คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #47 : Special Memo : คู่กัด ( Seungheon )
Special Memo : คู่กัด ( Seungheon )
การที่จะรักใครสักคนนี่ว่ายากแล้วแต่การที่จะลืมใครสักคนนี่มันยากกว่า คุณว่างั้นมั๊ย? กว่าผมจะทำใจแล้วเดินหันหลังจากมานี่ต้องใช้ความกล้ามากเลยนะ ต้องกล้าที่จะชนะใจตัวเองโดยไม่หันหลังกลับไป แล้วผมก็ทำสำเร็จแล้ว ผมใช้เวลาทุกนาทีกับงานที่นี่ ผมตั้งใจเรียนรู้งานจากผู้เป็นพ่อมากมาย ทั้งเรื่องในโรงงานและเรื่องบริหาร ตอนนี้ผมทำใจได้แล้วล่ะครับ ผมสามารถที่จะส่งอีเมลล์หรือคุยโทรศัพท์กับชางซอบโดยไม่คิดอะไรได้แล้ว ผมนี่เก่งจริงๆเลยแฮะ คึคึ ในประเทศที่เต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมอย่างอิตาลี หลังจากเลิกงานแล้วผมก็ไม่พลาดที่จะไปล่องเรือกอนโดลากินลมชมวิวที่เวนิส ผู้คนที่นี่หลากหลายจริงๆทั้งนักท่องเที่ยวและชาวอีตาเลียนเอง ขณะที่เรือกำลังล่องไปอย่างช้าๆคลอกับเพลงที่ถูกขับร้องโดยคนพายเรือ สายตาคบเหลือบไปสบเข้ากับเรือลำที่ล่องสวนมา ในเรือลำนั้นไม่ใช่สาวน้อยที่น่ารักหรือสาวสวยเซ็กซี่แต่อย่างไร แต่เป็นชายหนุ่มคนนึงที่มีใบหน้าครบเครื่อง ทั้งหวานหยดและสวยเฉี่ยวไปในตัว นั่นคือสิ่งที่ดึงดูดสายตาผมได้เป็นอย่างดี เขาไม่น่าจะใช่ชาวอิตาเลียนหรอกเพราะสีผิวและสีผมค่อนไปทางคนเอเชียมากกว่า ชักน่าสนซะแล้วแฮะ เขาเป็นใครกันนะ? ตั้งแต่ผมมาที่นี่ยังไม่เคยมีใครดึงดูดความสนใจของผมได้เท่ากับเขามาก่อน ผมตัดสินใจหันหัวเรือตามเรือของเขาทันที เมื่อเรือจอดเทียบท่าร่างสูงของชายหน้าสวยลุกขึ้นอย่างสง่า รูปร่างสมส่วนกับหน้าตาโดดเด่นนั้นเป็นจุดสนใจได้ไม่ยาก ผมตามเขาไปโดยไม่รู้ตัวซะแล้ว นี่ผมบ้าไปแล้วใช่มั๊ย? เราทั้งคู่ไปหยุดอยู่ที่คาเฟ่แห่งหนึ่งราวกับว่าเขานัดใครบางคนอยู่ พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าไปทีละนิด ผมได้แต่นั่งมองไปทางเขาโดยลืมเวลาเสียสนิท ไม่นานชายหนุ่มคนนั้นลุกขึ้นอีกครั้งเขาเดินไปจ่ายเงินและกำลังจะออกจากร้านไป ผมเองก็ทำเช่นเดียวกันกับเขา ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับสต๊อกเกอร์เลยแฮะ สมเพชตัวเองชะมัด ร่างนั้นเดินเข้าไปในตรอกๆหนึ่งผมไม่รีรอที่จะตามไป
ฟุ่บ....
ร่างสูงถูกผลักกระแทกเข้ากับกำแพงในตรอกทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป
“ นายตามฉันมาทำไม” คำถามภาษาอิตาเลียนพ่นออกมาอย่างเกรี้ยวกราดไม่เข้ากับใบหน้าสวยๆนั้นสักนิด
“ เพราะฉันสนใจนาย” ผมตอบไปตามความคิดที่ผมคิดออก ณ ขณะนั้น แต่ที่ทำให้ผมตาโตก็คือคำสบถของเขาที่สบถออกมาเป็นภาษาบ้านเกิดผมนั่นเอง
“ นายเป็นคนเกาหลีเหรอ” ถึงจะโดนกดติดกับกำแพงแต่ดูเหมือนผมจะไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร
“ ใช่ ฉันสังเกตตั้งแต่ที่นายลงเรือแล้วตามฉันมาแล้ว บอกมาว่านายต้องการอะไร” ชายหนุ่มคนนั้นยังคงซักไซ้ผมไม่เลิก ผมจึงเลิกคิ้วกวนๆส่งไปให้
“ ก็บอกแล้วไงว่าฉันดันสนใจนายซะแล้ว ฉันแบคซึงฮอน แล้วนายล่ะ” ร่างสูงแนะนำตัวเองพลางใช้สายตามองคนตรงหน้า ถึงเขาจะตัวเล็กกว่าผมเล็กน้อย แต่ขนาดก็พอฟัดพอเหวี่ยงกันล่ะ ถ้าเป็นคู่ต่อสู้ก็ถือว่าสูสีกันเลยทีเดียว ใบหน้าหวานมีแววฮึดฮัดเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือออกจากตัวผม
“ ฉันไม่อยากรู้จักนายและไม่จำเป็นต้องบอกชื่อนายด้วย ถือว่าเป็นคนชาติเดียวกันฉันจะไม่เอาเรื่องนาย เพราะฉะนั้นต่างคนต่างไปนะ” พูดจบร่างบางก็หันหลังให้ผมทันที แต่มีหรือที่คาสโนว่าอย่างผมจะปล่อยไปง่ายๆน่ะ ไม่มีทางซะหรอก แขนแกร่งเร็วเท่าความคิดรั้งแขนบางนั้นพลางออกแรงดึง ร่างนั้นก็เซเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดผมได้ไม่ยากเนื่องจากอีกคนไม่ได้ป้องกันตัว
“ นี่ปล่อยฉันนะ นายอย่ามาทำลุ่มล่ามกับฉันนะ” ร่างนั้นดิ้นขลุกขลักอย่างตกใจ ผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาทไปหน่อยที่ไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเขาโดยพละการ จึงยอมคลายอ้อมกอดลง
“ ผมแค่อยากรู้จักคุณเท่านั้นเอง ทำไมคุณถึงไม่แนะนำตัวซะล่ะ” ผมยังคงซักไซ้ไม่เลิก
“ นายนี่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องสินะ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่อยากรู้จักนายโดยเฉพาะคนที่เสียมารยาทกับฉันครั้งแรกที่เจอแบบนี้ ครั้งหน้าถ้าเจอกันอีกช่วยทำเป็นไม่รู้จักกันด้วยนะ ฉันเองก็จะทำแบบนั้นเช่นกัน” พูดจบร่างนั้นก็หันหลังจะเดินหนีผมอีก แต่คราวนี้ผมรั้งเขาไว้ไม่ได้แล้วสิเพราะโทรศัพท์บ้าดันมาขัดจังหวะซะได้
“ ว่าไงครับพ่อ ผมอยู่เวนิสกำลังจะกลับครับ อะไรนะครับ ผู้ช่วยเหรอ? โอเคครับ แล้วเจอกัน” ผมวางสายจากผู้เป็นพ่อก่อนจะมองไปยังสุดตรอกชายคนนั้นเดินไปอย่างเสียดาย เฮ้อออออ ถ้าพรหมลิขิตมีจริงก็ดีสินะ ผมอยากเจอเขาอีกจัง นี่ถือเป็นครั้งที่สองเลยมั้งที่ผมตกหลุมรักใครตั้งแต่แรกเห็นหลังจากชางซอบ ผมต้องสืบให้ได้ว่าเขาคือใคร
เช้าวันต่อมา
ผมรีบเข้าบริษัทแต่เช้าตรู่เพื่อไปเช็คออเดอร์สินค้าที่เข้ามา ตั้งแต่เราเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์คนใหม่ รู้สึกว่าออเดอร์ของเราจะมากขึ้นทุกวัน ผมชักอยากจะเจอกับเจ้าของผลงานออกแบบพวกนี้แล้วสิ ส่วนมากผมจะมีหน้าที่รับงานมาจากฝ่ายออกแบบจึงไม่มีโอกาสได้เจอกับเจ้าของชิ้นงานโดยตรงสักที คุณพ่อเรียกประชุมแต่เช้าทำเอาสมองผมเบลอไปเลยทีเดียว
“ ไงซึงฮอน ทำไมดูเหม่อๆเหมือนคนอดนอน” พ่อผมถามขึ้นหลังจากจบการประชุมช่วงเช้า ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับพ่อ เลยนอนไม่หลับ” ผมยิ้มแห้งๆเป็นคำตอบ พ่อจึงตบไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ
“ ซึงฮอน...อะไรที่มันไม่ใช่ของเราก็ไม่มีวันเป็นของเรา ลูกควรจะมองหาคนใหม่ได้แล้วนะ” ถึงพ่อผมจะพูดปลอบใจแต่ตอนนี้ผมไม่มีกระจิตกระใจจะฟังซะแล้ว เพราะสายตาผมดันมองตามร่างๆหนึ่งไปแล้วน่ะสิ ไม่ผิดแน่ รูปร่างแบบนั้นทำเอาผมนอนคิดทั้งคืน ไม่มีทางที่ผมจะลืมซะหรอก คำพูดของพ่อไม่เข้าหูผมอีกต่อไป ขายาวๆพุ่งไปยังประตูพลางเปิดออกแล้วมองตามร่างนั้นไป
“ พ่อครับ ทำไมเขาถึงมาเดินในบริษัทเรา” ถึงปากจะถามแต่สายตาไม่ได้สบตากับคนตอบเลยสักนิด
“ ท่าจะเป็นเอามากแฮะ เจ้าลูกคนนี้ นี่ลูกมัวแต่สนใจแฟนพี่ตัวเองจนไม่สนใจคนที่สำคัญขนาดนั้นได้ยังไง” ผู้อาวุโสแต่ใบหน้าไม่อาวุโสยืนกอดอกพ่นลมหายใจอย่างเอือมระอา ลูกชายตัวดีจึงยอมละสายตามามอง
“ แล้วเขาสำคัญยังไงล่ะครับ หุ้นส่วนเหรอ” คนมีลักยิ้มเอียงคอสงสัย ถ้าคนตรงหน้าเป็นสาวๆไม่วายคงได้กรี๊ดสลบอยู่ตรงนี้เป็นแน่
“ เขาคือ ปาร์คแทจอง เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์คนใหม่ไงล่ะ ลูกควรจะรู้จักเขาไว้นะ เพราะอีกหน่อยลูกต้องทำงานกับเขาตลอดเลยล่ะ” คำพูดของพ่อเหมือนสวรรค์ที่เบิกทางให้กับผม อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนี้ล่ะเนี่ย
“ โอเคครับพ่อ ผมจะตั้งใจทำงาน อันดับแรกผมต้องไปทำความรู้จักกับเขาสินะ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เจ้าลูกชายตัวดีพูดแบบนั้นมีหรือที่คนเป็นพ่อจะไม่รู้ว่ามันคิดอะไร ดูจากสายตาที่เป็นประกายขนาดนั้น ไม่วายลูกชายเขาไปปิ๊งใครเข้าซะแล้วล่ะสิ
แอ๊ดดดดด
“ ขออุนญาตครับ” เสียงหวานเอ่ยอย่างสุภาพเมื่อเข้ามายังห้องของรองประธานบริษัท นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาที่นี่ จึงยังรู้สึกเกร็งๆอยู่บ้าง ชายหนุ่มมองไปยังชายร่างสูงที่ยืนหันหลังให้กับตนก่อนที่ร่างนั้นจะหันกลับมาช้าๆ ใบหน้าเรียวยาวบวกกับลักยิ้มกระชากใจทำเอาคนมองตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ
“ นาย...” ร่างบางลืมตัวเผลอชี้นิ้วใส่คนตรงหน้าก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่สมควร
“ เจอกันอีกแล้วสินะ คราวนี้คุณอยากรู้จักผมขึ้นมาบ้างรึยังครับ” ซึงฮอนใช้คำพูดสุภาพกับอีกฝ่ายเนื่องจากคนตรงหน้าก็มีส่วนกับงานของตัวเองเหมือนกัน
“ เอ่อ...ครับ ผมปาร์คแทจอง ฝากตัวด้วยครับ” ถึงจะไม่อยากรู้จักแต่ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ ร่างสูงยิ้มอย่างพอใจที่ตัวเองชนะในเกมส์นี้ แทจองยืนมองชายหนุ่มอย่างกระอักกระอ่วน เขาไม่คิดว่าจะได้เจอกับคนที่ทำลุ่มล่ามกับเขาอีกครั้ง ซึงฮอนเดินเข้าไปใกล้แต่อีกคนกลับถอยห่าง ร่างสูงจึงเลิกคิ้วเป็นคำถาม
“ คุณคงไม่ทำเหมือนครั้งแรกที่เจอกันใช่มั๊ย” น้ำเสียงที่ถามนั้นไม่ได้มีความกลัวเลยสักนิด จากที่ผมฟังมันเหมือนกับการท้าทายมากกว่า
“ อ้อ ผมคงไม่ทำแบบนั้นหรอก ในเมื่อผมรู้จักคุณแล้วนี่ จริงมั๊ย ปาร์คแทจอง” ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปใกล้แต่อีกคนก็ไม่คิดที่จะหลบอีกต่อไป
“ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน สินะครับ คุณแบคซึงฮอน โอ๊ะ...ไม่สิ ต้องเรียกเจ้านายถึงจะถูก” ใบหน้าหวานที่มีดวงตากลมโต จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากจิ้มลิ้มนั้นเชิดน้อยๆ บ่งบอกว่าถึงคนตรงหน้าจะยศสูงกว่าก็ไม่ได้ทำให้เขาหวั่นกลัวได้เลยแม้แต่น้อย
“ ผมมีเรื่องจะคุยกับดีไซน์เนอร์อย่างคุณมากเลยล่ะ ก่อนอื่นคุณคงให้เกียรติไปทานมื้อเที่ยงกับผมนะ หวังว่าคงจะไม่ปฏิเสธ” ผมมัดมือชกทันที แทจองพ่นลมหายใจน้อยแต่ก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี
“ เรื่องงานเท่านั้นนะครับ” พูดจบทั้งคู่จึงเดินออกจากออฟฟิซด้วยกัน ผู้เป็นประธานได้แต่มองพลางนึกขำ ใครจะควบคุมใครกันแน่นะ ขิงก็ราข่าก็แรงแบบนี้ สงสัยลูกชายตัวดีคนนี้จะเจอตอเข้าซะแล้วล่ะ
เหลือคู่สุดท้ายแล้วนะคะ อดใจรอนิสนึง พอดีเจอกับคนๆนี้เข้าคิดว่าเคมีน่าจะตรงกันเลยลองจับมาคู่กันเล่นๆค่ะ
สำหรับใครที่ไม่รู้จักนะคะ หนุ่มหน้าหวานคนนี้ชื่อ ปาร์คแทจอง เป็นแดนซ์เซอร์ในสังกัดค่ายคิวบ์เอนฯค่ะ
ความคิดเห็น