คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1 พบเพื่อจาก 1/6
ประตูห้องประชุมของคณะถูกกระชากให้เปิดออกอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่ผู้มาใหม่จะแทรกตัวเข้ามา มานิลายิ้มเจื่อน ๆ ให้ทุกคนที่มองเธอเป็นตาเดียว
รู้สึกว่าตอนนี้มีขนาดตัวไม่ต่างจากหิ่งห้อยที่ตนทำวิจัยอยู่
เมื่อเห็นสายตาคาดโทษส่งมาหญิงสาวจึงไหว้ขอโทษคณาจารย์ที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด
แล้วก้มหน้าขอโทษเพื่อน ๆ อีกหลายชีวิต
“นิสิตเริ่มพรีเซนต์งานได้เลย”
ศาสตราจารย์ดอกเตอร์ตรีทิพย์ไม่ได้ถามเหตุผลในการมาสายไปห้านาที
แต่ยิ้มให้กำลังใจและผายมือไปทางเวทีเตี้ย ๆ แทน
“ขอบคุณค่ะอาจารย์”
คนมาสายประนมมือขึ้นอีกครั้ง ก่อนเดินเร็ว ๆ
มายังโต๊ะซึ่งมีคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับโปรเจกเตอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว มือสั่นค่อย ๆ
เปิดกระเป๋าสะพายหลัง จากนั้นจึงหยิบแผ่นซีดีขึ้นมาเปิดหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว
สู้ ๆ มะลิ
เธอจับฉลากได้พรีเซนต์คนแรกเองนะ
มานิลาสลัดความกังวลออกไป
ก่อนสูดหายใจให้กำลังใจตัวเองแล้วเริ่มนำเสนอความคืบหน้าวิทยานิพนธ์แก่อาจารย์และนิสิตปริญญาโทร่วมภาควิชา
ถ้อยคำฉะฉานเปล่งออกเป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วตามที่ได้ตระเตรียมมา
แตกต่างจากผู้หญิงหน้าตาตื่นเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
สิ้นสุดการนำเสนอและทุกคนในห้องประชุมหมดคำถาม
มานิลาก็ได้เสียงปรบมือแทนคำชื่นชมทั้งหมด
หญิงสาวลงจากเวทีส่งมอบพื้นที่ให้กับเพื่อนร่วมภาควิชาคนต่อไป
จากนั้นจึงเดินมานั่งตรงที่ว่างในแถวเกือบท้ายสุดของห้องประชุม
แต่พอจะหยิบสมุดบันทึกที่พกติดตัวตลอดเวลาขึ้นมาจดรายละเอียดที่เพื่อนนำเสนออยู่เธอกลับไม่พบมัน
หายไปไหนกัน
ทว่าสิ่งที่ฉายอยู่บนจอโปรเจกเตอร์สำคัญกว่า
หญิงสาวจึงกลับมาตั้งใจฟังเพื่อนแทน นิสิตคนที่สองนำเสนอจนจบ นิสิตคนอื่น ๆ
ก็เริ่มรับช่วงต่อตามลำดับที่จับฉลากได้จนครบถ้วนทุกคน
“ปกติมะลิไม่เคยมาสาย
มีอะไรจะเล่าให้อาจารย์ฟังหรือเปล่า”
อาจารย์ตรีทิพย์ถามนิสิตซึ่งท่านเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ขณะเดินเคียงกันออกจากห้องประชุม
“มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ
แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะ”
“แน่ใจนะ”
“ค่ะอาจารย์”
“ไม่มีก็ไม่มี”
คนฟังส่ายหน้าให้พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ลูกศิษย์คนนี้อาจเรียกได้ว่าพูดน้อยที่สุดในบรรดาลูกศิษย์ที่เธอเคยสอนมา
ต่างจากเรื่องเรียน เรื่องช่วยงาน หรือเรื่องสอนพิเศษที่มานิลาทำได้ดีกว่า “อ้อ
อย่าลืมล่ะ สัมมนาวิชาการอาทิตย์หน้า มะลิต้องไปกับอาจารย์นะ”
“ค่ะ ไม่ลืมค่ะ”
“แล้วพรีเซนต์เทชัน ?”
“เสร็จแล้วค่ะ เย็นนี้หนูส่งให้อาจารย์ตรวจความเรียบร้อยอีกรอบนะคะ”
อาจารย์ตรีทิพย์ลูบหลังลูกศิษย์อย่างเอ็นดู
ไม่รู้ว่าท่านคิดไปเองหรือเปล่าว่ามานิลามีอะไรบางอย่างในใจที่ไม่สามารถบอกใครได้
อาจารย์คนนี้เลยทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ
“พี่บอมเป็นอะไร นั่งยิ้มตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้วนะ
ไม่เห็นเหมือนคนเมาเลือดแล้วเพิ่งจะอ้วกหมดไส้หมดพุงเลย”
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ธตรัฐตัดบท
สายตายังคงเพ่งไปที่สมุดบันทึกปกแข็งสีเขียวเข้มในมือ
“ยี่สิบไม่เรียกว่าเด็กแล้ว
พี่บอมรู้ไหมว่าผู้หญิงส่วนใหญ่น่ะถ้ารู้อะไรแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ มักจะนอนไม่หลับ
และบรีสก็คือผู้หญิงกลุ่มนั้น” ธริษตรีชี้แจงขณะหักพวงมาลัยบังคับรถออกสู่ถนนใหญ่
เธอหรือก็ลงทุนยกเลิกนัดกับเพื่อนที่ตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าด้วยกัน
แล้วพอมาเจอคนที่เรียกตัวเธอมา เขากลับทำตัวมีลับลมคมใน
“รู้แบบนี้ไม่เสียเวลามาดูใจหรอก”
“เฮ้ย ๆๆ ดูใจบ้าบออะไรของเรายายบรีส
พูดอย่างกับว่าพี่จะตาย” คราวนี้ใบหน้าที่เริ่มซับสีเลือดหันขวับมองสารถีเฉพาะกิจทันที
“มีอย่างที่ไหน
ไปบริจาคเลือดทั้งที่ช่วงนี้นอนดึกทุกคืน แล้วเป็นไงล่ะ
บริจาคเสร็จก็อ้วกจนเสียหล่อหมด บรีสละอยากให้นิสิตที่กรี๊ดกร๊าดพี่บอมได้เห็นตอนพี่สุดหล่ออ้วกอยู่ข้างทางจริง
ๆ เลย”
“ก็เจาะเลือดแล้วเลือดไม่ลอย
ใครคิดล่ะว่าจะอ้วก”
ชายหนุ่มเองก็นึกภาพไม่ออกว่าหากบรรดานิสิตที่เขาไปเป็นวิทยากรพิเศษในวันนี้มาเห็นเข้า
เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน...จะมีก็แต่สาวหน้าหวานคนนั้นที่ได้เห็นมาดหลุด ๆ ของเขา
“บรีสเลี้ยวเข้าร้านอาหารด้านหน้าหน่อย อ้วกไปหมดท้อง
ตอนนี้พี่เริ่มหิวอีกแล้วที่รัก”
คนเป็นน้องส่ายหน้าให้กับคำว่า ‘ที่รัก’ พี่ชายเรียกด้วยคำนี้ทีไรงานเข้าตลอด
อย่างเช่นวันนี้ที่ธตรัฐเรียกเธอครั้งแรกให้ไปรับ
และก็ครั้งนี้ซึ่งจะให้พาเข้าร้านอาหาร
ธริษตรีเบี่ยงเข้าเลนซ้ายทันทีเพราะเธอเองก็ยังไม่ได้กินมื้อเที่ยง
หญิงสาวจอดรถหน้าร้านแล้วช่วยประคองพี่ชายเข้าไปด้านใน
เพลียขนาดนี้ยังมีแรงต่อล้อต่อเถียงกับเธอ ขนาดเดินยังเดินเซอย่างกับแม่ปู
แถมสมุดเก่า ๆ นี่สำคัญอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ประคบประหงมอย่างกับเป็นลูกรักตัวน้อยตั้งแต่อยู่บนรถนั่นแล้ว
ความคิดเห็น