ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คิดถึงคุณ...อย่างเป็นทางการ : Officially Missing You

    ลำดับตอนที่ #1 : อารัมภบท

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 67




    เสียงล้อรถยนต์เสียดสีกับถนนดินลากยาวดังเอี๊ยดทำให้ประมุขของบ้านต้องวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ ท่านส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนมองภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากอย่างรู้กัน เบรกลากล้อหนีไม่พ้นลูกสาวคนเล็ก เป็นทุกครั้งที่รีบร้อน ครานี้จะด้วยเหตุผลอะไรนั้น ท่านคงได้รู้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

    ทว่าไม่ทันจะได้รู้สาเหตุที่ลูกสาวบึ่งรถราวเหาะ ลมหายใจหนักๆ ก็ถูกคุณการุณย์พ่นออกมาเฮือกใหญ่ รู้ยิ่งกว่ารู้ว่าทะเลจันทร์ไม่ได้เรียบร้อยเหมือนนางในวรรณคดี แต่ทำใจให้ชินไม่ได้สักทีกับกิริยาซุ่มซ่าม ห้าวเกินหญิง เสียงเคร้งเมื่อครู่เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากกระถางดินเผาหน้าบ้านที่ท่านเพิ่งโรยเมล็ดแววมยุราหลากหลายสีหล่นกระแทกก้อนหิน

    “เอาอีกแล้ว”

    คุณกาญจนากุมขมับ รู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมกันของความเป็นกุลสตรีเมื่อหันมองลูกสาวคนโตที่มีร่างเด็กหญิงปั้นดาวหรือหนูน้อยเปรี้ยวหวานขวัญใจคนทั้งฟาร์มหมูการุณย์กาญจ์อยู่บนตัก

    “แซนเรียบร้อยอย่างกับผ้ารีดเรียบๆ พับไว้ แล้วดูยายม้าป่าดีดกะโหลกของแม่สิ ความเรียบร้อยห่างกันเป็นกิโล”

    ทรายรุ้งกลั้นขำ แล้วหอมแก้มนุ่มๆ ของลูกสาวไปหนึ่งฟอด เจ้าตัวเล็กผู้เป็นเพื่อนซี้กับน้าสาวหัวเราะคิกคัก จากนั้นจึงลุกจากตักแม่วิ่งดุ๊กๆ ไปหน้าบ้านด้วยจำเสียงรถยนต์ได้แม่น

    “ดู๊ดู เปรี้ยวหวานก็ติดน้าแจ โตขึ้นจะห้าวเหมือนกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ แม่ละกลุ้ม”

    “ถ้าซีเรียบร้อย บ้านเราก็เงียบสิคะ” ทรายรุ้งเอ่ยปนหยอก

    “ทุกวันนี้ที่ดังก็ดังเพราะเสียงวิ่งลงบันไดบ้างละ เบรกรถบ้างละ จานแตกบ้างละ วันนี้กระถางแตก”

    “เอาน่าคุณ ครื้นเครงดีออก มีเสียงให้สำราญหูแต่เช้า” คุณการุณย์บอกอย่างคนมองโลกในแง่ดี แม้จะเห็นด้วยกับความคิดภรรยาแทบทั้งหมด

    “ทำลายข้าวของตั้งแต่เด็กยันโต”

    “ชินคุณ เราควรชิน”

    “แหม อย่างกับคุณชินนะคะ” โชคดีที่แม้ข้าวของจะพัง แต่ตัวทะเลจันทร์ไม่เคยได้แผล อย่างน้อยๆ ท่านก็พออุ่นใจอยู่บ้าง

    “รอซีแต่งงานก่อน อาจจะดีขึ้นนะคะแม่”

    หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดประจำหมู่บ้านดูดวงแม่นอย่างกับตาเห็น ครั้งล่าสุดที่คุณกาญจนากับทรายรุ้งไปทำบุญและเปรยเรื่องความซุ่มซ่ามของทะเลจันทร์ ท่านขอวันเดือนปีเกิด ขีดๆ เขียนๆ อยู่ครู่หนึ่งก็สรุปความให้ฟังว่าโรคทำลายข้าวของจะหมดไปเมื่อเปลี่ยนไปใช้นามสกุลเนื้อคู่

    “กลัวขึ้นคานน่ะสิ อยู่แต่กับหมู กับต้นแก้วมังกร แบบนี้จะไปหาลูกเขยจากที่ไหนมาให้แม่”

    “ไม่ต้องแต่งงานผมก็เลี้ยงลูกสาวผมได้” พ่อผู้รักลูกเหนือสิ่งอื่นใดเอ่ยขึ้นบ้าง

    จะว่าไปแล้ว กิริยาทะมัดทะแมงของทะเลจันทร์ก็เป็นมรดกสืบทอดที่ได้มาจากคุณการุณย์ทั้งนั้น ต่างจากความเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่คุณกาญจนาให้ทรายรุ้งไปเสียหมด

    “คุณก็ไม่ได้ไว้หนวดนะคะ ทำไมหวงลูกนัก”

    ทรายรุ้งอมยิ้มกับภาพตรงหน้า พ่อแม่ขัดคอกันได้ทุกวัน แต่ตั้งแต่เกิดมา ไม่มีวันไหนเลยที่เธอเห็นพวกท่านโกรธกันจริงจัง

    “เจ้าซันก็อีกคน แม่ไม่เห็นหน้าค่าตามาเป็นอาทิตย์ งานที่ไร่ยุ่งขนาดนั้นเลยหรือไง”

    หญิงวัยกลางคนบ่นลูกสาวคนเล็ก ไม่วายลามไปถึงภูตะวัน ลูกคนกลางผู้รับหน้าที่ดูแลไร่ข้าวโพดอาหารสัตว์และโรงงานแปรรูปของครอบครัวซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดใกล้เคียง

    “บ่นอะไรอีกแล้วคะคุณนาย”

    “ลูกคนนี้นี่ น่าโดนแม่หยิกให้เนื้อเขียว” ท่านไม่ชอบใจนักยามถูกเรียกเช่นนี้ ภาพคุณนายในหัวมีแต่หญิงอายุสักห้าสิบ แต่งหน้าจัด ทรงผมตีกะบังโป่งพอง แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีใครห้ามทะเลจันทร์ได้

    “แม่คิดถึงพี่ซันก็บอกมาเถอะ”

    “คิดถึงอยู่ฝ่ายเดียวน่ะสิ เจ้านั่นจะคิดถึงแม่ คิดถึงบ้านคิดถึงช่องบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วกะ...” พูดไม่ทันจบ มือเรียวงามเป็นต้องยกขึ้นทาบอก “ตายแล้วเจ้าซี ปล่อยหลานลงเดี๋ยวนี้”

    แทนที่จะหยุดตั้งแต่ถูกมารดาปรามครั้งแรก ทะเลจันทร์กลับหมุนตัวอีกรอบ เจ้าตัวเล็กที่เกาะหลังน้าสาวมาตั้งแต่หน้าบ้านหัวเราะชอบใจใหญ่ ไม่ต่างจากเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันที่ชอบเล่นผาดโผน

    “เอาอีกค่ะ เอาอีกๆๆ” หนูเปรี้ยวหวานรบเร้า

    “ได้เลยคนสวยของน้า หนึ่ง สะ...โอ๊ยแม่ !”

    ท่า ‘เครื่องบินควงสว่าน’ อย่างที่รู้กันสองคนระหว่างน้าหลานถูกสกัดดาวรุ่ง ทะเลจันทร์ปล่อยเปรี้ยวหวานลงยืนบนพื้นแทบไม่ทัน ฝ่ามือด้านจากการกรำงานไร่งานฟาร์มมาตั้งแต่เยาว์วัยลูบท่อนแขนตัวเองที่โดนหยิกป้อยๆ ส่วนหนูน้อยเปรี้ยวหวานวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดคุณตา ขำคิกเพราะคิดว่าคุณยายกำลังหยอกเล่นกับน้าสาว

    “เจ็บนะคะ”

    “ก็หยิกให้เจ็บ วันนี้หลายคดีแล้วนะเรา ตั้งแต่ซิ่งกระบะ ทำกระถางแตก แล้วยังมาเล่นแบบแมนๆ กับหลาน”

    “เปรี้ยวหวานชอบใจออก”

    “ชอบใจก็ส่วนชอบใจ ปลอดภัยก็ส่วนปลอดภัย สัญญากับแม่ก่อนว่าจะไม่เล่นแบบนี้อีก”

    “ค่ะ สัญญา” ว่าจะไม่เล่นให้แม่เห็น...

    ประโยคหลังหญิงสาวพูดต่อในใจ พ่อกับพี่แซนยังไม่เห็นว่าอะไรเลย เปรี้ยวหวานก็สนุกดี

    “พ่อปลูกอะไรไว้คะ กระถางนั่น ก่อนซีเข้าฟาร์มยังไม่เห็นเลย”

    “เพิ่งเอาไปวางหลังซีออกไปเดี๋ยวเดียว เจ้าเผือกเอาเมล็ดแววมยุรามาฝาก ปลูกเสียหน่อย คนให้เขาจะได้ดีใจ”

    “งั้นไม่ต้องห่วง เมล็ดที่พ่อโรยไว้ก็คงหล่นๆ อยู่บนพื้นหญ้า เดี๋ยวมันก็งอก” หญิงสาวมองเรื่องร้ายให้เป็นเรื่องดี “ซีเก็บเศษกระถางทิ้งไปแล้ว แต่ดินยังอยู่ เปื้อนชานบ้านด้วย แต่พ่อไม่ต้องเก็บนะคะ ซีกลับมาโกยเอง ขอออกไปรับนักวิจัยที่พี่ซันติดต่อไว้ก่อน”

    “มาวันนี้หรือ”

    “ค่ะ”

    “พ่อคิดว่าพรุ่งนี้เสียอีก”

    “เขาเลื่อนจากพรุ่งนี้เป็นวันนี้ค่ะ ก็ดีเหมือนกัน เป็นผลดีกับฟาร์มเรา”

    “จะไปเลยหรือ ไม่อาบน้ำอาบท่าเสียหน่อยหรือลูก เหงื่อซก มอมแมมไปหมด”

    เป็นปกติไปเสียแล้วที่คุณกาญจนาโกรธลูกสาวได้ไม่นาน บ่นก็เพราะห่วง เรื่องการทำงานก็เช่นกัน ท่านชินกับกลิ่นไม่พึงประสงค์จากมูลสุกรเพราะบุกเบิกฟาร์มร่วมกันมากับคุณการุณย์ ที่เหม็นๆ นี่ก็กลิ่นเงินกลิ่นความสุขทั้งสิ้น แต่นักวิจัยที่จะมาอยู่ฟาร์มการุณย์กาญจ์หลายเดือนคนนั้นยังไม่ชินกับกลิ่นนี้แน่ๆ

    “ไม่มีเวลาแล้วแม่” ทะเลจันทร์หยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่บนโต๊ะใส่กระเป๋ากางเกงยีน “ซีลืมมือถือเลยกลับมาเอาค่ะ พี่ซันให้เบอร์นักวิจัยเอาไว้แล้ว”

    “เพิ่งจะแปดโมงเช้า นัดกันไว้กี่โมง”

    “แปดครึ่งค่ะ แต่ไปถึงก่อนดีกว่า ให้เขารอน่าเกลียดแย่เลย”

    “จะไปก็ไป ขับรถดีๆ ล่ะลูก” เมื่อห้ามไม่ได้ คนเป็นแม่จึงตักเตือนเรื่องขับรถขับราแทน “แล้วคืนนี้กลับมานอนนี่หรือเปล่า”

    อาทิตย์หนึ่ง มีเพียงวันสองวันที่ทะเลจันทร์จะค้างอ้างแรมในห้องตัวเองบนชั้นสองของบ้านใหญ่ เมื่อคืนเป็นหนึ่งในคืนเหล่านั้น

    “ไม่ค่ะ นอนบ้านตุ๊กตา”

    แม้จะอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่อาณาเขตนั้นกว้างหลายร้อยไร่ บ้านใหญ่ห่างจากพื้นที่คอกหมูราวห้าร้อยเมตร ใกล้ๆ กับคอกหมูมีบ้านทรงยุโรปหลังกะทัดรัดอยู่หลังหนึ่ง เป็นเรือนหอของคุณการุณย์และคุณกาญจนา ลูกๆ ทุกคนโตที่นั่น และเพราะหลังเล็กน่ารักจึงเรียกกันว่า ‘บ้านตุ๊กตา’ เมื่อสิบปีก่อนคุณการุณย์ตัดสินใจสร้างบ้านหลังใหม่ หลังเดิมจึงกลายเป็นเรือนรับรองยามแขกไปใครมา

    ทะเลจันทร์รักสันโดษพอๆ กับรักงานฟาร์มงานไร่ ข้อนี้ทุกคนในครอบครัวรู้ดี ทั้ง พ่อ แม่ พี่ๆ จึงไม่มีใครขัดข้องเมื่อเจ้าคนเล็กขอปลีกวิเวกไปอยู่บ้านตุ๊กตา ความจริงแล้วจนด้วยเหตุผลมากกว่า เมื่อลูกพี่ของบรรดาหมูทั้งฟาร์มชักแม่น้ำทั้งห้าด้วยการบอกว่าอยู่บ้านตุ๊กตาสะดวกกว่า เดินฉับๆ ไม่ถึงนาทีก็ถึงคอกหมู

    “ไปก่อนนะคะ”

    “เปรี้ยวหวานไปด้วยค่ะ ไปจวดงาน”

    เจ้าของดวงตากลมใสรู้เพียงว่าเมื่อใดที่น้าสาวออกจากบ้าน นั่นหมายถึงออกไปตรวจงานฟาร์มอย่างที่ผู้ใหญ่บอก แม้พูดชัดแทบทุกคำแล้ว แต่คำว่า ‘ตรวจงาน’ กลับออกเสียงเป็น ‘จวดงาน’ ทุกครั้งไป

    เด็กหญิงปั้นดาวหน้าตาเหมือนพ่อ ผิวเหมือนแม่ แต่ความชอบเหมือนน้าสาว หนูน้อยชอบใจนักเวลาที่ทะเลจันทร์พาไปเล่นกับลูกหมูตัวเล็กๆ และไม่เคยบ่นว่าเหม็น ว่าเหนื่อยเมื่อได้ไปวิ่งเล่นในไร่แก้วมังกรใกล้ๆ กับคอกหมู

    “น้าต้องไปรับคุณลุงตัวโตค่ะ เปรี้ยวหวานไม่รู้จัก วันนี้คนสวยอยู่กับแม่แซนนะคะ”

    เปรี้ยวหวานไม่งอแง ซ้ำยังโบกไม้โบกมือให้ผู้เป็นน้า ทะเลจันทร์แจกยิ้มให้ทุกคน ปิดท้ายด้วยหอมแก้มมารดาไปเต็มรัก ก่อนจะเดินเป็นวิ่งกลับมาขึ้นรถกระบะคู่ใจซึ่งได้มาจากการอ้อนขอบิดามารดาเป็นของขวัญในวันจบการศึกษาระดับปริญญาตรี

    ดวงตาสีถ่านมองเส้นทางเบื้องหน้ายามควบคุมพาหนะคันโตเคลื่อนออกจากอาณาเขตฟาร์ม อดไม่ได้ที่จะนึกไพล่ไปถึงนักวิจัยที่พี่ชายโทรมาสั่งให้ไปรับ

    ‘อะไรกันพี่ซัน ตัวเองไปนัดเขาไว้ แล้วไม่ยอมไปรับเอง’

    ‘ถึงบ่น แต่ฉันรู้ว่าแกไม่ปฏิเสธ’

    ‘ชื่ออะไรล่ะ คนที่พี่ซันจะให้ไปรับ’

    ‘ไว้ฉันจะส่งเบอร์เขาให้แกทางไลน์ เผื่อพรุ่งนี้หากันไม่เจอจะได้โทรติดต่อ เขาชื่อคุณปราบ’

    ‘คุณปราบ...’

    ทะเลจันทร์สูดลมหายใจเข้าปอด จำได้ว่าหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อชื่อนักวิจัยดันเหมือนกับชื่อใครคนหนึ่งที่เธอรู้จัก เขาเคยบอกว่าอยากทำงานเป็นนักวิจัย ป่านนี้ก็คงเรียนจบปริญญาเอกและทำงานอยู่ในต่างประเทศแล้วกระมัง

    หญิงสาวบังคับพวงมาลัยให้ออกจากเขตฟาร์มเข้าสู่เส้นทางสาธารณประโยชน์ ออกซิเจนที่สูดเข้าไปถูกพ่นออกมา

    “คนชื่อปราบบนโลกมีตั้งเยอะตั้งแยะ ฟุ้งซ่านไปได้ เขาไม่ใช่พี่ปราบศึก...คนที่แกคิดถึงอยู่ทุกวันหรอกไอ้ซี !”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×