ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTOB Fiction] Memory of Heart จะรักกันได้ไหม?ถ้าหัวใจยังไม่ลืม...

    ลำดับตอนที่ #31 : MEMO 30 : Ma Baby Boo (PenJae)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 251
      3
      17 ก.ย. 56



     

    MEMO 30 : Ma Baby Boo

    Sungjae Part

    ฮึบ....ฮึบ.....ฮ่า

    “ สำเร็จ” ร่างสูงของใครบางคนพูดกับตัวเองพลางปาดเหงื่อที่ซึมออกมาตามไรผม ถ้าไม่ติดว่าเข้าบ้านทางประตูไม่ได้ ผมไม่ยอมเสียเหงื่อแบบนี้แน่ๆ หน้าต่างห้องนอนที่มักจะแง้มเอาไว้เป็นประจำเพื่อเป็นทางเข้าบ้านอีกทางซึ่งผมมักจะใช้บริการบ่อยๆ

     

    แอ๊ดดดด

    บานหน้าต่างค่อยๆแง้มออกอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้คนในบ้านตื่นขึ้นมา

     

    ตุบ....

    ผมกระโดดลงบนพื้นห้องอย่างปลอดภัย ภายในห้องปิดไฟมืดไปหมดจนผมต้องใช้ความเคยชินในการคลำทางไปยังโคมไฟหัวเตียง เนื่องจากผมทำงานพิเศษในคลับและแม่ผมไม่รู้เรื่องนี้จึงทำให้ผมต้องเข้าบ้านด้วยวิธีเสี่ยงๆแบบนี้บ่อยๆ มือผมค่อยๆคลำทางไปเรื่อยๆแต่เอ๊ะ...ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน

    หมับ....อึก

    ข้อมือผมโดนจับพลางพลิกไปข้างหลัง ปากผมโดนปิดสนิทด้วยมือข้างหนึ่งส่วนลำคอผมกลับสัมผัสได้ถึงวัตถุเย็นๆชิ้นหนึ่ง เพียงแค่นึกถึงก็ทำเอาผมไม่กล้ากลืนน้ำลาย นี่มันอะไรกันเนี่ย ขโมยขึ้นห้องผมรึยังไงกัน งั้นคุณแม่ล่ะ มันทำอะไรท่านรึเปล่านะ เหงื่อเย็นเริ่มซึมออกทางฝ่ามือ ผมยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้

    “ แกเป็นใคร ต้องการอะไร” ผมทำใจกล้าถามมันออกไปแต่กลับได้ยินกลับมาเพียงเสียงหัวเราะในลำคอ วัตถุเย็นเยียบลดระดับลงเมื่อรู้ว่าเหยื่อไม่คิดจะต่อสู้ ทันทีที่ซองแจรู้ว่าอาวุธของศัตรูออกห่างจากลำคอตัวเองแล้ว มือหนาก็จับข้อมือนั้นบิดอย่างแรงทันทีเพื่อให้อาวุธหลุดออกจากมือ ก่อนจะพลิกตัวคนที่อยู่ด้านหลังทุ่มลงบนพื้นสุดแรงพลางส่งเท้าไปกระทืบซ้ำลงกลางอก

    “ โอ๊ยยยย” เสียงทุ้มต่ำร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

    “ แกเป็นใคร ต้องการอะไร แกทำอะไรกับแม่ฉันรึเปล่า” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา มีเพียงแต่เสียงหัวเราะในลำคอ มันน่าหงุดหงิดชะมัด บอกตามตรงผมไม่ได้รู้สึกกลัวมันเลยสักนิดเพราะตัวผมเองก็พอจะเป็นศิลปะป้องกันตัวอยู่บ้าง ผมความหาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงเพื่อต่อสายหาใครบางคน เวลานี้คงต้องตามตำรวจอย่างเดียวสินะ

    “ รู้ไว้ซะว่าแกเล่นผิดคนแล้ว” เท้าผมกดลงบนร่างนั้นแนบไปกับพื้น ขณะที่ผมกำลังรอสัญญาณการติดต่อ เท้าข้างที่ว่างของคนร้ายบนพื้นกลับตวัดเตะขาผมจนล้มลงทำให้โทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือกระเด็นออกไป ร่างนั้นส่งตัวเองมาทับร่างผมพลางใช้แขนล็อคคอผมเอาไว้

    Tru….Tru….

    เสียงริงโทนคุ้นหูดังขึ้นใกล้ๆกับตัวผม นี่มันเสียงโทรศัพท์ของคนที่ผมกำลังโทรหานี่นา แล้วมันมาดังแถวนี้ได้ยังไง รึว่า.....

    พรึบ....

    ไฟหัวเตียงสว่างขึ้นทันทีแรงกดบริเวณลำคอหายไปแล้ว เมื่อปรับสายตาได้ก็สามารถมองหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน ชายผู้นั้นยังคงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน

    “ สนุกมากมั๊ยครับ พี่ดงกึน เล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้ รู้มั๊ยพี่ทำผมตกใจหมดเลยนะ” ผมดุออกไปอย่างหงุดหงิด ใจนึงก็โล่งใจที่มันไม่ใช่คนร้ายจริงๆ

    “ ยังเก่งเหมือนเดิมสินะ แต่พี่คิดว่าบางทีนายก็เปิดช่องว่างมากไป อย่างเมื่อกี้นายสามารถล้มพี่ได้แล้วแต่ก็เปิดช่องว่างให้ศัตรูโจมตีกลับได้ คนร้ายตัวจริงน่ะมันไม่ปล่อยให้เราได้ทำอะไรตามใจตัวเองได้นานหรอกนะ” ตกลงพี่ดงกึนมาอยู่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย คงไม่ใช่แค่จะมาสอนศิลปะป้องกันตัวตอนดึกเท่านั้นหรอกนะ

    “ ตกลงพี่เข้ามาที่ห้องผมดึกๆแบบนี้ทำไมกันครับ” ผมกล่าวอย่างเซ็งๆพลางทิ้งตัวลงนอนบนเตียง รู้สึกหมดแรงกับการต่อสู้เมื่อสักครู่

    “ เปล่าหรอก พี่เห็นว่าหน้าต่างห้องนายเปิดอยู่เลยแวะเข้ามาดู ตอนแรกคุณแม่จะเข้ามาปิดแล้ว แต่พี่รู้ว่านายจะมาก็เลยเข้ามาเปิดไว้ให้ก่อน ก่อนที่ลูกหมาบางตัวจะเข้าบ้านไม่ได้จริงๆ” พี่ดงกึนกล่าวทีเล่นทีจริง ซองแจบู้ปากอย่างขัดใจที่โดนเรียกว่าลูกหมา

    “ ผมไม่ใช่ลูกหมาสักหน่อย ถึงเข้าบ้านไม่ได้ บ้านพี่ก็ยังมีนี่ครับ” มือผมเริ่มถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกจากตัว พี่ดงกึนนอนลงบนเตียงอีกฝั่งพลางประสานมือรองศีรษะอย่างสบายๆราวกับเป็นบ้านของตัวเอง

    “ ใครบอกว่าพี่จะให้นายไปนอนได้กัน คอยดูนะคราวหน้าถ้ามาพี่จะปิดประตูล็อคหน้าต่างทุกบานเลย” ชายที่อายุมากกว่าว่าพลางหลับตาลง ซองแจย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ ตั้งแต่ผมบอกว่าชอบพี่ดงกึนออกไปผมก็รู้สึกว่าเราเข้าใกล้กันมากขึ้น พี่ดงกึนดูอ่อนโยนขึ้นแต่ก็ยังดุผมมากขึ้นเหมือนกัน ผมโยนแจ็คเก็ตลงบนพื้นก่อนจะส่งตัวเองไปยังเตียงอีกฝั่งเพื่อมองหน้าอีกคนให้ชัด แขนเรียวที่วางรองหัวเมื่อสักครู่ตวัดคว้าเอวบางเข้าหาตัวทำให้คนที่ยังไม่ทันตั้งตัวล้มทับทันที

    “ พี่ดงกึน ปล่อยนะครับ” ตอนนี้คนในอ้อมกอดหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกไปแล้ว

    “ กลับมาจากทำงานเหนื่อยๆก็ต้องการกำลังใจบ้างสิครับ ให้พี่ได้รึเปล่า” พี่ดงกึนมองสบเข้ามาในตาผมนิ่ง เล่นอ้อนอย่างนี้ใครจะไปต้านได้กันล่ะ

    จุ๊บ...

    ผมหลับตาลงพลางก้มลงจุมพิตริมฝีปากนั้น กำลังใจที่ดีที่สุดของพี่ดงกึนคือจุมพิตจากผม ถึงตอนแรกๆมันจะเขินที่ต้องทำแบบนี้แต่พอนานๆไปมันก็รู้สึกดีเหมือนกันแฮะ ผมผละออกมาใบหน้าร้อนผ่าว พี่ดงกึนเลียริมฝีปากอย่างชอบใจนัยน์ตานั้นเป็นประกายอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะพลิกตัวเองขึ้นมาคร่อมผมพร้อมกับจุมพิตลงบนหน้าผากผมแทน

    “ เหนื่อยมั๊ยครับ วันนี้ลูกค้าเยอะรึเปล่า” น้ำเสียงอ่อนโยนถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

    “ ก็ไม่เหนื่อยเท่าไรครับ ผมชินแล้ว ว่าแต่พี่เถอะ วันนี้เป็นไงบ้าง ภารกิจสำเร็จด้วยดีรึเปล่า” ผมมองสำรวจรอบตัวพี่ดงกึนว่าวันนี้เขาได้รับบาดแผลกลับมารึเปล่า งานของพี่ดงกึนเป็นอะไรที่เสี่ยงชีวิตตลอดเวลาเอาแน่เอานอนไม่ได้ ถึงผมจะเป็นห่วงเขามากเท่าไรก็คงไม่สามารถที่จะห้ามเขาได้อยู่ดี ผมรู้สึกโชคดีที่อย่างน้อยเราทั้งคู่ก็ได้สารภาพความในใจต่อกันก่อนที่อะไรๆมันจะสายเกินไป ผมล่ะไม่เข้าใจพวกปากแข็งเลยจริงๆ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกไปจนสุดท้ายตัวเองต้องมานั่งเสียใจ

    “ พี่จะมาบอกกับซองแจว่า อาทิตย์หน้าพี่ต้องกลับไปอเมริกา พอดีหัวหน้าส่งหน่วยของพี่กลับไปที่นู่น พี่ก็เลยอยากจะถามซองแจว่า ก่อนที่พี่จะไม่อยู่ซองแจอยากไปเที่ยวไหนมั๊ย พี่จะพาไป” พอพี่ดงกึนพูดออกมาแบบนั้นหัวใจผมกลับกระตุกวูบ ถึงเราจะเคยห่างกันมานานกว่านี้แต่ครั้งนั้นผมยังเป็นแค่น้องชายของเขา ตอนนี้ผมเป็นคนรักของเขาแล้วมันก็เลยรู้สึกโหวงๆพิกล ทำไมผมรู้สึกสังหรณ์แปลกๆแฮะ ผมรู้สึกเหมือนว่ากลับไปครั้งนี้พี่ดงกึนจะไม่ได้กลับมาง่ายๆ เพียงแค่คิดแค่นั้นก็ทำเอาผมถึงกับใจสั่น

    “ งานครั้งนี้มันยากมากเลยเหรอครับ ทำไมพี่พูดเหมือนจะไม่ได้กลับมาแบบนั้น” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ดงกึนมองหน้าคนรักด้วยสายตายากจะอ่านออก

    “ จะว่ายากก็คงยากแต่ก็คงไม่มีอะไรหรอกครับ อย่าคิดมากเลย นอนเถอะนะดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปไหนค่อยคิดกันอีกที” พี่ดงกึนพูดจบก็ทำท่าจะลุกออกจากเตียงแต่ติดที่ว่าแขนแกร่งถูกรั้งเอาไว้

    “ พี่ดงกึนจะไปไหนครับ” อยู่ดีๆซองแจก็งอแงเป็นเด็กๆขึ้นมา

    “ พี่ก็กลับบ้านสิครับจะให้พี่นอนที่ไหนล่ะ” ดงกึนตอบกลับด้วยความงงที่เห็นร่างเล็กมองเหมือนลูกหมาถูกทิ้งแบบนั้น

    “ พี่นอนกับผมที่นี่ก็ได้นี่ครับ อย่ากลับเลยนะ” ร่างบางจะรู้มั๊ยนะว่าการกระทำกับคำพูดแบบนี้มันเชิญชวนขนาดไหน ดงกึนถอนหายใจพรืดออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนพลางข่มอารมณ์บางอย่างลงแต่มันก็คงจะยากเต็มทีถ้าร่างกายของเขายังคงสัมผัสกับร่างนุ่มนิ่มนี่อยู่อย่างนั้น ซองแจผู้ไม่รู้อะไรเลยกลับทำเพียงนอนกอดคนรักพลางหลับไปโดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของตัวเองได้ทรมานใครบางคนเข้าแล้ว

     

    Peniel Part

    ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย กว่าผมจะข่มตาหลับได้ก็เกือบเช้ามืดแต่เจ้าตัวเล็กนี่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ยังคงนอนหลับอย่างสบายๆหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ ใบหน้าขาวๆริมฝีปากแดงเรื่ออย่างนี้ผมจะปล่อยไปให้คนอื่นได้ยังไงกัน ผมรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยเราทั้งคู่ก็ใจตรงกันและได้คบกันเร็วขึ้น ผมไม่สามารถเอาอะไรมาเป็นหลักประกันได้เลยในเรื่องงานของผม เพราะฉะนั้นผมจึงต้องการความรวดเร็วในการตัดสินใจ ผมจึงไม่ลังเลที่จะสารภาพรักออกไปและผลที่ได้รับกลับมามันก็ดีเกินคาด เจ้าตัวเล็กนี่ดูเหมือนจะเชื่อฟังผมมากขึ้นและแสดงความรู้สึกต่อผมมากขึ้น ผมเองก็รู้สึกใจหายเหมือนกันที่ต้องกลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่อเมริกา ถึงใจผมจะห่วงซองแจมากเท่าไรแต่ก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง งานชิ้นนี้มีความเสี่ยงสูงถึงมากที่สุด เพราะเรากำลังทำคดียาเสพติดข้ามชาติของพวกมาเฟียรายใหญ่ ผมไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีการประทะกันเกิดขึ้น ถึงจะเคยทำงานเสี่ยงๆมาหลายคดีแต่คดีนี้เป็นอีกหนึ่งที่ท้าทายและหน่วยงานของผมเป็นแนวหน้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมคิดว่าหน่วยเราจะได้รับมันเต็มๆ ผมจึงต้องการจะใช้เวลากับซองแจให้คุ้มค่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    “ ซองแจๆ ตื่นนะครับ เดี๋ยววันนี้เราออกไปข้างนอกกันนะ” ผมปลุกคนขี้เซาข้างตัวดูเหมือนร่างนั้นจะปรือตาขึ้นมาอย่างง่วงงุน ผมลุกออกจากที่นอนพลางจูบลงบนหน้าผากมนนั้นก่อนจะปีนหน้าต่างออกมาเพื่อกลับบ้านตัวเอง ดูแล้วเหมือนลักลอบคบกันยังไงยังงั้น

     

    “ อ่าว ดงกึนมาทานมื้อเช้าด้วยกันก่อนสิ” เสียงคุณแม่ทักขึ้นเมื่อผมเดินเข้าไปในบ้านเพื่อรับซองแจออกไปข้างนอก

    “ ครับแม่ แล้วซองแจล่ะครับ เขาตื่นรึยัง” ผมถามขึ้นทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจดีแล้ว ก็ผมเป็นคนปลุกเขาเองกับมือนี่นา

    “ สงสัยอาบน้ำอยู่มั้ง มานั่งรอตรงนี้ก่อนสิลูก” แม่ของซองแจดุนหลังผมให้นั่งลงบนโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้อยู่แล้ว

    “ แล้วดนกึนได้บอกน้องเรื่องจะไปทำงานรึยัง รายนั้นน่ะถ้าไม่บอกมีหวังงอนกันไปเป็นเดือนแน่ๆ” ผู้หญิงคนที่ผมนับถือเหมือนแม่ถามอย่างเป็นห่วง ผมบอกแม่ก่อนที่จะบอกซองแจเสียอีก

    “ อ่ะ...ข้าวต้มร้อนๆแม่ต้มเองเลยนะ อยู่นู่นไม่ค่อยได้กินอาหารดีๆใช่มั๊ยล่ะ งั้นก็กินเยอะๆนะ” ถึงแม้จะเป็นห่วงมากขนาดไหนแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนอกจากคอยดูแลด้วยความเป็นห่วงแบบนี้

    “ ขอบคุณครับแม่ ผมสัญญาว่าจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเลยครับ” ผมกล่าวพลางยืดหน้าไปหอมแก้มคนเป็นแม่เบาๆ แม่ตีแขนผมอย่างหยอกล้อ

    “ เดี๋ยวซองแจมาเห็นก็ได้งอนแม่ตายหรอก” แม่พูดทีเล่นทีจริง ความจริงเรื่องของเราสองคนแม่ก็รู้แล้วถึงตอนแรกจะตกใจแต่ท่านก็ยอมรับมันได้อย่างรวดเร็ว โดยให้เหตุผลว่าเราทั้งสองคนเป็นที่รักของท่าน ท่านคงเกลียดเราไม่ลงหรอก

    “ เมื่อกี่ดงกึนขโมยหอมแก้มแม่รึไง นี่แน่ะ” ว่าไม่ทันขาดคำซองแจก็เดินเข้ามาหอมแก้มแม่คืนบ้างแต่เป็นข้างเดียวกับที่ดงกึนหอมไป

    “ จริงๆแล้วเราไม่ได้อิจฉาพี่เขาหรอกใช่มั๊ย แค่จะมาลบรอยเมื่อกี้ก็เท่านั้นเอง เจ้าเด็กแสบนี่ มา...มานั่งกินข้าว” แม่พูดพลางลูบแก้มตัวเองเบาๆ ผมนั่งมองพลางยิ้มมุมปากให้กับร่างเพรียวนั้นทำไมผมจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กนี่ขี้หวงขนาดไหน กับแม่ก็ยังไม่เว้นเลย ซองแจทำเพียงยักคิ้วให้ผมอย่างกวนๆ

    “ เอาล่ะๆ กินเถอะ ว่าแต่วันนี้จะไปไหนกันเหรอ” แม่ตักข้าวเพิ่มให้ผมพลางถามขึ้น

    “ สวนสนุกฮะ” เด็กชายซองแจตอบเสียงใสทำเอาผู้ที่ไม่ได้วางแผนมาก่อนอย่างผมถึงกับเงิบเลยทีเดียว สวนสนุกนี่นะ ยังเป็นเด็กไม่เปลี่ยนเลยแฮะ ยุกซองแจ

     



     

    __________________________________________________________________________________________________

    ไม่ได้เขียนคู่เพนเจมานานแล้วเหมือนกันแฮะ ออกจะฝืดๆนิดๆ ถ้าไม่ถูกใจก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×