ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTOB Fiction] Memory of Heart จะรักกันได้ไหม?ถ้าหัวใจยังไม่ลืม...

    ลำดับตอนที่ #46 : Special Memo : Confession ( SikHoon )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 241
      3
      29 พ.ย. 56




     

    Special Memo : Confession ( SikHoon )

                    เช้าวันอาทิตย์ที่แสนจะสุขสบายสำหรับใครหลายๆคน แต่มันไม่ใช่สำหรับผม ลิมฮยอนชิค คนนี้ เมื่อเช้าดันมีอีเมลล์ด่วนเข้ามาน่ะสิ คุณเลขาผมนี่ก็ขยันทำงานเสียจริง แม้แต่วันอาทิตย์ก็ไม่ยอมให้ผมได้พักผ่อนบ้างเลย เอ...หรือว่าผมพักมาจนพอแล้วนะ ตาคมเหลือบมองร่างเล็กข้างตัวที่ยังคงหลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว เฮ้อออ สงสัยคงต้องปล่อยเจ้าตัวเล็กให้นอนอยู่ที่นี่ซะล่ะมั้ง ไม่ปลุกดีกว่า คิดได้ดังนั้นร่างโปร่งจึงลุกจากเตียงเข้าห้องน้ำไป ผมออกมาอีกทีเจ้าตัวเล็กก็นั่งตาแป๋วมองมาทางผมซะแล้ว

    “ พี่ฮยอนชิคจะไปไหนแต่เช้าครับ” น้ำเสียงแหบพร่าส่งมาเป็นคำถาม ผมได้แต่ขำในลำคอพลางยิ้มอบอุ่นส่งไปให้ เพิ่งตื่นสงสัยยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ มันถึงได้ทุ้มซะขนาดนั้น ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะก้มลงจุมพิตลงบนหน้าผากมนนั้น

    “ นอนต่อเถอะครับ พี่จะออกไปทำธุระสักหน่อย เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว ถ้าอิลฮุลหิวพี่จะทำมื้อเช้าไว้ให้นะ” อิลฮุลไม่ตอบรับอะไรนอกจากพยักหน้า สงสัยยังคงเมาขี้ตาอยู่ คึคึ ผมแต่งตัวเสร็จหันมาก็ยังเจกับอิลฮุลที่นั่งมองมาอย่างนั้น

    “ มีอะไรเหรอครับ ทำไมมองพี่ตาแป๋วแบบนั้นล่ะ” ด้วยความสงสัยผมจึงเดินลงไปนั่งบนขอบเตียงข้างๆเขา

    “ ผมแค่สงสัยว่าพี่จะไปไหนกัน ทำไมถึงต้องใส่สูทซะเป็นทางการขนาดนั้น” อิลฮุลจับเนกไทผมมขยับไปมา ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากัน จะบอกได้ยังไงว่าวันนี้ผมจะไปประชุมกับพ่อของเขา ผมจึงได้แต่กลืนน้ำลายและยิ้มให้กับเขา

    “ ไม่มีอะไรหรอก แค่ธุระสำคัญน่ะ อิลฮุลนอนต่อเถอะนะ” พูดจบผมก็กดตัวอิลฮุลให้นอนลงไปพลางห่มผ้าให้ ก่อนจะหอมแก้มเนียนนั้นอีกครั้งและลุกเดินออกมา สายตาที่ส่งมามันดูละห้อยราวกับลูกสุนัขถูกทิ้ง ผมจึงยิ้มให้และเดินกลับไปจูบซับกระหม่อมบางอีกครั้ง

    “ เดี๋ยวพี่กลับมาครับ ไม่ต้องห่วง เสร็จแล้วจะกลับมาเลย” อิลฮุลไม่พูดอะไรเพียงแค่ชูนิ้วก้อยขึ้นมาเท่านั้น ผมจึงเกี่ยวนิ้วนั้นเป็นการสัญญา ก่อนจะเดินจากมาจริงๆ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร เอาเข้าจริงๆแล้วผมน่ะติดอิลฮุลมากกว่าที่อิลฮุลติดผมซะอีก ไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหน ผมก็จะนึกถึงเจ้าตัวเล็กเสมอ นึกถึงใบหน้าแสนงอน ชอบหยอกล้อ ขี้แกล้งเป็นที่หนึ่ง ผมนึกภาพไม่ออกจริงๆถ้าวันนึงผมต้องเสียเขาไป ผมจะเป็นยังไงกันนะ

     

    รถยนต์ประจำตำแหน่งจอดเทียบประตูทางเข้าบริษัทยักษ์ใหญ่ ถึงนานๆทีจะเข้ามาที่นี่บ้างเป็นบางครั้ง แต่พนักงานทุกคนก็ยังให้ความคารพนับถือ ผมพยายามที่จะวางตัวสบายๆแต่มันก็ไม่เป็นดั่งใจเสียที คุณพ่อนะคุณพ่อ เล่นมาวางอำนาจให้ผมแบบนี้ ผมก็ทำงานลำบากน่ะสิ ขายาวก้าวเข้าไปในบริษัทอย่างมั่นคง เลขาสาวเดินนำผมไปยังห้องประชุมซึ่งใกล้จะได้เวลาเริ่มการประชุมแล้ว ประตูเปิดเข้าไปหุ้นส่วนรายใหญ่ต่างนั่งรอผมอยู่ เมื่อผมเจอหน้าแต่ละคนกลับเป็นผมเองที่ต้องโค้งทำความเคารพพวกท่าน ก็หุ้นส่วนแต่คนละต่างเป็นทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ของพ่อผมน่ะสิ ผมจึงนับถือพวกเขาเหมือนญาติคนนึง ทางขวามือของผมเป็นคนคุ้นเคยเลยเชียวล่ะ

    “ อิลฮุลเป็นไงบ้าง” แทนที่จะถามถึงเรื่องงานเป็นสิ่งแรกแต่เขากลับถามหาลูกชาย

    “ สบายดีครับ ผมเห็นเขาหลับสบาย เลยไม่อยากปลุก” ผมตอบอย่างสบายๆคุณลุงจึงยิ้มให้ผมอย่างอบอุ่น

    การประชุมเริ่มแล้ว หลายๆคนคงนึกถึงภาพของความเครียดใช่มั๊ยล่ะครับ แต่มันไม่มีอยู่ในห้องประชุมนี้เลย ความรู้สึกเหมือนกับงานพบปะสังสรรค์เสียมากกว่า ถึงผมจะอายุยังน้อยแต่พวกคุณลุงก็ให้เกียรติและรับฟังความคิดเห็นของผมอย่างตั้งใจ จึงทำให้ความกดดันที่เคยมีในตอนแรกนั้นหายไป การประชุมสิ้นสุดลง รวมๆแล้วงานวันนี้ของผมสำเร็จไปได้ด้วยดี ต้องขอบคุณเลขาที่จัดการทุกอย่างเอาไว้ให้ผม ทำให้การทำงานของผมนั้นง่ายขึ้นเป็นกอง

    “ ฮยอนชิคนี่ เชื้อไม่ทิ้งแถวเลยนะ มิน่าล่ะลิมจีฮุนถึงกล้าปล่อยบริษัทให้ลูกชาย” หุ้นส่วนคนนึงคาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของพ่อเอ่ยถึงท่านอย่างสนิทสนม ผมจึงได้แต่ยิ้มรับและโค้งลาเขาไป ที่จริงแล้วผมไม่เคยมีความสนใจทางด้านบริหารธุรกิจเลย แต่ด้วยความที่ผมเป็นลูกชายคนเดียวมันจึงหลีกเลี่ยงที่จะสืบทอดบริษัทไม่ได้ ผมมีความสนใจทางด้านการทำเพลงมาแต่ไหนแต่ไร แต่คุณพ่อท่านสั่งเอาไว้ว่าถ้าอยากทำเพลงก็ดูแลบริษัทให้พ่อ แล้วพ่อจะให้ผมเปิดบริษัทที่เกี่ยวกับเพลง ซึ่งพอมาถึงจุดนี้การทำเพลงที่ผมรักนั้นมันได้กลายเป็นงานอดิเรกไปเสียแล้ว ผมไม่เคยคิดที่จะเอามันมาเป็นธุรกิจเลย

    “ เจ้าตัวแสบ ว่างรึเปล่า ให้เกียรติไปจิบชากับลุงหน่อยสิ” ผมกำลังจะก้าวขาออกจากห้องประชุมเป็นต้องหยุดชะงัก เมื่อพ่อตาคนสำคัญเรียกเอาไว้

    “ โธ่...คุณลุงไม่ต้องสุภาพกับผมขนาดนั้นก็ได้ครับ มันทำผมเกร็งนะ ใครมาได้ยินเข้าจะหาว่าผมไม่เคารพผู้ใหญ่” ฮยอนชิคคุยกับชายผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าใจหินที่สุด ท่านเป็นคนที่แค่เดินเฉยๆยังดูน่าเกรงขาม แต่ใครจะไปรู้กันว่าเวลาเขาทำตัวปกติกับคนในครอบครัวจะน่ารักขนาดไหน

    “ ได้ครับคุณลุง ผมเองก็มีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณลุงเหมือนกัน” ผมเดินนำผู้ที่เรียกว่าลุงไปยังรถที่จอดรออยู่

    เราทั้งคู่มายังคาเฟ่แห่งหนึ่ง เป็นร้านที่เงียบสงบผู้ คนไม่พลุกพล่านเหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนเป็นที่สุด

    “ ว่ามา...มีอะไรอยากปรึกษาลุงรึ?” คนอายุมากกว่าเริ่มตั้งคำถาม

    “ เอ่อ...คือ ผมกับอิลฮุลเราก็คบกันมานานแล้วนะครับ แต่ผมยังไม่ได้บอกเขาถึงสถานะที่แท้จริงเลย คุณลุงคิดว่าผมควรจะเริ่มยังไงดีครับเพื่อไม่ให้เขาตกใจและไม่ให้เขาโกรธผม” ผมดูเป็นกังวลกับเรื่องนี้จริงๆนะ เป็นผมเองล่ะที่ไม่ยอมพูดความจริงออกไป จะปิดมันไว้ทำไมก็ไม่รู้ อาจจะเพราะมันทำให้อิลฮุลดูมีความสุขที่เห็นผมเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ได้มีฐานะเท่าเทียมอะไร เพราะอย่างน้อยเรื่องบางเรื่องที่คนมีเงินเขาปวดหัวกัน อิลฮุลก็ไม่ต้องคอยห่วงว่าผมจะเป็นแบบนั้น และที่สำคัญเราทั้งคู่ไม่ชอบการออกงานสังคมเสียเลย ถ้าความจริงเปิดเผยเมื่อไร ไม่วายโดนจับออกงานคู่กันเป็นแน่ ถึงจะไม่ได้ไปในฐานะคนรักก็ต้องไปในฐานะหุ้นส่วนอยู่ดี ผมเองก็ไม่อยากให้อิลฮุลมาทุกข์เรื่องนี้เหมือนกัน

    " ลุงคิดว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะฮยอนชิค เราคงปิดเขาไปไม่ได้นานหรอก ในเมื่อทั้งคู่ก็ตัวติดกันซะขนาดนั้น ส่วนเจ้าตัวเล็กน่ะ ลุงรู้นิสัยเขาดี อาจจะมีงอนหน่อยที่เราปล่อยให้เขาดูเป็นคนโง่มาตั้งนาน แต่เขาก็จะเข้าใจ เพราะฉะนั้นสารภาพไปซะ จะดีที่สุด” คนที่เป็นพ่อของคนรักผมพูดด้วยความห่วงใย ผมจึงได้แต่พยักหน้าท่านจึงตบบ่าผมเบาๆเชิงให้กำลังใจ

    “ เฮ้ออออ แต่ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงนี่สิครับ เจ้าตัวเล็กยิ่งแต่แสนงอนอยู่ด้วย ไม่รู้เลยว่าจะง้อเขาด้วยวิธีไหนดี” ฮยอนชิคดูกลุ้มใจจริงๆจนคนฟังถึงกับหัวเราะขำออกมา

    “ ก็ใช้วิธีที่มีแต่ฮยอนชิคเท่านั้นสิ ถึงจะเอาอยู่ ” คุณลุงพูดกำกวมแบบนี้ผมก็ลำบากน่ะสิ คนเป็นพ่อภาษาอะไรเนี่ยช่วยคนอื่นคิดแผนแกล้งลูกชายตัวเอง

    “ แล้วคุณลุงมีอะไรเหรอครับถึงอยากคุยกับผม” ผมเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อถามถึงจุดประสงค์ที่คนอายุมากกว่าอยากจะจิบชากับผม

    “ อ่อ...พอดีลุงได้บัตรคอนเสิร์ตนี้มา แต่เขาจัดที่ญี่ปุ่น ลุงเลยคิดว่าเราน่าจะไปดูกับเจ้าตัวเล็กนะ อิลฮุลเขาชอบเจ้าตัวนี้มากเลยล่ะ สมัยก่อนไม่มีคนพาไป ลุงนี่แหละที่ต้องไปกับเขา ตอนนี้ลุงอายุเยอะแล้วจะไปที่นั่นก็ดูขัดๆชอบกล ยังไงฮยอนชิคช่วยลุงหน่อยนะ” กล่าวจบพร้อมกับยื่นบัตรคอนเสิร์ตที่มีรูปร่างน่ารักมาให้ เฮ้ออออ สงสัยผมคงต้องง้อเขาด้วยสิ่งนี้สินะ

     

    ขณะที่คนทั้งคู่กำลังคุยกัน ร่างเล็กร่างหนึ่งก็ปรากฏอยู่ภายนอกร้าน ตากลมมองเข้ามาในร้านก็ต้องแปลกใจที่เห็นผู้เป็นพ่อนั่งคุยกับชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งซึ่งนั่งหันหลังให้เขา หนุ่มหน้าหวานมองหาผู้ช่วยทันที ตาสบเข้ากับเลขาของพ่อกำลังนั่งคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่

    “ อ๊ะ...คุณจองอิลฮุล สวัสดีครับ” เมื่อเลขาหนุ่มหันมาเจอลูกชายของเจ้านายก็โค้งทักทายอย่างสุภาพ อิลฮุลจึงโค้งตอบกลับเล็กน้อย

    “ คุณป๋ากำลังคุยกับใครอยู่เหรอครับ ดูสนุกเชียว” ร่างเล็กเอ่ยถามถึงสิ่งที่สงสัยทันที

    “ ท่านประธานกำลังคุยกับท่านประธานส่งออกยานยนต์ค่ะ” หญิงสาวที่นั่งคุยกับเลขาของพ่กล่าวตอบอย่างสุภาพ ร่างเล็กขมวดคิ้วมุ่น เพราะจากที่รู้มาประธานส่งออกยานยนต์ก็รุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของเขา ไม่มีทางที่จะอ่อนวัยขนาดนี้

    “ คุณอาลิมจีฮุนน่ะเหรอ” อิลฮุลยังคงถามไม่เลิก

    “ เอ่อ ขออภัยค่ะ ดิฉันเป็นเลขาของประธานลิมจีฮุนค่ะ ส่วนชายหนุ่มคนนั้น คือ คุณลิมฮยอนชิค ลูกชายคนเดียวของท่านประธานและตอนนี้ก็รับสืบทอดกิจการอยู่ค่ะ” คำพูดของเลขาสาวทำเอาคนฟังถึงกับเข่าอ่อนทันทีเมื่อทันสังเกตเห็นใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม เขาไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าคนรักของเขาจะปิดบังกันได้ถึงขนาดนี้ อิลฮุลทำเพียงพยักหน้าก่อนจะถอยหลังเดินออกจากร้านไป ทิ้งไว้ก็แต่เลขาสองคนที่มองการกระทำของชายหนุ่มอย่างงุนงง

     

    หลังจากที่ผมคุยกับคุณลุงเสร็จผมก็กลับมาที่คอนโด อิลฮุลจะทำอะไรอยู่กันนะเวลาแบบนี้ ผมเปิดประตูห้องเข้าไปเห็นอิลฮุลนั่งดูโทรทัศน์อยู่ ตากลมเหลือบมามองผู้มาเยือนเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจโปรแกรมทีวีต่อ แปลกแฮะเขาไม่ดูดีใจเหมือนทุกทีเลย ปกตินี่เป็นต้องกระโดดแทบจะทับผมเลยด้วยซ้ำ ผมถอดเสื้อนอกออกพลางคลายเน็กไทและปลดกระดุมลงสองเม็ดบนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างตัวเขา แขนแกร่งดึงคนรักให้เข้ามาใกล้ตัวเล็กน้อย แต่ดูเหมือนอิลฮุลจะขัดขืนไม่ยอมให้ทำได้ดังใจ

    “ เป็นอะไรไปครับ งอนพี่เหรอที่ทิ้งให้อยู่คนเดียวน่ะ” เสียงทุ้มกล่าวอย่างหยอกล้อ

    “ เปล่าครับ” น้ำเสียงที่ตอบกลับมามันดูกระด้างเสียจริง

    “ ว้า...พี่เหนื่อยจังเลย ถ้าได้น้ำเย็นๆสักแก้วคงจะดีนะ” ผมแกล้งขยับสาบเสื้อสะบัดไปมา แต่อิลฮุลกลับส่งสายตาดุๆมาให้ เขาไม่เคยมองผมด้วยสายตาแบบนี้เลยจริงๆ

    “ พี่เพิ่งดื่มชามาไม่ใช่เหรอครับ” คราวนี้ล่ะผมเริ่มแน่ใจอะไรลางๆละ อิลฮุลดูโกรธกับอะไรบางอย่างจริงๆ

    “ หมายความว่าไงครับ” ผมยังแกล้งถามต่อไป

    “ พี่เคยบอกผมว่าอะไรจำไม่ได้เหรอครับ พี่เคยบอกว่าพี่เกลียดอะไรมากที่สุด จำได้มั๊ยครับ” น้ำเสียงแบบนี้ผมไม่ชอบมันซะเลย แสดงว่าเขาต้องไปรู้อะไรมาแล้วสินะ

    “ พี่จำได้ครับ แต่มันจำเป็นนี่ครับ” ผมพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

    “ มันจำเป็นมากถึงกับต้องหลอกผมมานานขนาดนี้เลยเหรอครับ พี่ไม่ไว้ใจผมขนาดนั้นเลยเหรอ ทั้งๆที่ผมไม่รู้เรื่องธุรกิจของคุณป๋าเลยสักนิด แต่พี่ก็ยังปิดบังตัวเอง” อิลฮุลตัดพ้ออย่างน้อยใจ คราวนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าเขางอนผมเรื่องอะไร

    “ อิลฮุลรู้ได้ยังไงครับ” ผมพยายามเอามือไปจับตัวเขาแต่กลับโดนสะบัดออกมา

    “ ถ้าวันนี้ผมไม่ออกไปข้างนอก ผมก็คงจะเป็นคนโง่ตลอดไปสินะ สนุกมากมั๊ยครับที่เห็นผมเป็นคนโง่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย สนุกมั๊ยที่ได้อยู่เหนือผมตลอดเวลาคอยเฝ้ามองผมเป็นตัวตลกน่ะ” ร่างเล็กกล่าวด้วยความคับแค้นใจ น้ำเสียงสั่นพร่าพร้อมกับน้ำใสๆที่ไหลลงมา ผมจะเอื้อมมือเข้าไปปาดน้ำตานั้น แต่อิลฮุลกลับหันหน้าหลบมือผม ความเจ็บปวดใดๆของผมก็คงไม่เท่ากับผมทำให้เขาเสียน้ำตาหรอก

    “ อิลฮุล...พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้จะหลอกอิลฮุลนะ พี่แค่ไม่อยากให้เราต้องเปลี่ยนแปลงอะไรก็เท่านั้น พี่อยากอยู่แบบคนธรรมดาที่ไม่มีเรื่องเงินทองหรือทรัพย์สมบัติเข้ามาเกี่ยวข้อง” แขนแกร่งรัดเอวบางเนื่องจากกลัวที่อีกคนจะหนีไปก่อนจะจับอีกคนนั่งบนตักตัวเองเสียเลย

    “ พี่ฮยอนชิคใจร้าย พี่เคยบอกผมว่าเกลียดการโกหก แต่พี่กลับทำซะเอง ผมรักพี่ ผมให้พี่เต็มร้อยเสมอแต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองยังด้อยกว่าพี่ตลอด ผมต้องคอยวิ่งไล่ตามพี่ก้าวนึงเสมอ ซึ่งตอนนั้นผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว เพราะพี่เป็นทายาทบริษัทใหญ่นั่นไง มันถึงทำให้เราดูห่างชั้นกันขนาดนี้ ผมมันแย่ที่สุด จนมาถึงตอนนี้ผมก็ยังเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่บริษัทของพ่อตัวเอง”

    อิลฮุลโวยวายอย่างสุดจะกลั้น นี่ตลอดเวลาผมทำให้เขาอึดอัดขนาดนี้เชียวเหรอ ผมทำให้เขารู้สึกแย่มากเลยใช่มั๊ย ความรู้สึกเหมือนผมไปเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาก็ไม่ปาน

    “ เพราะเป็นแบบนี้ไงพี่ถึงไม่อยากให้อิลฮุลรู้ พี่ไม่อยากให้เราเป็นคู่แข่งกัน พี่อยากให้เราเป็นคนรักกัน อิลฮุลลองคิดถึงตอนที่อิลรักพี่โดยที่พี่ไม่มีอะไรเลยสิ ถึงตอนนี้ทุกอย่างนั่นเป็นของพ่อพี่นะ ไม่ใช่ของพี่สักหน่อย โธ่...อย่าร้องนะคนดี เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง พี่ไม่เคยเห็นอิลฮุลเป็นตัวตลกเลยนะ พี่รู้สึกดีใจเสียด้วยซ้ำที่อิลฮุลเป็นคนจิตใจดี ไม่ดูคนที่ภายนอกหรือฐานะ ชาติตระกูล นั่นคือสิ่งที่ทำให้พี่รักอิลฮุลนะครับ”  ฮยอนชิคพยายามพูดปลอบใจอีกคน

    “ ฮึกๆ...พี่ฮยอนชิคต้องสัญญากับผมนะ ว่าพี่จะไม่โกหกผมอีก ผมจะให้อภัยพี่เหมือนกับที่พี่เคยให้อภัยผม” อิลฮุลเช็ดน้ำตาที่ข้างแก้ม ผมเองก็เช็ดให้เขาด้วย

    ฟอดดดด

    จมูกโด่งหอมแก้มเนียนใสฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว อิลฮุลจึงส่งสายตาค้อนไปให้

    “ เจ้าตัวเล็กขี้แยเอ้ย เรื่องแค่นี้ต้องร้องไห้ด้วย ตัวเองไม่ได้ด้อยกว่าใครสักหน่อย ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ เราต่างก็มีส่วนที่ถนัดกันคนละแบบ มันจะเอามาเทียบกันน่ะไม่ได้หรอกนะ” พูดไปก็บีบจมูกโด่งรั้นนั้นไปด้วย อิลฮุลจึงต้องชักหน้าหลบเป็นพัลวัน

    “ พี่ฮยอนชิคอ่ะ อย่าแกล้งผมสิ มันเจ็บนะ คนบ้านี่” มือเล็กตีลงบนแขนแกร่งเบาๆ ร่างเล็กเริ่มจะยิ้มออกผมเองก็สบายใจละ

    “ คราวหน้าก็อย่าโกรธพี่แบบนี้อีกนะครับ มีอะไรก็ให้รีบพูดรีบบอกกันก่อนที่จะมาเข้าใจกันผิดแบบนี้น่ะ” ฮยอนชิคใช้หลังมือไล้แก้มเนียนใสนั้นเล่น

    “ ว่าแต่พี่ฮยอนชิคไปพบคุณป๋าทำไมเหรอครับ” อิลฮุลเอียงคอสงสัย มันน่าจับกดซะตรงนี้เสียจริง

    “ อ่อ คุณลุงให้นี่พี่มาน่ะ เขาอยากให้เราไปด้วยกัน อุ๊ป....” ผมหยิบบัตรคอนเสิร์ตที่มีเจ้าหมีสีน้ำตาลขึ้นมา อยู่ๆอิลฮุลก็เอามือมาปิดปากผมซะงั้น

    “ เลิกเรียกคุณลุงได้แล้วครับ เรียกคุณพ่อสักทีเถอะ ผมไม่อยากขึ้นคานนะ” ร่างเล็กกล่าวทีเล่นทีจริง

    “ งั้น...พี่คงต้องไปสู่ขอกับคุณพ่อสักทีสินะ” พูดจบผมก็พลิกตัวกดร่างเล็กลงกับโซฟาทันที

    “ พี่ฮยอนชิคจะทำอะไรน่ะ กดผมทำไม” อิลฮุลดูเหว๋อเล็กน้อยที่อยู่ดีๆตัวเองก็โดนเปลี่ยนตำแหน่งซะงั้น

    “ แล้วคนรักเขากดกันทำไมล่ะครับ ฮึ?” พูดไม่พูดเปล่าร่างหนากำลังโน้มหน้าตัวเองเข้าไปใกล้

    “ ม่ายยยย พี่ฮยอนชิคบ้า ทะลึ่ง ลามก กลางวันแสกๆนะพี่จะทำอะไรน่ะ อีกอย่างพี่ยังไม่ได้ขอคุณป๋าเลย พี่จะรังแกผมไม่ได้นะ” อิลฮุลดิ้นไปดิ้นมา จากตอนแรกคิดว่าตัวเองจะเป็นต่อแล้วทำไมตอนนี้กลับเป็นรองซะงั้น จมูกโด่งของคนรุกยังไม่ลดละที่จะไล่ตามก่อนจะหยุดที่ซอกคอหอมกรุ่น ริมฝีปากร้อนกดจูบเบาๆอย่างบ่งบอกความเป็นเจ้าของ อิลฮุลใบหน้าขึ้นสีเรื่อด้วยความอาย ถึงจะเคยจูบกันบ่อยๆแต่ก็ไม่เคยเกินเลยถึงขั้นอื่นสักที ริมฝีปากละจากลำคอมายังปากอิ่มเรื่อของอีกคนพลางขบเม้มอย่างหยอกล้อ

    “ พี่ฮยอนชิอ่ะ ขี้แกล้ง” อิลฮุลตัดพ้อ

    “ จำไว้นะครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะไม่ปล่อยมือจากอิลฮุลแน่นอน ตัวเล็กของพี่” ร่างสองร่างบดเบียดกันท่ามกลางอาทิตย์ยามบ่าย ยิ่งทำให้มันกลายเป็นอาทิตย์ที่ร้อนระอุมากขึ้นไปอีก


     



     

    สำหรับใครที่รอคู่ชิคฮุลมาแล้วค่าาา ขอบคุณที่ติดตามกันมา สเปเชี่ยลอีกสองคู่จะตามมาภายหลังนะคะ อดใจรอนิดนึง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×