คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 7th Floor : ความสัมพันธ์ที่สั่นคลอน
เช้านี้ผมลงมาจากห้อง ก็เจอกับจอง อิลฮุลนั่งกินข้าวอยู่ก่อนแล้ว ว้าว ชุดนักศึกษาใหม่ เท่ชะมัด ชุดก็เหมือนกันพวกพี่ๆนั่นล่ะ แต่เน็กไทเป็นสีแดงเลือดหมู เขาดูโตขึ้นเยอะเลยล่ะ ผมน่ะอิจฉาเขาชะมัด
“ ว้าว พี่อิลฮุลดูโตขึ้นมากเลยครับ ผมเองก็อยากใส่แบบนี่บ้างจัง” ผมมองอย่างชื่นชมพลางเลื่อนเก้าอี้นั่งข้างอิลฮุล
“ นายก็ตั้งใจเรียน แล้วลองสอบดูบ้างสิ อาจจะผ่านก็ได้นะ ฉันช่วยติวได้” อิลฮุลเสนออย่างมีน้ำใจ
“ Good morning everyone” เสียงทักสดใสดังมาจากคนที่ลงบันไดมา
“ Wow Ilhoon, you look so cool” พีเนียลกล่าวชม เมื่อเห็นชุดนักศึกษาของอิลฮุล
“ อิลฮุลน้อยเมื่อวาน วันนี้โตเป็นผู้ใหญ่ซะแล้ว” ฮยอนชิคเดินตามหลังพีเนียลมากล่าวชมบ้าง
“ ขอบคุณครับ พอเถอะครับ ผมเขินจะแย่อยู่แล้ว” อิลฮุลพูดพลางยิ้มแก้มแทบปริ
“ ทำไมวันนี้ข้าวกล่องเยอะจัง” มินฮยอกเดินมายังเคาท์เตอร์ในครัวซึ่งอึนกวังกำลังแพคลงกล่องอยู่
“ อืม จริงๆแล้วซองเจขอให้ฉันทำเผื่อพีเนียลด้วยน่ะ แต่ไหนๆก็ทำแล้ว เลยทำเผื่อทุกคนเลย” อึนกวังตอบอย่างอิ่มใจ
“ งั้น นายก็เหนื่อยหน่อยนะ มาฉันช่วยเอง” มินฮยอกจับมือคนรักไปกุมไว้อย่างให้กำลังใจก่อนจะช่วยจัดอาหารลงกล่อง
จุ๊บบบ
เนื่องจากมินฮยอกทำตัวน่ารักเกินเหตุ อึนกวังจึงขโมยจุ๊บแก้มไปทีนึง ซึ่งมินฮยอกทำได้แค่หันไปค้อน
“ ทำอะไรน่ะ อึนกวัง น้องๆก็อยู่กันเต็ม”
“ ก็มันอดใจไม่ไหวนี่ ใครบอกให้นายน่ารักล่ะ” อึนกวังพูดพลางเอามือมาบีบจมูกคนรักเบาๆ
“ พี่ๆอย่าสวีตกันแต่เช้าได้มั๊ยครับ ผมไม่อยากกินข้าวเที่ยงเลี่ยนๆน่ะ” ยุกซองเจ ซึ่งนั่งมองอยู่นานแล้วเอ่ยแซวขึ้น
“ นายอิจฉาใช่มะ ถ้าไม่อยากเลี่ยนก็หาคู่เร็วๆสิ” อึนกวังตอกกลับน้องไป เพราะเขารู้ว่าน้องชายตัวดีให้ตายยังไงก็ไม่รักใครง่ายๆหรอก เพราะเจ้าตัวน่ะช่างเลือกจะตายไป
เฮ้ออออออออ ผมล่ะเบื่อจริงๆ ทำไมพี่สองคนชอบมาสวีตต่อหน้าผมก็ไม่รู้ เมื่อไรผมจะมีคู่กับเขาสักทีนะ เพราะมองๆไปดูเหมือนพี่อิลฮุลจะสนใจพี่ฮยอนชิคอยู่นะ ก็ดูทั้งคู่สิ ผลัดกันตักอาหารให้กันอยู่นั่นล่ะ หมั่นไส้โว้ยยยย ซองเจตักอาหารเข้าปากด้วยความโมโหตัวเองในใจ ก่อนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่ามีคนจ้องมองอยู่
“ ทำไมซองเจชอบกินเลอะตลอดเลยนะ” พีเนียลพูดพลางเอามือมาเช็ดแก้มให้ผมอีกแล้ว ทำเอาผมแข็งทื่อ ก็การแสดงออกแบบนี้เราไม่ได้อยู่กันตามลำพังนี่นา พี่อึนกวังกับพี่มินฮยอกหยุดมือพลางมองมายังพวกเราสองคน ส่วนพี่อิลฮุลกับพี่ฮยอนชิคก็เหลือบมาเห็นพอดี ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่คนที่ทำให้มันร้อนกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อะไรเลย ก่อนที่เหตุการณ์มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ เสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น
“ วันนี้มีอะไรกินบ้างอ่ะครับ พี่อึนกวัง ฮยอนชิคทำไมนายไม่ปลุกฉันล่ะ ฉันเลยตื่นสายเลย” ชางซอบเดินเกาหัวลงมาจากชั้นสองของบ้าน บรรยากาศจึงกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
“ ก็มีข้าวต้ม ส่วนข้าวกล่องก็คิมบับกับซุปไข่” อึนกวังยื่นกล่องข้าวให้ชางซอบซึ่งเดินมาหยุดจ้องหน้าเพื่อน
“ อะไร?...ก็ฉันปลุกนายแล้ว นายไม่ตื่นเอง ช่วยไม่ได้นะ” ฮยอนชิคตอบกลับไปอย่างกวนประสาท
“ ใช่สิ...นายมีเพื่อนไปเรียนด้วยแล้วนี่ นายก็เลยไม่สนใจฉันใช่มั๊ยล่ะ” ชางซอบกล่าวอย่างงอนๆ
“ เอาน่า...คราวหน้านายก็หัดตื่นเองเถอะนะ จะได้ฝึกตัวเองด้วยไง กินข้าวเถอะ” อึนกวังเอาพูดหวังน้ำเย็นเข้าลูบ ชางซอบจึงทำได้แต่ส่งสายตาคาดโทษไปให้เพื่อน ซึ่งนานๆครั้งฮยอนชิคจะเห็นเพื่อนงอนสุดๆ
“ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายหรอกนะอิลฮุล อย่าคิดมากเลย” เมื่อฮยอนชิคพูดเมื่อเห็นคนข้างตัวหยุดกินข้าวกลางคัน อิลฮุลจึงค่อยๆตักข้าวเข้าปาก แต่กลับไม่เจริญอาหารเหมือนตอนแรก
“ เห็นมั๊ยล่ะชางซอบ น้องเลยกินข้าวไม่อร่อยเลย” ฮยอนชิคหันไปโทษเพื่อนซึ่งได้แต่มองกลับมาทางหางตาอย่างไม่แคร์
“ เอาน่าๆ กินข้าวเถอะนะ” อึนกวังซึ่งนั่งข้างๆชางซอบได้แต่ลูบหลังคนขี้งอนเพื่อปลอบใจ มื้อเช้าจึงจบลงด้วยบรรยากาศมาคุ แต่ที่แย่หน่อยก็คือทั้งห้าคนต้องนั่งรถไปเรียนด้วยกัน ส่วนผมกับพีเนียลก็นั่งรถไปด้วยกันสองคน
“ ผมว่าพี่อิลฮุลท่าจะแย่แล้วล่ะครับ ก็ดูพี่ชางซอบเขม่นซะขนาดนั้น” ซองเจคุยกับพีเนียลขณะที่ขับรถไปด้วย
“ ผมว่า พี่ชางซอบไม่น่าจะเป็นคนโกรธง่ายๆขนาดนั้นนะ เค้าอาจจะอยากแกล้งเพื่อนของเค้าก็ได้นะ” พีเนียลกล่าวอย่างผู้มองโลกในแง่ดี
“ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีน่ะสิครับ แต่จากลักษณะพี่เค้าสองคนงอนกัน ก็ไม่เหมือนเวลาพี่มินฮยอกงอนพี่อึนกวังเลยนะ จะให้คิดไปแบบนั้นก็คงไม่ได้ด้วย” ซองเจพูดอย่างวิเคราะห์สถานการณ์
“ อืม เค้าคงเป็นเพื่อนกันจริงๆนั่นล่ะ แต่บางทีพี่ชางซอบอาจจะรู้สึกใจหายก็ได้มั้ง ที่เพื่อนคนสำคัญของตัวเอง กำลังจะมีคนอื่นที่สำคัญกว่าตัวเองน่ะ” เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าคนพูดไม่ชัดคนนี้ก็พูดมีเหตุผลเหมือนกันแฮะ ทำให้รู้สึกว่าความคิดเขาโตกว่าผมไปเลย
“ เอาน่า...อย่าคิดมากเลย ไรจะเกิดมันต้องเกิดน่ะ” เมื่อพีเนียลพูดจบก็เอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ มันช่างอบอุ่นซะจริงๆ เมื่อมาถึงโรงเรียน ก่อนจะลงจากรถพีเนียลยื่นมือมาจับข้อมือผมไว้ ผมจึงหันกลับไปมองอย่าง งงๆ
“ ตั้งใจเรียนนะ ไม่ต้องคิดมาก แล้วก็เที่ยงมากินข้าวด้วยกันนะ ผมจะรอ” พีเนียลยิ้มอย่างอบอุ่นมาให้ผมพลางยื่นกล่องข้าวมาให้ รอยยิ้มของเขาชักทำให้ผมใจเต้นแปลกๆแล้วสิ ผมกระพริบตาปริบๆพลางดึงกล่องข้าวมาเก็บใส่กระเป๋า พยายามหลบสายตาอบอุ่นคู่นั้น หน้าผมเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆผมคงต้องรีบไปให้ไกลๆแล้วล่ะ ผมรีบเดินจ้ำพรวดออกมาโดยไม่พูดอะไรอีกเลย ส่วนพีเนียลก็ได้แต่ยิ้มมองส่งคนร่างสูงเดินจากไป
@ University [car park]
เมื่อจอดรถเสร็จทั้งอึนกวังและมินฮยอกต้องรีบไปเข้าห้องก่อน เพราะวันนี้ทั้งคู่มีสอบคอรัสคู่กัน ส่วนอิลฮุลต้องรีบไปรายงานตัว จึงเหลือเพียงแต่เพื่อนซี้สองคน
วันนี้ชางซอบเงียบผิดปกติ ซึ่งทุกทีถ้าไม่นอนก็จะกวนเขาแท้ๆ แต่วันนี้เจ้าเพื่อนตัวดีกลับนั่งเงียบมาตลอดทาง
“ เป็นอะไรไปรึเปล่าชางซอบ นี่นายโกรธเพราะฉันไม่ปลุกนายใช่มั๊ย โธ่....โตๆกันแล้ว นายเป็นฉันตั้งปีนึงนะ เรื่องแค่นี้คงไม่ต้องให้ฉันสอนหรอกน่ะ” ฮยอนชิคกล่าวพลางตบไหล่เพื่อนเบาๆ
“ เอามือนายออกจากไหล่ฉันเดี๋ยวนี้เลย เมื่อไรกันที่นายบอกว่าจะไม่ปลุกฉัน เมื่อไรกันที่นายจะเริ่มมองคนอื่น ฉันเป็นเพื่อนสนิทนายนะ ทำไมนายไม่บอกอะไรฉันบ้างเลยล่ะ ฉันเห็นสายตานายตอนนายมองอิลฮุลครั้งแรกฉันก็รู้แล้ว แต่นายกลับไม่เล่าอะไรให้ฉันฟังเลย มันน่าน้อยใจมั๊ยล่ะ” ชางซอบพ่นความในใจให้เพื่อนฟัง ชางซอบก็ดีตรงนี้ล่ะ ตรงที่คิดอะไรเขาก็บอกเพื่อนเขาจนหมด ทำให้ทั้งคู่สามารถปรับความเข้าใจกันได้เร็วขึ้น
“ โอเคๆ ก็ได้ ต่อไปนี้มีอะไรฉันจะเล่าให้นายฟังละกัน แต่เรื่องของอิลฮุลน่ะ ขอให้ฉันแน่ใจกว่านี้ก่อนนะแล้วฉันจะบอกนาย” ฮยอนชิคเมื่อรู้ว่าเพื่อนงอนเรื่องอะไร เขาก็สบายใจขึ้นมาบ้างเมื่อรู้ว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
“ ถ้ามีเรื่องอะไรที่นายปิดบังฉัน ฉันจะโกรธนายจริงๆด้วย ฉันไปเรียนละ” ชางซอบเมื่อได้ระบายความอัดอั้นตันใจไปก็ไปเรียนอย่างสบายใจ อยอนชิคจึงได้แต่ส่ายหน้าในความเป็นเด็กของเพื่อน
_________________________________________________________________________________________________________________
ความคิดเห็น