ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซัมปากีตา...สีหม่น : The Gray Jasmine

    ลำดับตอนที่ #5 : 1 พบเพื่อจาก 4/6

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 65



    มานิลาเริ่มกังวลเมื่อหาสมุดบันทึกเท่าไรก็ไม่เจอสักที ขากลับที่ปั่นจักรยานผ่านจุดซึ่งเธอช่วยผู้ชายคนนั้นไว้ก็ไม่มีอะไรตกหล่นอยู่เลย กลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์เธอรื้อของในกระเป๋าสะพายหลังออกมาจนหมดก็ไม่เจอ โอกาสที่มันจะอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่เพราะสมุดเล่มนี้มักติดตัวเธอเสมอ

    ไปลืมไว้ที่ไหนกัน...

    คิ้วเรียวขมวดมุ่น พยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก สมุดบันทึกไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมากมาย ทว่าที่มีค่าคือสิ่งต่าง ๆ ที่เธอจดเอาไว้ในนั้น มันมีทั้งบทสรุปย่อของแต่ละรายวิชาที่เธอต้องใช้อ่านทบทวน ข้อความเตือนความจำที่เขียนไว้ว่าวันนี้หรือวันต่อ ๆ ไปต้องทำอะไรบ้าง หรือแม้แต่ใช้บันทึกเรื่องราวในชีวิตประจำวัน

    “ขอให้มีคนเจอแล้วเอามาคืนทีเถอะ”

    แม้จะรู้ว่าความหวังนี้มีเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้น้อยเหลือเกินเพราะในสมุดไม่ได้เขียนอะไรที่บ่งบอกตัวตนลงไปเลยสักอย่าง แต่เธอก็มีสิทธิ์จะหวังไม่ใช่หรือ

    ร่างผอมบางลุกจากพื้นกระเบื้องตรงปลายเตียงแล้วเดินมายังโต๊ะเขียนหนังสือ เธอค่อย ๆ ยื่นมือไปหยิบกล่องไม้คร่ำครึที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดดู ภายในบรรจุรูปถ่ายหลายใบ แผ่นกระดาษเก่า ๆ หลายแผ่น และถุงผ้าเล็ก ๆ อีกสองถุง มานิลาหยิบรูปถ่ายที่วางอยู่บนสุดขึ้นมาดู พลันรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าหวาน ดวงตาที่ฉายแววเศร้าอยู่เป็นนิตย์แปรเปลี่ยนเป็นสดใส...แต่นั่นก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น

    “หนูคิดถึงพ่อมาก ๆ เลยค่ะ”

    หญิงสาววางรูปถ่ายลงไปในกล่องไม้ตามเดิมแล้วเดินมานั่งกอดเข่าตรงระเบียงหลังห้อง ไม้ดอกสีขาวหลายต้นที่ถูกปลูกเอาไว้ในกระถางส่งกลิ่นหอมกรุ่นพานให้เจ้าของรู้สึกสดชื่นยามสายลมพัดเอากลิ่นนั้นมาเตะจมูก มันคือดอกไม้ชนิดเดียวกับที่ไม่เคยขาดไปจากบ้านที่เธอเคยอยู่กับพ่อ เมื่อครั้งที่ยังเด็กมาก ไม้ดอกชนิดนี้มีอยู่แค่ในกระถางหน้าบ้าน แต่นานวันเข้าก็ถูกลงดินปลูกไว้รอบบ้านด้วยการช่วยกันลงมือลงแรงของเธอกับพ่อ

    บ้านหลังนั้นคือความทรงจำอันสวยงามที่สุด...บ้านที่ตอนนี้เธอจากมาไกลเหลือเกิน

    มานิลาเด็ดเจ้าดอกสีขาวมาหนึ่งดอกแล้วนำมาจรดที่จมูก เธอรักดอกไม้ชนิดนี้เพราะเป็นดอกไม้ที่มีชื่อเดียวกับเธอ และยังเป็นดอกไม้ที่แม่ชอบ ความทรงจำบางอย่างในอดีตอาจจะค่อย ๆ เลือนหายตามกาลเวลา แต่ยังมีความทรงจำอีกหลายอย่างที่ฝังลึกในหัวใจจนยากจะลืมเลือน

    แอบเด็ดดอกซัมปากีตามาดมอีกแล้ว

    นึกว่าพ่อจะไม่เห็นแล้วเชียวค่ะเด็กหญิงวัยแปดขวบซ่อนดอกมะลิลาไว้ข้างหลัง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

    ดอกไม้ถ้าอยู่บนต้นมันจะสวยกว่าเราไปเด็ดมานะลูก

    ขอโทษค่ะ

    มานิลาเข้าไปกอดคนตรงหน้าอย่างอ้อน ๆ และก็เป็นกิริยาที่ทำให้ผู้เป็นพ่อใจอ่อนได้ทุกครั้ง

    พ่อเห็นหนูชอบเด็ดไปทับในสมุดการบ้านกับหนังสือเรียน

    พ่อรู้หรือคะ

    ก็หนูเด็ดไปทับทั้งก้าน เวลาก้านโผล่ออกมาจากหนังสือพ่อเลยเห็นไงลูก แล้วคุณครูของหนูก็บอกพ่อด้วยว่าเวลาตรวจการบ้านจะเจอดอกซัมปากีตาอยู่ในสมุด

    คุณครูสอนน่าเบื่อนี่คะ หนูดูดอกซัมปากีตาที่อยู่ในสมุดดีกว่ากันเยอะเลยค่ะ

    หน้าที่ของหนูคือต้องเรียนหนังสือ ถ้าหนูขยันเรียน โตขึ้นก็จะมีงานดี ๆ ทำ

    หนูต้องตั้งใจฟังเวลาคุณครูสอนหรือคะ

    ใช่แล้ว ถ้าหนูเรียนเก่ง ๆ แม่ก็จะภูมิใจในตัวหนู

    หนูอยากให้แม่ภูมิใจค่ะ

    คนเก่งของพ่อ ฟังพ่อนะลูก พ่ออาจจะไม่มีเงินทองมากมายให้หนู พ่อให้หนูได้ก็แค่ความรักทั้งหมดที่พ่อมี กับการส่งหนูเรียนหนังสือเขามั่นใจว่าการศึกษาจะช่วยยกระดับชีวิตลูกสาวให้ดีขึ้นได้ ลูกจะได้ไม่ต้องมาซ้ำรอยลำบากอย่างเขา

    หนูจะตั้งใจเรียนค่ะ จะเรียนให้เยอะ ๆ เลย

    มานิลายกนิ้วก้อยขึ้นเป็นการทำสัญญาที่ไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษร หากแต่มีหัวใจของเธอเป็นเดิมพัน คนเป็นพ่อเห็นเช่นนั้นก็ยกนิ้วก้อยมาเกี่ยวด้วย สองคนสองวัยยิ้มให้กัน แต่ไม่นานคนที่อายุน้อยกว่าก็ต้องหุบยิ้มเมื่อรู้ว่ายังมีคดีติดตัว

    พ่อโกรธไหมคะที่หนูไม่ปล่อยดอกมันให้สวยอยู่บนต้น

    ไม่โกรธหรอก หนูเหมือนแม่ แม่เขาก็ชอบเอาดอกซัมปากีตาไปทับในหนังสือเรียนแบบนี้เหมือนกัน

    ชายหนุ่มจูงมือลูกสาวมานั่งตรงบันไดหน้าบ้าน จากนั้นเขาจึงนั่งลงข้าง ๆ ดวงตาที่ฉาบไปด้วยแววอ่อนโยนมองเด็กหญิงที่เป็นผลผลิตจากความรักของเขา ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งนางฟ้าตัวน้อย ๆ มาให้เขาดูแล

    มือหนายกขึ้นวางบนศีรษะทุยแล้วโยกไปมา มานิลาเงยหน้าขึ้นมองพ่อแล้วยิ้มให้ ก่อนนำดอกมะลิลาที่เด็ดมาแตะที่จมูกคนเป็นพ่อ และก็ได้รอยยิ้มอบอุ่นกลับมา

    หอมไหมคะพ่อ

    หอมมาก รู้ไหมว่าทำไมพ่อถึงตั้งชื่อหนูว่ามะลิ

    เด็กหญิงยิ้มยิงฟัน คำถามนี้เธอตอบได้โดยไม่ต้องคิดเพราะตั้งแต่จำความได้พ่อก็เล่าที่มาของชื่อให้ฟังนับร้อยรอบ ถึงแม้จะมากครั้งแต่เธอก็ไม่เคยเบื่อยามได้ฟัง แม้บ่อยครั้งจะถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อเพราะมีชื่อเล่นเป็นภาษาที่แปลกกว่าคนอื่น ๆ แต่เธอก็ไม่เคยนึกอยากเปลี่ยนชื่อ

    พ่อเคยบอกตั้งแต่หนูตัวเท่านี้เด็กหญิงยกฝ่ามือขึ้นขนานกับพื้นสูงราวหนึ่งเมตร แล้วหันกลับมายิ้มให้บิดา “ว่าหนูผิวขาวเหมือนดอกซัมปากีตา คนไทยเรียกว่าดอกมะลิลา และเพราะแม่เป็นคนไทยพ่อก็เลยตั้งชื่อนี้ให้ค่ะ”

    ชายหนุ่มส่ายหน้าทว่ายังคงยิ้ม นั่นทำให้เด็กหญิงเอียงคอประกอบกับแววตาสงสัย

    ไม่ถูกหรอกหรือคะ

    ถูกสิ แต่ไม่ทั้งหมด

    คราวนี้ดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วดูเหมือนยิ่งโตขึ้นกว่าเดิม เธอทั้งสงสัยและอยากรู้อยู่ในที

    หนูไม่รู้ค่ะ

    ผู้เป็นพ่อรั้งร่างลูกสาวเข้ามากอด ก่อนกดจมูกไปบนเส้นผมนุ่มสีดำขลับ

    เพราะดอกมะลิลาเป็นดอกไม้ที่แม่ของหนูชอบที่สุดไงลูก

    สายลมเย็น ๆ พัดเข้ามายังระเบียงจนหญิงสาวต้องลูบแขนตัวเองเพื่อให้คลายหนาว หากตอนนี้พ่ออยู่ด้วยท่านคงดึงเธอเข้าไปกอดเพื่อให้ความอบอุ่น แต่ตอนนี้ท่านอยู่ไกล

    ...ไกลจนเธอมองไม่เห็น

    มานิลาภูมิในใจชื่อตัวเองทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดของพ่อ ชื่อจริงของเธอแปรมาจากเมืองมะนิลาเมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ บ้านเมืองพ่อซึ่งเธอเกิดและโตที่นั่น ส่วนชื่อเล่นก็เป็นชื่อเรียกดอกซัมปากีตาในประเทศบ้านเกิดแม่...เมืองที่เธอใช้เป็นที่พักพิงทั้งกายและใจอยู่ในตอนนี้ การมีทั้งความเป็นพ่อและแม่อยู่ในตัวทำให้รู้สึกว่าพวกท่านอยู่ใกล้ ๆ เธอเสมอ

    หญิงสาวสูดกลิ่นดอกมะลิลาอีกครั้งแล้วแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า...ตอนนี้พ่อคงจะอยู่ที่ดาวดวงไหนสักดวงบนนั้น

    “หนูรู้น้าว่าพ่อแอบมองหนูจากบนฟ้าอยู่ตลอดเวลา เป็นกำลังใจให้ลูกสาวคนนี้ด้วยนะคะพ่อ”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×