คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : MEMO 37 : เริ่มต้นใหม่กับใครบางคน
MEMO 37 : เริ่มต้นใหม่กับใครบางคน
นี่ก็ร่วมสัปดาห์เข้าไปแล้วที่ลีชางซอบนอนแหมบอยู่โรงพยาบาล ร่างบางรู้สึกเบื่อกับที่นี่เต็มทนทั้งๆที่เขาเองได้ออกไปแล้วแต่ก็กลับเข้ามาใหม่ เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร เขารู้เพียงอย่างเดียวว่าความทรงจำในอดีตมันย้อนกลับมาทำร้ายตนเอง มือเรียวกดรีโมตโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปมาอย่างเบื่อหน่ายพลางถอนหายใจออกมา
“ คุณพยาบาลครับ เมื่อไรผมจะได้ออกจากที่นี่เหรอครับ ตัวผมเองก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บรู้สึกปวดตรงไหนเลยนี่นา ไม่เห็นต้องให้มานอนที่นี่เลย” ชางซอบบ่นกระปอดกระแปดราวกับเด็กหกขวบที่โดนบังคับให้กินยา
“ วันนี้ล่ะค่ะ แต่ต้องรอญาติมารับนะคะถึงจะออกได้” นางพยาบาลคนสวยบอกอย่างใจเย็นชางซอบจึงทำได้แต่พยักหน้ารับ ว่าแต่ใครกันนะที่จะมารับเขาออกจากโรงพยาบาล
แอ๊ดดดดด
ประตูห้องคนป่วยค่อยๆแง้มออก เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าน่ารักโผล่หัวเข้ามามองสำรวจซ้ายขวาก่อนจะค่อยๆดันตัวเองเข้ามา เจ้าของห้องมองชายผู้ไม่คุ้นตานี้อย่างงุนงง เขารู้สึกคุ้นหน้าแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมากก่อน
“ พี่ลีชางซอบใช่มั๊ยฮะ สวัสดีฮะ ผมจองอิลฮุลมากับพี่ฮยอนชิค ตอนนี้พี่ฮยอนชิคกำลังไปเคลียค่ารักษาพยาบาล เดี๋ยวจะตามเข้ามาฮะ” หนุ่มน้อยหน้าใสกล่าวอย่างคล่องแคล่วพลางโค้งให้คนป่วยอย่างสุภาพ ชางซอบจึงได้แต่โค้งตามเป็นคำตอบ อ๋อ...เด็กคนนี้นี่เองที่เขาเคยเห็นอยู่กับฮยอนชิคในห้างนั่นเอง
“ นั่งก่อนสิอิลฮุล ขอบคุณมากนะที่มาเยี่ยม” ชางซอบกล่าวอย่างเป็นมิตร อิลฮุลจึงยิ้มหวานส่งมาให้ ชางซอบเข้าใจในทันทีว่าทำไมเพื่อนของเขาถึงตกหลุมรักเด็กคนนี้ เพราะรอยยิ้มน่ารักแบบนี้นี่เอง เขาเองยังหลงรักเลย
“ อ๊ะ...ชางซอบ มีคนมาเคลียค่ารักษาให้นายแล้วนี่นา ทำไมไม่บอกฉันล่ะ” ฮยอนชิคเดินเข้ามาในห้องพลางเริ่มโวยวายที่มีคนตัดหน้าตน อิลฮุลซึ่งนั่งอยู่บนโซฟามุมห้องมองคนรักอย่างงุนงง ก็ไหนพี่ฮยอนชิคบอกว่าพี่ชางซอบไม่มีญาติที่ไหนไง แล้วจะมีคนมาจ่ายเงินให้ก่อนได้ยังไง ชางซอบมองเพื่อนอย่างงงๆเช่นกัน
“ ใครกันล่ะที่ทำแบบนั้น ฉันก้มีแต่นายนี่นา อ่อ...รึว่า” พูดยังไม่ทันจบประตูห้องคนป่วยก็เปิดออกอีกครั้ง
“ ฉันมาแล้วชางซอบ กลับบ้านกันนะ” ชายร่างสูงผู้มีใบหน้าหวานอีกคนโผล่เข้ามา ฮยอนชิคจึงมองชายหนุ่มอย่างไม่วางตา
“ คุณคือ ลิมฮยอนชิคใช่มั๊ยครับ” อยู่ๆชายคนนั้นก็หันมาถามฮยอนชิค ชายตายิ้มจึงทำเพียงพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ ผมขอรบกวนเวลาคุณสักครู่นะครับ ขอคุยด้วยหน่อย” ร่างสูงกล่าวอย่างสุภาพพลางเดินนำออกจากห้องไป ชางซอบและอิลฮุลจึงได้แต่มองหน้ากันด้วยความงุนงง
“ ผมแบคซึงฮอนครับ เป็นน้องชายของพี่จีฮุน เขาฝากจดหมายมาให้คุณด้วย บอกว่าต้องเอามาให้คุณให้ได้” ซึงฮอนยื่นจดหมายฉบับเล็กๆที่พี่ชายฝากไว้ให้กับฮยอนชิค
“ แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนครับ” ฮยอนชิคขมวดคิ้วสงสัยว่าเพราะอะไรทำไมจีฮุนถึงหายไปตั้งแต่เกิดเรื่องคืนนั้น
ถึง ลิมฮยอนชิค
นายเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ฉันไว้ใจมากที่สุดถ้าจะฝากลีชางซอบไว้กับนาย หวังว่านายจะดูแลเขาเป็นอย่างดี ตอนนี้ฉันไม่สามารถที่จะยืนเคียงข้างเขาได้ ถ้าอยู่ด้วยกันก็มีแต่จะเจ็บปวด ฉันไม่อยากทำร้ายชางซอบอีกแล้ว ชางซอบจะยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านของฉันกับซึงฮอน น้องชายของฉันเอง เขาจะช่วยนายดูแลชางซอบอีกแรง ไม่ต้องห่วงเขาเองก็รักชางซอบไม่ต่างจากฉันเหมือนกัน ฉันรับรองได้เลยว่าเขาจะไม่ทำร้ายชางซอบแน่นอน ฉันจะอยู่ที่ยุโรปสักพัก ไม่มีกำหนดกลับที่แน่นอน ฉันหวังแต่ว่าชางซอบจะอาการดีขึ้น ฉันอยากจะขอให้นายช่วยดูแลเขาแทนฉันที เมื่อถึงเวลาฉันจะกลับมา
โนจีฮุน
ฮยอนชิคอ่านจดหมายทวนไปมาก่อนจะเงยหน้าถามซึงฮอน
“ หมายความว่าไง พี่จีฮุนจะไม่กลับมาแล้วเหรอ แล้วชางซอบล่ะ เขาจะเป็นยังไง” ฮยอนชิคถามด้วยความสับสนโดยลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตอนนี้ชางซอบสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับจีฮุนไปแล้ว ซึงฮอนมองอย่างแปลกใจ ฮยอนชิคทำราวกับว่าพี่จีฮุนมีความสำคัญกับชางซอบมากมายขนาดนั้น
“ ทำไมเหรอครับ พี่จีฮุนก็แค่ไปทำงานอยู่ที่ยุโรปเหมือนที่เขาทำประจำเท่านั้นเอง ส่วนชางซอบทางนี้จะดูแลเอง ไม่ต้องห่วงนะครับ” เมื่อซึงฮอนเอ่ยปากออกมาเหมือนฮยอนชิคจะนึกอะไรขึ้นได้ บางทีการที่พี่จีฮุนส่งจดหมายมาเป็นการส่วนตัวแบบนี้ก็อาจจะไม่อยากให้น้องชายรู้ระแคะระคายถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคน เอาล่ะ...เขาต้องทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ ซึงฮอนไม่ต้องสุภาพกับผมขนาดนั้นก็ได้ครับ เราอายุเท่าๆกัน เอาเป็นว่าเดี๋ยวคุณพาชางซอบกลับบ้านแล้วกัน ส่วนผมจะแวะไปเยี่ยมเขาบ่อยๆนะครับ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว หมอบอกแค่ให้พักผ่อนเยอะๆเท่านั้นเอง” ฮยอนชิคพยายามบอกปัดประเด็นที่ทำให้เพื่อนตัวเองมานอนโรงพยาบาล เพราะดูการสถานการณ์แล้วแบคซึงฮอนคงจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชางซอบถึงได้ทำตัวเป็นปกติแบบนี้
“ เอ่อ...ว่าแต่พี่จีฮุนบอกอะไรกับคุณก่อนที่เขาจะไปเหรอครับ” ฮยอนชิคอดสงสัยไม่ได้ว่าพี่ชายจะปิดน้องชายยังไง
“ เขาบอกผมแค่ว่าให้เอาจดหมายนี้มาให้คุณ เขาจะไปทำงานที่ยุโรปสักพัก ฝากให้ผมดูแลชางซอบดีๆ เท่านี้ล่ะครับ พี่ชายผมเขาก็เป็นแบบนี้แหละ คิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มา” ซึงฮอนกล่าวอย่างสบายๆก่อนจะเปิดประตูห้องคนป่วยเข้าไปซึ่งชางซอบกับอิลฮุลกำลังนั่งกินแอปเปิ้ลและคุยกันอย่างสนุกสนาน
“ คุยกันเสร็จแล้วเหรอ ฮยอนชิค ซึงฮอน” ชางซอบกล่าวทักทายทั้งสองคน อิลฮุลยื่นกล่องแอปเปิ้ลให้คนรัก
“ พี่ฮยอนชิคกินด้วยกันสิครับ พี่ชางซอบสอนผมปอกเลยนะ” อิลฮุลพูดเสียงใสพลางยื่นแอปเปิ้ลให้ชิ้นนึง
“ นี่ตัวเล็กพี่บอกแล้วไงว่านี่ของเยี่ยมคนไข้ เรามากินเองได้ยังไง” ฮยอนชิคเผลอเรียกคนรักด้วยความเอ็นดูจนลืมไปแล้วว่ายังมีเพื่อนตัวเองนั่งฟังอยู่
“ แน่ะๆๆ นายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันน่ะฮยอนชิค ตั้งแต่ฉันเป็นเพื่อนนายมายังไม่เคยได้ยินนายเรียกใครได้น่ารักแบบนี้มาก่อนเลยนะ” ชางซอบอดแซวเพื่อนรักไม่ได้เรียกเอาใบหน้าผิวสีแทนนั้นขึ้นสีแดงเรื่อ อิลฮุลแอบหัวเราะเล็กน้อยพลางกัดแอปเปิ้ลเข้าปากอีกคำ ซึงฮอนซึ่งยืนมองดูอยู่ข้างๆก็เข้าใจสถานะของคนทั้งคู่ได้ทันที
“ หุบปากไปเลยชางซอบ ว่าแต่จะกลับไปทำงานที่คลับได้เมื่อไรน่ะ ทุกคนที่นั่นคิดถึงนายมากเลยนะ โดยเฉพาะพี่มินฮยอกน่ะ โอดครวญราวกับนายเป็นลูกชายเขาก็ไม่ปาน” ฮยอนชิคอดแขวะเจ้านายตัวเองไม่ได้เรียกเสียงหัวเราะสดใสจากเพื่อนทันที
“ ผมฟ้องพี่มินฮยอกแน่ว่าพี่ฮยอนชิคแขวะเขาน่ะ” อิลฮุลได้ทีขี่แพะไล่บ้าง ฮยอนชิคก็ลืมไปว่าลูกพี่ลูกน้องของเจ้านายก็อยู่ตรงนี้ด้วย
“ พี่ขอโทษน่ะอิลฮุล ก็มันอดไม่ได้นี่นา” เมื่อได้เริ่มนินทาเจ้านายมันก็ชักจะคันปากแฮะ ฮยอนชิคจึงต้องขอตัวกลับก่อน ก่อนที่จะเผลอพูดอะไรไม่ควรออกไป
“ งั้นก็รักษาตัวดีๆนะครับ แล้วผมจะแวะไปหาที่คลับบ่อยๆ” อิลฮุลกล่าวลาเสียงสดใสพลางโค้งให้อย่างสุภาพ
“ พี่ว่าไม่ต้องไปเยี่ยมพี่หรอก ไปหาเจ้าเพื่อนบ้าของพี่ยังดีซะกว่า” ชางซอบอดแซวน้องไม่ได้เรียกเอาใบหน้าหวานนั้นขึ้นสีเรื่อทันที
“ แหมๆ พอหายป่วยล่ะป่วนคนอื่นไม่เลือกเลยนะชางซอบ นายนี่มันน่าจะจับนอนโรงพยาบาลนานๆซะให้เข็ด” ซึงฮอนเดินมาช่วยเก็บของหลังจากที่แขกออกไปแล้ว
“ นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไรน่ะซึงฮอน ฉันไม่ยักกะรู้เลย” ชางซอบเอียงคอมองเพื่อนอย่างสงสัย ก็ซึงฮอนต้องไปดูโรงงานต่างเมืองจึงไม่รู้ว่ากลับมาเมื่อไร
“ ฉันกลับมาเมื่อเช้านี่แหละก็เลยได้รับโทรศัพท์จากพี่จีฮุนให้มารับนาย” เพียงแค่ได้ยินชื่อชายหนุ่มใบหน้าหวานก็หมองลงเล็กน้อย แต่ซึงฮอนไม่ทันได้สังเกตเนื่องจากนั่งหันหลังเพื่อเก็บของให้ชางซอบอยู่
“ พี่จีฮุน...เขาไปไหนเหรอ” ไม่ใช่ว่าไม่อยากได้ยินชื่อแต่แค่เพียงนึกถึงมันก็ทำให้ใจร่างเล็กรู้สึกโหวงแปลกๆ
“ พี่จีฮุนบอกว่าเขาจะไปทำงานที่ยุโรปสักพักน่ะ ตอนนี้นายก็อยู่ในความดูแลของฉันนะ เพราะฉะนั้นฉันจะดูแลนายเอง โอเค๊? ” ซึงฮอนหันมาทำมือเป็นสัญญาณโอเคชางซอบจึงยอมพยักหน้าตอบกลับไป แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้ภายในใจของเขามันเต้นแปลกๆซะแล้วทั้งๆที่เจ้าตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร มันรู้สึกโล่งใจรึว่ารู้สึกใจหายกันแน่
“ นายอยากไปเดินเล่นหาอะไรกินก่อนกลับมั๊ย” ขณะที่ขับอยู่ซึงฮอนก็ถามออกมา
“ ก็ดีเหมือนกันนะ ฉันอยากสูดอากาศสักหน่อย” ชางซอบมองออกไปนอกหน้าต่าง ความรู้สึกคุ้นๆนี้มันอะไรกัน รถยนต์จอดในย่านร้านค้าที่สำคัญของวัยรุ่น ทั้งคู่เดินลงมาสูดอากาศด้วยกัน เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด วัยรุ่นจึงค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษและด้วยส่วนสูงอันโดดเด่นของซึงฮอนจึงเป็นจุดสนใจได้ไม่ยาก
“ นายนี่ฮอตชะมัด ดูสิเดินผ่านใครๆก็ต้องมองเหลียวหลัง” ชางซอบเอ่ยแซวขึ้นมาเมื่อเดินมาด้วยกันได้สักพัก
“ ช่วยไม่ได้นี่นา ก็ส่วนสูงเป็นเหตุนี่” ถึงจะอ้างส่วนสูงแต่ชางซอบรู้ดีว่าซึงฮอนมีดีมากกว่าส่วนสูงเสียอีก เขามีทั้งใบหน้าที่ยามยิ้มก็น่ารัก ยามสงบก็หล่อขรึมแถมหุ่นยังสมส่วนเสียอีกไม่ใช่สูงเพียงอย่างเดียว ชางซอบสะบัดศีรษะไล่ความคิดออกไป เอาล่ะไหนๆวันนี้ก็ได้พักผ่อนแล้ว ขอเที่ยวให้ชุ่มปอดเลยแล้วกันเขากับซึงฮอนก็ไม่ได้ออกมาด้วยกันนานแล้ว ทั้งคู่เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น ไม่ว่าซึงฮอนจะลองเสื้อร้านไหนก็ดูดีไปหมดจนน่าอิจฉา ส่วนตัวเขาน่ะเหรอก็ได้แต่เสื้อผ้าที่น่ารักๆมาแทน
“ พักหน่อยแล้วกันนะ” พูดจบซึงฮอนก็ถือวิสาสะจูงมือชางซอบเข้าไปในคาเฟ่แห่งหนึ่ง ร่างสูงรู้ดีว่าชางซอบชอบดื่มอะไรจึงสั่งโดยที่ไม่ต้องถามใดๆทั้งสิ้น จากนั้นทั้งคู่ก็มานั่งดื่มด้วยกัน
“ ฮ้า...สดชื่นชะมัด ทำไมนายไม่ดื่มน้ำผลไม้แบบนี้นะ ดื่มแต่กาแฟดำขมจะตายไป” ซึงฮอนบ่นกระปอดกระแปด เขาจะรู้มั๊ยนะว่าลักยิ้มสองข้างแก้มนั้นน่ะเป็นตัวเรียกสายตาคนมองได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ ชางซอบเผลอเอามือท้าวคางแล้วจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้น ผมสีคาราเมลยามต้องแสงอาทิตย์มันยิ่งช่วยขับให้ใบหน้าขาวนั้นยิ่งผ่องมากขึ้น ใบหน้าเรียวยาวรูปไข่มักจะแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นสำหรับเขาเสมอ ฝ่ามือที่สอดประสานกันนั้นแลดูเป็นฝ่ามือที่อบอุ่นยามประสานกัน ชางซอบเผลอมองอย่างใจลอยจนต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจ้าของใบหน้าที่โดนจ้องมองยื่นเข้ามาใกล้
“ จ้องฉันทำไมน่ะชางซอบ นายหลงเสน่ห์ฉันแล้วเหรอไง” ซึงฮอนยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะยอมถอนหน้าออกไปพลางหัวเราะเบาๆ ใบหน้าหวานขึ้นสีเรื่อเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าได้ทำสิ่งที่ไม่ควรทำลงไป
“ ฉันเหนื่อยแล้วน่ะ เรากลับกันเถอะ” พูดจบชางซอบก็หยิบแก้วกาแฟแล้วเดินนำออกมาทันที ใครจะไปบอกกันว่าเผลอมองใบหน้านั้นจริงๆ ทำไมกันนะเพียงแค่ได้ยินชื่อของอีกคนก็ทำให้ใจเต้นแปลกๆแล้ว แต่กับคนที่อยู่ข้างๆแบบนี้กลับไม่รู้สึกอะไรทั้งๆที่เขาออกจะมีเสน่ห์ขนาดนี้ ชางซอบจึงได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองในใจ รึว่าเราควรจะเรียบเรียงความคิดใหม่สักที
______________________________________________________________________________________________
ความคิดเห็น