คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter : 6 ผมจะลบมันออกไปเอง...
Chapter : 6
ผมลืมตาขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย รู้สึกหนักๆบริเวณหน้าอก ผมเหลือบมองเห็นท่อนแขนของคนที่ช่วยผมเมื่อคืนพาดทับอยู่ ใบหน้ายามหลับช่างดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แต่พอตื่นขึ้นมาเท่านั้นล่ะ ปีศาจในคราบเทพบุตรดีๆนี่เอง ใบหน้าบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการทำงานและปัญหาที่เจอ ผมมองใบหน้านั้นสักพักก่อนจะลุกไปห้องน้ำ ผมเพิ่งสังเกตเห็นเสื้อผ้าที่สวมใส่ เพียงแค่เสิ้อเชิ้ตตัวเดียว ผมก็ใส่คลุมต้นขาจนเกือบถึงเข่าได้แล้ว ผมนี่มันจะตัวเล็กอะไรขนาดนี้เนี่ย มิน่าล่ะ ถึงโดนคนอื่นเขารังแกได้ง่ายๆ เมื่อมองรอยที่ต้นคอที่ผุดขึ้นมามากมายก็พาลนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเจอมา แค่นึกน้ำใสๆก็ไหลลงมา ผมมองความทุเรศและความอ่อนแอของตัวเองในกระจก ผมปล่อยให้น้ำชำระล้างคราบต่างๆออกไป หัวของผมขาวโพลนไปหมด ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกว่าน้ำที่ชะลงมาที่ตัวผมมีอุณหภูมิเท่าไร
ปัง....เสียงประตูเปิดเข้ามา ผมมองไปที่นั่นอย่างเหม่อลอย จนกระทั่งรู้สึกถึงแรงดึง ผมถูกดึงเข้าไปหาอ้อมกอด
นายจะบ้ารึไง!!! น้ำร้อนขนาดนั้น เดี๋ยวก็ลวกกันพอดี มีสติซะบ้างสิ!
เรจิจับผมเขย่าแรงๆ ผมจึงได้สติออกจากภวังค์ ผมจับแขนเรจิแน่นราวกับไร้เรี่ยวแรงและต้องการที่พักพิง เรจิพยุงผมไว้มั่น เขาเอาผ้ามาคลุมตัวผมก่อนจะพาออกไปจากห้องน้ำ เขาวางผมลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน
ดูสิเนี่ย...ลวกหมดเลย แดงเถือกเลย เรจิว่าพลางลูบคลำตัวผม มือของเขาไปหยุดและลูบรอยที่อยู่บนลำคอ เขามองมันอยู่นานและนิ่ง จนผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
ผมขอโทษนะ แล้วมันก็หลุดออกมาจากปากของเรจิ ผมได้แต่ งง? ว่าเขาขอโทษผมเรื่องอะไร
ขอโทษที่ผมไม่ดูแลยู ปล่อยยูต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เรจิพูดพลางดึงตัวผมเข้าไปกอด ผมจึงได้แต่ปล่อยโฮออกมา มือผมกอดเขาไว้แน่น
ฮึกๆ...ฉันขอโทษ...ฉันเชื่อคนง่าย แถมยังอ่อนแอสู้แรงมันไม่ได้อีก...ฮึกฮือๆ
” ผมพูดไปสะอื้นไปด้วย ดูเหมือนเรจิจะพยายามปลอบผม เขาตบหลังผมเบาๆ
“ นายแน่ใจนะ” เรจิถามเพื่อความแน่ใจ ผมพยักหน้าทันที วินาทีนี้ถ้าเป็นเรจิ ผมจะไม่เสียใจ
เรจิประกบจูบอย่างอ่อนโยนและเนิ่นนาน ก่อนจะผละให้ผมได้หายใจ แต่แปลกที่ครั้งนี้ผมรู้สึกพอใจ ใบหน้าผมแดงเรื่ออย่างที่เรจิเห็นบ่อยๆ
“ ผมเคยบอกแล้วนะ ว่าอย่าให้ใครเห็นใบหน้าตอนนี้” เรจิกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะซุกไซร้ลงมาบนลำคอระหง
“ อื้อ...” ผมเชิดหน้าขึ้นรอรับเรียวลิ้นที่ลากผ่านรอยที่สร้างขึ้นจากความเอาแต่ได้ของบุคคลนั้น
“ รอยพวกนี้ ผมจะลบมันเอง” เรจิพูดพร้อมกับจูบทับบนรอยเหล่านั้น
ช่องทางของผมที่ไม่เคยมีผู้ใดเข้ามามันเปิดรับเรจิเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาปฏิบัติกับผมอย่างนุ่มนวล อ่อนโยนและใจเย็น ตอนนี้ผมยอมรับได้เต็มปากเลยล่ะว่า ผมรักผู้ชายคนนี้สุดใจ
“...อื้อ...อ๊า...ฉัน...รัก...นาย...เรจิ...อึ๊ก” หลังจากที่ผมพูดออกไป ผมก็รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆที่ทะลักออกมาเปรอะหน้าท้อง มันช่างอบอุ่นและมีความสุข
“ อื้อ...ผมก็รักยู...อ๊า” เรจิกระตุกฉีดน้ำเข้ามาในตัวผม นั่นเป็นสิ่งที่บอกได้ดีว่าเราจะอยู่ด้วยกัน เรจิลงมานอนข้างๆผมอย่างเหนื่อยหอบ เขากอดผมไว้ข้างกาย กลิ่นหอมที่ผมคุ้นเคยอยู่ใกล้แค่เอื้อม
“ พักซักนิด แล้วค่อยไปหาอะไรกินกันนะ” เรจิพูดพร้อมกับกระชับกอดผมแน่นราวกับกลัวผมจะหายไป ผมจึงได้แต่นอนนิ่งๆและรับสัมผัสที่อบอุ่นที่ถ่ายทอดมาทั้งกายและใจ
ตกเย็น เราตกลงกันว่าจะซื้อของสดมาทำอาหารกัน เรจิกับผมจึงนั่งรถไปยังซูเปอร์มาเก็ต ตลอดทางเรจิกุมมือผมไว้ตลอด นั่นทำให้ผมได้แต่หน้าแดงแล้วมองออกนอกหน้าต่างรถ เราทั้งคู่ต้องปลอมตัวให้มิดชิด เนื่องจากเริ่มมีคนรู้จักผมบ้างแล้ว ก็เพราะนิตยสารเล่มนี้น่ะแหละ ที่ทำให้ผมไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย ผมเจอแค่นี้ยังว่าอึดอัด แต่เรจิล่ะ เค้าคงเจออะไรมาเยอะเลยเฉยชากับมัน ในเมื่อเรจิไม่สนใจ ผมก็จะพยายามไม่สนใจกับมัน เรจิจัดว่าเป็นคนเลือกวัตถุดิบได้ดีทีเดียว เขาทั้งเร็วและเลือกดี ทำเอาผมถึงกับไม่ต้องทำอะไรเลย
“ เรจิ ทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ” ผมถามออกไปพลางมองเขาเลือกผัก
“ อืม...ก็พอใช้ได้นะ ผมช่วยแม่มาตั้งแต่เด็กๆน่ะ” ถึงปากจะพูด แต่มือกับสายตาก็ยังวุ่นอยู่กับของตรงหน้า
“งั้น มื้อนี้ฉันเป็นลูกมือของเรจิดีกว่า ถ้าจะสู้ไม่ไหว” ผมพูดอย่างเสียดาย
“ ไม่ดีกว่า ผมอยากกินฝีมือยู เดี๋ยวผมเป็นลูกมือเอง นะนะ” เรจิอ้อนผมอย่างกับเด็กๆ ทำเอาผมถึงกับใจอ่อน รอยยิ้มและคำอ้อนพวกนี้ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นของผมคนเดียว
..................................................................
......................................................
......................................
.............................
..................
.........
..
“ เรจิ ล้างผักให้หน่อยสิ” ผมตะโกนออกมาจากในครัว เรจิซึ่งกำลังดูโทรทัศน์อยู่ลุกขึ้นเดินเข้ามาในครัว
“ นั่นน่ะ ล้างให้หมดเลยนะ” ผมพูดไปแต่ก็ไม่ได้เหลือบตามอง เรจิสวมผ้ากันเปื้อน ซึ่งมันดูไม่ค่อยเข้ากับเขาเท่าไร เขาเดินมาล้างผักอยู่ในอ่างข้างๆผม สีหน้าเขาดูจริงจังกับมันมาก ทำเอาผมหลุดขำออกมา
“ หัวเราะอะไรครับ” เรจิล้างผักเสร็จก็มากอดผมจากทางด้านหลัง
“ ก็ขำนายน่ะแหละ แค่ล้างผักถึงกับทำหน้าเครียดเชียว ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนั้น อุ๊ย ปล่อยนะ ฉันจะทำกับข้าว อย่าเพิ่งยุ่งสิ” สิ่งที่ผมพูดไป ดูเหมือนเรจิจะไม่ได้ฟัง เพราะเขามัวแต่ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆคอของผม ผมจำต้องปล่อยมือออกจากหม้อ แล้วมาตีที่แขนเรจิเบาๆ เรจิจับข้อมือผมไว้แน่น แล้วมองจ้องเข้ามานัยน์ตาของผม เขาปิดแก๊สแล้วเริ่มเข้ามายุ่งกับผมอย่างจริงจัง
“ นี่! เดี๋ยวก็ไม่ได้กินกันพอดี อย่ากวนสิ” ผมพยายามสลัดมือออกจากการจับกุม แต่ผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนเดิม
“ ก็ ผมไม่อยากกินข้าวแล้วนี่นา ผมอยากกินยูมากกว่า” เรจิพูดจบไม่วายมือก็อยู่ไม่สุข แกะผ้ากันเปื้อนออกจากตัวผม
“ รู้มั๊ย? ทำไมผมต้องล้างผักอย่างจริงจัง” เรจิกระซิบข้างหูด้วยเสียงทุ้มนุ่ม ทำเอาผมถึงกับหน้าแดงเรื่อ
“ ทำไมล่ะ” ถึงแม้ผมจะถูกจับไว้ แต่ก็ถามออกไปเพื่อถ่วงเวลา
“ ก็เพราะยูสวมผ้ากันเปื้อนแล้ว มันทำให้ผมอดใจไม่ไหวนี่นา” พูดจบเรจิก็ไซร้คอผมทันที
“ นี่เรจิ!ฉันหิวแล้วนะ อย่าเพิ่งกวนสิ นะนะ ไปรอข้างนอกก่อน ไหนบอกว่าจะช่วยไง ช่วยสร้างความวุ่นวายล่ะสิ ไปรอข้างนอกเลย” ผมพยายามใช้ลูกอ้อนที่มีทั้งหมดเพื่อให้เรจิไปรอข้างนอก
“ ก็ได้ เร็วๆด้วยล่ะ” เรจิพูดพลางปล่อยมือออกจากตัวผม แต่ก่อนที่จะออกไป เรจิก็จุ๊บลงมาที่ริมฝีปากผมอย่างรวดเร็ว ทำให้แทบตั้งตัวไม่ติด ก่อนจะเดินออกไป
“ ขอชิมก่อนแล้วกันนะ” เรจิหยุดตรงหน้าประตูแล้วหันมาขยิบตาให้ผม
“ คนบ้า เมื่อเช้ายังไม่พอรึไง” ผมพูดไป ใบหน้าก็ยังคงความร้อนอยู่อย่างนั้น”
…………………………..
…………….
………
….
..
“ เสร็จแล้วล่ะ เรจิ” ผมเรียกเรจิพลางจัดโต๊ะอาหารไปด้วย แต่ไม่มีวี่แววว่าเรจิจะเดินมา ผมจึงเดินไปยังโซฟาตัวที่เขานั่ง เรจิกำลังหลับปุ๋ย มองแล้วไร้พิษสง ผมจึงชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ คนอะไรก็ไม่รู้ ขนตายาวชะมัด แถมผิวยังสวยอีกต่างหาก ผมกำลังมองเพลินเรจิก็ลืมตาขึ้นมา เล่นเอาผมตกใจจนเผลอผงะถอยหลัง แต่ติดที่มีมือมาล็อกคอผมซะก่อน
“ คิดว่าจะได้มองผมฟรีๆเหรอ” เรจิไม่ว่าเปล่า เขากดจูบลงมาอย่างร้อนแรง ผมถึงกับเข่าอ่อนไปเลยที่เดียว แต่เรจิไม่ปล่อยให้ผมได้ลงไปนั่งกองกับพื้น เขาพลิกตัวแล้วจับผมกดลงไปบนโซฟา
“ แฮก.. เรจิข้าวเสร็จแล้ว ไปกินกันเถอะนะ” ผมพูดปนหอบ เมื่อเรจิถอนริมฝีปากออกไป
“ ผมอยากกินยูนี่นา เมื่อกี้ยังไม่อิ่มเลย” เรจิเลียริมฝีปากอย่างชอบใจ
“ คนบ้า เมื่อเช้ายังไม่อิ่มรึไง แต่ตอนนี้ฉันหิวแล้วนะ ไปกิน อุ๊บ” เรจิไม่ปล่อยให้ผมพูดจบเขาก็จู่โจมมาอีก
“ แฮกๆ ก็ได้ ไปกินข้าวก่อนนะ แล้วฉันจะยอมทุกอย่างเลย” ผมจำใจต้องพูดออกไปเพื่อให้เรจิปล่อยตัวผม
“ แน่นะ สัญญานะ” เรจิถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ ผมจึงได้แต่พยักหน้า เรจิยิ้มตาหยี มองแล้วน่ารักน่าหยิกชะมัด ก่อนจะถอนตัวออกไป เรจิก็ จุ๊บลงที่ปากผมอีกที
“ ไปกินข้าวกัน” พูดจบเรจิก็จับมือผมให้ลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะอาหาร ตลอดเวลาที่กินข้าว เรจิแทบจะไม่กวนผมเลย ผมชอบสีหน้าเวลาเขากินข้าวมากเลยล่ะ มันดูมีความสุข เหมือนเด็กๆเวลาเจอของถูกใจ
“ อร่อยจังเลย ทำให้ผมกินบ่อยๆนะ” เรจิพูดพลางตักข้าวเข้าปาก
“ เรจิชอบกินอะไรล่ะ เดี๋ยวฉันทำให้” ผมถามพลางมองเขากินข้าวอย่างมีความสุข
“ ทุกอย่างที่ยูทำ ผมชอบหมดเลย รวมทั้งตัวยูด้วย” นอกจากจะทำให้ผมดีใจแล้ว ก็เพิ่มอุณหภูมิให้ใบหน้าผมอีก เฮ้ออออออออ วันนี้ผมหน้าแดงไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย ผมเนี่ยอ่อนไหวง่ายชะมัด แต่ก็คงกับเรจิเท่านั้นล่ะมั้ง กับคนอื่นผมจะไม่ยอมให้ใครได้เห็นใบหน้าแดงๆของผมเป็นแน่...
ความคิดเห็น