ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซัมปากีตา...สีหม่น : The Gray Jasmine

    ลำดับตอนที่ #6 : 1 พบเพื่อจาก 5/6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.09K
      1
      1 ก.พ. 65


    เสียงดนตรีและเสียงเพลงในจังหวะน่าเต้นภายในสถานบันเทิงหรูย่านทองหล่อไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงโซฟาตัวยาวด้านในสุดของโซนวีไอพีครื้นเครงไปกับมันได้เลย ธตรัฐหมุนแก้วไวน์เล่นช้า ๆ รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏตรงมุมปาก สมองเขาตอนนี้ไม่รับรู้เสียงเพลงที่ดังกลบเสียงอื่น ๆ ทว่ากลับมีเพียงเสียงหวาน ๆ ของใครบางคนที่เขาจำขึ้นใจวิ่งวนอยู่

    “มานั่งเสียในสุด กูเกือบจะหามึงไม่เจอแล้วนะเว้ย”

    สรรพนามบุรุษที่หนึ่งและสองที่อยู่บนหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงดังมาก่อนที่คนพูดจะมาถึงโต๊ะเป้าหมายเสียอีก ภูธิปทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวเดียวกับเพื่อน แล้วรินไวน์ใส่แก้วที่ว่างอยู่อย่างไม่รอให้บริกรได้เข้ามาบริการ หากแต่บทสนทนาที่เขาเปิดไว้ก่อนหน้ากลับไม่ได้รับความสนใจจากผู้ที่เป็นฝ่ายนัดเจอเลยแม้แต่น้อย

    “เฮ้ย ! มึงได้ยินที่กูพูดไหมเนี่ยไอ้บอม” ชายหนุ่มพูดเสียงดังจนคล้ายตะโกน

    “เออ ๆ กูได้ยินแล้ว” ธตรัฐหลุดออกจากภวังค์ทันที

    “เป็นอะไร”

    “เป็นอะไร ? มึงถามว่ากูเป็นอะไรหรือวะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว มือก็วางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ

    “เออ” ภูธิปกระดกไวน์ที่เขารินใส่แก้วไว้ลงคอรวดเดียวหมด ก่อนหันกลับไปมองเพื่อนสนิทอีกครั้ง “ตอนกูมาถึงเห็นมึงปากยิ้มตาเยิ้มอย่างกับวัยรุ่นเจอรักครั้งแรก”

    “กูเนี่ยนะ” เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

    “มึงจำตอนมอสี่ได้ไหมวะ มีอยู่วันหนึ่งมึงกับกูแอบไปดูสาว ๆ เขาซ้อมเชียร์กันถึงชั้นดาดฟ้า แล้วมึงก็ไปตกหลุมรักน้องแป้งมอสามทับสี่ที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์สีเขียว มึงนี่เพ้อถึงน้องเขาเป็นเดือนเลยนะเว้ย จะจีบก็ไม่กล้าเพราะพ่อน้องแป้งเป็นถึงนายพล แถมมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันว่าดุโคตร มึงบอกไม่กล้ากระตุกหนวดเสือ”

    “จำได้สิ แล้วมาเกี่ยวอะไรกับกูตอนนี้”

    “เกี่ยวดิวะ ก็หน้ามึงตอนนี้น่ะเยิ้มยิ่งกว่าตอนตกหลุมรักน้องแป้งอีก...อย่าบอกนะว่ามึงมีความรัก” ภูธิปจ้องหน้าเพื่อนรักอย่างไม่เชื่อ จากที่คิดว่าธตรัฐจะสวนกลับมาเหมือนทุกครั้งที่เขาแซว แต่คราวนี้กลับผิดคาดเพราะนอกจากเพื่อนจะไม่เถียงแล้วยังหลบตาอีกด้วย “เฮ้ย ! จริงดิ ผู้หญิงคนไหนวะที่ทำให้เสือโคร่งกลายเป็นแมวเปอร์เซียได้”

    “ไร้สาระน่าไอ้คิง กูจะยิ้มไม่ได้เลยหรือไงวะ จะให้ตีหน้าขรึมทั้งวันเลยอย่างนั้นหรือ”

    “มึงแน่ใจ ?”

    “เออ แน่ใจ มึงจะกินอะไรสั่งมาเลย เต็มที่ มื้อนี้กูเลี้ยง”

    คนฟังส่ายหน้าน้อย ๆ ยิ่งเพื่อนปัดที่จะตอบคำถามและเปลี่ยนเรื่องคุยแบบนี้ แน่นอนว่าต้องมีอะไรที่เขาไม่รู้ แต่เขาก็ไม่คิดเซ้าซี้เพราะรู้ดีว่าต่อให้เซ้าซี้อย่างไรก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี เขากับธตรัฐสนิทสนมและเรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่ประถมยันมัธยม มีก็เพียงแค่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ต่างคนต่างก็เลือกเรียนในสิ่งที่รัก แต่ก็ไม่เคยขาดการติดต่อ ดังนั้น...ความลับปิดกันได้ไม่นานแน่

    “มึงบอกเองนะว่าเป็นเจ้ามือ คืนนี้กูจะสั่งให้เต็มที่”

    “เรื่องของมึง” ชายหนุ่มบอกปัด เรื่องเป็นเจ้ามือไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา แต่เรื่องที่จะคุยกับเพื่อนวันนี้ต่างหากที่เป็นปัญหา ร้ายกว่านั้นคือไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน ให้เริ่มเข้าเรื่องว่ารู้สึกแปลก ๆ กับผู้หญิงที่เคยเจอกันครั้งแรกและยังเป็นการเจอกันครั้งเดียวก็ใช่ที่

    “เรื่องของกูได้ไง ก็เงินมึง”

    “เออ เอาที่มึงสบายใจ”

    ภูธิปเรียกบริกรเข้ามาสั่งอาหารรวมทั้งเครื่องดื่ม เมื่อบริกรจากไปแล้วชายหนุ่มจึงกลับมาสนใจเพื่อนอีกครั้ง

    “ขอบใจเว้ยเพื่อน”

    “ว่าแต่มึงกลับมาคราวนี้จะอยู่กี่วัน” หากให้ทายว่าเพื่อนเขาทำอาชีพอะไรคงไม่มีใครทายถูกอย่างแน่นอน และถ้าฟังคำเฉลยก็คงคิดไม่ถึงว่าผู้ชายมาดเซอร์ แถมยังเป็นคาซาโนวาตัวเอ้คนนี้มีอาชีพเป็นหมอ

    หมอที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแพทย์นั่นละ ไม่ใช่หมอดูหรือหมอเดาที่ไหน

    ภูธิปเรียนจบคณะแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทำงานที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยตั้งแต่เรียนจบเนื่องจากเป็นพวกรักอิสระบวกกับเบื่อความวุ่นวายในเมืองหลวง ถึงแม้บิดาซึ่งเป็นนายแพทย์เหมือนกันหนำซ้ำยังเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานครจะอยากให้กลับมาบริหารงานมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจลบล้างความตั้งใจของลูกชายได้เลยสักนิด และอีกประเด็นที่ภูธิปไม่กลับมาเป็นแพทย์ในเมืองหลวงก็คือ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×