ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTOB Fiction] The Dormitory หอพักนี้มีแต่คน(น่า)รัก

    ลำดับตอนที่ #45 : Special : I’m sick 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 837
      4
      19 ก.พ. 56


     

    Minhyuk Part

    ติ๊ดๆๆ

    นาฬิกาปลุกแผดเสียงทำให้ผมต้องลุกขึ้นทั้งๆที่ปกติคนที่ปลุกผมจะเป็นอึนกวัง ผมลืมตาขึ้นพลางมองไปยังที่นอนข้างตัว อ่าว...เขาไปไหนนะ ทำไมตื่นเช้าจัง ผมลุกจากที่นอนเพื่อลงไปยังชั้นล่างของบ้าน

    แคกๆๆ

    เสียงไอของใครบางคนดังมาจากในครัว เรียกให้ผมเดินไปที่นั่น แผ่นหลังคุ้นตาสะเทิ้นขึ้นลงตามแรงกระแอมไอ

    “ ทำไมตื่นเช้าจังเลยอึนกวัง นาฬิกายังไม่ทันปลุกสักหน่อย” ผมเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าคนรัก เขาหันมามองผมด้วยใบหน้าซีดเซียว ตายล่ะ...เขาเป็นอะไรไปเนี่ย?

    “ ฉันรู้สึกไม่ดีเลยมินฮยอก มันคันคอไปหมด แคกๆ” พูดไปได้ไม่กี่คำอึนกวังก็ไอออกมาอีก ผมจึงยื่นมือไปทาบหน้าผากด้วยความเป็นห่วง ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา แต่ไอกับจามแบบนี้สงสัยคงหนีไม่พ้นเป็นหวัดแน่ๆ

    “ แล้วมาทำอะไรตรงนี้เนี่ย ทำไมไม่นอน” มินฮยอกแย่งหม้อออกจากมือที่คนรักถืออยู่

    “ ก็จะทำมื้อเช้าให้นายไง” อึนกวังยังตอบด้วยใบหน้าเซื่องๆ

    “ พอเลยๆ ห่วงตัวเองก่อนเถอะ แค่มื้อเช้าฉันทำกินเองได้น่า มานี่เลยมา” มินฮยอกทนไม่ไหวจึงจูงมืออีกคนกลับขึ้นห้องไป ก่อนจะจับให้เขานอนลง อึนกวังจึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย

    “ งั้นวันนี้ผมจะงดคลาสทั้งหมดเลยนะ วันนี้มีไม่เยอะด้วย คลาสฮยอนชิคก็ไม่มี คุณพักเถอะ” อึนกวังกับผมจะเหมือนกันอย่างนึงเวลาป่วย คือ ทั้งคู่ต่างอยากได้รับการดูแลที่อ่อนโยน เพราะฉะนั้นคำพูดที่ใช้พูดกันจึงจะไพเราะขึ้นเมื่อคนใดคนหนึ่งป่วย อึนกวังมองคนรักด้วยสายตารู้สึกผิดที่ทำให้อีกคนต้องลำบากไปด้วย

    “ อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นนะ ความเจ็บป่วยมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ วันนี้ผมจะดูแลคุณเองนะ งั้นเดี๋ยวผมไปต้มโจ๊กก่อน รอแปปนึง” ผมจับมือของเขามากุมไว้ก่อนจะผละออกไป

    เขายังคงไอไม่หยุด นั่นทำให้ผมยิ่งรู้สึกไม่ดีเพราะผมนึกเป็นห่วงเส้นเสียงของเขาน่ะสิ ผมเดินเข้าไปในครัว พลางมองซ้ายมองขวาไม่รู้ว่าจะเริ่มหยิบจับอะไรก่อนดี เอาวะ...ไหนๆก็ไม่มีใครทำละ อึนกวังเป็นหวัดคงจะไม่รับรู้รสสักเท่าไรหรอก ขอโทษนะอึนกวังที่ฉันต้องทำร้ายนายด้วยโจ๊กถ้วยนี้ ผมนึกขอโทษเขาในใจ ทำไงได้ล่ะก็ผมไม่เก่งซะเลยนี่ แต่แค่ต้มโจ๊กคงทำได้ล่ะ เอ้า...สู้โว้ย!!!

    เสียงก๊องแก๊งของเครื่องครัวกระทบกันดังไม่ขาดสาย คนป่วยไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าครัวของเขาจะเละขนาดไหน เพราะมินฮยอกก็เปรียบเสมือนซองเจเบอร์สองดีๆนี่เอง เขานึกอย่างปลงๆ

    เมื่อผมจัดการกับสิ่งที่ไม่ถนัดเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงยกมันขึ้นมาบนห้อง ดูเหมือนอึนกวังจะหลับไปแล้ว เขาคงจะเหนื่อยมากสินะ สองสามวันมานี้แทบไม่ค่อยได้พักเลยเพราะนักเรียนของเขาดันมีคอนเสิร์ตน่ะสิ เลยต้องซ้อมกันหนักหน่อย แต่มันก็นานมาแล้วนะที่ผมไม่ได้เป็นฝ่ายดูแลเขา เพราะตลอดเวลาอึนกวังจะเป็นคนดูแลผมมาตลอด

    “ อึนกวัง...อึนกวัง ตื่นขึ้นมากินโจ๊กหน่อยนะ” ผมเขย่าเขาเบาๆ อึนกวังมุ่นหัวคิ้วก่อนจะค่อยๆปรือตาขึ้น

    “ อืม...ผมไม่ค่อยอยากกินเลยอ่ะ” คนป่วยเริ่มงอแงจะนอนท่าเดียว

    “ ต้องกินนะ ไม่งั้นจะกินยาได้ไงล่ะ มา...ลุกขึ้น” ผมพยายามพูดอย่างใจเย็นพลางช่วยพยุงให้เขาลุกขึ้นนั่ง อึนกวังนั่งพิงหัวเตียงอย่างหมดแรงก่อนจะไอออกมาอีกรอบนึง มินฮยอกยกถ้วยโจ๊กขึ้นพลางเป่าไล่ความร้อน ก่อนจะส่งช้อนไปจ่อปากคนรัก แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมอ้าปากสักที

    “ อ้าปากนะคนดี...อ้ามมมมมม ถ้าคุณไม่กินก็ไม่หายนะ แล้วพรุ่งนี้จะสอนเด็กๆได้ยังไงล่ะ คุณอยากให้พวกเขาเสียโอกาสเหรอ อ้าปากนะครับ....อ้ามมมมม” ผมพยายามพูดราวกับกล่อมเด็กน้อยก็ไม่ปาน อึนกวังจึงยอมเปิดปากกินข้าวเพราะเห็นแก่เด็กนักเรียนที่รอคอยจะเรียนกับเขา

    “ มันอาจจะไม่อร่อยนะ แต่ผมคิดว่ามันคงกินได้ล่ะ ขอโทษนะที่ผมทำมันได้ไม่ดีพอ” มินฮยอกว่าตัวเองพลางวางถ้วยลงเพราะคงไม่อยากให้อึนกวังต้องฝืนกินมันอีกแล้วล่ะ แต่คนป่วยกลับคว้าถ้วยนั้นไปพลางตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว

    “ ใครบอกว่ากินไม่ได้ล่ะ มันอร่อยกว่าแต่ก่อนซะอีก คุณเก่งขึ้นเยอะเลยนะมินฮยอก” อึนกวังพูดพลางใช้ฝ่ามือร้อนไล้แก้มเนียนเบาๆ

    “ อย่าว่าตัวเองเลยนะ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมก็ชอบมันทั้งนั้นล่ะ เพราะผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ” พูดจบก็โน้มตัวขึ้นจูบหน้าผากสวย ทำเอากระรอกน้อยถึงกับหน้าแดงเลยทีเดียว

    “ ทานเสร็จแล้วใช่มั๊ย เดี๋ยวทานยาต่อนะ” พอผมพูดจบอึนกวังกลับปั้นหน้ายากขึ้นมาทันที สิ่งที่เราต่างกันเวลาป่วยก็คงจะเป็นนี่สินะ อึนกวังน่ะเป็นคนที่กินยายากสุดๆไปเลย

    “ ไม่กินได้มั๊ย มันขม” นั่นไง เขาเริ่มงอแงแล้วจริงๆ

    “ ไม่ได้...ถ้าคุณไม่กินก็จะไม่หายนะ” ผมไม่ยอมใจอ่อนเด็ดขาด ยังไงผมต้องบังคับให้เขากินยาให้ได้

    “ อย่าดุสิครับ นะ...มินฮยอก ผมไม่กินนะ” อึนกวังเกาะแขนผมพลางเขย่าไปมาราวกับเด็กๆอ้อนขออะไรบางอย่าง แต่ผมกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบ ก่อนจะหยิบยากับน้ำขึ้นมา

    “ งั้นก็ป้อนสิ” เมื่ออ้อนไม่ได้ผลก็ใช้ไม้นี้ซะเลย คำว่าป้อนของเขามันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ผมนิ่งไปนิดก่อนจะหน้าขึ้นสีเรื่อ สุดท้ายคงมีแต่วิธีนี้สินะ ผมนำยาเข้าปากตัวเองก่อนจะดื่มน้ำตามแล้วล็อกคอคนป่วยเข้ามาจูบทันที อึนกวังเบิกตาโพลงเพราะไม่คิดว่ามินฺยอกจะทำมันจริงๆ ลิ้นเล็กๆดันเม็ดยานั้นให้เข้าปากของอีกคน ถึงมันจะขมสักหน่อยแต่พอเจอกับริมฝีปากของอีกคน ความขมนั้นก็หายไปทันที เมื่อผมมั่นใจว่ายาเข้าไปในปากเขาแล้วจึงผละออกมา แต่มันติดอยู่ที่แขนแกร่งนั้นล็อกคอไว้น่ะสิ

    “ อื้ม...อื้ม” ถึงอึนกวังจะป่วยแต่พอโดนร่างบางจูบเข้าไป ก็ทำให้มีพลังขึ้นมาทันที เขาพลิกตัวให้คนแข็งแรงนอนอยู่ใต้ร่างคนป่วยซึ่งมันไม่เข้ากันซะเลย ก่อนจะกดจูบอย่างเร้าร้อนไม่ยอมปล่อยให้อีกคนเป็นอิสระ เขาผละริมฝีปากออกก่อนจะซุกไซร้ลงบนซอกคอขาว ผมพยายามดันเขาออกเพราะเขากำลังไม่สบายอยู่ ผมอยากให้เขาพักผ่อน แต่เอ๊ะ...ดูเหมือนการจู่โจมจะสงบลง ผมก้มลงมองปรากฎว่า เขาหลับไปแล้ว ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอนั้นเป็นหลักฐานอย่างดี

    “ เฮ้อออออ บทจะหลับก็หลับง่ายๆเลยนะ สมน้ำหน้า ชอบฝืนตัวเองดีนัก” ผมค่อยๆพลิกให้เขานอนหงายเป็นปกติพร้อมกับห่มผ้าห่มให้

    “ หายไวๆนะครับ เวลาคุณตื่นมาผมก็จะนั่งอยู่ข้างๆตรงนี้แหละ” พูดจบร่างบางก็จูบลงบนหน้าผากคนป่วยอย่างแผ่วเบา




     

    __________________________________________________________________________________________________
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×