ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มัดใจคุณ...อย่างเป็นทางการ : Officially be Yours

    ลำดับตอนที่ #15 : 5 แผนมัดใจ 2/3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.17K
      4
      28 มี.ค. 67

    “เราก็รู้ว่าพี่ธรณ์ไม่อยากให้เราเครียด เรื่องพ่อก็มีให้เครียดมากพอแล้ว แล้วอีกอย่างขืนพี่บอกไปทับทิมจะทำอะไรได้”

    “ทับทิมจะบอกพี่ธรณ์เองค่ะ บอกทั้งหมดนั่นแหละ”

    “ไม่ได้นะจ๊ะ !” ทรายรุ้งรีบร้องห้าม พอรู้ว่าตัวเองพูดดังเกินไปก็หันมองลูกสาวซึ่งยังหลับปุ๋ย ดีที่ยายตัวเล็กยังนอนไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ “ถ้าบอกไปแบบนั้นพี่ธรณ์คงรู้สึกไม่ดีกับพ่อ”

    “แล้วพี่แซนทนได้หรือคะถ้าพอครบห้าปีแล้วต้องเลิกรากับพี่ธรณ์จริงๆ น่ะ”

    เหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างแล่นปราดจุกลำคอจนทำให้ทรายรุ้งกลืนน้ำลายเหนียวหนืดได้ยากเย็น ตอบได้โดยไม่ต้องคิดว่าหากเป็นอย่างที่ธีรดาว่าจริงๆ เธอ จำเป็นต้องทนได้ ยิ่งมองผลผลิตอันเกิดจากความรักเมื่อครั้งชีวิตคู่ยังหวานชื่นที่ตอนนี้หลับปุ๋ยอยู่บนหมอนใบนุ่มยิ่งยอกแสยงในอก

    “ไม่ต้องตอบทับทิมก็ได้ค่ะ พี่แซนตอบหัวใจตัวเองก็พอ”

    ทุกอย่างเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจนทรายรุ้งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้ธรณ์ไม่ได้อยู่กับพ่อแต่ทุกครั้งที่พูดถึงพ่อ แววตาคู่นั้นสื่อให้เห็นว่าเทิดทูนท่านมาก หากวันใดวันหนึ่งเขารู้ว่าเหตุใดเธอจึงต้องลงชื่อในใบสัญญาที่คุณย่าร่างขึ้นมา เขาจะรู้สึกเช่นไร ผิดหวังในตัวพ่อ หรือผิดหวังในตัวเธอ

    “ถึงพี่ไม่ตอบ ทั้งธารณ์ทั้งทับทิมก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว”

    “ถ้าอย่างนั้นเราต้องสู้ค่ะ”

    “สู้ ? สู้กับใคร” เป็นธารณ์ที่ขัดขึ้นอีกจนได้ ด้วยมีนิสัยอะลุ้มอล่วยเป็นทุนเดิม ไม่ใช่ว่าหนีปัญหา แต่หญิงสาวจัดอยู่ในประเภทรักความสงบเสียมากกว่า “อย่าบอกว่าจะสู้กับพ่อ”

    “พี่ธารณ์น่ะ จะเป็นลูกคู่ให้ทับทิมสักวันไม่ได้เลยหรือไงคะ พื้นบ้านเงาวับหมดแล้วค่ะ ขัดเก่งจริง”

    “เอ้า ก็เห็นบอกว่าจะสู้”

    “ทับทิมหมายถึงให้พี่แซนสู้กับความกลัวในใจตัวเองต่างหากเล่า”

    จู่ๆ โถงกลางบ้านก็กลายเป็นลานโต้วาทีระหว่างธีรดาที่มีมุมมองทางความคิดแบบกล้าได้กล้าเสียด้วยถูกธุรกิจหล่อหลอม กับธารณ์ซึ่งมีมุมมองทางความคิดเป็นบวกด้วยเติบโตมากับธรรมชาติและชีวิตที่ไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง กระทั่งถกเถียงกันจนไม่มีอะไรจะคุยต่อจึงให้ความสำคัญกับพี่สะใภ้ที่สีหน้ายังหม่นหมอง ธีรดารู้สึกผิดขึ้นมาตงิด เมื่อเช้าทรายรุ้งดูอารมณ์ดีแล้วเชียว แต่เธอดันพาเข้าเรื่องเครียดเสียนี่

    “เรายังเหลือเวลาอีกเท่าไรนะ”

    ธีรดาครุ่นคิดและยกมือขึ้นนับนิ้ว ทว่าไม่ต้องคาดคะเนหรือกลัวว่าจะนับเดือนผิดเพราะทรายรุ้งตอบให้

    “สามเดือน...อีกแค่สามเดือน”

    “ไม่ใช่สิคะ อีกตั้งสามเดือนค่ะ เรายังมีเวลาอีกเกือบร้อยวันที่จะทำให้พี่ธรณ์เปลี่ยนใจ มองข้ามสัญญาบนแผ่นกระดาษนั่นไป ทับทิมกับพี่ธารณ์ไม่ยอมให้เปรี้ยวหวานต้องเป็นเด็กที่พ่อไปทางแม่ไปทางเด็ดขาดค่ะ และก็นะคะ ถ้าไม่ใช่พี่แซน ทับทิมก็ไม่ขอมีพี่สะใภ้คนไหนอีก”

    “ใครเปลี่ยนใจ แล้วสัญญาอะไรหรือพี่แซน”

    “ซี ! / ซี !

    ทรายรุ้งกับธารณ์ร้องชื่อผู้มาใหม่ขึ้นพร้อมกัน ในขณะที่ธีรดาผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มองหน้าพี่สาวกับพี่สะใภ้ด้วยสายตาไม่เข้าใจนัก ก่อนเป็นฝ่ายตอบคำถามทะเลจันทร์เสียเอง

    “พวกพี่กำลังคุยเรื่องสัญญาห้าปีนั่นไงซี และก็เรื่องที่พี่แซนกับพี่ธรณ์จะหย่ากันในอีกสามเดือนน่ะ”

    “ห้ะ !” ทะเลจันทร์แทบกุมขมับ เธอหรืออุตส่าห์จะเซอร์ไพรส์พี่สาวด้วยการมาหาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า แต่กลับโดนเซอร์ไพรส์เสียเอง

    “โอ๊ย ! ฟาดลงมาทำไมคะเนี่ย” อาการแสบๆ คันๆ ที่ต้นแขนซึ่งโผล่พ้นขอบเสื้อยืดทำให้ธีรดาต้องยกมือขึ้นลูบเพื่อบรรเทาอาการเหล่านั้น จะว่าพี่สาวตบยุงก็ไม่น่าใช่

    “ฟาดให้เจ็บน่ะสิ ซียังไม่รู้เรื่องนี้” ธารณ์ลดเสียงให้เบาลง ทว่าไม่ทันแล้วในเมื่อตอนนี้เครื่องหมายคำถามฉายทับใบหน้าทะเลจันทร์แทบทั้งหน้า ส่วนธีรดาที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองพลาดไปแล้วก็หน้าถอดสีราวกับปลากัดใจปอด

    “ก็ทับทิมไม่รู้” หญิงสาวมองพี่สาวสลับกับมองทรายรุ้ง ดูท่าพี่แซนยังไม่อยากให้ซีรู้เรื่องนี้ แต่เธอดันพลาดทะลุกลางปล้อง “ทำไงดีล่ะพี่ธารณ์”

    “พี่ก็ไม่รู้”

    “ซีมาตั้งแต่เมื่อไร” สุดท้ายเป็นทรายรุ้งที่ตัดสินใจเผชิญหน้ากับน้องสาวที่เธอไม่คิดว่าจะมาได้ยินบทสนทนาดังกล่าว ทั้งคำถามเมื่อครู่และการแสดงออกทางสีหน้าบ่งบอกว่าน้องไม่ได้โกรธ แต่น้อยใจมากกว่า “ได้ยินอะไรบ้าง”

    “มาทันพี่ทับทิมบอกให้พี่แซนสู้”

    “แล้ว...ไข่ตุ๋นล่ะ ไม่มาด้วยหรือ”

    “วันนี้พี่ปราบอยู่บ้าน ซีฝากลูกไว้ แล้ววันก่อนพี่ธารณ์บ่นอยากกินมะม่วงที่ฟาร์ม เมื่อเช้าคนงานเก็บมะม่วงพอดีซีเลยเอามาให้ ลูกสวยๆ น่ากินทั้งนั้น”

    ทรายรุ้งพยักหน้ารับ หญิงสาวขยับตัวเว้นที่ว่างให้ทะเลจันทร์นั่งข้างๆ น้องหิ้วตะกร้าหวายมาด้วย ในนั้นบรรจุมะม่วงเขียวเสวยราวสี่ถึงห้ากิโลกรัม

    “พี่ไม่ได้ยินเสียงรถ”

    “ก็คิดว่าพี่ธารณ์ทำงานอยู่โรงเรือนนกกระจอกเทศ ซีเลยขับรถไปจอดที่นั่น แต่คนงานบอกว่าพี่ธารณ์มาหาพี่แซน ซีถึงเดินมา”

    “มะม่วงน่ากินจัง ขอบใจมากนะซี” คนอยากกินมะม่วงยิ้มเจื่อน ไม่กล้าเปิดประเด็นอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ เธอดันอยากกินมะม่วงถูกช่วง และทะเลจันทร์ก็ช่างใจดีนำมาให้ถูกวัน

    “ตะกร้านี้ของพี่แซนต่างหาก ส่วนของพี่ธารณ์ซีวางไว้ที่ออฟฟิศ เผื่อคนงานอีกหนึ่งเข่งใหญ่ๆ ด้วย คราวก่อนที่เอามาให้เห็นชมกันใหญ่ว่าอร่อย”

    “จ้า” มือที่กำลังจะหยิบมะม่วงเป็นต้องหดกลับ แม้ทะเลจันทร์ไม่เคยรู้เรื่องสัญญาอะไรนั่น แต่เธอก็พอเดาออกว่าคงระแคะระคายอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

    “สรุปยังไงดี ใครจะเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ซีฟัง ซีไม่ยอมกลับไปโดยที่ไม่รู้อะไรเลยหรอกนะ”

    ทรายรุ้งพ่นลมหายใจออกจากปากเบาๆ หญิงสาววางหนังสือที่ตั้งใจจะอ่านลงบนโต๊ะพลางเหลือบมองลูกสาวที่ยังหลับ ตัดสินใจได้ในวินาทีนี้ว่าต้องเล่า หากวันนี้ไม่รู้ อีกสามเดือนอย่างไรก็ต้องรู้ ไม่ใช่แค่ทะเลจันทร์ แต่หมายถึงทุกคน

    “เรื่องทั้งหมดก็คือ...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×