ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTOB Fiction] The Dormitory หอพักนี้มีแต่คน(น่า)รัก

    ลำดับตอนที่ #33 : 32nd Floor : My Santaclaus

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 947
      5
      23 ม.ค. 56




     

    Ilhoon part

    “ อิลฮุลเลิกเรียนแล้วเจอกันที่สถานีรถไฟใต้ดินนะ พอดีพี่ทำงานที่สตูดิโอแถวนั้น แล้วเราไปกินข้าวเย็นด้วยกันนะ” พี่ฮยอนชิคอยู่ดีๆก็โทรมาบอกผมแบบนี้ วันนี้ผมมีครอสพิเศษสำหรับดีไซเนอร์ ก็เลยต้องออกมาข้างนอกท่ามกลางอากาศหนาวแบบนี้ เนื่องจากเป็นวันคริสต์มาสอีฟ ผมจึงเตรียมของขวัญไว้ให้พี่ฮยอนชิค ผมใช้เวลาเตรียมงานตั้งแต่ต้นเดือนผมจึงนำมันมาห่อของขวัญให้เขาทันเวลาพอดี นี่มันผ่านมากี่ปีแล้วนะที่ผมแอบชอบและได้คบกับเขาจริงๆ มันช่างนานเหลือเกิน ผมไม่คิดไม่ฝันเลยว่าคนที่ผมแอบชอบสมัยมัธยมจะได้มาเป็นแฟนกันจริงๆ เราบังเอิญพบกันที่สถานีรถไฟ วันนั้นฝนตกหนักมาก ผมยืนตัวสั่นเพราะออกไปจากชานชาลาไม่ได้ แต่กลับมีผู้ชายคนนึงเดินมาหยุดยืนข้างๆผมพลางยิ้มตาหยีให้ เขากางร่มออกพร้อมกับชวนผมให้เดินไปกับเขา ผู้ชายสองคนกางร่มไปด้วยกันใครมองก็ต้องว่าแปลกล่ะแต่เขากลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ผมเห็นกระเป๋าสะพายของเขาจึงรู้ว่าเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน เขาเป็นรุ่นพี่ผมสองปี ผมขอบคุณในความช่วยเหลือของเขาแต่เขากลับบอกว่าไม่เป็นไร เขายิ้มอย่างสบายๆก่อนจะยื่นร่มส่งมาให้ผม ผมมองมันอย่างงงๆ เขาบอกให้ผมเก็บเอาไว้ใช้ ก่อนจะวิ่งตากฝนไปเบียดกับเพื่อนที่เดินเข้ามาหน้าโรงเรียนพอดี นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมชอบพี่ฮยอนชิค เขาเป็นคนน่ารัก เฟรนลี่ มีน้ำใจ แต่บางครั้งก็สุขุมเป็นผู้ใหญ่ ยิ่งนานวันที่ผมเฝ้ามองดูผมก็ยิ่งชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมแค่ไม่แสดงออกเท่านั้นเอง จนกระทั่งพี่ฮยอนชิคเรียนจบ ผมจึงนึกเสียใจว่าอย่างน้อยผมควรจะได้บอกความรู้สึกนี้ไปถึงแม้มันจะดูแปลกๆก็เถอะเพราะเราต่างเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ ผมตั้งใจเรียนมากเพื่อที่จะสอบไปเรียนที่เดียวกันกับพี่ฮยอนชิค คราวนี้ล่ะผมจะไม่พลาดเด็ดขาด โชคชะตาหรือฟ้าลิขิตมิอาจทราบได้ที่ทำให้ผมบังเอิญเจอกับเขาบนรถบัสถึงแม้ว่ามันจะเป็นการเจอกันที่เจ็บปวดก็ตาม ( ย้อนกลับไปอ่าน 2nd Floor นะคะ ) แต่มันก็ทำให้ผมเจอเขาจนได้ เราลงรถที่เดียวกันและก็เป็นโชคดีอีกอย่างที่ได้เข้าพักหอเดียวกัน คริสต์มาสปีนี้ผมคงไม่ขออะไรแล้วล่ะ แค่มีพี่ฮยอนชิคเคียงข้างผมก็มีความสุขแล้ว ผมเดินไปนั่งรอพี่ฮยอนชิคที่สถานีรถไฟ ทำไมเขายังไม่มานะ นี่มันก็ดึกแล้วด้วย และที่สำคัญผมหิวมากเลย แต่เหนือสิ่งอื่นใดผมเป็นห่วงพี่ฮยอนชิคมากกว่า เขาจะเป็นอะไรรึเปล่านะ ทำไมยังไม่มาสักที รึว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ผมเริ่มร้อนใจกดโทรศัพท์หาเขาทันที

    “ เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ” เสียงผู้หญิงในโทรศัพท์ยิ่งแต่ทำให้ผมร้อนใจมากขึ้น เขาอาจจะทำงานก็ได้มั้ง แต่ว่าเขาไม่เคยปิดเครื่องนี่นารึไม่ก็จะโทรมาบอกก่อนทุกครั้งว่าจะมาช้า ผมเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ คนเริ่มบางตาลงทุกทีๆ ใจผมอยากไปตามหาแต่ก็กลัวว่าถ้าพี่ฮยอนชิคมาไม่เจอจะเป็นห่วงมากกว่าเดิม จึงได้แต่เดินวนไปวนมา หัวสมองเริ่มคิดไปสารพัด

    “ คุณครับ รถไฟเที่ยวสุดท้ายจะออกแล้วนะครับ” นายสถานีเดินมาบอกผมหลังจากที่เห็นผมนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว

    “ ไม่เป็นไรครับ ผมรอคนอยู่” ผมบอกปฏิเสธพลางนั่งลงที่เดิม

    “ อิลฮุล... อิลฮุล แฮกๆ” เสียงตะโกนเรียกปนเสียงหอบดังมาแต่ไกล พี่ฮยอนชิควิ่งลงมาจากบันไดพลางหอบแฮก ผมรีบลุกเข้าไปใกล้พลางกอดร่างนั้นเอาไว้ก่อนน้ำตาจะไหลออกมา

    “ คนบ้า..ทำไมมาช้านัก พี่ปล่อยให้ผมรอนานอย่างนี้ได้ยังไง โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ถ้าจะมาช้าก็น่าจะโทรบอกกันก่อนสิ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงแบบนี้” ผมทุบหน้าอกแกร่งนั้นพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย พี่ฮยอนชิครวบข้อมือผมไว้พลางกอดแน่น

    “ พี่ขอโทษนะอิลฮุลที่ปล่อยให้รอนานแบบนี้ โทรศัพท์พี่หายก็เลยติดต่อไม่ได้ อยู่ดีๆเพลงที่ทำไว้ก็เกิดมีปัญหาเลยต้องอยู่จนดึก หิวมากมั๊ย ตอนนี้คงมีแต่ราเมงรอบดึกแล้วล่ะ” ฮยอนชิคปาดน้ำตาข้างแก้มนั้นอย่างรู้สึกเป็นห่วง

    “ จะไปได้ยังไงล่ะ รถไฟเที่ยวสุดท้ายเพิ่งออกไปเมื่อกี้ แท็กซี่ก็เรียกยากแล้ว แล้วเราจะกลับกันยังไงล่ะ” อิลฮุลร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็กหลงทางที่ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี ฮยอนชิคจึงได้แต่กอดปลอบร่างอันสั่นเทานั้น

    “ ไม่เป็นไรนะครับ พี่อยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ พี่กลับไปเอารถที่บ้านมาไม่เจออิลฮุลก็เลยรู้ว่าอิลฮุลยังรอพี่อยู่ตรงนี้ หนาวมั๊ย มานี่มา” ฮยอนชิคดึงมือคู่เล็กมาประกบก่อนจะถูไปมาพลางเป่าลมอุ่นไปด้วย อิลฮุลค่อยๆหยุดร้องพลางมองการกระทำของคนรักไปด้วย

    “ พี่เหมือนซานตาครอสเลย ซานต้าที่นำความอบอุ่นมาให้ผม เป็นความรู้สึกเดียวกับเมื่อหกปีก่อนที่ผมยืนหนาวในชานชาลารถไฟแบบนี้ล่ะ” อิลฮุลยิ้มพลางเล่าให้คนรักฟัง ฮยอนชิคนิ่งไปนิดก่อนจะนึกอะไรออกได้

    “ อ่อ เด็กผู้ชายที่ยืนหนาวสั่นคนนั้นน่ะเอง ร่มพี่ยังอยู่มั๊ยนะ” คำพูดของเขาทำเอาร่างเล็กตาเบิกโพลง นี่เขาจำมันได้ด้วยเหรอเนี่ย มันนานมาแล้วนะแถมเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปุบปับไม่น่าจดจำอีกต่างหาก ฮยอนชิคดึงอิลฮุลมากอดแนบอกพลางพูดว่า

    Merry Christmas ครับ” เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนพอดี

    “ ซานตาครอสต้องมาวันคริสต์มาสสิครับ จะมาก่อนได้ไง” ฮยอนชิคพูดแหย่คนรักพลางยื่นกล่องของขวัญให้อิลฮุล ผมรับมันมาพลางมองหน้ายิ้มๆของเขาก่อนจะเปิดออกดู

    “ โห...นี่มันแพงมากเลยนะครับ พี่ไม่น่าลำบากซื้อให้ผมเลย” ผมมองกระเป๋าชุดตัดเย็บของดีไซเนอร์มืออาชีพอย่างทึ่งๆ

    “ ไม่เป็นไรหรอกครับ คริสต์มาสมีแค่ปีละครั้งเอง พี่อยากซื้อให้อิลฮุลนะ” คำพูดของเขาทำให้ผมนึกไปถึงของขวัญวันเกิดชิ้นแรกจากพี่ฮยอนชิค ( อยู่ใน 10th Floor นะคะ) รองเท้าคู่นั้นก็แพงใช่ย่อยเหมือนกัน

    “ พี่แค่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการสานฝันของอิลฮุล สู้ๆนะครับ มีเสื้อผ้าเป็นแบรนด์ของตัวเองให้ได้” เขาอวยพรผม ผมจึงยื่นของขวัญที่นำมาให้เขาบ้าง เขาแกะพลางยิ้มตาหยี

    “ เพราะว่าพี่เป็นโปรดิวเซอร์ พี่ต้องเจอกับคนเยอะแยะมากมาย ผมก็เลยอยากให้พี่มีเสื้อสวยๆใส่ไปเจอคนเหล่านั้น” อิลฮุลอธิบาย ฮยอนชิคพลิกเสื้อแจ็คเก็ตไปมา ‘ ILUNY ‘ (อิลลูนี่) พี่ฮยอนชิคมองหน้าผมอย่างตื่นเต้น

    “ เสื้อแบรนด์ของผมตัวแรกในชีวิต ผมตั้งใจทำมันให้พี่นะครับ”

    “ ที่อิลฮุลออกไปข้างนอกทุกวันเพื่อไปทำเจ้านี่น่ะเหรอ” ผมพยักหน้าช้าๆพี่ฮยอนชิคจึงกระโดดกอดคอผมอย่างดีใจ

     



     

    __________________________________________________________________________________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×