คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : MEMO 3 : Lose Memory
MEMO 3 : Lose Memory
นี่ก็ผ่านมาร่วมสามเดือนแล้วที่น้องชายของผมไม่ร่าเริงเลย แม้แต่การแข่งรถที่เขาชื่นชอบก็ไม่คิดจะแตะต้อง ตอนนี้เขาเหมือนใช้ชีวิตผ่านไปวันๆเพียงเพื่อรอคนที่หลับไม่ได้สติในห้องนอนสำหรับแขกนั้นฟื้นขึ้นมา ใช่แล้วล่ะครับ หลังจากที่เราสืบหาครอบครัวของลีชางซอบก็ปรากฎว่า แม่ของเขานั้นเสียชีวิตไปแล้วเมื่อสามปีก่อน เขาใช้ชีวิตอยู่กับพ่อเลี้ยงตามลำพังจนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วที่ทั้งคู่แยกกันอยู่ ผมไม่สามารถติดต่อพ่อของเขาได้เลย จะมีก็เพียง ลิมฮยอนชิค เพื่อนสนิทของเขาเท่านั้นที่ผมสามารถติดต่อได้ โชคดีที่ชางซอบใกล้เรียนจบแล้ว วิชาที่เรียนจึงเหลือไม่มากนัก เหลือเพียงโปรเจคจบเท่านั้น จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนก็ได้ ผมย้ายชางซอบมาดูแลที่บ้านหลังจากที่ทางโรงพยาบาลบอกว่าเขาตกอยู่ในสภาพเจ้าชายนิทรา คงต้องรอเวลาที่จะฟื้นขึ้นมาเท่านั้นเอง
“ ซึงฮอน ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว วันนี้นายเฝ้าเขามาทั้งวันแล้วนะ” ผมบอกกับน้องชายต่างสายเลือดที่รู้สึกผิดว่าตัวเองเป็นคนที่ทำให้คนตรงหน้าตกอยู่ในสภาพนี้ พอเขามีเวลาว่างเมื่อไรเป็นต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องมา แบคซึงฮอน แทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ รถคันโปรดก็ไม่คิดจะขับมันออกไปไหนอีก ผมเห็นแล้วนึกเป็นห่วงสุขภาพจิตของเขามากกว่าสิ่งอื่นใด ซึงฮอนหันหน้ามามองผมพลางพยักหน้าหงึกๆอย่างคนหมดแรงก่อนจะเดินออกจากห้องนี้ไป ผมทิ้งตัวลงนั่งแทนที่น้องชายพลางกุมมือขาวซีดราวกับกระดาษ ผิวเหลืองไม่ได้ชุ่มชื้นเหมือนสมัยก่อน อาจจะเป็นเพราะเขาหลับไปเป็นเวลานานจึงทำให้ร่างกายค่อนข้างแย่ลง
“ ฟื้นขึ้นมาสักทีสิชางซอบ พี่มีเรื่องจะพูดกับซอบเยอะเลยนะ พี่อยากเห็นรอยยิ้มแบ๊วๆอีกสักครั้ง พี่อยากให้ซอบมากวนใจเหมือนทุกที รีบตื่นขึ้นมานะ” ร่างสูงกุมมือเล็กขึ้นแนบแก้มภาวนาต่อพระเจ้าขอให้ปาฏิหารย์มีจริง จนถึงทุกวันนี้น้องชายของเขาก็ยังไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เป็นผมเองแหละที่ไม่อยากบอกออกไป ผมทำไม่ดีกับร่างบางนี้ไว้มากทั้งๆที่เขาก็รักผมมากเหมือนกัน ผมมันเลวจริงๆ ถ้าวันนั้นผมไม่ปล่อยเขาออกไปเขาก็คงไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้หรอก
ปังๆๆ
เสียงทุบประตูห้องผมดังขึ้นในเช้าวันหนึ่ง มันน่าหงุดหงิดชะมัดคนจะหลับจะนอน ผมเพิ่งได้ล้มตัวลงนอนเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วเองนะ มันจะอะไรกันนักกันหนาเนี่ย ผมเลิกผ้าห่มขึ้นอย่างอารมณ์เสียเมื่อเสียงทุบประตูยังคงดังอยู่อย่างนั้น คอยดูนะถ้ามีเหตุผลไม่สมควรพ่อจะยิงทิ้งซะเลย
“ ว่าไง!!! มาทุบประตูเสียงดังแต่เช้า” เมื่อเปิดประตูห้องไปเจอหน้าน้องชายตัวดีที่มีสีหน้าตื่นๆมันจึงทำให้ผมต้องข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ ซึงฮอนไม่พูดพร่ำทำเพลงลากผมไปยังห้องสุดทางเดินทันที ห้องนี้มันเป็นห้องที่ชางซอบอยู่นี่นา เกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ? เมื่อคิดได้ความง่วงของผมพลันหายไปทันที ซึงฮอนดูกระหืดกระหอบและตื่นเต้นเป็นพิเศษ ผมไม่ได้เห็นสัญญาณแบบนี้มาเป็นเวลาหกเดือนแล้วนะ มันต้องมีอะไรแน่ๆ
เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปผมแทบล้มทั้งยืนเมื่อเห็นร่างซีดเซียวยังคงนอนนิ่งอยู่แต่เปลือกตานั้นเปิดขึ้นมาแล้ว ใบหน้าซูบค่อยๆหันมามองทางประตูที่เราสองพี่น้องยืนอยู่ช้าๆ นัยน์ตานั้นดูเหม่อลอย
“ นายรู้ได้ไงว่าเขาฟื้นแล้ว” ผมกระซิบถามคนข้างตัว ซึงฮอนสูดหายใจเข้าลึกๆข่มอาการตื่นเต้นก่อนจะเอ่ยปากตอบผม
“ เมื่อเช้า ตอนผมกำลังจะมาเยี่ยมเขา พยาบาลเดินมาบอกว่าเขารู้สึกตัวแล้ว ผมถึงรีบวิ่งไปปลุกพี่ไง” เราทั้งคู่ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เตียง แววตาที่มองมาทางเราดูนิ่งสงบไม่ตอบสนองต่อสิ่งใด
“ โทรบอกอาหมอรึยัง” ผมหันไปถามน้องชายอีกครั้ง เจ้าตัวทำได้เพียงพยักหน้าตอบกลับมา สายตานี่ไม่ละจากใบหน้าหวานซีดนั้นเลย
“ ไง...ฟื้นแล้วเหรอ รู้สึกยังไงบ้าง” ร่างสูงเอ่ยถามเสียงนุ่ม คนป่วยจึงทำแค่พยักหน้าช้าๆก่อนจะพยายามพูดอะไรออกมา แต่ไม่มีเสียงออกมาด้วย
“ อยากดื่มน้ำใช่มั๊ย?” น้องชายมองพี่ชายตัวเองที่อ่อนโยนผิดปกติ คนอย่างโนจีฮุนยากนักที่จะได้รับความอ่อนโยนจากเขา ซึงฮอนเก็บความสงสัยไว้ในใจพลางยื่นแก้วน้ำดื่มให้พี่ชายป้อนคนป่วย
“ เกิดอะไรขึ้น...กับผมเหรอครับ” เสียงแหบปร่าค่อยๆลอดออกมาจากลำคอเล็ก สองพี่น้องจึงต้องเงี่ยหูฟังใกล้ๆ
“ นายโดนรถชน...และ...หลับไปนานถึงหกเดือน” ซึงฮอนเป็นคนตอบคำถาม ร่างบางชะงักไปนิดก่อนจะถามต่อ
“ แล้วคุณเป็นคนช่วยผมเหรอครับ ขอบคุณมากนะครับ” มันไม่แปลกที่ร่างบางจะไม่รู้จักซึงฮอน แต่เป็นไปไม่ได้แน่ๆที่เขาจะไม่รู้จักร่างสูงนี้
“ นายจำได้มั๊ยว่าตัวเองชื่ออะไร” จีฮุนถามเพื่อความแน่ใจอะไรบางอย่าง
“ ผมชื่อ ลีชางซอบ” คำตอบของคนป่วยทำเอาร่างสูงถอนหายใจออกมา
“ นายมีเพื่อนสนิทมั๊ย เรียนที่ไหน ทำงานอะไรรึเปล่า” ร่างสูงยังคงถามอย่างตื่นเต้น คนป่วยนิ่งคิดสักพัก
“ ผมมีเพื่อนสนิทคนนึง ชื่อ ลิมฮยอนชิค ผมเรียนปีสี่ใกล้จบแล้ว ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในคลับของพี่อึนกวังกับพี่มินฮยอก” ร่างบางค่อยๆไล่สิ่งที่อยู่ในสมองออกมา
“ แล้วนายมีคนรักมั๊ย?” อยู่ดีๆซึงฮอนก็โพล่งออกมา น้องชายผมนี่ไวชะมัด เห็นน่ารักหน่อยไม่ได้ ร่างสูงพ่นลมหายใจอย่างขัดใจ แต่ก็แอบลุ้นเหมือนกันว่าอีกคนจะตอบอย่างไร ร่างบางนิ่งคิด คราวนี้คิดนานกว่าปกติจนร่างสูงรู้สึกใจคอไม่ดีเสียแล้ว
“ เอ่อ...ว่าแต่ พวกคุณเป็นใครครับ” อยู่ดีๆคนป่วยก็เปลี่ยนเรื่องพูดซะงั้น แต่เป็นการเปลี่ยนเรื่องที่ทำเอาผมลมแทบจับ ความรู้สึกราวกับโดนบางสิ่งบางอย่างหล่นลงมาทับตัว ผมรู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปในบัดดล ไม่ใช่แค่เขาไม่รู้จักซึงฮอนเท่านั้น แต่แม้แต่ผมก็กลายเป็นคนที่เขาไม่รู้จักไปซะแล้ว
ความคิดเห็น