คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 2 ขีดเส้นใต้ตรงคำว่า คู่อริ 1/3
ไฟดวงอื่นในบ้านพักรับรองดับลงแล้วพักใหญ่ เหลือเพียงดวงในห้องนอนเท่านั้นที่ยังสว่างอวดแสงสีเหลืองนวลเล็ดลอดขอบหน้าต่าง ร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งชันเข่าสังเกตการณ์ใต้ต้นมะม่วงห่างจากตัวบ้านมาหลายสิบเมตรเอนหลังพิงลำต้นอย่างหายห่วง ทว่าฝ่ามือยังลูบคางครุ่นคิด
ก่อนหน้านี้เขาเป็นฝ่ายทะยานรถจากหญิงสาว แล้วเหตุใดถึงต้องมานั่งเป็นกังวลอยู่ใต้ต้นมะม่วง ขับรถทิ้งห่างยังไม่ทันจะถึงกลางทางระหว่างบ้านใหญ่กับบ้านพักรับรอง เป็นอดไม่ได้ที่จะดับเครื่องแล้วจอดทิ้งไว้เพื่อเดินแกมวิ่งมาดูว่ายุ้งทองถึงบ้านโดยสวัสดิภาพหรือเปล่า จนวินาทีที่ยายตัวยุ่งไขลูกบิดประตูพาตัวเองเข้าไปยังตัวบ้าน เขาถึงโล่งอก หายห่วงไปหลายเปลาะ
...ห่วงอย่างนั้นหรือ
ใจหนึ่งต้องการปฏิเสธความรู้สึกลึกๆ ที่เกิดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นับแต่เจอยุ้งทองหลังจากกันเป็นสิบปี รอยร้าวระหว่างเขากับหญิงสาวเกิดขึ้นมาเนิ่นนาน ซ้ำกาลเวลายังกดทับเป็นแผลลึกยิ่งกว่าร่องลึกชาเลนเจอร์ดีป สำหรับยุ้งทองเขาคะเนไม่ได้ว่ามีผลกับการใช้ชีวิตสักกี่มากน้อย แต่สำหรับเขายังคงส่งผลตั้งแต่อดีตลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน
เพียงย้อนกลับมาหารือกับตัวเอง กระจ่างชัดแล้วว่าเหตุการณ์ที่ปล่อยเธอลงจากรถครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย…
ป่านนี้พ่อกับแม่คงหลับแล้ว พวกท่านนอนเร็วและตื่นในช่วงที่ดวงตะวันยังหลับใหล สัตวแพทย์ทุกคนนอนดึกหรือเปล่า หรือนอนแต่หัวค่ำเหมือนอย่างชาวไร่ชาวฟาร์มอย่างเขา แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง ภูตะวันก็แน่วแน่แล้วว่าจะนั่งตรงนี้รอจนดวงไฟในห้องนอนดับลง
พรุ่งนี้จำเป็นต้องกลับไปประจำการที่ไร่กาญจ์การุณย์ซึ่งอยู่ในจังหวัดติดกัน ภูตะวันอยากยืดเวลาออกไปอีกหน่อย หรือไม่ก็หดระยะทางระหว่างฟาร์มหมูกับไร่ข้าวโพดให้ใกล้มากกว่าที่เคยเป็น แม้มองไม่ออกว่าจะมีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับยุ้งทอง ทว่าหากเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นจริง ทะเลจันทร์กับปราบศึกจะรุดมาช่วยได้ในเวลาไม่กี่นาที
ความรู้สึกเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่ไล่หญิงสาวลงจากรถกระบะนั่นแล้ว หรือหากมองในมุมที่ลึกลง ความรู้สึกตอนนี้อาจไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงจากร้ายเป็นดี แต่อาจเป็นสิ่งที่อยู่ในใจนานแล้ว มันคือความรู้สึกดีๆ ที่มีมาเนิ่นนาน เพียงแต่ถูกเขาข่มให้ลึกด้วยคำว่าคู่อริ กลบทับให้หนาขึ้นด้วยการแกล้งยายหมอหมูทุกทีที่มีโอกาส
เสียงคล้ายล้อยางเบียดทางดินดังอยู่ไกลๆ ก่อนใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ภูตะวันจับทิศทางแล้วชันกายขึ้นเตรียมพร้อมตั้งรับ ดวงตาซึ่งปรับให้เข้ากับความมืดมองทะลุดงพุ่มไม้จึงเห็นว่าวัตถุในระยะมองเห็นนั้นคือจักรยานโบราณ
“นายซันคร้าบบบบ ”
“เบาๆ” ภูตะวันบอกแทบเป็นกระซิบ ก่อนนั่งลงพิงลำต้นหนาตามเดิม
“ขอโทษครับ” เผือกว่าแล้วกระโดดพลุ่งลงจากจักรยานทั้งที่ยังหยุดไม่สนิท ชายหนุ่มพิงพาหนะสองล้อกับต้นมะม่วง หย่อนก้นลงนั่งถัดจากนายอย่างรู้ใจ “ว่าแล้วว่านายซันต้องเดินมาทางนี้ ไอ้เผือกเดาผิดที่ไหน”
“มีอะไร”
“นายหญิงเห็นนายซันหายมานานเลยให้เผือกมาตามครับ”
“อืม”
“แค่อืมหรือครับ”
“เออ !”
ดวงตาขึงขังของลูกพี่ทำให้คนอยากได้คำตอบยาวๆ ไม่กล้าเซ้าซี้ต่อ
“พ่อกับแม่นอนหรือยัง”
“ยังครับ นายซันยังไม่ถึงบ้านสักที ทั้งนายทั้งนายหญิงเลยไม่มีใครขึ้นห้อง”
“แล้วทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่แรก”
“ก็...” จนแล้วด้วยเหตุผล เขาก็ลืมนึกไปจริงๆ
“ต้องให้สอนทุกเรื่องหรือวะ” ปากพูดกับเผือก แต่ดวงตาสีตอตะโกกลับลอบมองบ้านพักรับรอง ไฟในห้องนอนดับลงแล้ว คงเป็นตอนที่เขาละสายตามามองไอ้เผือกปั่นจักรยานเข้ามา
“อ้าว” นี่เขาผิดอีกแล้วหรือ “ว่าแต่ นายซันมาทำอะไรมืดๆ ครับ”
คำตอบไม่อาจเปล่งออกมาได้ในทันที ด้วยภูตะวันไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเพื่อเจอลูกน้องในเวลานี้ และคำตอบที่คิดว่าโง่เง่าที่สุดในชีวิตก็หลุดจากปากอย่างตั้งใจ
“นั่งเล่น”
ร่างสูงลุกขึ้นยืน ก่อนก้าวยาวๆ ไปยังตำแหน่งที่จอดรถยนต์ทิ้งไว้ซึ่งห่างจากจุดนี้หลายร้อยเมตร เผือกกับเขาโตมาด้วยกัน ไอ้นี่ขี้สงสัยและจับพิรุธเก่งยิ่งกว่าอะไร ดีหน่อยที่ยังไม่ก้าวกระโดดถึงขั้นตีความได้และอ่านใจออก
“เดี๋ยวครับนาย” เผือกวิ่งตามโดยไม่ลืมจูงจักรยานอันเป็นมรดกตกทอดจากพ่อมาด้วย “นายมานั่งเล่นอะไรมืดๆ ครับ”
“เรื่องของกู”
“ก็ปกติถ้าอยู่ไร่แก้วมังกรดึกๆ นายซันจะอยู่บ้านตุ๊กตา แต่คืนนี้กลับนั่งให้ยุงกัดใต้ต้นมะม่วง แล้ว...”
เผือกเซ้าซี้อย่างกับเขาเป็นผัวขโมยเงินเมียไปก๊งเหล้า ภูตะวันหยุดเท้ากึก ก่อนบอกโดยที่ยังหันหลังให้
“คุณเผือก...ไม่เสือกสักเรื่องได้ไหมครับ”
ความคิดเห็น