาเวลตอบน้องอย่างกังวล
“ เวทมนต์ หรือค่ะ พี่ ฟีน่าไม่ชอบเลย สิ่งนี้มันทำให้เราเเย่ ฟีน่าไม่ชอบมัน เเม่ต้องตายก็เพราะเจ้านี่เนี่ยเเหละ” ฟีน่าดุไม่ร่าเริงเหมือนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้เลย เธอดูวิตกกังวลเเละหวาดกลัว
“ทำไมพวกคุณดูกังวลครับ ผมว่ามันน่าอัจศจรรย์ทีเดียว ถ้าเป็นผมคงทำไม่ได้อย่างนี้หรอก มันเหมือนกับในภาพยนต์เลย” รอยยิ้มเเบบทึ่ง ถูกลบด้วยใบหน้าที่บึ่งตึงของฟีน่า
“มันไม่ใช่เรื่องตลกนะ เเม็คเราไม่ปลาบปลื้มกับพวกมีเวทย์มนต์หรอก หรือเจ้าคือพวกยาสฮ่ะ”
“เเล้วที่มาเวลใช้ มันไม่ใช้เวทมนต์หรือ เเสงวาบๆนั้น” เเม็คหันหน้ามายังมาเวลเเละเลิกคิ้วเพื่อยิงคำถาม
“นั้นเเหละ คือสิ่งที่ข้าเเยกตัวจากชุมชน เจ้าคิดว่าข้ามีความสุขหรือไงที่ข้าใช้มัน” มาเวลรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องอธิบายเรื่องเหล่านี้
“เราเติบโตมา พร้อมกับการเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ น้อยคนมากในคัสตราโกสถานนี่ที่จะเป็นอย่างเรา คนทั่วไปทั้งเกลียดเเละชั่งมันมาก เเต่ก็มีครอบครัวอย่างเราไม่น้อยที่เริ่มหลงไหลมัน เเละรวมตัวกัน คิดวิธีดัดเเปลง เล่นกับมันเหมือนกับเป็นของเล่น จนมันมีพลังมาก เเละใช้มันข่มขู่คนอื่นให้ทำดั่งที่ตนต้องการ พวกเราจะไม่ปฏิเสธมันเลยถ้ามันไม่มีข้อเสียในตัวของมัน เเละข้อดีก็มีน้อยจนพวกเราหวาดกลัว เเละฝันร้ายของพวกเราก็มาถึงดั่งเช่นที่เราเกรงกลัว เมื่อสภาเเห่งผู้วายชน ที่ที่ทุกสิ่งในคัสตราโกสถานนี่ ถูกกำหนดตามข้อตกลงของสภา พวกเราคนธรรมดา ไม่มีสิทธเข้าไปยุ่ง พวกเรามีหน้าที่เพียงเเค่ทำตามคำสั่งของผู้ถือสารซึ่งถ้ามีการเปลี่ยนเเลงเกิดขึ้น ผู้ถือสารจะควบอาชาป่าวประกาศไปทั่ว เเต่เมื่อผู้ถือสารหายไป บรรยากาศในคัสตราโกสถานนี่ก็เปลี่ยนไป ตอนนั้นเราพี่น้องยังเด็กมาก แบบว่านี่คือเรื่องเล่ากันต่อมาอ่ะ ช่วงหลังนี้ไม่นานนี้เเหละที่มีข่าวว่า สภาล้มสลาย เป็นข่าวรือเช่นกันของผู้ที่คอยส่งเสบียงในเเก่คนในปราสาท ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายกว่าสิบปีก่อน มีคนประเภทหนึ่งที่พวกเราเรียกมันว่าขี้ข้าของผู้ล้มร่างออกเผ่นผ่าน พวกมันเหล่านั้นใช้เวทย์มนต์อย่างเปิดเผย เเละไม่เกรงกลัวใคร มันคอยทำตามสิ่งที่นายมันสั่ง เเละพยายามลักพาตัวคนที่พยายามดัดเเปลงเาทย์มนต์ขึ้นมาต่อต้าน มีคนหายสาบสูญ เราเลยเห็นป้ายประกาศคนหายกันอย่าหน้าตาทุกซอกมุมของบ้านที่ขึ้นเรียงรายในคัสตราโกสถานนี่ไง ทุกคนในที่นี้กลัวคนแปลกหน้า เเละหวาดระเเวงทุกสิ่งที่เกิดผิดปกติที่นี่ พวกยาสเริ่มเสนอตัวเพื่อจะบอกเเก่พวกเราว่าพวกมันจะคอยปกป้องทุกคน เเละถ้าเกิดอะไรผิดปรกติ เเต่นี่คือกลอุบายพวกมันกำลังเดินตามเเผนของมันอย่างเเยบยล พวกเราเปรียบเสมือนหมากที่เดินอยู่ในวงล้อม พวกมันกำลังตามหาอะไรบ้างอย่างที่ะเปลี่ยนคัสตราโก สถานนี่อย่างทันตา เเต่พวกเราไม่รู้ เเละไม่อยากจะรู้ เเต่ดั่งที่พวกเราเคยบอกเจ้า มันต้องการเด็ก”
“เเล้วเหตุการณ์ที่ปราสาทถูกเผาล่ะ มันเกิดอะไรขึ้น คือว่าฮะ มันสัมพันธ์กันได้อย่างไง เเล้วใครเป็นผู้สังหารพ่อบ้าน” ท่าทางเเม็คจะสับสนเเละไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาตั้งคำถามไว้ในหัวเป็นร้อยคำถาม
“นั้นมันเกิดหลังจากที่ การหายสาบสูญของผู้ถือสาร ปราสาทถูกเผาอย่างปริศนา เเละพบพ่อบ้านตาย หลังการปรากฏตัวของพวกคอเชียส ว่ากันว่าเป็นการต่อสู้เพื่ออะไรบางอย่างของคนในปราสาท เเละพ่อบ้านที่ตายก็เป็นคนที่สำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่เพียงพ่อบ้านทำธรรมดา เเต่ร่างถูกสาบเอาไว้ เพื่อร่างข่าวปิดบังความเคลื่อนไหว ตอนที่ที่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง เป็นช่วงก่อนที่ข้าจะพบกับ….. เมื่อวันก่อน” มาเวลดูจริงจังอย่างที่สุด เเม็คสังเกตเห็นความมุ่งมั่นที่เเรงกล้าในตัวเขา เหมือนสิ่งที่ขาพูดคือสิ่งที่เขาพยายามทำมาอย่างตลอด
“เเล้วศพที่เดินได้ล่ะครับ พวกมันยังอยู่หรือเปล่า”
“พวกมันหายสาบสูญเช่นกัน หลังคืนที่ ปราสาทถูกเผา รวมถึงพวกคอเชียสด้วย เเต่มีคนเคยบอกว่าพวกคอเชียส ถูกปะปนไปกับคนทั่วไปที่อาศัยอยู่ที่นี่” มาเวลถอนหายใจอย่างเเรง เเละจ้องมองหนูตัวโตที่กำลังเเทะกะหล่ำปีเน่า
“พวกยาสมันสามารถเเยกเรากับพวกคอเชียสได้ มีคนหลายคนที่เเจ้งข่าวคนเเปลกหน้าให้กับพวกยาสเเต่เมื่อพวกชาวบ้านนำตัวคนเเปลกหน้ามาส่ง พวกมันกับปล่อยคนเเปลกน่าไป เเละบอกเเก่พวกเราว่า เขาเป็นเพียงคนที่เรารู้จักเเต่หลงลืมไปเเค่นั้นเอง”
“นั้นเป็นเหตุผลที่เเย่ที่สุด ที่ผมเคยได้ยินมาเลย” เเม็คพยายามนึกเหตุผลที่พ่อของตนอ้างเหตุผลการหนีเที่ยวผับกลางเมืองลอนดอน
“เเต่ตอนนี้ปราสาทถูกปิดตัว เราคาดว่าผู้ปกครองใหม่คงมาถึงเเล้วละ” มาเวลมองมาทางเเม็ค เขาพยายามอ่านใจของเเม็ค เเละอาจเรียกเวทย์มนต์ในตัวเขาออกมาก็ได้ เเต่ไม่มีหวังเขารู้สึกตาลายเมื่อจ้องมาเวลนานๆ
“ว่าต่อเถอะครับ ผมอยากฟัง” เเม็คหลบสายตามาสนใจหนูตัวเดิมที่ตอนนี้กำลังอ้วนพี มันเดินอุ้ยอ่าย ไปสมทบกับลูกทั้งสามที่รออาหารจากกระพุ้งเเก้ม
“พวกเรารู้เเค่นี้เเหละ ไม่มีใครจะรู้ได้เลย ทุกอย่างถูกปิดเป็นความลับ” มาเวลถอนหายใจ วาวตาเขาเหมือนหลุดลอยไปเเต่ไกล ในห่วงของความคิดเขากำลังสับสน เเละจนตรอก
“เเล้ว…….” ความคิดเขาหยุดกลางคัน ด้วยน้ำเสียงที่ขอร้องกึ่งบังคับ
“ได้โปรดเถอะ หาวิธีออกจากที่นี้ก่อนเถอะ ข้าทนกับสภาพเเบบนี้ได้ไม่นานนักหรอก” ฟีน่าพยายามควบคุมของเหลวในร่างกายที่พร้อมจะออกสู่ภายนอก ใบหน้าเริ่มบวมเเละเขียวยิ่งกว่ากะหล่ำปีเน่า ทั้งสามพยุ่งร่างที่พร้อมระเบิดของฟีน่า ฝ่าฟันสิ่งปฏิกูลอย่างทุลักทุเล กลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งไปทั่วขณะเดินผ่านร้านต่างๆในถนนใจกลางคัสตราโกสถานนี่ ไม่มีคนให้ความสนใจกับพวกเขานัก เพราะต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาขายสินค้าของดุเดือด
“บ้านศาสตราเเห่งการปรุงยา เฮเลน ดัชกี้” ความหวังน้อยนิดของมาเวล เเต่กลับทำให้เเม็ครู้สึกปลอดภัยเขานึกถึงชาร้อนที่มีไอโพยพุ่งส่งกลิ่นหอมทั่วห้องที่มีผนังที่ทำด้วยไม้หอม ตลอดเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังบ้านเฮเลนไม่ง่ายอย่างที่คิด ((มาเวลมองดูจะหลงลืมเส้นทาง พวกเขาเดินวนไปวนมา จนคนที่สัญจรในตรอกเเคบๆแห่งนี้ ต่างมีสีหน้าสงสัย เเม็คหลบเด็กสองคน เเละชายร่างกะทัดรัดตรงทางเลี้ยวสู่ถนนที่ลากมาตัดกับถนนที่ลากมาจากทางทิศตะวันตก ตัวขนชนหลังฟีน่าอย่างเเรง เธอส่งสหน้ามุ่งร้ายมาทางเขา
“คุณมาเวลครับ เรากลับมาที่เดิมเเล้วครับตรงนี้ไง ที่ผมเดินหลบเด็กสามคนนั้น” เขาชี้ตรงมุมถนน
“จริงด้วยซิ พี่ว่าเราก็พึ่งผ่านมานะ” มาเวลใช่ความคิดอย่างนักอีกครั้ง
“พี่ว่า เราน่าจะกลับไปตั้งหลักใหม่ที่ถนนใหญ่ ฟีน่าคิดว่าเราเข้าตรอกผิดเเน่นอน”
ทั้งสามกลับไปตั้งตนที่ถนนใหญ่อีกครั้ง มาเวลอาสาทำทางต่อเเต่ความนี้เขาดูมันใจ พวกเขาเดินผ่านร้านที่เก่า เเละโกโรโกโสกว่าตรอกที่เราไปตอนเเรก กลิ่นไอของเครื่องเทศเเละสมุนไพรฟุ้งกระจายไปทั่ว เเม่ค้าเเก่ๆคนหนึ่งเสนอขายเขากวางภูเขาให้เเม็ค เเต่ด้วยกลิ่นที่เหม็นเอียน ทั้งสามเลยปฏิเสธ เเม็คเดินผ่านร้านที่มีคนเข้าไปใช้บริการจนหนาตา เสียงคนหัวเราะ เเละร้องเพลงที่เเปลกหัวอื้ออึงไปทั่ว เเต่ละคนในร้านต่างหันมามองทั้งสามอย่างประหลาดใจ เราอาจจะถูกเจ้าพวกนี้จับก็ได้ พวกเขาคงคิดว่าเราเป็นคนเเปลกหน้า เเต่ก่อนจะผ่านร้านนี้ไป ระเบียงหน้าร้านก็เต็มไปด้วยคนที่ให้ความสนใจกับทั้งสามคน
“พี่ ค่ะเราไม่ควรเดินอยุ่เเถวนี้นานๆนะค่ะ เราอาจตกเป็นเป้าสายตาของคนที่ไม่หวังดีก็ได้ ยิ่งตอนนี้เราถูกตามล่าด้วยพวกยาสอยู่” ฟีน่าดูวิตกกังวล
เมื่อเดินทางผ่านร้านเจ้าปํญหาไปพักใหญ่ๆ คนที่เดินสวนไปมาเริ่มบางดู มองดูย่านที่ทั้งสามมาถึงขณะนี้ ถ้านึกเเล้วเหมือนอยู่ทามกลางกองขยะที่ถูกหมักมมมานาน เศษปลิวว่อนไปทั่ว ป้ายไม้ที่ผุพังห้อยเกือบเตะพื้น เเกว่งไปเเกว่งมาตามลมยามค่ำคืน พวกเขายืนอยู่กลางสามเเยกเเละตรงหน้าปรากฎตรอกเล็กๆเเละแคบตรอกหนึ่ง ทั้งสามเบียดเสียดกันเข้าไปในสายนั้นอย่างทุลักทุเล ทางเดินดูเเคบเเละชื้น เเต่ทั้งสามก็ไม่เกรงกลัว กับรู้สึกดีด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับตรอกที่เขาเคยอยู่มาก่อนหน้านี้
เเม็คเหลือบเห็นหม้อใบใหญ่ถูกเเขวนยืนออกมาจากกำเเพงที่ก่อด้วยอิฐ มีควันโพยพุ่งออกมาจากปากหม้อ
“นั่นไง บ้านศาสตราเเห่งการปรุงยา เฮเลน ดัชกี้” เสียงมาเวลชี้ไปยังเป้าหมาย
“ถึงซะที่” ฟีน่าถอนหายใจ
ประตูไม้เก่าเสียจน เกือบกลมกลืนไปกับกำเเพงอิฐที่ปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำ ตั้งเผชิญอยู่ตรงหน้าทั้งสาม มาเวลก้าวเท้าขึ้นบันไดที่ถูกก่อไว้เพื่อเป็นทางขึ้น เขาก้าวอย่างระมัดระวัง หนูบ้านตัวหนึ่งกัดเท้าเขาอย่าเต็มเเค้น เนื่องจากเขาเยียบหางมัน เขายกเท้าหลบหนูตัวนั้นก่อนที่มันจะวิ่งไปอย่างตะหนก เสียงเคาะประตูดังขึ้นย่างหนักหน่วง เพราะทั้งสามไม่อยากอยู่ข้างนอกนี้เป็นเวลานาน เเม็คมองออกไปยังเส้นทางที่เพิ่งเดินผ่านมา เขาเห็นผู้คนเดินผ่านไปมามากกว่าช่วงเวลาที่เขาเดินมาถึงตรอกนี้ เเต่ไม่มีคนคิดที่จะตัดสินใจเข้ามาในตรอกนี้เลยสักคน คงอีกไม่นานนี้ละมั้ง เขาคิด เริ่มมีการเคลื่อนไหวดังมาจากข้างหลังประตู เสียงฝีเท้าที่กระทบพื้นอย่างนิ่มนวลมาหยุดลงเมื่อประตูไม้เริ่มเปิดออก เผยใบหน้าที่ของผู้ปรุงยาที่เรืองชื่อ หล่อนมีใบหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับวัยไม้ใกล้ฝั่งเต็มที เเววตาที่เลื่อนลอย มองมาตรงที่ที่ทั้งสามยืนอยู่ เเต่กลับไร้ซึ่งชีวิตชีวา เเววตามที่ขุ่นมัว ทำให้หล่อนดูหน้ากลัว หล่อนตกอยู่ในโลกเเห่งความมืด มือที่ถือไม้เท้าเเกว่งเลียดไปตามผืน มืออีกข้างหนึ่งยันขอบประตูไว้ น้ำเสียงสั่นเครือของหญิงสูงอายุเล็ดลอดจากริมฝีปากที่เเห้งสนิท
“นั่นมาเวล ใช่หรือเปล่า” หล่อนเงี่ยหูฟังเสียงตอบกลับ
“สบายดีไหมครับ คุณเฮเลน ผมมาเวลครับ ไม่ได้เจอกันนานดูคุณเปลี่ยนไปเยอะเลย” รอยยิ้มที่เเสนชอบกลของเฮเลนเเสดงออกมาจากมุมปากที่เเห้งเเละหลุดลอก
“น่าตลกดี ที่เจ้ามาถึงคัสตราโกได้ในสภาพที่ ยังพูดเเละยังหายใจอยู่” เฮเลนเเกว่งไม้เท้าไปมา เฉียดจมูกมาเวลในระยะเเค่ปลายนิ้ว
“เฮเลน เราเข้าไปข้างในได้ไหม ข้างนอกไม่ปลอดภัยสำหรับพวกเรา” มาเวลจ้อง เฮเลนอย่างรอคอย
“นี้ หรือ เป็นสาเหตุที่เจ้ามาหาข้าในยามนี้” เฮเลนหันหลังกลับ กลิ่นเครื่องเทศโชยออกมา
“ไม่เเปลก ประวัติเจ้ามันคงคางเเคลงคนในปราสาท คงมีปัญหานิดหน่อยกับพวกมันใช่ไหมล่ะ เจ้าจึงมาหาข้าในสภาพเช่นนี้” หล่อนคว้าโซ่เเละพยายามดึงประตูปิดอีกครั้ง
“ท่านจะให้คนที่เดือดร้อนอยู่ข้างนอกนี้หรือ นี่ไม่ใช่วิสัยท่านนะ เฮเลน” น้ำเสียงขอร้องงปนอยู่ทุกคำพูด
“ข้าไม่อยากต้อนรับพวกที่ถูกตีหน้าว่าพวก ถูกล่า มันทำให้ข้าต้องคิดมาก พวกเจ้าไปหาที่อยู่ใหม่เถอะ ข้ามิอาจต้านพวกมันได้ ความชราทำให้ข้าอ่อนเเอลงทุกที” หล่อนดึงสายโซ่อย่างเต็มเเรง
“เเต่ท่านคือคนเดียวที่เราต้องการ เฮเลน ดัชกี้” มาเวลพูดอย่างหนักเเน่น เฮเลนเหวี่ยงโซ่ลงกับพื้น เเละมุ่งตรงมายังประตูที่ใกล้จะปิดสนิท หล่อนทาบใบหน้าที่ชราเเนบกับช่องของบานประตูที่ปิดใกล้สนิท
“ทุกอย่างถูกลิขิตเเล้วหนุ่มน้อยเเละสหาย พวกเจ้ามิอาจจะหลีกพ้นมันได้ หายนะกำลังบังเกิด สงครามกำลังก่อตัว ผู้ถูกล้มร่างกำลังมีพลัง ผู้ยึดครองใหม่กำลังเรืองอำนาจ สองขั้วนี้จะเจอกันเเละบัดนั้น สิ่งต่างๆจะสูญหาย ด้วยพลังที่เเสนยิ่งใหญ่” หล่อนหยุดหายใจ ก่อนจะชะงัก จมูกสูดอากาศฟุดฟิด อย่างกับได้กลิ่นอะไรที่เเปลกประหลาด
“มาเวล” หล่อนจ้องหน้า มาเวลเเละพยามดันตัวออกมาจากช่อง
“ครับ คุณ เฮเลน” มาเวลดูตื่นตระหนกในน้ำเสียงเฮเลน
“เจ้าพาใครมาด้วยหรือ อีกสองคนที่อยู่ข้างหลังเจ้า” หล่อนยื่นไม้เท้าเพื่อสัมผัสทั้งสอง
“คนเเรก คือ น้องสาวผมครับ คุณเคนเจอตอนที่เธอยังเด็กมาก เเละคนที่สองคือแม็คเขาเป็นเด็กหลงทาง เราเจอกันในป่าครับ” เฮเลนหายไปข้างหลังประตูสักพักหนึ่ง ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดอีกครั้ง
“เรามีเรื่องที่จะพูดกันใช่ไหม มาเวล” เฮเลนเชื้อเชิญ ทั้งสามอย่างเป็นมิตรผิดจากตอนเเรกที่พบกัน
“หล่อนคงไม่ทำอะไรเรานะค่ะพี่ ดูเเล้วไม่ค่อยน่าไว้ใจเลย” ฟีน่ารู้สึกกลัวกับท่าที่ที่เปลี่ยนไปของเฮเลน เเต่เเม็คกับคิดว่าหญิงชราคนนี้ดูตลกเเละหน้าทึ่ง อยู่คนเดียวในโลกเเห่งความมืดโดยไม่สนใจใคร
พื้นไม้ที่ไม่มันคงนักส่งเสียงร้องตลอดที่ทั้งสามก้าวเข้ามายังที่เเห่งนี้ ข้าวของถูกว่างกระจัดกระจายไปทั่ว ทิ้งร่องรอยของร้านค้าที่อดีตเคยเป็นที่นิยมสูงสุดของคัสตราโกสถานนี่ มีควันโพยพุ่งออกมาจากพื่นที่ถูกกัดกินด้วยปลวกจนผุกร่อน จนเป็นรูรั่วกระจัดกระจายไปทั่วพื้น เเม็คพยายามเดินบนเเผ่นไม้ที่ราบเรียบ เเละมั่นคงพอที่จะรับน้ำหนักตัวเขาได้ โต๊ะตัวใหญ่ถูกจัดวางอย่างไม่ตั้งใจ เก้าอี้ไม้วางอย่างไม่จงใจ มีเพียงตัวเดียวที่ปราศจาศสิ่งสกปรก นั้นคือตัว หมอยาสาวนั่งอยู่เป็นประจำหล่อนนั่งลงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะเชื้อเชิญทั้งสามอย่างเป็นมิตร
“นี้ถือเป็นการตอนรับเเขกเเปลกหน้าครั้งแรก หลังจากที่ร้านนี่ปิดอย่างถาวร ไม่มีการปรุงยาอีก ในคัสตราโกสถานนี่ นี่เเหละคือสิ่งที่ข้าปรารถนา ”
“ทำไมท่านจึงเลิกปรุงยาล่ะ” ฟีน่าถามอย่างเกรงกลัว แต่สิ่งที่ได้มาคือรอยยิ้มที่ไร้ความอ่อนโยน หมอยาพิงพนักเก้าอี้และมองไปยังเพดานที่ผุพังจากน้ำกัดกร่อน จนกลายเป็นผ้าสีดำ ฟีน่าามองตามไปก่อนที่จะหลบสายตาของหมอยาที่จ้องมายังเขาโดยตรง
“มันไม่มีเหตุผลหรอก เเม่หนูน้อย มันคือความพอใจของข้าเเละ…” หมอยาผู้ไร้ดวงตาหยุดอย่างกะทันหัน
“กับใครหรือครับ” มาเวลสงสัย
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า พ่อหนุ่มน้อย” มาเวลก้มหน้า ยอมรับ เฮเลน ลุกจากเก้าอี้ ด้วยความ มั่นใจในดวงตาที่กำลังบอดสนิท หล่อนเดินหลีกข้าวของที่วางรกรุงลัง อย่างชำนาญทาง เเม็คคิดว่าหล่อนคงเดินไปเดินมาในบ้านนี้จน คนปกติหลับตาเดินก็ทำได้ สักครู่หนึ่งหล่อนก็เดินขึ้นมาจากห้องปรุงยาที่อยู่ด้านล่าง (ทั้งสามคาดว่าเป็นเช่นนั้น) ในมือมีเเก้วเล็กใส่ถาดมาด พร้อมกับเยือก อันใหญ่ หล่อนเดินมาถึงโต๊ะเเละวางเยือกเเละเเก้วลงอย่างนิ่มนวล
ความคิดเห็น