คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 1 วางมวยนอกสังเวียน 2/3
หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ !!!
คิดว่ากลับบ้านใหญ่อารมณ์พิกลพิการของตนจะลดระดับความรุนแรงลงแล้วเชียว ที่ไหนได้ กลับดุเดือดยิ่งกว่าเดิมเมื่อโซฟารับแขกในตัวบ้านไม่ได้มีเพียงแค่พ่อกับแม่ ทว่ากลับมีอีกคนอยู่ด้วย แถมยังคุยกับพวกท่านอย่างออกรสออกชาติ
…ประจ๋อประแจ๋เหลือเกินแม่คุณ
“แล้วกลับมาสระบุรีคราวนี้อยู่ยาวเลยหรือเปล่าลูก”
ลูก...
ภูตะวันส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ แม่เคยเรียกใครว่าลูกง่ายๆ ที่ไหน แต่กับหมอหมูเจอกันวันเดียวเรียกลูกได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ยายนี่ดีดน้ำมันพรายอะไรใส่แม่เขา
“น่าจะแบบนั้นเลยค่ะคุณแม่”
คุณแม่...
เอาแล้วไง เรียกคุณแม่เสียด้วย ยังตกใจกับสรรพนามที่ยุ้งทองเรียกแม่ตัวเองไม่หาย ยังต้องมาอึ้งกับสรรพนามที่แม่เรียกเธอเพิ่มอีกหนึ่งก๊อกใหญ่ๆ ถ้าไม่ผิดไปจากที่คาด หมอหมูต้องเรียกพ่อเขาว่าพ่อด้วยเป็นแน่
“แม่ของยุ้งท่านสบายๆ ค่ะ ตามใจยุ้งทุกอย่าง ให้อิสระเต็มที่ แต่ป๊าน่ะสิคะที่หวงหนักกว่าใคร ป๊าไม่อยากให้ทำงานไกลบ้านมากนัก ตอนเรียนจบยุ้งดึงดันอยู่เชียงใหม่ตั้งหลายปี นี่เพิ่งถูกเรียกตัวกลับค่ะ”
“ลูกคนเดียวแถมยังเป็นลูกสาว คุณยศต้องหวงเป็นธรรมดา” คุณการุณย์ออกความเห็น เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อดีเพราะท่านมีลูกสาวถึงสองคน
“สวยด้วยนะคะคุณ หวงเพิ่มไปอีกสองเท่า” คุณกาญจนาเสริม
“แบบนี้เรียกว่าสวยแล้วหรือครับ หน้าตาดูไม่จืด”
เสียงทุ้มเรียบนิ่งเรียกเอาทุกคนต้องหันมอง ภูตะวันไขว้ขายืนกอดอกไหล่ซ้ายพิงขอบประตู มุมปากหนายกขึ้นข้างหนึ่ง ดูจะเป็นการแกล้งมากกว่าหยันๆ หากแต่คนที่ถูกเรียกว่า ‘หน้าตาดูไม่จืด’ กำลังกำหมัดแน่น ซ่อนอารมณ์กรุ่นไว้เต็มที่ด้วยเกรงใจคุณการุณย์กับคุณกาญจนา
“ไม่จืดตรงไหนฮึเจ้าซัน” คุณกาญจน าไม่เห็นด้วย ยุ้งทองเป็นผู้หญิงน่ามอง แม้ไม่ได้สวยหวานตามแบบฉบับสาวไทย แต่ดูเปรี้ยวเฉี่ยวอย่างสาวสมัยใหม่
“ก็งั้นๆ”
“แม่เพิ่งรู้วันนี้ว่าสายตาเรามีปัญหา สงสัยต้องบังคับให้พักงานบ้างแล้ว อยู่กับต้นข้าวโพดกับม้าจนการมองเห็นเพี้ยนไปหมด”
“อ้าว !”
คนถูกตัดสินว่าสายตาเสียร้องเสียงหลง ในขณะที่คุณการุณย์หัวเราะขันอย่างออกนอกหน้า ส่วนยุ้งทองค่อยเบาใจขึ้นมาได้อีกเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยๆ มารดาภูตะวันก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับลูกชาย
“เป็นเพื่อนกับหนูยุ้งมาก่อนไม่ใช่หรือ”
ชายหนุ่มเดินเซ็งๆ มาโยนตัวลงบนโซฟาที่ว่างอยู่ สายตาไม่ละจากสาวหมวยตาสองชั้นไปแม้แต่วินาทีเดียว
“ใครเพื่อนใครครับ”
“เรียนมอต้นมอปลายด้วยกันนี่ หนูยุ้งเล่าให้แม่ฟัง” ดูท่าลูกชายท่านกับสัตวแพทย์ประจำฟาร์มจะไม่ลงรอยกันมาแต่ไหนแต่ไร แต่แม่ที่เลี้ยงลูกมาเองกับมือไหนเลยจะดูไม่ออกว่ามีอะไรมากกว่านั้น ถึงแม้ภูตะวันจะไม่เปิดปากเล่าก็เถอะ
“เธอเล่าเรื่องอะไรให้แม่ฉันฟังห้ะยายตัวยุ่ง ใส่ไฟอะไรฉันหรือเปล่า”
“ฉันเปล่านะ คือ...” ยุ้งทองส่ายหัวแล้วก้มหน้างุด พยายามปั้นกิริยาให้ดูน่าสงสารมากที่สุด สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเธอเคยนั่งรอเพื่อนสนิทซ้อมละครเวที เกร็ดการแสดงเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะจำได้จึงถูกงัดออกมาใช้หลังจากผ่านมาแล้วหลายปี
“ลูกคนนี้นี่” ฝ่ามืออรหันต์ตีเพี้ยะลงบนท่อนแขนแกร่ง ขนาดต่อหน้าท่านยังแหย่ยุ้งทองได้ขนาดนี้ ลับหลังจะต้องคูณไปกี่เท่าถึงจะใกล้เคียงความเป็นจริง
“โอ๊ยแม่ !!”
“รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี แม่รักเราก็ต้องตีให้เจ็บกันบ้างละ” เหตุผลท่านทำเอาลูกชายเถียงไม่ออก ภูตะวันก็ปากจัด ในขณะที่ยุ้งทองก็ไม่ยอมคน ต่างกันที่ฝ่ายหญิงรู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ แบบนี้สิถึงเรียกว่าอยู่เป็น จะว่าท่านเข้าข้างผู้หญิงด้วยกันก็ว่าเถอะ อยากเชียร์ให้หนูยุ้งสวนเจ้าซันเสียด้วยซ้ำ “แล้วเรื่องวีรกรรมไม่ต้องรอให้หนูยุ้งเล่า แม่กับพ่อก็รู้ว่าเรามันหัวโจกในโรงเรียน”
“ไม่ทันไรแม่ก็เข้าข้างคนอื่น”
“คนอื่นที่ไหน เรียนมาด้วยกันแท้ๆ”
“คนไม่ถูกกันเรียกว่าเพื่อนไม่ได้มั้งแม่”
“เรานี่ยังไงกัน กัดหนูยุ้งตั้งแต่ยืนหน้าประตูบ้าน มานั่งในบ้านแล้วยังกัดต่อ อย่างกับเขาเคยหักอกเราอย่างนั้นละ”
“แม่ ! / คุณแม่ !”
คู่กัดร้องขึ้นแทบเป็นเสียงเดียว มองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย สุดท้ายเป็นฝ่ายหญิงที่หลุบหน้าลงก่อน แม้ไม่ได้เป็นตามที่คุณกาญจนาหยอกทว่าก็ใกล้เคียง คนรู้ดีที่สุดไม่ใช่ใครนอกจากภูตะวันกับยุ้งทอง
“ตกใจยกใหญ่เชียว แม่ล้อเล่น ไม่มีอะไรหรอกหนูยุ้ง” คุณกาญจนายิ้มให้หญิงสาวข้างกาย
นั้นอย่างไรเล่า ท่านมองผิดเสียที่ไหน บุพเพอาละวาดเสียแล้วกระมัง
ความคิดเห็น