ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTOB Fiction] Memory of Heart จะรักกันได้ไหม?ถ้าหัวใจยังไม่ลืม...

    ลำดับตอนที่ #6 : MEMO 5 : After sick

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 355
      6
      20 เม.ย. 56


     

    MEMO 5 : After sick

    ผมรู้สึกเหมือนเห็นแสงสว่างอยู่ปลายอุโมงค์ เท้าเปล่าเปลือยพาร่างกายอันเหนื่อยล้าเดินไปยังแสงนั้น มันช่างอบอุ่นเหลือเกินหลังจากที่ต้องทนหนาวเหน็บอยู่เป็นเวลานาน มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันนะ? ยิ่งผมเข้าใกล้แสงนั้นมากเท่าไร ผมรู้สึกว่าทุกสรรพางค์กายมันยิ่งหนักอึ้งมากขึ้นเท่านั้น มันเจ็บตามกล้ามเนื้อจนแทบไม่อยากจะก้าวขยับไปไหนอีก แต่ผมไม่อยากอยู่ในความมืดนี้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเจ็บเท่าไรผมก็จะทน เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างบางก็มุ่งหน้าไปยังแสงสว่างนั้นทันที

     

    กึง...แอ๊ด...ปึง

    เสียงบานประตูในห้องพักฟื้นคนป่วยดังขึ้น ปลุกคนซึ่งนอนอยู่บนเตียงค่อยๆลืมตา ร่างบางกระพริบตาปริบๆเพื่อให้ม่านตาได้ปรับตัว

    “ อ๊ะ...คุณฟื้นแล้ว” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆหูผม ซึ่งผมไม่รู้ว่าหล่อนคือใคร ผมไม่สามารถขยับตัวได้ดังใจ รู้สึกว่าทุกอย่างมันหนักไปหมด แม้แต่จะหันคอไปตามเสียงนั้นยังเป็นสิ่งที่ยากเลย ผมอยากจะพูดออกไปแต่ลำคอกลับแห้งเป็นผง ไม่มีแม้แต่เสียงเล็ดลอดออกมา

    “ ขอดูอาการหน่อยนะครับ” เสียงของชายมีอายุดังขึ้น ตามด้วยแสงจากไฟฉายเล็กๆในมือส่องมาที่ดวงตาผม อ๊า...แสบตาชะมัด จากกลิ่นยาและลักษณะท่าทางแล้วคงหนีไม่พ้นผู้ที่ได้ชื่อว่าหมอแน่ๆ แต่เอ๊ะ...ผมเป็นอะไรน่ะ? ทำไมถึงต้องให้หมอมาตรวจแบบนี้

    “ การตอบสนองดีมากเลยครับ อีกไม่นานคุณก็จะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม” ชายคนนั้นพูดราวกับจะบอกผมก็ไม่ปาน จากนั้นทั้งสองคนก็เดินจากไป ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนกันนะ ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ดวงตาเหม่อลอยนั้นมองสำรวจไปทั่วห้องก่อนจะหยุดอยู่ที่ร่างสูงสองร่างซึ่งยืนเบียดกันอยู่ที่ประตูห้อง เขาเป็นใครกันนะ ทำไมผมไม่คุ้นหน้าเลยและที่สำคัญเขาทั้งคู่เดินยิ้มมาทางผมด้วย ถึงภายในหัวของร่างบางจะมีคำถามตีกันมากมายแต่ภายนอกกลับดูสงบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกไป

    “ ไง...ฟื้นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง” ร่างสูงซึ่งมีใบหน้าคมถามผมเป็นคนแรก ถึงผมจะรู้สึกไม่คุ้นหน้าแต่สิ่งที่แปลกตามมาคือ ใจที่มันเต้นรัวไม่ยอมหยุด มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันเนี่ย ทำไมหัวใจของผมมันดันเต้นแปลกๆกับคนไม่ที่รู้จักซะงั้นล่ะ ผมพยักหน้าพยายามจะพูดทักทายแต่มันก็เหมือนเดิม ไม่มีเสียงตอบรับใดๆออกไป

    “ อยากดื่มน้ำใช่มั๊ย” เขายังคงถามต่อ พลางหันไปรับแก้วน้ำจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขา ชายร่างสูงอีกคนแต่สูงไม่เท่าคนแรกและมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์กว่า หลังจากที่ได้ดื่มน้ำอึกแรงลงไปราวกับต้นไม้ที่ได้รับการรดน้ำ จากคอที่แห้งเป็นผงก็โล่งจนสามารถกลืนน้ำลายได้สะดวก ผมจึงฮัมในลำคอเพื่อหาเสียงของตัวเอง

    “ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ...ผมหลับไปนานเท่าไร” เมื่อสามารถพูดได้แล้วผมจึงถามถึงสภาพของตัวเอง

    “ นายโดนรถชน และหลับไปถึงหกเดือนแน่ะ”  หนุ่มหน้าหวานตอบผม คำตอบของเขาทำเอาผมช็อคอีกรอบ สรุปคือผมโดนรถชนสินะ แต่ใครกันล่ะที่ชนผม ทำไมผมถึงโดนชนและสภาพหลังโดนชนเป็นแบบไหน ตอนนี้คำถามตีกันยุ่งเหยิงไปหมด แต่ก่อนอื่นถ้าผมโดนรถชนและหลับไปถึงหกเดือนแต่ยังคงฟื้นขึ้นมาได้ แสดงว่าเขาทั้งสองคนเป็นคนช่วยผมไว้สินะ

    “ คุณเป็นคนช่วยผมเหรอครับ ขอบคุณมากนะครับ” ปากผมพูดไปแต่ไม่สามารถโค้งได้ดังใจ

    “ นายจำได้มั๊ยว่าตัวเองชื่ออะไร” เอ๊ะ!!! หมอนี่ถามแปลก ใครบ้างจะจำชื่อตัวเองไม่ได้

    “ ผมชื่อ ลีชางซอบ” คำตอบผมทำเอาร่างสูงนั้นถอนหายใจ

    “ แล้วนายมีเพื่อนสนิทมั๊ย เรียนที่ไหน ทำงานอะไรรึเปล่า” หมอนี่ถามเยอะชะมัด อยากรู้อะไรนักหนา ทำอย่างกับถามคนความจำเสื่อมก็ไม่ปาน แต่สำหรับผมไม่ใช่หรอก เพราะผมจำชื่อตัวเองได้และจำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองได้

    “ ผมมีเพื่อนสนิทคนนึง ชื่อ ลิมฮยอนชิค ผมเรียนปีสี่ใกล้จบแล้ว ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในคลับของพี่อึนกวังกับพี่มินฮยอก” เห็นมั๊ยผมจำได้ทุกอย่าง

    “ แล้วนายมีคนรักมั๊ย” อยู่ดีๆคนที่เงียบอยู่นานก็โพล่งออกมา คำถามนี้ทำเอาผมคิดหนัก พอถามถึงคนรักใจผมกลับรู้สึกอุ่นวาบ แต่ผมไม่รู้ว่าตัวเองเคยมีมันรึเปล่า คงไม่มีสินะ...แต่เอ๊ะ! แล้วทำไมผมต้องรู้สึกอบอุ่นแปลกๆด้วยล่ะ แสดงว่ามีสินะ...แล้วถ้ามีทำไมผมถึงนึกไม่ออกล่ะว่าเขาเป็นใคร โอย...ปวดหัวโว๊ยยยย หลังจากที่สมองทำงานหนักผมก็นึกได้ว่า นี่มันเรื่องส่วนตัวนี่นา ผมเลือกที่จะไม่ตอบก็ได้แฮะ เพราะคำตอบจริงๆแล้วคือ ผมไม่รู้...

    “ ว่าแต่ พวกคุณเป็นใครครับ” เปลี่ยนเรื่องพูดมันซะเลย ฮิฮิ ให้ผมได้ถามบ้างเถอะ แต่คำถามผมทำเอาอีกคนอึ้งสนิท มันแปลกตรงไหนกันกับการถามชื่อใครสักคน

    “ ผมชื่อ แบคซึงฮอน ผมดีใจนะที่คุณฟื้นขึ้นมาได้” ชายที่ดูแล้วอายุไม่ห่างจากผมเท่าไรแนะนำตัวเองก่อนจะหันไปหาคนข้างตัว ซึ่งยืนนิ่งสนิทไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย

    “ เขาคนนี้คือ พี่จีฮุน โนจีฮุน พี่ชายของผมเอง” เมื่อคนเป็นพี่ไม่พูดน้องชายจึงพูดแทน อ๋อ...คนที่หน้าหวานๆนั่นชื่อแบคซึงฮอน ส่วนคนหล่อๆนั่นชื่อโนจีฮุนสินะ เอ๊ะ...เมื่อกี้ผมชมว่าเขาหล่อเหรอ แย่จริงๆเลยเรา

    “ ผมว่าคุณคงอยากพักผ่อนอีกสักหน่อย งั้นผมกับพี่จีฮุนขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่” ซึงฮอนโค้งลาผม แปลกแฮะ...เกิดอะไรขึ้นกับอีกคนกันนะ เข้ามาตอนแรกนี่ถามผมฉอดๆแต่บทจะเงียบก็หายไปเลย เมื่อทั้งคู่ออกไปแล้วความสงบก็เข้ามาเยือนผมอีกครั้ง

     

                    หลังจากออกมาจากห้องคนป่วยผู้เป็นน้องชายจึงส่งสายตาเป็นคำถามไปให้พี่ชาย

    “ มีอะไรก็พูดมาสิ ส่งสายตาแบบนี้ฉันไม่รู้เรื่อง” คนเป็นพี่ตัดรำคาญด้วยการถามซะเลย

    “ ทำไมพี่จีฮุนทำเหมือนรู้จักเขามาก่อนล่ะครับ” ซึงฮอนถามสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

    “ ก็...เขาเป็นรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยน่ะ จะเคยเห็นกันบ้างก็คงไม่แปลก” จีฮุนตอบแบบขอไปทีก่อนจะเบี่ยงตัวหลบมือน้องชายที่พยายามจะคว้าตัวเขาไว้

    “ แล้วพี่จะไปไหนน่ะครับ ผมยังถามไม่จบเลยนะ” ซึงฮอนดูขัดใจเล็กน้อยที่พี่ชายสุดที่รักเดินหนีตนแบบนี้

    “ ก็นายมาปลุกฉันนี่ ฉันขอไปนอนก่อนล่ะ ไว้คุยกันทีหลังนะ” คำตอบนั้นลอยมาโดยที่ผู้พูดแทบไม่ได้หันหลังกลับมามองด้วยซ้ำ ร่างสูงทำแค่เพียงโบกมือไปมาก่อนจะเปิดประตูห้องนอนเข้าไป แต่เมื่อประตูปิดลงคนเป็นน้องหารู้ไม่ว่า ทั้งรอยยิ้มและน้ำเสียงร่าเริงนั้นได้มลายหายไปพร้อมกับความทรงจำของใครบางคนเหมือนกัน

    “ ชางซอบ...นายลืมพี่แล้วจริงๆสินะ แต่ไม่เป็นไร ฉันพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ เพื่อให้หัวใจของนายยังมีกัน” ร่างสูงให้คำมั่นกับตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×