ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTOB Fiction] The Dormitory หอพักนี้มีแต่คน(น่า)รัก

    ลำดับตอนที่ #13 : 12th Floor : Friend

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.45K
      5
      21 พ.ย. 55


     


    Changsub Part

    “ เฮ้...ชางซอบตื่นได้แล้ว สายแล้วนะ” ผมได้ยินคำนี้จนชินหูทุกเช้า ก็เจ้าเพื่อนตัวดีชอบมากวนผมได้ทุกเช้าสิน่า ผมสามารถตื่นเองได้เมื่อถึงเวลา แต่เขาก็ไม่เคยยอมให้ผมทำแบบนั้นเลย ผมลองแกล้งหลับจะดูสิว่าเขาจะปลุกผมอย่างไร บ่อยครั้งผมมักจะโดนปลุกด้วยวิธีต่างๆ ฮยอนชิคช่างสรรหาวิธีได้ดีจริงๆเลย ทุกวิธีจะเริ่มด้วยการถลกผ้าห่มออกก่อนทุกครั้ง อย่างเบาสุดก็แค่ลากผมลงจากเตียงให้ไปนอนกองอยู่บนพื้นเย็นๆ แต่อย่างหนักก็ ถ้าไม่เอาน้ำสาดก็ลากผมไปที่ห้องน้ำซะเลย ถึงผมจะโดนแบบนี้แต่ก็ไม่ยอมตื่นหรอก ก็คนมันง่วงนี่นา หลายๆคนอาจจะมองว่าผมเป็นคนเฉื่อยชา แต่จริงๆแล้วไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมผมถึงได้นอนตลอดเวลา แต่ถึงผมจะนอนในห้องเรียนหรือที่สาธารณะ ผมก็สามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้อย่างดี ผมไม่เคยพลาดรถไฟหรือรถประจำทาง คะแนนสอบผมก็ติดท็อปไฟฟ์ตลอด สาเหตุที่ทำให้ผมนอนไม่พอน่ะเหรอ เพราะว่าผมทำงานพิเศษน่ะสิ ผมเล่นดนตรีตามเลาจ์ในโรงแรม ผมเล่นเปียโนกับร้องเพลง บางครั้งก็เล่นกลองรึไม่ก็ร้องแรพด้วย ส่วนมากจะทำตอนดึกๆยาวไปจนเกือบรุ่งสาง แต่หลักๆแล้วงานจริงๆคือเขียนเพลง คำร้องและทำนอง เพื่อนๆในวงที่ผมเล่นด้วยมักจะโยนหน้าที่นี้มาให้ผมแต่เพราะว่ารายได้มันดีหรอกนะ ผมถึงยอมอดหลับอดนอนทำน่ะ ความจริงฐานะที่บ้านไม่ได้ขัดสนอะไร แต่ผมแค่ไม่อยากแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้ไปวันๆน่ะ ผมถึงทำงานพิเศษตั้งแต่ผมสอบม.ปลายติด ช่วงแรกฮยอนชิคก็คัดค้านเนื่องจาก ผมพักผ่อนไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อการป่วย แต่ผมบอกว่าไม่มีปัญหา ผมนอนที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นล่ะ จากนั้นทุกครั้งที่ผมหลับเขาจะคอยนั่งข้างๆผมตลอด ผมไม่เคยให้เขาทำการบ้านให้ แต่เขาก็มักจะจดเลคเชอร์มาให้เสมอ ผมล่ะซึ้งใจจริงๆเล๊ยยยยย

          เช้านี้เป็นวันเกิดผมเพื่อนที่เลาจ์จึงจัดเลี้ยงให้ พวกเราอยู่กันยันสว่าง แต่ผมไม่ได้ดื่มหรอกนะ ผมดื่มแค่น้ำผลไม้เท่านั้นล่ะ ผมเดินทางกลับหอด้วยรถไฟใต้ดินรอบแรก เพื่อกลับไปให้ทันทุกๆคน

    “ อรุณสวัสดิ์ ชางซอบ ไปไหนมากลับยันเช้าเชียว” พี่อึนกวังที่กำลังทำอาหารอยู่กล่าวอย่างเป็นห่วง

    “ ไปธุระมาครับ ก็เลยค้างบ้านเพื่อนซะเลย” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ จริงๆแล้วผมไม่ได้อยากดูง่วงนอนแบบนี้นะครับ แต่การอดนอนมันทำให้ผมเป็นแบบนี้จริงๆ ผมจึงอยากจะเตือนทุกคนว่า กรุณาพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่งั้นผิวคุณจะเสียและเจ็บปวดแบบผม หน้าผมมันมากและมีสิวอักเสบขึ้นเยอะเลยล่ะครับ ถึงมันจะรักษาได้แต่ก็ใช้เวลาพอสมควร แถมค่าใช้จ่ายก็สูงด้วย แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่หนักเท่ามันเจ็บปวดหรอกครับ คุณคงไม่เข้าใจความรู้สึกใช่มั๊ย? ก็ลองนึกดูละกันว่า ถ้าเกิดมีสิวหัวช้างมาขึ้นที่โพลงจมูกจะรู้สึกยังไงน่ะครับ ผมล่ะทรมานมากๆเลย ผมก็เลยต้องหาเวลาหลับทุกครั้งที่มีโอกาส พวกคุณจึงเห็นผมหลับได้หลับดีนั่นเอง

    “ แล้ววันนี้มีเรียนมั๊ยล่ะ มากินข้าวก่อนมา ฉันเพิ่งทำเสร็จ อ้อ นี่ซุปสาหร่าย ฉันทำให้นาย เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดนาย ถึงฉันจะไม่ได้เตรียมอะไรให้แต่ก็อยากทำอาหารให้ล่ะนะ เซงิลชุคาฮัมนิดา ลีชางซอบ” พี่อึนกวังเป็นคนน่ารักแบบนี้เสมอ เขาเดินถือถ้วยซุปมาทางผม จริงๆแล้ววันเกิดผมมันก็แค่หนึ่งวันธรรมดา ไม่จำเป็นต้องหาของขวัญให้ผมเลย ผมอยากทำแค่กลับบ้านไปหาพ่อกับแม่เท่านั้น แต่เจ้าเพื่อนบ้ามันไม่ยอมหรอกครับ มันต้องกลับไปกับผมทุกครั้งสิน่า รึไม่ก็ต้องหาของมาให้ผมทุกปี

    Happy Birthday My friend” นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำโผล่มาโน่นละ

    “ สงสัยวันนี้ฝนจะตก คนอย่างชางซอบตื่นเช้าได้เนี่ย เมื่อเช้าฉันเข้าไปที่ห้องนายกะจะเซอร์ไพร แต่ก็แป้กเพราะนายดันไม่อยู่” ฮยอนชิคทิ้งตัวลงนั่งข้างผม พลางเอามือมากอดคอผม ถึงผมจะอายุมากกว่าเขาแต่ก็ดูจะไร้ประโยชน์ซะจริงๆ

    “ ฉันไม่ได้ตื่นเช้าหรอก แต่ฉันยังไม่ได้นอนเลยต่างหาก” ผมกล่าวอย่างเซ็งๆพลางตักซุปเข้าปาก

    “ เอ้อ...ฉันมีอะไรจะให้นาย อยู่บนเตียงแน่ะ ไปดูนะ อ้อ...และฉันก็มีสอบคงกลับบ้านกับนายไม่ได้อ่ะ” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ จริงๆแล้วกลับบ้านคนเดียวก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่มีคนมาคอยกวนเวลาผมหลับ ผมเดินเข้าไปในห้องนอนกะว่าจะล้มตัวลงนอนสักหน่อย แต่มันดันถูกแทนที่ด้วยไม้กระดานติดล้อแผ่นหนึ่ง ที่สำคัญมันสวยมากเลยรุ่นใหม่ล่าสุดด้วย และที่แน่ๆราคามันไม่ใช่เบาๆเลยล่ะ เจ้าฮยอนชิคนี่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายจริงๆ ผมจับเสก็ตบอร์ดพลิกไปพลิกมา ยิ้มอย่างชอบใจ ฮยอนชิคนี่ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลยจริงๆ เขารู้ใจผมไปซะทุกเรื่อง ทำไงได้ล่ะก็เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆนี่ เราก็เลยเปรียบเสมือนพี่น้องกันซะแล้ว ผมเปลี่ยนใจไม่นอนแล้ว ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋ากลับบ้าน ผมอยากกลับไปลองเจ้านี่เร็วๆ เพราะที่บ้านของผมเปิดเป็นสนามกีฬาเอ็กซ์ตรีมให้เช่า ผมก็เลยชอบกีฬาผาดโผนมาตั้งแต่เด็กๆ

          การตื่นเช้ามันดีอย่างนี้นี่เอง อากาศสดชื่นแถมผู้คนไม่พลุกพล่านเท่าช่วงสายๆ ผมนั่งรถไฟกลับบ้านด้วยจิตใจสงบก่อนจะหลับตาลง จุดหมายปลายทางคือสุดสายของรถไฟสายนี้ ผมจึงได้หลับยาวอย่างที่ต้องการ เมื่อมาถึงบ้าน น้องสาวเป็นคนเปิดประตูให้ ปีนี้เธอก็ดูโตขึ้นนิดหน่อย ใบหน้าวัยเยาว์เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ผมก็ได้แต่หวังว่าเธอจะเป็นเด็กดี มีสุขภาพแข็งแรง เรียนหนังสือเก่งๆ และรู้จักเลือกที่จะคบคนดีๆ เธอยิ้มกว้างเมื่อเห็นผมยืนอยู่หน้าประตูบ้าน

    “ แม่คะ พี่ชางซอบกลับมาแล้วค่ะ” เธอตะโกนเรียกแม่ สงสัยคงอยู่ในครัว

    “ วันนี้ไม่มีเรียนเหรอเรา ฮึ ถึงออกมาเปิดประตูรับพี่ได้เนี่ย” ผมกล่าวพลางลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู

    “ วันนี้โรงเรียนหยุด แม่ก็เลยจ้างครูมาสอนพิเศษที่บ้านค่ะ แต่จริงๆแล้วหนูอยากเรียนกับพี่มากกว่า” เจ้าน้องสาวบอกอย่างอ้อนๆ

    “ เรียนกับครูน่ะดีแล้ว เมื่อคืนยังไม่ได้นอนเลยกะว่าจะพักผ่อนสักหน่อย” ผมเดินนำน้องสาวเข้าบ้าน

    “ พี่ซื้อบอร์ดใหม่เหรอคะ สวยจังเลย ท่าทางจะแพงนะนั่น” ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่ชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีม น้องสาวผมก็ชอบเหมือนกัน แต่เธอจะชอบขี่จักรยานมากกว่า ผมล่ะไม่อยากให้เธอเล่นจริงๆ เพราะมันเป็นกีฬาที่อันตรายไม่เหมาะกับผู้หญิงเลยสักนิด แต่เนื่องจากที่บ้านเราเปิดเป็นสนามกีฬาให้เช่า พวกเราก็เลยได้ฝึกมันตั้งแต่เล็กๆจนชิน

    “ สวัสดีครับคุณแม่ ผมคิดถึงคุณแม่จังเลย” ผมเดินไปกอดแม่จากทางด้านหลัง ผมรู้สึกว่าท่านตัวเล็กลงอีกรึเปล่านะ

    “ สวัสดีลูก สุขสันต์วันเกิดนะ” แม่หอมแก้มอวยพรวันเกิดให้ผม ผมจึงได้แต่ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เกิดมาเป็นลูกแม่

            ตกบ่าย หลังจากที่ผมได้นอนเต็มอิ่มแล้ว ผมเดินลงมาจากห้องนอนผ่านห้องของน้องสาว ได้ยินเสียงเปียโนและเสียงหัวเราะคิกคัก สงสัยเธอคงกำลังเรียนพิเศษเป็นแน่ ผมจึงเดินผ่านไปไม่อยากรบกวนเธอน่ะ ผมได้ยินเสียงหัวเราะบริเวณห้องนั่งเล่น แม่มีแขกรึไงนะ ท่าทางคุยกันถูกคอเชียว ผมจึงลองโผล่หน้าเข้าไปดู ก่อนจะชะงักเล็กน้อย

    “ ฮยอนชิค นายมาได้ไงน่ะ ไหนบอกมีสอบ” ผมถามไปอย่างงงๆเมื่อเห็นเจ้าเพื่อนตัวดีนั่งดื่มน้ำชาพลางนั่งคุยเล่นกับแม่

    “ ก็สอบเสร็จก็นั่งรถมาไง ฉันบอกนายว่าคงไม่ได้มากับนาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มาสักหน่อย อีกอย่างฉันคิดถึงแม่กับคุณป้าใจจะขาดอยู่แล้ว” ฮยอนชิคนั่งสบายๆราวกับอยู่บ้านตัวเอง เห็นแล้วมันน่าถีบตกโซฟาจริงๆ

    “ แล้วนายจะไปไหนน่ะ” ฮยอนชิคถามขึ้นเมื่อเห็นผมเตรียมตัวจะไปข้างนอก

    “ ว่าจะไปลองเจ้านี่หน่อยน่ะ ขอบใจนะ ถูกใจมากเลยล่ะ” ผมพูดพลางชูเสก็ตบอร์ดที่เพื่อนซื้อให้ พอพูดถึงเสก็ตบอร์ดความง่วงหายเป็นปลิดทิ้งเลย

    “ งั้นฉันไปด้วย คุณป้าครับขอบคุณสำหรับขนมนะครับ”

    “ อย่ากลับค่ำนะลูก แม่จะทำอาหารรอ วันนี้พ่อเค้าก็จะมาฉลองด้วย”

    @ Extreme stadium

    “ วันนี้คนเยอะแฮะ กิจการบ้านนายนี่ดีเนอะ ใช้ที่ดินเปล่าๆที่ถ้าสร้างบ้านก็ได้แค่หลังเล็กๆมาทำสนามซึ่งทำรายได้มากกว่า พ่อนายนี่เป็นคนมองการณ์ไกลชะมัด” ฮยอนชิคกล่าวชมพ่อผม แต่จริงๆแล้วท่านสร้างมันขึ้นเพราะความชอบส่วนตัวในสมัยหนุ่มๆ ไม่เกี่ยวกับรายได้อะไรเลย ผมเลื่อนเสก็ตบอร์ดไปทั่วสนาม บาลานซ์มันดีจริงๆเลย หมุนซ้ายหมุนขวาก็ง่าย แถมน้ำหนักก็ไม่เบาและไม่หนักจนเกินไป

    “ ชอบมั๊ยล่ะ กว่าฉันจะหาซื้อได้ตั้งนานเลยนะ ฉันเห็นอันเก่าของนายมันเก่าแล้ว ไม่อยากให้นายเอามาเล่นน่ะ มันอันตราย” ฮยอนชิคกล่าวอย่างเป็นห่วง

    เราสองคนเล่นอยู่ที่นั่นจนเย็น มันทำให้ผมนึกถึงสมัยก่อน ที่เราจะมาเล่นด้วยกันจนลืมเวลาแล้วแม่ก็มาตามเราที่สนามจริงๆด้วย ถึงปีนี้ผมจะอายุมากขึ้นอีกปี แต่แม่ก็ยังเห็นผมเป็นเด็กอยู่ดี ส่วนฮยอนชิคก็จะยังคงอยู่เคียงข้างผม ถึงแม้ว่าเค้าจะมีอีกคนอยู่เคียงข้างกายแล้วก็ตาม แต่เขาไม่เคยลืมเพื่อนคนนี้เลย ผมจึงสามารถพูดได้เต็มปากว่า “ เพื่อนดีๆแบบนี้คงหาที่ไหนไม่ได้แล้วล่ะ”

     

    ____________________________________________________________________________________________________________

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×