ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักคุณ...อย่างเป็นทางการ Officially Loving You

    ลำดับตอนที่ #9 : 3 ‘หมอยุ้ง’ คุณค่านี้ที่ ‘พี่ซัน’ คู่ควร 2/2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.96K
      3
      18 มี.ค. 67

    ทะเลจันทร์กลั้นขำ เธอน่ะรู้ใจพี่ชายยิ่งกว่าเขารู้ใจตัวเองเสียอีก ในชีวิตมีไม่กี่ครั้งหรอกที่จะจนมุม ไปไม่เป็นอย่างที่เผชิญอยู่ตอนนี้

    หากพี่ซันมีแฟนจะเป็นอย่างไรนะ นึกภาพไม่ออกเลย

    “แกเอาเวลาที่สืบเรื่องฉันไปหาของอร่อยๆ มีประโยชน์มาบำรุงหลานสาวฉันไม่ดีกว่าหรือ” ภูตะวันบ่นไปอย่างนั้น ก่อนตอบคลายปัดๆ ให้จบเรื่องจบราวกันไป “แค่คนไม่ค่อยกินเส้น”

    “แค่เนี้ย”

    “จะเอาแค่ไหน”

    ภูตะวันตัดสายทิ้งเสียดื้อๆ นั่นทำให้ทะเลจันทร์มั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองคิดไว้น่าจะเข้าข่าย หญิงสาวส่งเครื่องมือสื่อสารคืนให้สามีแล้วนั่งเท้าค้างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

    “มีเรื่องดีๆ ใช่ไหม” เธอยิ้ม เขาก็พลอยยิ้มไปด้วย

    “ระหว่างพี่ซันกับพี่ยุ้งไม่น่าใช่เพื่อนกันธรรมดา ต่อให้พี่ซันจะบอกว่าไม่กินเส้น แต่ซีสัมผัสได้ว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น”

    “รู้ดีจริงๆ เรื่องคนอื่น ทีเมื่อก่อนเราไม่เห็นรู้ใจพี่บ้าง หืม” มือหนาโยกศีรษะเล็กไปมาด้วยความรักระคนเอ็นดู สำหรับคนอื่นเขาไม่รู้ แต่สำหรับเขาความรักที่มีให้ผู้หญิงคนนี้นับวันยิ่งเพิ่มพูนขึ้น หากให้เล่าถึงเส้นทางความรักระหว่างเขากับแม่ของลูก วันเดียวอาจเล่าได้ไม่จบ

    “ตอนนี้รู้ใจแล้ว รักมากด้วย” หญิงสาวได้รางวัลเป็นจุมพิตกลางกระหม่อม “เวลามีค่า พี่ซันสอนให้ซีไม่หนีหัวใจตัวเอง พี่ปราบทำให้ซีรู้จักคุณค่าของเวลา เพราะฉะนั้นจะไม่ปล่อยให้พี่ซันกับพี่ยุ้งต้องเสียเวลาอีกแล้ว คู่เราห้าปีว่านานแล้ว นี่พี่ซันกับพี่ยุ้งไม่เจอกันเลยตั้งเป็นสิบกว่าปีแน่ะ”

    “เมียพี่เจ้าแผนการ”

    “เชื่อซีเถอะ ซีมองพี่ซันไม่ผิดหรอก พี่ซันทำให้ซีกับพี่ปราบได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ถึงเวลาแล้วละที่เราต้องตอบแทนบุญคุณพี่ซัน”

    “เรา ?”

    “ใช่ เรา...พี่ปราบกับซี ไข่ตุ๋นก็จะช่วยด้วย” 

    นักวิจัยหนุ่มส่ายหน้าปนรอยยิ้ม วงแขนกว้างกอดร่างอวบอิ่มไว้ทั้งตัว ลูบหน้าท้องทักทายลูกสาวซึ่งกำลังดิ้นอย่างสนุกสนาน ทะเลจันทร์เป็นกามเทพคนเดียวไม่พอ ยังลากเขากับลูกพ่วงไปด้วย

    “ซีว่านะ หมอยุ้งนี่แหละ คุณค่าที่พี่ซันคู่ควร”

     

     

    ม้าสีแซมขาวตัวใหญ่ถูกเจ้าของบังคับให้วิ่งตามทางดินแดงด้วยท่าทางสง่างาม แผงขนและพู่หางสีขาวพลิ้วสยายตามจังหวะเคลื่อนไหว ฝุ่นดินแดงส้มตลบขึ้นคลุ้งก่อนจางหายไปในสายลม ทิ้งไว้เพียงรอยเกือกม้าฝากเป็นทางจากท้ายไร่มาจนถึงคอกซึ่งสร้างไว้อย่างแข็งแรงคงทน ชายหนุ่มในเสื้อสีน้ำตาลลายสก็อตลงจากหลังพาหนะ มือหนาตบเบาๆ บนตัวม้าเปรียบเสมือนมอบคำชมสำหรับผลงานการออกวิ่งตรวจตราไร่ในวันนี้

    “เยี่ยมมากควิซ”

    ม้าพันธุ์โฮลสไตเนอร์แหงนหน้าขึ้นเปล่งเสียงร้องน่าเกรงขาม นายซันของคนทั้งไร่พยักหน้าปนยิ้มด้วยความเคยชิน ชายหนุ่มทุบกระปุกเงินซื้อม้าจากฟาร์มในประเทศเยอรมันซึ่งฟาร์มเป็นที่ยอมรับในการเพาะพันธุ์ม้าพันธุ์ดี ค่าตัวควิซสูงลิบสำหรับคนที่เพิ่งเปลี่ยนสถานะจากนักศึกษามาเป็นเจ้าของไร่ ควิซคือหนึ่งในของขวัญเพียงไม่กี่ชิ้นในชีวิตที่เขาซื้อให้ตัวเอง มันถูกส่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาปักหลักถาวรในแผ่นดินอันห่างไกลจากบ้านเกิดตั้งแต่ภูตะวันเรียนจบและพลิกผืนดินซึ่งเคยรกร้าง มีวัชพืชปกคลุมหนาแน่นให้กลายเป็นไร่ข้าวโพดกาญจ์การุณย์ ควิซเป็นม้าหนุ่มที่ค่อนข้างพยศ หยิ่ง รักสันโดษ ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ง่ายๆ แม้แต่ครูฝึกม้ายังโอดครวญ เห็นจะมีเพียงเขาเท่านั้นที่กำราบอยู่ หากจะว่าเป็นเพราะสายพันธุ์ก็ไม่น่าใช่ ม้าอีกสองตัวซึ่งเขานำเข้ามาหลังจากควิซสองปีกลับเข้ากับคนได้ง่ายและห่างไกลคำว่าหยิ่ง

    เพราะเป็นม้าตัวแรกบวกกับล้มลุกคลุกคลานด้วยกันมาหลายครั้ง ภูตะวันจึงผูกพันเป็นพิเศษ เขาควบม้าตัวนี้ตรวจตราความเรียบร้อยในไร่บ่อยกว่าม้าอีกสองตัว กระนั้นไม่ได้หมายความว่าอีกสองตัวจะสำคัญน้อยกว่า ควิซเหมือนแสงๆ หนึ่งที่ช่วยชุบชีวิตเขาให้ฟื้นจากการถูกน็อกด้วยภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ในขณะที่ซาเบอร์กับคลาวด์ช่วยต่อลมหายใจยามเหนื่อยล้า

    ควิซใช้ขาหลังตะกุยพื้นหญ้าราวกับต้องการบอกให้เจ้านายรู้ว่าพระอาทิตย์ตกดินเหมาะแก่การเข้าคอก เช่นนั้นแล้วภูตะวันจึงจูงม้าตัวโปรดเข้ามาในคอกขนาดใหญ่ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับม้าแต่ละตัว และยังมีคอกเหลือมากพอที่จะเลี้ยงม้าได้อีกห้าตัว จัดการส่งควิซเข้าคอกเรียบร้อย ไม่วายแวะทักทายซาเบอร์กับคลาวด์ในคอกใกล้กัน

    ร่างสูงออกจากคอกม้า จุดมุ่งหมายคือบ้านพักซึ่งเด่นตระหง่านอยู่บนเนินเขา ท้องฟ้าในช่วงเมจิกอาว[1] น่ามองเป็นพิเศษ แปลกอยู่เหมือนกันที่เห็นพระอาทิตย์ในทุกๆ วันแต่ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยสักวัน ไม่จำเป็นต้องลั่นชัตเตอร์กล้องถ่ายภาพราคาแพงเพื่อบันทึกภาพท้องฟ้าถูกพาดด้วยแสงสีทองกับสีม่วงอ่อน เพราะมันถูกบันทึกในความทรงจำส่วนถาวรด้วยดวงตาทั้งสองข้างแล้ว ในความคิดเขา มีเพียงสองที่ที่เหมาะแก่การนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นและตก หนึ่งคือฟาร์มหมูของทะเลจันทร์ และอีกที่คือที่นี่

    ชื่อทะเลจันทร์ทำให้นึกถึงเรื่องที่รายนั้นขอแปลงที่ดินจากบิดาเพื่อทำไร่แก้วมังกร อดยิ้มไม่ได้ยามคิด หากเผือกเห็นคงออกความเห็นว่าเขาเพี้ยนหรือกินยาไม่ถูกกับโรค

    อนุสรณ์สถานแห่งความรักไม่มีคำจำกัดความไหนเหมาะเท่านี้ น้องสาวมาดเซอร์นิสัยห้าวๆ ของเขาเลือกปลูกผลไม้กินผลตระกูลกระบองเพชรเนื่องจากปราบศึกชอบ ทั้งๆ ที่เป็นผลไม้ที่ตัวเองเลือกกินเป็นอย่างสุดท้ายในชีวิต กว่าชายซึ่งเป็นทั้งคนที่ขโมยหัวใจและเป็นทั้งแรงบันดาลใจโคจรมาเจอกันอีกครั้ง แก้วมังกรก็ตัดขายส่งออกนอกไปได้หลายร้อยตัน

    ก่อนมีเจ้าควิซเขาเคยคุยกับพ่อเรื่องเลี้ยงม้าอยู่เหมือนกัน

    ไปเยอรมันคราวนี้ผมแพลนว่าจะไปฟาร์มม้าด้วยครับ

    ออกไปนอกเมืองเลยไม่ใช่หรือ

    ครับ คงได้ม้ากลับมาใช้งานในไร่ข้าวโพดสักตัว

    คิดยังไงถึงอยากเลี้ยงม้าขึ้นมา

    ก็...ชอบไปแล้วครับพ่อ สั้นๆ ง่ายๆภูตะวันไม่ได้ขยายความต่อว่าใครชอบ

    สัตว์เลี้ยงของซัน ออกเงินเองนะ เรียนจบแล้ว คราวนี้พ่อไม่ช่วย

    ครับ

    รู้ใช่ไหมว่าม้านอกไม่ได้แค่ราคาหมื่นสองหมื่น

    รู้ครับ

    พ่อไม่ห้ามเพราะรู้ว่าซันคิดมาดีแล้ว เลี้ยงเขาให้ดี สัตว์กับคนเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือต้องการการเอาใจใส่

    ในบรรดาลูกสาวลูกชายของคุณการุณย์และคุณกาญจนา ไม่ได้มีแค่ทะเลจันทร์คนเดียวที่คิดว่าต่อให้ไม่ได้อยู่กับคนที่ตนรัก ขอแค่มีสิ่งที่ใครคนนั้นชอบอยู่ใกล้ๆ ให้ได้อบอุ่นใจก็พอ ทว่ายังมีภูตะวันอีกคนที่เลี้ยงม้าเพียงเพราะรู้มาว่าเป็นสัตว์ที่ใครคนหนึ่งรักมากที่สุด

    ...เพียงแต่ความลับของคนพี่ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาก็เท่านั้น



    [1] เมจิกอาว (Magic Hour) หรือในบางครั้งเรียกว่า ชั่วโมงทองคำ (Golden Hour) คือช่วงช่วงเวลาสั้นๆ หลังพระอาทิตย์ขึ้นหรือก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่แสงแดดสวยงามกว่าปกติ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×