คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : 3 ความคิดไม่มีเสียง 2/3
รถยนต์คันคุ้นตาแล่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ บนถนนภายในฟาร์ม ก่อนจอดนิ่งด้านข้างบ้านตุ๊กตา แม้ฝนหยุดตกแล้ว แต่ลมยังพัดหยาดฝนตามกิ่งใบต้นไม้ใหญ่ลงสู่เบื้องล่าง ยังผลให้ทรายรุ้งเปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งยองเป็นลุกขึ้นแล้วหยิบร่ม ก่อนกางมันออกจากนั้นจึงเดินตรงไปยังร่างสูงซึ่งเปิดประตูลงจากรถ
“ขอบใจมาก” ธรณ์เอ่ยเพียงสั้นๆ เมื่ออยู่ใต้ร่มภรรยา ชายหนุ่มคว้าคันร่มถือไว้เสียเอง “รอนานหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ เข้าใจว่าฝนตกขับรถลำบาก” เขามารับเธอช้ากว่าเวลาปกติเกือบชั่วโมงแต่ปลอดภัย ยังดีกว่าเร่งขับให้ทันเวลาจนประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน
“ลูกล่ะ”
“เล่นกับปราบ ซี และก็ไข่ตุ๋นอยู่ในบ้านค่ะ” เวลาที่น้าเขยอยู่ด้วยลูกสาวเธอมักเล่นสนุกกว่าเดิมเสมอ ไข่ตุ๋นชอบเล่นในแบบแมนๆ จึงชอบนักหนายามมีปราบศึก ภูตะวัน หรือไม่ก็ธรณ์ โตขึ้นคงไม่แคล้วติดมาดห้าว
“ปราบกลับมาแล้วหรือ”
“ค่ะ ถึงก่อนหน้าพี่ธรณ์ไม่นาน”
“อืม” สัตวแพทย์หนุ่มพยักหน้ารับรู้
วันนี้ทำงานเหนื่อยหรือเปล่าคะ...
ในเมืองฝนตกหนักไหม...
พี่ธรณ์กินข้าวครบทุกมื้อหรือเปล่า...
หากเป็นเมื่อก่อนทรายรุ้งไม่เคยลังเลที่จะถาม แต่เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เธอจึงได้แต่เก็บคำพูดเหล่านั้นให้เป็นแค่ความคิด ยอมรับว่ากลัวหากเขาตอบกลับมาว่าไม่ใช่เรื่องของเธอ และจะเจ็บปวดกว่าหากธรณ์เมินเฉย ไม่ตอบใดๆ เลย
“ทับทิมโทรบอกว่าพรุ่งนี้มา” ธรณ์บอกพลางถอดรองเท้ากีฬาวางบนชั้น ยามทำงานที่โรงพยาบาลสัตว์เขามักสวมรองเท้าคู่นี้เพราะคล่องตัวกว่ารองเท้าหนัง
“ดีจังค่ะ แซนไม่ได้เจอทับทิมตั้งหลายเดือน เปรี้ยวหวานก็เปรยๆ ว่าคิดถึงคุณอา” ทรายรุ้งกับธีรดารู้จักกันเพียงผิวเผยเพราะธรณ์เล่าให้ฟังว่ามีน้องสาวต่างมารดาอีกคนอยู่ที่กรุงเทพมหานคร กระทั่งสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและต้องใช้ชีวิตในเมืองกรุงเพียงลำพัง ธรณ์จึงแนะนำให้รู้จักกับธีรดาซึ่งขณะนั้นเรียนมัธยมที่โรงเรียนฝั่งเดียวกับมหาวิทยาลัยที่หญิงสาวเรียน เด็กสาวหน้าตาประพิมพ์ประพายธรณ์สนิทกับเธอได้อย่างรวดเร็วด้วยฝั่งนั้นมีมนุษยสัมพันธ์ดีอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่อยู่ไกลบ้าน ทรายรุ้งจึงได้ธีรดาเป็นทั้งน้องสาวและคู่หู “ทับทิมขับรถมาเองหรือคะ”
“คนขับรถมาส่ง”
“มีเรื่องกับพ่อใช่ไหมคะ” ธรณ์เงียบไม่ตอบ เธอคงถามมากไป “ขอโทษค่ะ”
“แซนคงพอเดาได้ว่าถ้าทับทิมมาหาพี่ต้องมีเรื่องทุกครั้ง” ความคิดที่ว่าตนเป็นที่พึ่งพิงเฉพาะช่วงเวลายากลำบากไม่เคยอยู่ในหัว ธรณ์มองว่าน้องไว้ใจเขาจึงมาหา และเขาเต็มใจ เพราะดีกว่าธีรดาฟุ้งซ่านแล้วหายจากบ้านไปที่อื่นซึ่งเขาอาจตามตัวน้องไม่ได้ “เปรี้ยวหวาน”
“พ่ออออออ”
เด็กหญิงปั้นดาววางของเล่นลงกับพื้น สาวน้อยมองน้องสาวที่ดวงตาแป๋วแหววเพราะนอนเต็มอิ่มเพียงครู่เดียว ก่อนลุกขึ้นแล้ววิ่งดุ๊กๆ จนผมเปียที่มารดาถักให้ใหม่ปลิวสะบัด ร่างกลมกระโจนเข้าหาพ่อทั้งตัว
“วันนี้ทำอะไรบ้างลูก” ธรณ์อุ้มลูกสาว จุ๊บแก้มนุ่มกลิ่นแป้งเด็กเช่นที่ทำทุกวัน
“เปรี้ยวหวานช่วยน้าซีเลี้ยงไข่ตุ๋นค่ะ”
“เก่งมาก ลูกใครน้อ”
“ลูกพ่อกับแม่ค่ะ”
สาวน้อยยิ้มแก้มตุ่ยพอถูกพ่อชมว่าเก่ง ทรายรุ้งอดยิ้มตามลูกด้วยไม่ได้ ยิ่งยามยิ้ม เครื่องหน้าลูกสาวยิ่งชัดเจนว่าถอดแบบธรณ์มาไม่มีผิดเพี้ยน
“ว่าไงปราบ” สัตวแพทย์หนุ่มทักคู่เขย ด้วยรู้ว่างานการของอีกฝ่ายหนักใช่ย่อย
“เรื่องงานยังไหวครับพี่ธรณ์ แต่ทนคิดถึงซีกับไข่ตุ๋นไม่ไหวเลยต้องบึ่งรถกลับมานอนบ้าน”
ปราบศึกมีโปรเจกต์งานวิจัยซึ่งสถานที่หลักอยู่ในจังหวัดใกล้เคียง แต่ชายหนุ่มกลับปฏิเสธความสบายส่วนตัว เลือกไม่พักในบ้านพักของสถานีวิจัย แต่ทำตามหัวใจโดยยอมขับรถไปกลับข้ามจังหวัดเป็นระยะทางรวมแล้วกว่าร้อยกิโลเมตร
“ลูกอ่อน ติดลูกเป็นธรรมดา”
“ติดทั้งลูกทั้งเมียนั่นละครับ ผมมีอยู่อย่างละคน ต้องรักษาไว้ดีๆ”
“พี่ปราบน่ะ” อาการขวยเขินยังผลให้ฝ่ามือแม่ลูกอ่อนดีเพียะลงบนแขนสามีอย่างไม่จริงจังนัก ค่อนไปทางตีให้คลายจากอาการเขินบุคคลที่สามกับสี่มากกว่า “เรื่องคุยกับพี่ซันเพลาๆ บ้างเถอะ สนิทกันเกินจนได้นิสัยบางอย่างของพี่ซันมาแล้วนะ”
ผมมีอยู่อย่างละคน ต้องรักษาไว้ดีๆ
ประโยคจากปราบศึกเป็นประโยคพื้นฐานของคนมีครอบครัว แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่สถานะทางครอบครัวร่อแร่อย่างทรายรุ้ง หญิงสาวกลับรู้สึกเจ็บลึกเมื่อย้อนมองตัวเอง เปรี้ยวหวานคือดาวดวงน้อยเพียงดวงเดียวในหัวใจ ในขณะที่ธรณ์ก็มีเพียงคนเดียวในโลกเช่นกัน
“แม่ขา อายงมาค่ะ”
เปรี้ยวหวานบอกเมื่อเห็นกระบะคันโตแล่นตามทางดินที่ทอดสู่ตัวบ้าน ยัยตัวเล็กวางช้อนปลูก ละมือจากการช่วยมารดาคลุกเคล้าดินร่วนกับปุ๋ยคอกซึ่งเตรียมไว้สำหรับปลูกต้นพริกอนุบาล ใบหน้ากลมชื้นเหงื่อเล็กน้อยแม้แดดยามเช้ายังไม่จ้า ไรผมลู่แปะบนผิวหน้าขาวสุขภาพดีตามแนวรอยเหงื่อ แก้มกระติกเป็นสีชมพูเปล่งปลั่งไม่ต่างจากผลท้อสุก
ทรายรุ้งเงยหน้าขึ้นจากการชวนลูกสาวออกกำลังกายยามเช้าด้วยการช่วยกันปลูกผักสวนครัวพอดีกับที่กระบะของยิ่งยงจอดหน้าชานบ้าน หญิงสาวปัดเศษดินเศษปุ๋ยออกจากมือแล้วลุกขึ้น ลูกสาวเห็นเช่นนั้นก็ทำตามบ้าง แต่กลายเป็นว่าแขนที่เลอะดินอยู่แล้วยิ่งเลอะไปกันใหญ่
“สวัสดีครับนายหญิง” ผู้จัดการฟาร์มนกกระจกเทศยกมือขึ้นไหว้ภรรยาเจ้านาย ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วเช็ดแก้มให้ลูกสาวเจ้านายที่ยิ้มแป้นให้เขา “ปลูกอะไรครับนายน้อย แก้มเลอะดินหมดแล้ว”
ความคิดเห็น