ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซัมปากีตา...สีหม่น : The Gray Jasmine

    ลำดับตอนที่ #22 : 4 สายตาคู่นั้น 3/6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.39K
      1
      2 ก.พ. 65


    เจ้าของห้องกดปุ่มบันทึกแปลนออฟฟิศสาขาใหม่ของพาวเวอร์สตีมที่ตนเขียนขึ้นในโปรมแกรมออกแบบ ก่อนวางเมาส์ปากกาลงแล้วเดินมานั่งบนโซฟาตัวเล็กชุดเดียวกับตัวใหญ่ที่ภูธิปยึดเป็นพื้นที่ส่วนตัวไปเรียบร้อยแล้ว

    “เป็นอะไร ทำไมมึงถึงเปลี่ยนใจกลับมารับช่วงต่อได้วะ ก็เห็นว่างานที่โน่นกำลังไปได้สวย”

    ภูธิปพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ ปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้เขาเริ่มลังเลเรื่องที่จะอยู่ต่างจังหวัดถาวร และในช่วงที่เครียดอยู่นั้นพ่อก็โทรมาหา แน่นอนว่าเป็นเรื่องปกติอย่างเช่นทุกครั้งที่ท่านต้องหว่านล้อมให้เขากลับมารับช่วงต่อ แต่น่าแปลกที่คราวนี้เขาไม่คิดคัดค้านแม้แต่น้อย

    “กูเลิกกับเขาแล้ว” เขาตอบทั้งที่ยังหลับตา

    “เขาไหน”

    “เขาไหน ? มึงพูดอย่างกับเพื่อนมึงคบหลายคน” คุณหมอหนุ่มย้อนกลับเสียงฉุน

    “ใครจะไปรู้วะ ตกลงว่าใคร”

    “ก็คนที่กูบอกมึงว่าอยากแต่งงานกับเขานั่นไงล่ะ”

    “เฮ้ย ! แค่สาวทิ้ง มึงถึงกับต้องหนีมาเลียแผลใจที่กรุงเทพ ฯ เลยหรือวะ พ่อมึงพูดอยู่ตั้งหลายปีไม่ยอมกลับ แต่สาวบอกเลิกแค่นี้มึงป๊อดหนีกลับบ้าน” ธตรัฐตบฝ่ามือลงบนไหล่เพื่อนแรง ๆ เขาไม่ได้แค่ต้องการทำให้ภูธิปเจ็บ แต่อยากให้เพื่อนรู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ด้วย

    นายแพทย์หนุ่มลุกขึ้นนั่งตัวตรง แผ่นหลังหนาพิงกับพนักโซฟาอย่างทิ้งแล้วทุกสิ่ง เกิดมาสามสิบห้าปีเพิ่งเข้าใจคำว่าอกหักอย่างถ่องแท้ แล้วแจ็กพอตก็คือเป็นการอกหักที่ไม่ธรรมดาเลย

    “เออ มึงจะด่าอะไรกูก็ด่าเถอะว่ะ กูแม่ง...โง่ฉิบหาย”

    “อะไรของมึง” หลายเดือนก่อนเขานัดเพื่อนมาเจอเพื่อปรึกษาเรื่องผู้หญิงที่เขาเกือบจะถลำลึกหากไม่ได้เห็นความจริงด้วยตาตัวเอง แต่เดือนนี้กลับต้องมานั่งปลอบเพื่อนที่อกหักรักคุดเสียได้

    “เขามีผอสระอัวแล้วว่ะ”

    ดวงตาภูธิปฉายแววผิดหวังชัดเจน เพียงแค่นี้คนมองก็รู้ว่าเพื่อนจริงจังกับรักครั้งนี้ขนาดไหน

    “มึงแน่ใจ”

    “เออ จดทะเบียนกันถูกต้องตามกฎหมายมานานแล้วด้วย แต่ทะเลาะกันเขาเลยใช้กูเป็นเครื่องมือจะให้ผัวหึง มึงคิดดูสิ” ภูธิปชี้นิ้วมาที่ตัวเอง

    ธตรัฐส่ายหน้าน้อย ๆ หลังได้ฟังสาเหตุที่ทำให้คาสโนวาปลาไหลกลายเป็นหนูเมายาเบื่อ ยังดีที่เพื่อนเขารู้ตัวก่อน ไม่เช่นนั้นชีวิตอาจไม่ปลอดภัย

    “มึงอกหักว่าอย่างนั้นเถอะ”

    “กูไม่ได้อกหัก แล้วเขาก็ไม่ได้หักอกกู แต่กูถอยออกมาเองเว้ย !

    ธตรัฐจนใจกับข้อแก้ตัว เพื่อนเขาเหมือนผู้ร้ายที่ปฏิเสธเสียงแข็งทั้งที่หลักฐานชัดเจน

    “เรียนจบตั้งหมอ แต่โง่จนเกือบได้เป็นชู้กับเมียชาวบ้าน” คนอกหักเริ่มต่อว่าตัวเองอีกยก

    “แล้วมึงจะย้ายมานี่เมื่อไร”

    “เดือนหน้า”

    “เอาน่า กลับมาอยู่บ้านก็ดีแล้ว ไม่ต้องหาข้าวกินเอง สบายตัว” ธตรัฐตบไหล่เพื่อนอีกครั้งแล้วลุกขึ้นยืน “อย่าเครียด ลุกเว้ยไอ้คิง ไปหาอะไรกินกันดีกว่าว่ะ”

     

    ธตรัฐติดจะไม่พอใจอยู่นิด ๆ หากก็ไม่อยากขัดใจเมื่อร้านที่เพื่อนสนิทเป็นฝ่ายเลือกคือร้านอาหารกลางสวนบรรยากาศดีที่เขาเคยใช้เป็นสถานที่ทำเซอร์ไพร์สวันเกิดให้กิรตรา ระหว่างเดินตามเพื่อนเข้ามาภายในร้าน ก็หมายใจว่าวันนี้จะไม่เจอติวเตอร์ของน้องสาวที่นี่

    แต่ดวงตะวันไม่มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นทางทิศตะวันตกฉันใด สิ่งที่ธตรัฐหวังก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ฉันนั้น

    ภูธิปมองว่าเป็นเรื่องยิ่งกว่าโชคดีที่แม้ร้านอาหารร้านนี้จะมีลูกค้าแน่น แต่ก็ยังมีที่ว่างเหลือให้พวกเขาได้จับจอง แถมโต๊ะนั้นยังเป็นโต๊ะด้านหน้าสุดติดขอบเวทีเสียด้วย ทว่าสำหรับธตรัฐแล้ว นี่มันคือเรื่องโชคร้ายของวันชัด ๆ

    “เวลาอกหักแล้วฟังเสียงไวโอลินนี่โคตรอินว่ะ แม่ง...เฮิร์ตฉิบ ดนตรีเขาแต่งมาเพื่อกูหรือเปล่าวะ” คุณหมอหนุ่มบอกอย่างใส่อารมณ์ (อกหัก) เต็มที่ แถมคำพูดยังไร้แล้วซึ่งความไพเราะ แน่ละ ระหว่างเขากับธตรัฐถ้าจะหาคำพูดหวานหูหรือคำพูดที่ฟังดูสุภาพอะไรเทือกนั้นคงหาได้ยากเต็มที

    “นั่นเขาเรียกวิโอลา เครื่องใหญ่กว่าไวโอลิน แต่เสียงต่ำกว่า”

    “เป๊ะว่ะ รู้ดีอย่างกับเคยจีบสาวเล่นวิโอลา” พูดจบคนเพิ่งอกหักมามาด ๆ ก็กระดกไวน์แดงรสเลิศเข้าปาก

    คำแซวของเพื่อนกระแทกกระทั้นทั้งอกทั้งใจธตรัฐเข้าจัง ๆ อยากบอกไอ้หมอคิงนักว่าสาวที่เขา เกือบจีบ ก็คือคนเดียวกับที่อยู่บนเวทีนั่นไงเล่า

    “ยิ่งมอง กูก็ว่าน้องเขาน่ารัก”

    “มึงหายเศร้าแล้วหรือ” ธตรัฐถามเสียงทุ้มต่ำ โดยที่หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมต้องหงุดหงิดเวลาได้ยินผู้ชายคนอื่นชมมานิลาว่าน่ารัก

    “เชี่ยบอม ! กูจะลืมเรื่องอกหักได้แล้วเชียว มึงรื้อขึ้นมาอีกจนได้ ฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไมวะ” หัวใจเขาไม่ใช่กล้องดิจิตอลที่พอถ่ายได้รูปไม่ถูกใจก็ลบทิ้งโดยไม่เหลือไฟล์เก่าไว้ให้รกความจำ แต่มันเป็นกล้องฟิล์มที่พอลั่นชัตเตอร์ก็ไม่สามารถแก้ไขใดๆ ได้อีก ในเมื่อคิดไปก็มีแต่เครียด ทางที่ดีที่สุดคือเลี่ยงเสีย “มึงยังไม่ตอบกูเลย น้องเขาน่ารักไหมวะ”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×